เล่ม1 : บทที่ 21 – เจ้าแมงมุมผู้เสียสละ
กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 21 – เจ้าแมงมุมผู้เสียสละ
“เราจะทำยังไงดีขอรับหัวหน้า”
เมสันกลับมาสู่ความเป็นจริงและมองสิ่งแวดล้อมรอบกาย
พวกแมงมุมดูจะพออกพอใจกับการเก็บเกี่ยวของพวกมันและถอยกลับไปอย่างช้าๆ พร้อมกับซากศพมนุษย์บนหลังกว่าสี่สิบชีวิต
ดวงตาของเมสันเริ่มแน่วแน่เมื่อเขาออกคำสั่ง
“หยุดพวกมันให้ได้มากที่สุด ข้าไม่รู้ว่าทำไมพวกมันถึงเก็บเอาไปเป็นอาหาร แต่เราจะไม่ยอมให้พวกมันวิ่งหนีไปง่ายๆ แบบนี้แน่ ลูค เจ้าตามพวกที่หนีไปและหาว่ารังของมันอยู่ที่ใด โชคดี!”
ลูคไม่คอยท่าและไล่ตามแมงมุมไปทางที ส่วนคนอื่นๆ ก็ตามหลังเขามาติดๆ
กลุ่มของพวกเขาจดจ่อกับแมงมุมที่วุ่นอยู่กับการขนศพเนื่องจากพวกมันไม่สามารถตอบโต้ได้และด้วยสติปัญญาอันน้อยนิด พวกมันไร้ซึ่งหนทางป้องกันตัว
โนอาห์ใช้ความเร็วของเขาปรากฏต่อหน้าพวกมันและจัดการที่ศีรษะของพวกมันจนไม่เหลือรอด ซึ่งการต่อสู้ที่ดีที่สุดสำหรับเขาก็คือการใช้ “ลมหายใจ” โจมตีใส่ผิวหนังที่ทั้งแข็งและหนาของพวกมันแต่ก็ยังคงปลิดชีพได้ภายในดาบเดียว ขณะเดียวกันนั้น เขาก็ใช้พลังงานจิตเพื่อให้ความสนใจต่อกระบวนการต่อสู้ของผู้พิทักษ์คนอื่นๆ
เมสันใช้ขวานใหญ่ของเขาสร้างความเสียหายที่รุนแรงโดยไม่ได้สนใจว่าแมงมุมตัวนั้นจะเป็นศพไปแล้วหรือไม่ก็ตาม
เขาเวี่ยงอาวุธด้วยความคล่องแคล่วและแรงผลักดันอันมหาศาลทำให้เกิดพื้นที่แห่งการทำลายล้างเนื่องจากพุ่งเข้าใส่ท่ามกลางฝูงของแมงมุมที่กำลังหนี
โนอาห์อดคิดไม่ได้ว่าหากเมสันถูกโจมตีขึ้นมาเขาคงนอนเสียชีวิตอยู่ตรงนั้นทันที
เอ็ดดี้และร็อบมีปัญหาที่คาดไม่ถึง
ศิลปะการต่อสู้ของทั้งคู่คือรูปแบบดาบบัลวันซึ่งอยู่ที่อันดับหนึ่งซึ่งประสิทธิภาพของมันถูกจำกัดไว้ที่สัตว์อันดับสองที่มีความพิเศษในด้านการป้องกัน
หลังจากที่พวกเขาตระหนักแล้วว่ามันเป็นการเสียพลังงานเปล่า พวกเขาจึงใช้ดาบเพื่อทำให้พวกแมงมุมช้าลงที่สุดเพื่อรอพวกพ้องของมันมาถึงและจัดการทีเดียว
เสียงคมดาบว่ายผ่านร่างกายของแมงมุมครั้งแล้วครั้งเล่าจนมันล้มตายกองกับพื้นในสภาพที่มีลูกธนูเหล็กปักคาอยู่ที่ศีรษะ ลูคช่วยเหลือจากระยะไกลขณะที่เขากำลังตามติดแมงมุมตัวที่วิ่งไวกลับไปยังรังของพวกมัน
เบเลอร์ก็ทำได้ดีเช่นกัน การโจมตีของเขาไม่ได้แม่นยำเท่าไหร่นักแต่ส่งผลให้เกิดแรงผลักดันอันมหาศาล ด้วยน้ำหนักของร่างกายที่เสริมเข้ากับค้อนในมือทำให้ทุกๆ การโจมตีอาจฆ่าหรือทำให้แมงมุมบาดเจ็บสาหัสได้
การสังหารยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องอีกยี่สิบนาทีเป็นผลให้มีเพียงแค่แมงมุมจำนวนน้อยเท่านั้นที่หนีไปได้
มีซากศพแมงมุมมากกว่าสามสิบตัวกระจัดกระจายเต็มทั่วพื้น คละคลุ้งทั่วบริเวณไปด้วยคาวเลือดสีเขียว ปะปนอยู่กับซากศพชาวบ้านที่เป็นเพียงแค่เศษซากชิ้นเนื้อและถูกฉีกทึ้งอย่าทารุณจากการต่อสู้
“ฮ่าๆ! ซากของแมงมุมหุ้มเกราะเหล็กพวกนี้นำไปใช้ประโยชน์ในการสร้างอาวุธเวทมนตร์ได้ เมื่อคนในเขตในตามมาตรวจสอบเราก็จะได้รับรางวัลตอบแทนอย่างงาม!”
