Chapter 19.5-20 ตบเฉินจื่อเหยาให้หน้าหงาย! (อ่านฟรี)
กู้หนิงไม่สนใจเฉินจื่อเหยา แต่ในสายตาของเฉินจื่อเหยานั้นกู้หนิงเหมือนเป็นตัวตลก เธอเคยหัวเราะเยาะใส่หน้ากู้หนิงบ่อยๆและกู้หนิงก็ไม่ได้ตอบโต้เธอ
“ฉันคิดว่าบางทีเธออาจจะเก็บเงินได้ตามถนนล่ะมั้ง” เด็กสาวที่นั่งข้างเฉินจื่อเหยาพูดขึ้นพลางปิดปากหัวเราะ พวกเธอไม่เคยพลาดที่จะหาโอกาสล้อเลียนกู้หนิง
หยูหมิงซีที่นั่งอยู่อีกด้านประหลาดใจที่เด็กสาวกลุ่มนี้รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
เห็นสีหน้าหยูหมิงซีแล้วกู้หนิงก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี....
ไม่นานกู้หนิงก็สั่งอาหารเสร็จ
มันเป็นอาหารมื้อที่ดีที่สุดที่พวกเธอเคยทานในโรงเรียนมาตลอดหลายปี
“กู้หนิงมันไม่มากไปหน่อยหรอ?” หยูหมิงซีเอ่ยถามอย่างเกรงใจ กู้หนิงต้องจ่ายเงินไปเกือบสองร้อยหยวนสำหรับอาหารมื้อเดียว ถ้าทานที่โรงอาหารชั้นล่างเงินสองร้อยหยวนพอจ่ายไปทั้งสัปดาห์
“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง” กู้หนิงตอบพลางยักไหล่
หยูหมิงซีจึงหุบปากลงและไม่พูดอะไรออกมาอีก
“โอ๊ะ ให้ฉันดูสิว่าเด็กสาวยากจนสองคนนี้กินอะไรเป็นมื้อเที่ยง” เฉินจื่อเหยาลุกขึ้นและเดินมายังโต๊ะของกู้หนิง เธอเดาว่ากู้หนิงและหยูหมิงซีคงไม่มีเงินพอที่จะสั่งอาหารแพงๆมากิน
มีแต่เด็กสาวร่ำรวยเหล่านี้ที่ไม่มีอะไรทำจึงมักสนุกกับการล้อเลียนคนอื่น
นาทีที่เฉินจื่อเหยาเดินเข้ามา กู้หนิงหยิบบิลลุกขึ้นและเดินไปยังห้องครัว ทําเหมือนกับว่าเฉินจื่อเหยาเป็นเพียงอากาศธาตุ
เฉินจื่อเหยาโมโหขึ้นมา เธอเอื้อมมือไปคว้าบิลที่มือของกู้หนิง
แต่กู้หนิงไม่ปล่อยให้เธอทำสำเร็จ
กู้หนิงเบี่ยงตัวหลบ เฉินจื่อเหยาจึงคว้าได้แต่อากาศ เธอรู้สึกขายหน้าจึงตะคอกกู้หนิงเสียงดัง
“กู้หนิง แกกล้าเดินหนีฉันงั้นเหรอ!!”
เสียงตะโกนที่อัดแน่นด้วยความโกรธของเฉินจื่อเหยาเรียกความสนใจของนักเรียนที่อยู่บนโรงอาหารชั้นสอง
การที่กู้หนิงไม่สนใจเฉินจื่อเหยาก่อนหน้านี้เพราะเธอไม่ต้องการมีปัญหา แต่ดูเหมือนว่าปัญหามักชอบเข้ามาหาเธอเอง เห้อ.. เธอคงต้องเผชิญหน้ากับมันสินะ
กู้หนิงหยุดอยู่กับที่ มองตรงไปที่เฉินจื่อเหยา “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?”
เฉินจื่อเหยายืนนิ่งเหมือนคนโง่ เธอไม่คาดคิดว่ากู้หนิงจะถามเธอกลับ
ในสายตาของเธอกู้หนิงเป็นเพียงเด็กสาวยากจนและรันทด เธอสามารถรังแกกู้หนิงเมื่อไหร่ก็ได้และที่ไหนก็ได้เมื่อเธอต้องการ
แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป กู้หนิงกล้าต่อต้านเธอต่อหน้าทุกคน เฉินจื่อเหยารู้สึกอับอาย
“กู้หนิง!! แกมันก็แค่เด็กนักเรียนจนๆคนหนึ่ง แกไม่มีสิทธิ์ต่อต้านฉัน!!!”
“เป็นคนจนแล้วมันยังไง? มันใช่ธุระกงการอะไรของเธอ แล้วเธอก็ไม่มีสิทธิ์มายืนขวางทางฉัน!!” กู้หนิงตอกกลับไป เธอไม่ชอบเฉินจื่อเหยา
“แก..” เฉินจื่อเหยาหงุดหงิด
อันที่จริงเฉินจื่อเหยาไม่มีสิทธิ์ที่จะยืนขวางทางใคร ตอนนี้ทุกคนคิดว่าเฉินจื่อเหยาทำเป็นคนทำให้ตัวเองต้องอับอาย
เมื่อเห็นว่าคนอื่นมองมาอย่างไม่ชอบใจ เฉินจื่อเหยาโมโหมากขึ้นกว่าเดิม
เธอรู้ว่าเธอไม่มีสิทธิ์ยืนขวางทางกู้หนิง แต่เธอเคยสนุกกับการทำให้กู้หนิงอับอาย เฉินจื่อเหยารับความจริงไม่ได้ว่ากู้หนิงลุกขึ้นมาต่อต้านเธอ
ดังนั้นเฉินจื่อเหยาจึงไม่ยอมแพ้ “กู้หนิง เธอรู้ไหมว่าแม่ของเธอท้องก่อนแต่ง? เธอมันก็แค่เด็กเฮงซวยที่ไม่มีพ่อ…”
“เพี๊ยะ”
ก่อนที่เฉินจื่อเหยาจะพูดจบประโยค เธอก็ถูกตบอย่างแรงที่หน้า ครั้งนี้แรงกว่าครั้งก่อนที่ตบจ้าวเฟยเฟย
สิ่งที่เฉินจื่อเหยาพูดทำให้กู้หนิงโกรธขึ้นมาจริงๆ
ไม่เพียงแต่เฉินจื่อเหยาจะทำให้กู้หนิงอับอายแต่ยังทำให้แม่ของเธอต้องอับอายไปด้วยซึ่งเป็นสิ่งที่เธอทนไม่ได้
เฉินจื่อเหยาถูกตบอย่างแรง เธอมึนงงและคิดไม่ทันว่าจะตอบโต้กลับคืนอย่างไรดี
มันเกินกว่าที่คิดไว้มาก กู้หนิงไม่เคยตบเธอมาก่อน
ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่มีใครไม่เห็นด้วย
ถึงแม้จะมีบางคนไม่ชอบกู้หนิง แต่เมื่อพวกเขารับรู้ถึงภูมิหลังของครอบครัวเธอ พวกเขาคิดว่ามันเป็นการกระทำที่น่าละอายเกินไปที่พูดอย่างนั้นกับกู้หนิง
ไม่มีใครสนุกกับความเจ็บปวดของคนอื่น
“กู้หนิง แกกล้าดียังไงมาตบฉัน!!!” เฉินจื่อเหยาที่เพิ่งเรียกสติคืนมา เธอยกมือขึ้นพยายามที่จะตบกู้หนิง
วินาทีที่เธอง้างมือขึ้น เธอก็ถูกกู้หนิงจับตัวเอาไว้แน่น เฉินจื่อเหยารู้สึกเจ็บขึ้นมาทันทีแต่ไม่สามารถขยับตัวหนีออกไปได้
“กู้หนิง แกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!!” ใบหน้าของเฉินจื่อเหยาแสดงออกถึงความเจ็บปวด
กู้หนิงไม่ปล่อย เธอมองอย่างเย็นชาไปที่เฉินจื่อเหยา สายตาของเธอคมราวกับกระบี่น้ำแข็งหมายมาดฟาดฟันมายังคอของเฉินจื่อเหยา เฉินจื่อเหยาพลันรู้สึกถึงรังสีอำมหิตบนใบหน้าน่ากลัวของเธอ
เฉินจื่อเหยาตัวสั่นระริกจากความกดดันที่แผ่ออกมาจากกู้หนิง
ทุกคนตกใจกลัวกับรังสีที่แผ่ออกมาจากกู้หนิง ฉับพลันโรงอาหารชั้นสองก็เงียบสนิทราวกับป่าช้า
“เฉินจื่อเหยา ฉันไม่คิดที่จะทำร้ายเธอแต่ทำไมเธอถึงไม่หยุดที่จะทำแบบนี้กับฉัน เธอคิดจริงๆเหรอว่าฉันจะปล่อยเธอไป หลังจากทำให้แม่ของฉันต้องอับอายต่อหน้าฉัน?”
จากนั้นกู้หนิงจึงเหวี่ยงเฉินจื่อเหยาออกไปอย่างแรงด้วยแขนของเธอ เฉินจื่อเหยาเกือบล้มหน้าคะมำลงไปบนพื้น
เด็กสาวนามว่าเฉินจื่อเหยาไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมาสักคำ
ในขณะเดียวกันนั้นเอง กู้เซียวเซียวและเพื่อนของเธอเพิ่งจะโผล่มาที่โรงอาหารชั้นสอง พวกเธอเห็นคนกำลังยืนมุงดูอะไรอยู่จึงเกิดความอยากรู้อยากเห็น
พวกเธอเดินเข้ามาใกล้แล้วพบว่ากู้หนิงและเฉินจื่อเหยาเป็นจุดสนใจของทุกคนในยามนี้
กู้เซียวเซียวเดินแหวกฝูงชนเข้าไป มีรอยฝ่ามือสีแดงบนแก้มของเฉินจื่อเหยา กู้เซียวเซียวไม่พอใจขึ้นมาทันที
“จื่อเหยา เกิดอะไรขึ้น?”
เฉินจื่อเหยาได้ยินเสียงกู้เซียวเซียว เธอได้สติอีกครั้ง แม้ว่าตอนนี้จะยังกลัวกู้หนิง แต่เธอโกรธมาก
เฉินจื่อเหยาไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงปลายตามองกู้หนิงอย่างโกรธแค้นซึ่งนั่นเป็นคำตอบสำหรับคำถามของกู้เซียวเซียว
ตอนนี้กู้เซียวเซียวรู้แล้วว่ากู้หนิงตบเฉินจื่อเหยา เธอแทบไม่เชื่อว่ากู้หนิงสามารถทำเรื่องอย่างนั้นได้ เธอจึงจะตะโกนไปยังกู้หนิง
“กู้หนิง นี่แกกล้าตบจื่อเหยา? แกบ้าไปแล้วรึไง?!!”
“อะไรนะ? กู้หนิงตบเฉินจื่อเหยา? ไร้สาระ!”
เด็กหนุ่มที่ชื่อว่าจางอี้หมิงเป็นเพื่อนของฉินเจิ้ง จู่ๆก็พูดขึ้นเสียงดังว่าเขาไม่เชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริง
พวกเขาทุกคนต่างรู้กันดีว่าเด็กสาวที่มีชื่อว่า กู้หนิง เป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวไม่สุงสิงกับใครและเธอเองไม่มีทางกล้าโต้เถียงกับคนอื่น ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่กู้หนิงจะตบเฉินจื่อเหยา
“ฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกัน” เด็กหนุ่มที่มีชื่อว่าฝูหมิงเหลียงเห็นด้วย ขณะที่ฉินเจิ้งก็เชื่ออย่างนั้นเหมือนกัน
“ใช่ ฉันตบเฉินจื่อเหยา แล้วยังไงล่ะ?” กู้หนิงยอมรับต่อหน้าทุกคนจากนั้นหันหน้ามาทางกู้เซียวเซียว “ไม่ใช่เรื่องของเธอ!!”
ได้ยินดังนั้นจางอี้หมิงและฝูหมิงเหลียงต่างประหลาดใจ อะไรนะ? เธอตบเฉินจื่อเหยาจริงๆเหรอ? เป็นไปได้ไง?
“แก…” กู้เซียวเซียวพลันรู้สึกโกรธขึ้นมา เธอโกรธที่กู้หนิงกล้าเถียงเธอต่อหน้าคนอื่น “จื่อเหยาเป็นเพื่อนของฉัน แน่นอนย่อมเป็นเรื่องของฉันด้วย!”
“ว้าว” กู้หนิงทำเสียงเย้ยหยัน “แล้วเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?”
“แกต้องชดใช้ในสิ่งที่แกทำ!! โขกหัวแกกับพื้นสิบครั้งหรือไม่ก็ให้จื่อเหยาตบแกคืนสิบที!!!” กู้เซียวเซียวพูดอย่างไร้เมตตา
ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจ....
สิบครั้ง? กู้เซียวเซียวบ้าไปแล้ว เธอช่างเป็นคนเลือดเย็น เฉินจื่อเหยาต่างหากที่เป็นคนพูดจาทำร้ายกู้หนิงก่อน
ทันใดนั้นทุกคนมีความคิดต่อกู้เซียวเซียวเปลี่ยนไป
ฉินเจิ้งและเพื่อนของเขาต่างขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจเช่นเดียวกัน พวกเขาคิดว่ามันมากเกินไป อย่างไรก็ตามฉินเจิ้งนึกถึงสิ่งที่กู้หนิงทำกับเขาเมื่อเช้านี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ห้ามกู้เซียวเซียว
สำหรับจางอี้หมิงและฝูหมิงเหลียงนั้นไม่มีความเห็นใจในแววตา พวกเขาแค่อยากเห็นเรื่องสนุกๆ
นอกจากนี้พวกเขายังสงสัยว่ากู้หนิงจะทำอะไรต่อ หลังจากที่ตบเฉินจื่อเหยาแล้ว
“โอ้ กู้หนิง เธออีกแล้วหรอ? ทำไมทุกคนถึงอยากจะมีปัญหากับเธอนักนะ? น่าสงสารซะจริง”
ก่อนที่กู้หนิงจะทันได้พูดอะไรออกไป ก็มีเสียงผู้หญิงพูดขัดขึ้นก่อน น้ำเสียงนั้นทั้งแหลมคมและไร้ความเมตตาปราณี
กู้หนิงรู้ว่าเจ้าของเสียงคือใคร ฉู่เพ่ยหานนั่นเอง!
ใช่แล้วเป็นฉู่เพ่ยหาน
ฉู่เพ่ยหานเดินเข้ามาพร้อมล้วงมือไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างกับนักเลง
ทุกคนต่างพร้อมใจหลีกทางให้เธอเดินผ่านไป ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกลัวเธอมาก
ฉู่เพ่ยหานคนนี้เป็นที่รู้จักกันดีในโรงเรียนว่าเธอเป็นผู้หญิงอันธพาล เธอเก่งเรื่องต่อสู้ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าก่อกวนเธอ
หากเป็นไปได้กู้เซียวเซียวและเฉินจื่อเหยาอยากจะอยู่ให้ห่างจากฉู่เพ่ยหาน
ดังนั้นเมื่อฉู่เพ่ยหานปรากฏตัว กู้เซียวเซียวและเฉินจื่อเหยาจึงเบาเสียงพวกเขาลงในทันที
ฉินเจิ้ง จางอี้หมิง และฝูหมิงเหลียงไม่กลัวฉู่เพ่ยหาน ถึงอย่างนั้นฉู่เพ่ยหานมาจากครอบครัวที่มีอิธิพล พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะต่อต้านเธอซึ่งๆหน้า
แม้ว่าฉินเจิ้งจะถูกฉู่เพ่ยหานทำให้อับอายเมื่อเช้านี้และเขาก็เกลียดเธอมาก แต่เขายังไม่อยากจะปะทะกับเธอ
----------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้มีเพจสำหรับนิยายเรื่องนี้แล้วนะคะ สามารถเข้าไปติดตามได้ที่ Facebook : BuaElla Translation World
ตอนนี้กำลังจะทำกลุ่มลับสำหรับอ่านนิยายเรื่องนี้ค่ะ สำหรับนักอ่านที่ไม่อยากเสียเงินอ่านเป็นตอนๆ ซึ่งในกลุ่มลับจะอัพนิยายไวกว่าค่ะ เอาไว้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง