ตอนที่แล้วตอนที่ 57 โฉมสะคราญใต้แสงจันทร์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 59 พิชิต มิใช่ถูกพิชิต!

ตอนที่ 58 ต่อสู้แบบกลุ่ม!


“เนื้อหาของการฝึกช่วงเช้าง่ายมาก แต่มีเพียงครึ่งหนึ่งของพวกเจ้าเท่านั้นที่จะโชคดี”

ทุกคนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงลำคอโดยสัญชาตญาณจากก้นบึ้งของจิตวิญญาณ

ความกลัว...

ไม่เพียงแค่เสวี่ยอิ่งจะมีวิธีการหลากหลาย แต่ทั้งหมดล้วนทรมานจนถึงขั้นทำให้คนอยากร้องไห้ถึงแม้จะไม่มีน้ำตาให้ไหล!

“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

โม่ข่าถามเสียงอ่อน เขารู้สึกว่าเช้านี้ต้องไม่อ่อนโยนกับเขาเป็นแน่

“การฝึกของช่วงเช้านี้คือฝึกต่อสู้เป็นกลุ่ม นอกจากหลินหลี อีกสิบห้าคนที่เหลือจะแบ่งป็นสองฝั่งต่อสู้กันเอง กฎคล้ายคลึงกับคราที่พวกเราฝึกในสถาบัน คือห้ามใช้หุ่นเชิดและพึ่งพาได้แต่ปราณกำเนิด การต่อสู้จะแบ่งออกเป็นสามรอบ และกลุ่มใดแพ้สองจะต้องรับโทษ”

เสวี่ยอิ่งหยุดชั่วครู่ก่อนจะเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

“กลุ่มที่แพ้จะต้องวิ่งเพิ่มอีกสองรอบตอนเที่ยง!”

เมื่อนางเอ่ยจบ กลุ่มนักเรียนมองหน้ากันไปมาในขณะที่เรือแห่งมิตรภาพที่สร้างขึ้นเมื่อวานพลิกคว่ำ ทุกคนจ้องมองราวกับคนอื่นคือศัตรู

“เริ่มจับฉลากได้”

เสวี่ยอิ่งหยิบกระดาษขนาดเล็กออกมาสิบกว่าแผ่น ทุกคนไปลุมล้อมรับฉลากในชั่วพริบตา

หลังจากรู้ว่าตนอยู่กลุ่มใด บางคนรู้สึกยินดี บางคนรู้สึกเศร้า

ป๋ายเสี่ยวเฟย โม่ข่า หวู่จื๋อ จู๋ซือซือ ฟางเย่ จูนั่ว และต้วนอีอีอยู่กลุ่มแรก ที่เหลืออีกแปดคนอยู่กลุ่มสอง

หากคิดตามจำนวนและความแข็งแกร่ง กลุ่มของป๋ายเสี่ยวเฟยเสียเปรียบอย่างมากเพราะนอกจาก หวู่จื๋อ จู๋ซือซือและจูนั่วแล้ว ที่เหลือถือได้ว่าพลังกายอยู่ในระดับล่าง ในขณะที่อีกทีมมีผู้เชี่ยวชาญเยอะ

ไม่ต้องพูดถึงหวังหางและสือเฉิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ระยะประชิด แค่ต้าหมิง เสี่ยวหมิง และสือขุยก็ยากจะรับมือแล้ว

แน่นอนว่ามีหนทางที่จะพลิกสถานการณ์กลับอยู่

“ต่อไป ข้าจะแสดงวิธีใช้งานปราณกำเนิดเพื่อต่อสู้ระยะประชิดให้พวกเจ้าดู ยิ่งเจ้าสามารถจำและนำไปใช้ได้จริงมากเท่าใดโอกาสที่เจ้าจะได้หัวเราะเป็นคนสุดท้ายก็มากขึ้นเท่านั้น ตั้งใจดูให้ดี!”

