ตอนที่ 2 ความแตกต่างในโลก
ภายในห้อง
“หนึ่งแสนเบรีหายไปแล้ว….”
นามินั่งอยู่ที่โต๊ะที่มีแผนที่กระจัดกระจายอยู่ เธอพิงกำแพงและร่างของเธอก็เปล่งออร่ามืดมนออกมาอย่างต่อเนื่อง คล้ายกับเนกาทีฟฮอล์ลโลวของ โมโนโนเกะ เพโรนา
ไม่ไกลนักรอนพิงอยู่ที่โซฟาเก่าถือขนมปังครึ่งก้อนอยู่บนมือและส่งเข้าปากของเขาอย่างต่อเนื่อง ในไม่ช้าเขาก็กินหมดทั้งก้อนและดื่มน้ำตามไปหนึ่งแก้ว ในที่สุดร่างกายที่อ่อนล้าของเขาก็ฟื้นกำลังกลับมา
“ฉันรอดแล้ว!”
ในที่สุดเขาก็รู้สึกร่างกายฟื้นตัวอย่างช้าๆ รอนถอนหายใจอย่างโล่งอกและฟื้นฟูจิตใจของเขา เขาหันไปมองนามิที่นั่งอยู่ไม่ไกล
ในโลกของวันพีชเขาชอบนามิมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอปรากฏตัวครั้งแรกในอนิเมะ เพื่อปกป้องหมู่บ้านของเธอ เธอแบกรับทุกสิ่งอย่างเงียบๆ ไม่ว่าจะเป็นทางจิตใจหรือทางร่างกาย
ในเวลานี้นามิซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงอายุ 14 หรือ 15 ปีสามารถช่วยชีวิตรอนจากโจรสลัดอารอนได้ ไม่งั้นเขาอาจเป็นศพไปแล้วก็ได้ในตอนนี้
“เอ่ออ”
รอนพยายามทักทายนามิ แต่เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะมาที่โลกนี้และพบกับนามิซึ่งมันทำให้เขาไม่สามารถคิดคำพูดอะไรได้ซักพัก เขาทำได้เพียงพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าอึดอัดใจ “ขอบคุณมาก ฉันเกือบถูกเจ้าพวกมนุษย์ปลานั่นฆ่าแล้ว”
นามิที่ตัวลงบนโต๊ะเลื่อนสายตามาที่รอนแล้วบ่นอย่างต่อเนื่อง
“1แสนเบรี….1แสน….เบรี”
อุก
โอเค!
รอนเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่า 1แสนเบรีนั้นสำคัญกับนามิในเวลานี้ขนาดไหน และเขาสามารถรับรู้อารมณ์ของนามิได้ในขณะนี้
“โอ้ ฉันเสียใจมากที่ทำให้เธอต้องเสีย1แสนเบรี แต่ฉันจะจ่ายคืนให้สองเท่าเป็นไง?”
รอนพยายามทำให้นามิใจเย็น
ในฐานะคนที่คุ้นเคยกับเนื้อเรื่องทั้งหมดแม้ว่าเขาจะเป็นแค่คนธรรมดาในตอนนี้ รอนก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ ตามปกติแล้ว1แสนเบรีดูไม่จริงใจมากพอ ดังนั้นเพื่อทำให้นามิรู้สึกดีขึ้นเขาจึงสัญญาว่าจะจ่ายคืนสองเท่า
“จ่ายคืน...สองเท่า!”
เมื่อได้ยินคำพูดของรอนดวงตาที่สลัวของนามิก็เปล่งประกายระยิบระยับราวกับว่าเธอฟื้นพลังของเธอขึ้นมา เธอลุกขึ้นมายืนจ้องรอนและพูดอย่างกระตือรือร้น “ไม่! ซักสาม ไม่สิห้าเท่า! นายรู้มันว่ามันเป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้หนึ่งแสนเบรีเป็นสองเท่าถ้าใช้ทำธุรกิจ!”
‘ไม่มีทางที่มันจะได้ง่ายขนาดนั้น’ รอนคิดกับตัวเอง
รอนอดไม่ได้ที่จะกรอกตาไปมาเมื่อได้ยินคำพูดของนามิ แต่ก็ยังคงจุดประสงค์เดิมคือให้นามิกลับมาอารมณ์ดี เขาจึงตอบไป “โอเค ไม่มีปัญหา 5แสนเบรี แต่อาจใช้เวลาซักหน่อย”
“ไม่มีปัญหา! ดีล!”
นามิดีดนิ้วขณะที่เธอยิ้ม
นามิรู้สึกหดหู่จากความคิดที่ว่าได้เสีย1แสนเบรีไป เธอไม่เคยคิดที่จะได้รับเงินคืนจากรอนดังนั้นเธอจึงตกอยู่ในอารมณ์เศร้าหมอง ตอนนี้ถึงแม้ว่าคำสัญญาของรอนจะเป็นเพียงคำพูด แต่ก็ไม่ได้ฟังดูเป็นคำพูดขอไปที
แม้ว่าเธอจะไม่ได้5แสนเบรีคืน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาถ้าได้1แสนเบรีคืนมา
“500,000 เบรีเป็นหนี้ที่จะต้องจ่าย ส่วนสำหรับความเมตตาที่เธอมีต่อฉันตอนที่ช่วยชีวิตฉันไว้ อืม...เอาเป็นช่วยเธอฆ่าอารอนเป็นไง?” รอนพูดอย่างยิ้มแย้ม
“.....”
รอยยิ้มของนามิแข็งค้าง
เธอหยิบกระดาษเปล่าขึ้นมาเงียบๆแล้ววางบนโต๊ะ เธอหยิบปากกาขึ้นมาทางขวามือแล้วเขียนโน้ตส่งให้รอนและพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด "เซ็นต์ชื่อ!"
ในตอนแรกดูเหมือนว่ารอนจะมีความมั่นใจในเสียงของเขา บางทีมันอาจจะไม่นานที่เธอจะได้รับ1แสนเบรีคืนจากที่เธอจ่ายให้เขา
แต่เมื่อรอนพูดเกี่ยวกับการฆ่าอารอน เรื่องนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาตกต่ำในหัวใจของนามิจนอยู่ระดับไม่น่าเชื่อถือ
รอนเหลือบดูที่โน้ตมันระบุว่าเขาเป็นหนี้นามิเป็นเงินครึ่งล้าน เขามองไปที่สีหน้าของนามิ มันชัดเจนว่าภาพลักษณ์ของเขาตกไปอยู่ระดับเดียวกับอุซป ริมฝีปากของเธอเม้มเข้าหากันแน่น
แต่ปฏิกิริยาของนามิก็เข้าใจได้
ชายคนหนึ่งที่เกือบจะตายด้วยรอยแผลเป็นทั่วร่างกายของเขา พูดพล่ามเกี่ยวกับการช่วยให้เธอฆ่าอารอน แน่นอนว่ามันค่อนข้างสับสน
“อืม มันยากที่เธอจะเชื่อ….”
รอนถอนหายใจอย่างไม่เต็มใจ เขาไม่เพียงแต่จริงจังแต่ยังมั่นใจ
ความเชื่อมั่นในตนเองทั้งหมดนี้มาไม่ได้มาจากเพียงแค่เขารู้เนื้อเรื่องโลกนี้ แต่ยังมาจากหน้าจอโปร่งแสงกระพริบอยู่ต่อหน้าในขณะที่เขากินขนมปัง
ใช่!!!
แม้ว่าเขาจะไม่มีเวลาตรวจสอบรายละเอียด แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันควรจะเป็นระบบหรืออะไรบางอย่าง
ในขณะนั้นความมั่นใจในตัวเองของรอนเพิ่มขึ้นอย่างไม่จำกัด จนเขาเมินความจริงที่ว่าเขาเกือบจะถูกมนุษย์เงือกก่อนหน้านี้ฆ่าตายและภาพลักษณ์ที่น่ากลัวของอารอนก็ได้เปลี่ยนเป็นก้อนกรวดในใจ
บูม!
นามิไม่ได้พูดอะไรเธอกระแทกกำปั้นไปที่หัวของรอนและตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้าบ้า! หุบปาก! นายอยากตายเหรอ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกนั้นได้ยินนาย? นายอยากตายแบบทรมานเหรอ!?”
“ตอนนี้! ทันที! เซ็นต์ชื่อ! ประตูอยู่ตรงนั้นและอย่าลืมจ่ายคืนให้ฉัน!”
เมื่อมองไปที่นามิแสดงใบหน้าเหมือนปีศาจ รอนไม่สามารถหยุดตัวเองจากการร้องไห้และหัวเราะได้ในเวลาเดียวกัน มันเป็นความรู้สึกประหลาดความรู้สึกถึงออร่าดังกล่าวที่แผ่ออกมาจากเด็กอายุ 14 ปีแสนสวย
มันทำให้เขาคิดถึงอิโมจิที่ 'ดุร้าย' บนหัวของเธอ
ยังไงก็เหอะ มันเจ็บ!
แม้ว่าจะเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่พลังกำปั้นของเธอดูเหมือนจะมากกว่าผู้ใหญ่ธรรมดาซึ่งทำให้รอนกำลังคิดว่าก้อนกลมๆอาจจะโผล่ออกมาบนหัวของเขา
หลังจากถูไปที่ที่เขาถูกทุบรอนตัดสินใจไม่แบ่งปันความรู้ของเขากับนามิ เขาหยิบปากกาและลงชื่อในโน้ต
เมื่อมองไปที่นามิที่เอากระดาษโน้ตกลับไปรอนก็อดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกแปลกๆ เขารู้สึกราวกับว่าเขาไม่ได้ลงนามในการขายง่ายๆ แต่จริงๆแล้วขายวิญญาณให้นามิ…
“เยี่ยม ประตูอยู่ทางนั้น”
นามิรับโน้ตไปแล้วยื่นปากเธอไปทางประตู
รอนพูดอย่างอายๆ “เธอช่วยให้ฉันพักอยู่ด้วยซักครู่ได้ไหม? หากเธอเตะฉันออกไปในวันนี้ฉันอาจอดตายในวันพรุ่งนี้บนถนนและกระดาษแผ่นนั้นจะเป็นหมันนะ”
แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่าอายเล็กน้อยที่จะขออาศัยอยู่กับเด็กสาวอายุสิบสี่ปีในบ้านของเธอ แต่รอนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่เขาขอร้องนามิ
นามิไม่ได้วางแผนจะเตะรอนออกไป ยังไงก็ตามเธอเป็นคนช่วยชีวิตเขาและเขาก็ยังบาดเจ็บอยู่ เธอเพิ่งมาเริ่มรำคาญเพราะรอนพูดจาพล่อยๆ
ไม่สมเหตุสมผลเลยที่พูดเรื่องเกี่ยวกับการฆ่าอารอน…
เมื่อสองปีที่แล้วผู้บัญชาการเรือด้านหลังจากอีสต์บูลสั่งให้เรือรบจัดการกับอารอน แต่พวกเขาพ่ายแพ้อย่างง่ายดายและถูกทำลายไป การจมเรือรบนั้นเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับอารอน
เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะไปปะทะกับมนุษย์เงือก รอนเป็นคนเดียวที่จะถูกฆ่าตาย มนุษย์เงือกเป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งเหนือกว่ามนุษย์อย่างสมบูรณ์!
โดยการทำงานอย่างหนักเพื่อรวบรวม 100 ล้านเบรีหมู่บ้านโคโคยาชิและชาวเมืองสามารถแลกกลับมาได้จากอารอน
หลังจากได้ยินคำพูดของรอนแล้วนามิก็เบิ่งตาของเธอมองไปที่รอนและฮัมเพลง “จะอยู่ที่นี่ก็ได้ แต่นายต้องจ่ายให้ฉัน1พันเบรีต่อวัน!”
“โอเค”
รอนสัญญาว่าจะจ่ายและพูดกับตัวเองว่า “ด้วยค่าเช่าราคาถูกเช่นนี้ฉันสามารถอยู่ที่นี่เป็นเวลานานได้”
เมื่อได้ยินคำสัญญาของรอนที่ตอบโดยไม่ลังเลนามิขมวดคิ้วจ้องมองรอนและขู่ว่า “นายสัญญาเร็วมากเหมือนวางแผนที่จะไม่จ่ายเลย ถ้านายกล้าไม่จ่ายหนี้ล่ะก็…”
นามิชี้นิ้วไปที่เขาด้วยท่าทางข่มขู่ขณะที่เธอพูด
ท่าทางแบบนี้นั้นไม่มีแรงคุกคามใดๆเลย มันทำให้เขารู้สึกว่าน่ารัก หัวใจของรอนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข แต่เบื้องหน้าเขาพูดว่า “แน่นอนว่าไม่ ไม่ต้องกังวลฉันสามารถเซ็นต์ชื่อได้อีกครั้งหากเธอต้องการ”
นามิค่อยๆลดมือลงและมองรอนด้วยความสงสัยเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะยังไม่มั่นใจและคิดว่ารอนไม่น่าเชื่อถือซักนิดแต่ก็ไม่มีวิธีอื่น
ฮึม!
นามิจึงหันหัวของเธอแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนด้วยความครวญครางเล็กน้อย
เมื่อหลังของนามิหายไปการแสดงออกบนใบหน้าของรอนก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนไปเหลือเพียงรอยยิ้มเล็กน้อยในที่สุด
เช่นเดียวกับดาวตกบนท้องฟ้า ณ จุดหนึ่งมันจะแตกสลายและกลายเป็นฝนดาวตก
นั่นคือโลกที่แบ่งแยก
มาทำให้โลกเดินไปยังอนาคตที่ต่างจากเดิมกันเถอะ
และช่วงเวลาที่นามิช่วยชีวิตเขา มันควรจะเป็นจุดสำคัญ
รอนคิดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยนั้นและเรียกอินเทอร์เฟซที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่เห็น มันเหมือนหน้าจอแสงโปร่งแสง