เบเลอร์เปล่งเสียงอย่างมีความสุข เอ็ดดี้กับร็อบก็สวมรอยยิ้มที่สดใสตาม
มีเพียงแค่เมสันและโนอาห์เท่านั้นที่หน้านิ่วคิ้วขมวดครุ่นคิดบางอย่าง
‘สัตว์พวกนี้ไม่ตอบสนองต่อการมาถึงของเราเลย พวกมันห่วงแค่เรื่องการถอยกลับไปพร้อมกับซากศพชาวบ้านที่เสียชีวิต มันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง’
เขามองไปทางเมสันและเห็นว่าเขาเองก็น่าจะกำลังคิดเช่นเดียวกันอยู่
เขาละสายตาจากพื้นดินและมองมาหาโนอาห์พร้อมส่ายหน้า โนอาห์ไม่ได้รู้สึกไปเอง จากประสบการณ์ของเมสัน เขาพบคำตอบเกี่ยวกับพฤติกรรมแปลกๆ ของแมงมุม
“มันจะกระจ่างมากขึ้นเมื่อลูคกลับมา ไปพักที่หมู่บ้านกันก่อนเถอะ บางทีคำพูดจากปากชาวบ้านอาจช่วยไขข้อสงสัยให้เราได้”
โนอาห์พยักหน้าขณะที่อีกสามคนที่เหลือต่างส่งสายตามองด้วยความรู้สึกสับสนกับคำพูดของหัวหน้าแต่ไม่ว่าอย่างไรก็เลือกทำตามคำสั่ง
พวกเขาต้องการอาหารและพักรบ และภารกิจยังไม่เข้าใกล้คำว่าสำเร็จ
เมื่อกลับมาที่หมู่บ้าน เมสันถามคำถามชาวบ้านแต่ท้ายที่สุดกลับไม่ได้ประโยชน์อะไรกลับมาเลย
เขาเผยสารที่เขาได้รับมากับอีกสี่คนในขณะที่พวกเขากำลังกินซุปที่จากของเหลือในหมู่บ้าน
“การโจมตีเริ่มขึ้นราวสัปดาห์ที่แล้ว ลำดับแรก พวกแมงมุมต้องการกำจัดปศุสัตว์ของหมู่บ้านและขนย้ายซากศพกลับไปที่รัง เมื่อปศุสัตว์ถูกกำจัดราวคาบ พวกมันก็เปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นมนุษย์โดยใช้รูปแบบเดิม ฆ่าและนำกลับ สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้นจนถึง ณ ขณะนี้ ตามคำอธิบายของคนเฒ่าคนแก่ที่นี่ ครั้งนี้เป็นการโจมตีที่มีจำนวนพวกมันมากที่สุด ฉะนั้นเราจึงสันนิษฐานได้ว่าพวกมันมีการเพิ่มจำนวนประชากรขึ้น”
โนอาห์ขมวดคิ้ว
‘ไม่สมเหตุสมผลเลย พวกมันทำเหมือนเสียสละเลย ไม่ปกป้องตัวเองด้วยซ้ำ!’