เสวี่ยอิ่งเรียกหลินหลีออกมาต่อสู้พลางเอ่ยอธิบาย นางค่อยๆ ใช้วิธีหลายอย่างที่หลินหลีเรียนรู้ไปแล้ว

ไม่มีใครทราบว่าพวกเขาจำได้มากเท่าใด แต่ทุกคนล้วนได้ประโยชน์จากการสอนนี้ทั้งสิ้น หลังจากฝึกฝนด้วยตัวเองชั่วครู่ ทั้งหมดรู้สึกราวกับได้ขึ้นไปอยู่ระดับใหม่

เป็นเวลานี้เองที่ทั้งสิบห้าต่างก็มั่นใจกับการต่อสู้กลุ่มครั้งนี้!

ทั้งสองกลุ่มเตรียมตัวพร้อมต่อสู้ ถึงแม้ป๋ายเสี่ยวเฟยจะมีทักษะต่อสู้ระยะประชิดอ่อนด้อยที่สุดในกลุ่ม เขาก็ยังยืนอยู่ตรงจุดศูนย์กลางเพราะมันง่ายต่อการมองสนามรบโดยรวม ผู้ที่ยืนตรงข้ามกับเขาจากอีกกลุ่มคือคนที่พวกเขาเลือกให้เป็นหัวหน้า สือเฉิน!

การคำสั่งของเสวี่ยอิ่ง ทั้งสองกลุ่มขยับตัวโดยพลัน ที่แตกต่างคือฝั่งสือเฉินเป็นฝ่ายไล่ ส่วนกลุ่มป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นฝ่ายหนี

อย่างไรก็ตาม ไม่มีคนสังเกตุเห็นว่าขณะที่พวกเขาหนี สมาชิกของกลุ่มป๋ายเสี่ยวเฟยจงใจวิ่งเข้าใกล้กันเรื่อยๆ ในขณะที่กลุ่มของสือเฉินไล่ตามคนที่พวกเขาอยากไล่!

หวู่จื๋อและจู๋ซือซือวิ่งจนกระทั่งใกล้กันมากพอแล้วจึงหยุดหันหลังกลับไปทักทายสือขุยและต้วนอีอีข้างหลัง

ราวกับเสือหิวโหยตะครุบเหยื่อ หวู่จื๋อกดสือขุยลงพื้น ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์เขาเชี่ยวชาญนักเรื่องใช้ปราณกำเนิด และคนที่รู้เพียงครึ่งๆ กลางๆ อย่างสือขุยไม่อาจต่อต้านได้แม้แต่ครึ่งวินาที

ในอีกด้าน ต้วนอีอีและจู๋ซือซือที่อยู่ข้างๆ กำลังติดพันอยู่ในการต่อสู้ ไม่มีใครคาดคิดว่าสาวน้อยขี้อายจนถึงกับไม่ค่อยพูดจะเรียนรู้ได้มากมายเช่นนี้ในเวลาอันสั้น!

แต่ถึงแม้นางจะเรียนรู้ได้มาก ต้วนอีอีก็ยังอ่อนด้อยกว่าจู๋ซือซือในด้านความเร็วของปฏิกิริยาตอบสนองอยู่ดี

ทั้งสองจากกลุ่มป๋ายเสี่ยวเฟยชนะอย่างรวดเร็ว แต่โม่ข่าและฟางเย่ที่ถูกตามล่า สถานการณ์ของพวกเขาไม่สู้ดีนัก ต้าหมิงและเสี่ยวหมิงไม่ต้องออกแรงมากก็จับกุมพวกเขาได้แล้ว

เป็นเวลานี้เองที่เสียงของเสวี่ยอิ่งดังขึ้น

“พวกเจ้าเล่นกันอยู่หรือ!? พวกเจ้าจะต่อสู้เช่นนี้กับศัตรูที่หมายจะเอาชีวิตเจ้า!? ทำไมผู้ชายไม่กล้าจู่โจมผู้หญิง!? อย่าบอกนะว่าหากคนที่จะฆ่าเจ้าเป็นผู้หญิงเจ้าจะปล่อยให้มันฆ่า!?”

เสียงตะโกนดึงความสนใจของทุกคนมาที่นาง ในวินาทีต่อมาเสวี่ยอิ่งพุ่งเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวเฟย นางไม่กล่าวคำอันใดก่อนจะเหวี่ยงหมัดไปหาเขา

ในอีกด้าน ป๋ายเสี่ยวเฟยตอบสนองอย่างทันท่วงที เขาย่อตัวลงเล็กน้อยหลบหลีกกำปั้นของเสวี่ยอิ่งอย่างหวุดหวิดก่อนจะกวาดขาเตะไปบริเวณช่วงล่างลำตัวของนาง

แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยประเมินความสามารถของตนสูงไป ขาขวาของเสวี่ยอิ่งที่ห่อหุ้มด้วยปราณกำเนิดขยับเคลื่อนมาบรรจบลูกเตะของเขา เสียงสดใสดังกังวาน ป๋ายเสี่ยวเฟยนอนกลิ้งด้วยความเจ็บปวดโดยพลัน

“เลิกเล่นละครได้แล้ว ข้ารู้ว่าข้าใช้แรงไปมากเท่าใด กระดูกของเจ้าไม่ได้หัก”

เสวี่ยอิ่งเอ่ยเสียงเย็นชา ป๋ายเสี่ยวเฟยรีบลุกขึ้นมาอย่างสง่าผ่าเผย แต่ท่าทีประหลาดตอนลุกไม่ใช่การแสดง

“นี่คือฉากที่ข้าต้องการ หากไม่มีใครในหมู่พวกเจ้าทำเช่นนี้ได้ ทุกคนจะต้องวิ่งเพิ่มอีกสิบรอบ วิ่งจนกว่าพวกเจ้าจะจำได้!”

หากเสวี่ยอิ่งต้องการให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากในหนึ่งเดือน มันคงเป็นไปไม่ได้หากไม่ใช้วิธีทารุณสักหน่อย

“ขออภัย!”

ทั้งสองฝ่ายต่างกระโจนเข้าหากัน ไม่เหมือนกับคราแรก ผู้ที่แข็งแกร่งไล่ล่าต่อสู้ผู้ที่อ่อนแอกว่าเป้าหมายก่อนหน้านี้ พวกเขาตั้งใจเก็บกวาดพวกตัวเกะกะก่อนจะรวมพลังต่อกรคนยอดฝีมือของอีกฝ่าย

เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น ทุกคนต้องตกตะลึงกันไปเป็นแถบๆ

ผู้ที่รับรู้โดยทั่วกันว่าอ่อนแอกลับไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ผู้ที่คนอื่นมองว่าแข็งแกร่งก็มิได้แกร่งกล้าอย่างที่คิด ความเชื่อของพวกเขาบิดเบี้ยวถึงกับเมื่อต่อสู้รอบแรกจบ ร่างกายของทุกคนเต็มไปด้วยบาดแผล!

แต่ท้ายสุดแล้วฝั่งสือเฉินก็ยังมีคนมากกว่า เป็นกลุ่มของนางที่คว้าชัยชนะรอบแรกไป

และยิ่งมีประสบการณ์จากการรบคราแรก เป้าหมายที่แต่ละฝั่งตามล่าเปลี่ยนไปทันที กลุ่มป๋ายเสี่ยวเฟยแก้ไขข้อบกพร่องที่ต่อสู้กับอีกฝ่ายซึ่งๆ หน้า เขาคิดแผนใหม่ให้ทุกคน

ในรอบที่สอง กลุ่มของสือเฉินแพ้ติดๆ ไปสามสี่คน ท้ายที่สุดพวกเขาถูกแผนการโต้ตอบของป๋ายเสี่ยวเฟยอัดเละจนถึงกับลงไปนอนกองกับพื้น รอบที่สองจบไวกว่ารอบแรกถึงสิบนาที!

หลังจากพักไม่นาน รอบที่สามเริ่มต้นขึ้น ในครานี้นัยน์ตาทุกคู่แดงก่ำอย่างกระหายเลือด ราวกับว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นศัตรูคู่แค้นจริงๆ พวกเขาจู่โจมเมื่อเห็นช่องโหว่ของอีกฝ่ายโดยไม่สนว่าจะเป็นจุดตายหรือไม่!

รอบที่สามยาวนานที่สุด หวู่จื๋อล้มลงไปบนพื้น ประกาศความพ่ายแพ้ของกลุ่มป๋ายเสี่ยวเฟย แต่หลังจากผ่านการต่อสู้อันโกลาหลทั้งช่วงเช้า ทุกคนมีความเข้าใจใหม่ถึงอันดับของเพื่อนร่วมห้องที่แข็งแกร่งด้านต่อสู้ระยะประชิด!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด