ตอนที่ 9 สถานการณ์ที่คาดไม่ถึง
“โย้ช! เราได้เป้าหมายแล้ว!”
นามิสังเกตเรือโจรสลัดที่อยู่ไม่ไกลออกไปอย่างระมัดระวังจากนั้นเธอก็เริ่มเยาะเย้ยรอนที่ด้านหลัง “เรารอจนกว่าจะถึงตอนเที่ยง...”
เมื่อฟังแผนของนามิจนจบอย่างรวดเร็วรอนก็แตะคางของเขา ในความเป็นจริงหากจำนวนโจรสลัดไม่ใช่เลขสองหลัก เขาก็จะเผชิญหน้ากับพวกมันอย่างตรงไปตรงมา เขาไม่สามารถต่อสู้กับกลุ่มโจรสลัดได้ในครั้งเดียว เขาสามารถใช้เทคนิคใบมีดสายลมได้หกหรือเจ็ดครั้งเท่านั้น
อย่างไรก็ตามถ้ากัปตันของพวกเขาถูกฆ่าตายอย่างรวดเร็วจะไม่มีเหตุการต่อสู้เกิดขึ้นและลูกเรือของเขาจะหวาดกลัวและแน่นอนพวกเขาจะหนีไป
“มันเป็นแผนการที่ดี แต่ค่าหัวของกัปตันไม่ควรต่ำมากเมื่อเทียบกับขนาดของเรือ หากเราสามารถจับหรือฆ่าเขาได้เราอาจได้รับโบนัสหลายล้าน”
รอนพูดอย่างไม่ตั้งใจ
เมื่อได้ยินความคิดโง่ๆรอนแล้วนามิก็มองไปที่รอน เหยียดกำปั้นขนาดเล็กออกมาแล้วตอกมันไปที่หัวของรอนแล้วพูดว่า “ไอบ้านี่!!!!”
“แม้ว่านายจะขโมยปืนหรือสิ่งของและฆ่ากัปตันของพวกเขา แต่โจรสลัดจำนวนมากก็ยังอยู่ที่นั่น นายคิดบ้าอะไรของนาย?”
“เอ่อ….”
รอนเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “อันที่จริงมันไม่ยากที่จะจัดการกับโจรสลัดนับสิบ แต่มันจะยากที่จะจัดการกับพวกเขาทั้งหมดในครั้งเดียว แต่ถ้าแยกพวกนั้นออกมันก็จะเป็นงานง่ายๆ”
นามิ “....”
นามิแสดงออกทางสายตาของเธอที่บ่งบอกว่าเธอไม่ต้องการคุยเรื่องนี้กับรอนอีกและพูด “ในตอนแรกนายจะอยู่ที่นี่ก่อน! เมื่อพวกเขาไปกินข้าวฉันจะแอบเข้าไป หากนายเห็นสิ่งที่น่าสงสัย ในกรณีนั้นนายสามารถทำบางอย่างเพื่อดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้ เข้าใจมั้ย?!”
เมื่อเห็นสีหน้าปีศาจของนามิรอนยกมือขวาขึ้นที่หน้าอกแล้วพูดว่า “โอเค ฉันเข้าใจ”
นามิฮัมเพลงเดินไปที่ปลายอีกด้านของอุโมงค์แล้วพูดพึมพำในปากของเธอ “เจ้าคนเด๋อด๋า…”
[ฉันควรวิ่งหนีและทิ้งผู้ชายคนนี้ไว้ข้างหลัง…]
ด้วยความคิดนี้ในใจของเธอนามิรู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย เขายังคงเป็นหนี้เธอ ตอนนี้มันแย่เกินไปที่จะกำจัดเขาออกไป
หลังจากคิดไปเล็กน้อยนามิก็เลิกคิด อย่างไรก็ตามรอนเป็นเพียงหลักประกันเพิ่มเติมเพื่อให้เธอปลอดภัยซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบอะไรเลย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวิธีการของเธอ
ดวงอาทิตย์ใกล้จะขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้ว มันประมาณเที่ยง
ภายใต้สายตาที่คอยจับจ้องของนามิและรอนโจรสลัดออกจากเรือของพวกเขาไปสองสามครั้ง ออกไปประมาณสิบคน มีงานเลี้ยงบนดาดฟ้า
ในเวลานี้นามิซึ่งอยู่ใกล้กับเรือหันหลังกลับและแสดงท่าทางของ “แอ็คชั่น” ไปที่รอน จากนั้นก็ไปที่เรืออย่างเงียบ ๆ
นามิปีนขึ้นไปที่ท้ายเรืออย่างง่ายดายด้วยร่างกายที่เบาและยืดหยุ่น เธอปีนขึ้นไปอย่างเงียบๆ ไปที่ชั้นสองของห้องโดยสารมองไปที่ห้องจากทางหน้าต่างจากนั้นเปิดประตูอย่างระมัดระวังแล้วลอดเข้าไป
“โคตรยืดหยุ่น”
รอนดูนามิหายไปที่ประตูห้องโดยสารเขาอดไม่ได้ที่จะเอียงศีรษะ ดูเหมือนว่าความวิตกกังวลของเขาไม่จำเป็น นามิเป็นนักย่องเบาฝีมือดี ที่ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้ที่โจรสลัดเหล่านี้จะค้นพบแผนการของเธอ
หลังจากนั้นไม่นาน
รอนเห็นช่องเปิดอีกครั้ง นามิออกมาพร้อมกับกล่องไม้อย่างระวังระวังที่จะไม่ทำเสียงดัง
หลังจากไปถึงรั้วของชั้นสองนามิก็มองรอนและทำท่าให้เขา
รอนเข้าใจและไปยังทิศทางของนามิในทันที
“ชู่วว”
นามิเปล่งเสียงไปที่รอนจากนั้นก็หยิบเชือกป่านมาผูกกับกล่องไม้ ยืนขึ้นบนรั้ว ทิ้งกล่องไม้อย่างระมัดระวังไปให้รอนในขณะที่ถือเชือกไว่อย่างแน่น
เมื่อมองดูการพยายามของนามิรอนพูดอย่างกังวล “หยุดทำเรื่องอันตรายด้วยตัวเอง…” จากนั้นเขาก็เหยียดมือออกไปรับกล่องไม้อย่างระมัดระวัง เขาวางมันลงบนพื้นอย่างช้าๆโดยไม่ส่งเสียงใด ๆ
ตอนพยายามยกกล่องมันหนักอย่างน้อย 30 ปอนด์
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้หนักขนาดนั้นสำหรับรอนที่มีความแข็งแกร่งทางร่างกายโดยเฉลี่ย มันค่อนข้างเครียดที่จะถือมันไว้
รอนรู้สึกตกต่ำเล็กน้อย ดูเหมือนว่าการเป็นขโมยไม่ใช่งานประเภทที่นักเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตจะทำ...เขาไม่ควรทำตัวเหมือนเป็นชนชั้นสูง ควงคทาฆ่าโจรสลัดในไม่กี่วินาทีและอื่นๆ กลัวตายจนคุกเข่ายอมจำนน?
นามิโล่งใจเมื่อเห็นรอนวางกล่องโดยไม่ส่งเสียงใดๆ เธอปีนลงเรืออย่างยืดหยุ่นและเอื้อมมือออกไป เหงื่อออกจากหน้าผากของเธอนามิพูดว่า “โย้ช! เราเสร็จแล้วไปกันเลย”
ขณะที่เธอกระซิบนามิหยิบกล่องไม้ขึ้นมา
แต่ในขณะที่นามิกำลังออกจากชายฝั่งด้วยการย่อง มุ่งหน้าไปยังเมืองนั้นมีกลุ่มชายวัยกลางคนที่มีมีสภาพโทรมและเมามายปรากฏตัวขึ้น
เมื่อพวกเขาเห็นนามิและรอนพวกเขาตกตะลึง พวกเขาจ้องมองที่กล่องไม้ในมือของนามิแล้วมองไปที่เรือโจรสลัดที่อยู่ด้านหลังเธอ…
สร่างทันที
“เฮ้ยยย ขโมยยย!!!”
“แม่งแกกล้าดียังไงมาขโมยของพวกเรา!?”
โจรสลัดหลายคนที่ได้สติของพวกเขากลับมาและแสดงออกอย่างดุเดือดในทันทีโดยส่งเสียงคำรามต่อรอนและนามิ
“โอ้ไม่ วิ่ง!”
ปฏิกิริยาของนามินั้นเร็วกว่าโจรสลัดหนึ่งก้าวหยิบกล่องสมบัติขึ้นมาแล้ววิ่งไปที่เมืองอย่างรวดเร็ว ดูสิว่าเธอเร็วแค่ไหนรอนไม่อยากเชื่อว่าเธอเป็นแค่เด็กหญิงอายุ 14 ปีที่อตนนี้ถือกล่องไม้น้ำหนัก 30 ปอนด์!
รอนกระพริบตาเมื่อเขาเห็นฉากนี้และเขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “แม่งเอ้ย นี่มันเกินธรรมดาไปแล้ว!”
นามิยืดหยุ่นมากกว่าเขา เขาสามารถทนได้ เธอแข็งแรงกว่าเขา เขาสามารถทนได้ แต่ที่เธอสามารถวิ่งได้เร็วกว่าเขาแถมแบกหีบสมบัติอันหนักหน่วงนั้นไปด้วยมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง!
รอนต้องการลองใบมีดสายลมของเขากับโจรสลัด แต่เมื่อเขาเห็นความเร็วของนามิเขาก็ตามเธอไปอย่างไม่เต็มใจ
ในตอนแรกนามิสามารถวิ่งได้เร็วกว่ารอนมาก แต่เธอถือกล่องไม้หนักๆไว้ซึ่งมันทำให้เธอช้าลงมาก ถึงกระนั้นเธอก็ช้ากว่ารอนแค่เล็กน้อย
“หยุด!”
“แกมันไอ้พวกเวร! นั่นเป็นสมบัติที่เราเสี่ยงชีวิตปล้นมา!!”
ด้านหลังมีโจรสลัดมากกว่าหนึ่งโหล กัปตันสวมหน้ากากปิดตาสีดำถือมีดยาวใบมีดกว้าง เขาวิ่งเร็วกว่าคนอื่นเกือบเร็วเท่ากับเพกาซัส
นามิวิ่งไปตลอดทาง ในไม่ช้าเธอก็หอบและเหงื่อออกเธอเหลือบไปเห็นกลุ่มโจรสลัดที่อยู่ด้านหลังคงจับพวกเธอได้ในไม่ช้า เธออดมองไม่ได้ แต่มันไม่ช่วยอะไร
กล่องนี้มันโคตรหนัก!
มันเป็นความโชคร้ายอย่างแท้จริงที่ได้พบโจรสลัดสกปรกเหล่านั้นในตอนที่พวกเขากลับมา ถ้าเธอรู้ว่าจะเป็นแบบนี้...เธอจะขโมยของมีค่าแค่บางอย่างเท่านั้น ตอนนี้เธอไม่มีโอกาสได้เลือกอะไรเลย