“เราฆ่าพวกมันไปเยอะมาก ข้าคิดว่าในรังของพวกมันเราจะพบอีกไม่ต่ำกว่าหกสิบตัว”
ร็อบแย้ง เขาพยายามดึงขวัญกำลังใจของกลุ่มกลับมาอีกครั้ง
ประตูของบ้านหลังที่พวกเขาอยู่ถูกเปิดผาง และร่างของลูคก็ปรากฏต่อสายตา เขานั่งลงตรงข้ามเมสันและคว้าซุปจากมือเอ็ดดี้ขึ้นมาดื่ม
“ทางเข้ารังห่างจากที่นี่ไปไม่กี่ชั่วโมงทางทิศตะวันออก มันเป็นถ้ำใต้ดินรูปแบบตามธรรมชาติ ข้าตามแมงมุมเข้าไปข้างในครู่หนึ่ง แต่จากนั้นข้าก็ต้องถอยออกมาเพราะกลัวว่าจะถูกล้อม”
เมสันพยักหน้าและถาม
“เจ้าคิดว่าสถานการณ์มันเป็นอย่างไร?”
ลูคจิบซุปของเอ็ดดี้อีกครั้ง
“มันแปลก ที่ข้ามั่นใจว่าพวกมันกำลังตุนเสบียง ข้างในนั้นมีซากศพของพวกพ้องมันเยอะมาก เหมือนกับว่าพวกมันถูกบังคับให้เจริญเติบโตต่อไปด้วยการกินแค่พวกของมันเท่านั้น”
ร็อบรู้สึกขยะแขยงขณะคิดถึงเรื่องนี้และบ่นสาปออกมาเสียงดัง
“เดียรัจฉานพวกนี้ ถึงแม้จะเป็นสัตว์เวทมนตร์แต่ก็ยังคงเป็นเดียรัจฉานอยู่วันยันค่ำ”
โนอาห์รู้สึกสับสนมากกว่าเดิม พฤติกรรมของพวกมันเป็นไปอย่างไม่มีเหตุผล หากพวกมันต้องการอาหารเพื่อเลี้ยงปากท้องของพวกมันเอง แต่แล้วทำไมพวกมันถึงต้องกินแต่ซากเพื่อนพ้องของมันเท่านั้น? สิ่งใดคือสิ่งที่ควรค่าแก่การเสียสละเพื่อสัตว์เวทมนตร์เหล่านี้?
เมสันทบทวนข้อมูลทั้งหมดที่เขามีและวางแผนการโจมตี
“เราจะรวบรวมข้าวของกันคืนนี้ จากนั้นก็ตั้งค่ายค้างแรมตรงหน้าปากทางเข้ารัง พรุ่งนี้เช้า เราจะเข้าไปข้างในเพื่อสำรวจและกำจัดพวกมันให้หมด หากเราตัดเสบียงและกำจัดประชากรไปทีละเล็กทีละน้อย จะปลอดภัยกับพวกเราที่สุดและภารกิจจะยังคงสำเร็จได้ เตรียมตัวให้พร้อม เราจะออกเดินทางในอีกหนึ่งชั่วโมง”
ไม่มีใครคัดค้าน ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมพร้อมและเที่ยงคืนพวกเขาได้ก่อกองไฟห่างจากปากทางเข้ารังราวห้าสิบเมตร
พวกเขาสับเปลี่ยนเวรยามเพื่อเฝ้าระวัง
เมื่อมาถึงเวรของโนอาห์ เขาไม่อาจระงับความรู้สึกถึงอันตรายที่ถ้ำแห่งนี้ทำให้เขารู้สึกได้
‘สัตว์เวทมนตร์ผู้เสียสละ สะสมเสบียงอย่างต่อเนื่อง กินเนื้อหนังพวกเดียวกันเอง จริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?’
ไม่มีสิ่งใดที่จะเชื่อมโยงชิ้นส่วนข้อมูลในจิตใจเขาได้เลย
เขาสงบสติอารมณ์และเรียงลำดับความคิด เขาพร้อมสำหรับการต่อสู้ ณ รุ่งสางที่กำลังใกล้เข้ามา