เซียนเหนือวิถี บาทที่ 123 (ฟรี)
บาทที่ 123
เขตศิษย์ในกลับแตกต่างจากเขตศิษย์นอกมากนัก ที่นี่ เป็นบ้านหลังเล็กแยกเป็นหลังๆ มีขนาดเท่ากันทุกหลัง แยกออกไปด้านซ้ายและด้านขวา ไม่มีใครขัดขวางเขาไม่ให้เข้าไปในเขตศิษย์ใน แต่เมื่อหงเซียวและพวกคิดจะเดินเข้าไปข้างหน้าอีก ก็มีป้ายขวางทางเขียนติดว่า เขตศิษย์หลัก
นั่นหมายความว่าเขาจะต้องเข้าไปพักอาศัยอยู่ในแยกด้านซ้ายหรือด้านขวาเท่านั้น
ใกล้กับป้ายเขตศิษย์หลัก ข้างถนนด้านหนึ่งมีอาคารหลังใหญ่เขียนติดไว้ว่าตำหนักคัมภีร์ ขณะที่อีกด้านหนึ่งมีหอสูงเก้าชั้นเขียนติดไว้ว่า ตำหนักศิษย์ใน
พวกเขาเดินเข้าไปในตำหนักศิษย์ในก่อนเพื่อดูว่ามีข้อมูลอะไรหรือไม่
ในตำหนักศิษย์ในไม่ได้เป็นห้องโล่งๆเหมือนกับตำหนักศิษย์นอก แต่กลับคลับคล้ายโรงเตี๊ยมที่มีโต๊ะเก้าอี้ตั้งอยู่เต็มไปหมด มีคนรับใช้มาคอยรับคำสั่งและยกอาหาร ที่นี่มีคนเต็มไปหมด ทุกคนต่างแต่งกายแตกต่างกันออกไป แต่เมื่อเขาดูให้ดี ทุกคนล้วนแต่งกายซอมซ่อสกปรกและหากไม่เปื่อยขาดก็ฉีกขาดรุ่งริ่ง
หงเซียวและพวกพากันตะลึงพรึงเพริดนึกว่าตนเองเข้าผิดที่ แต่เมื่อดูที่ผังรายการข้างประตูพวกเขาก็เข้าใจ
ครัวชั้นหนึ่ง งานภารกิจชั้นสอง งานศิษย์ในชั้นสาม …
พวกเขาเดินขึ้นชั้นสอง และพบเห็นว่าชั้นสองนั้นแตกต่างไปจากชั้นแรก ที่นี่เต็มไปด้วยป้ายประกาศบนผนังด้านข้างทุกด้าน ตรงกลางมีโต๊ะสี่โต๊ะหันหลังชนกัน มีเจ้าหน้าที่คอยรับการลงทะเบียนภารกิจและจ่ายรางวัล
ที่นี่ก็เช่นเดียวกันมีผู้คนมากมาย สวมเสื้อผ้าไม่ต่างจากคนชั้นแรก ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย บ้างก็จับกันเป็นกลุ่มเลือกภารกิจแล้วไปลงทะเบียนที่โต๊ะ บ้างก็เกรอะกรังไปด้วยเลือดมาส่งภารกิจ
ถ้าจะเทียบไปแล้ว หงเซียวและกลุ่มสาวจะเหมือนกับเศรษฐีที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มยาจก พวกเขามีความแตกต่างกันมาก
หงเซียวพาเด็กสาวและหญิงสาวเดินขึ้นชั้นสาม
ชั้นสามมีคนน้อยมาก มีเพียงโต๊ะหนึ่งตัวและเจ้าหน้าที่คนเดียวนั่งอยู่ที่ด้านในสุด
หงเซียวและบรรดาหญิงสาวเดินเข้าไปยืนต่อคิว ทำให้คิวยาวขึ้นกว่าเท่าตัวในทันใด
พวกเขารออยู่ไม่นานนัก ที่เขาเห็นก็คือผู้ที่มาติดต่อดูเหมือนเกือบจะเปลือยกาย และส่วนใหญ่ก็มาเพื่อรับเสื้อผ้าใหม่ซึ่งก็ดูค่อนข้างเก่าซีดปุปะ เพียงแต่ดูสะอาดกว่าเสื้อผ้าที่พวกศิษย์ในส่วนใหญ่สวมใส่เท่านั้น
หงเซียวคิดสงสัยในใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเสื้อผ้าของเหล่าศิษย์ในกัน
เมื่อถึงตาของพวกเขา หงเซียวก็เข้าไปเป็นคนแรก เขาไม่ได้ให้เด็กสาวหรือหญิงสาวเข้าไปก่อน ในฐานะผู้นำ เขาจะต้องเข้าไปทดสอบเป็นคนแรกเพื่อให้รู้เรื่องราวมากที่สุดเพื่อที่จะช่วยเหลือบรรดาหญิงเหล่านี้ได้ถูกต้อง
“ศิษย์ในชุดใหม่รึ” คนที่นั่งอยู่ประจำโต๊ะเหลือบมองหงเซียวเพียงแวบเดียวก็รู้ได้ในทันที หงเซียวคาดว่าอีกฝ่ายน่าจะดูจากเสื้อผ้าที่สวมใส่
“นี่ป้ายประจำตัวของพวกเจ้าทุกคน ในที่นี้ทุกคนจะไม่ใช้ชื่อจริง แต่จะใช้ชื่อปีศาจเป็นคำเรียกขาน สกุลของศิษย์ในคือกุ่ย เนื่องจากว่าปีนี้เป็นปีหนู ดังนั้นชื่อรุ่นของพวกเจ้าคือสู่ จากนั้นก็จึงจะเป็นชื่อเรียกขานของเจ้า จงบอกชื่อของพวกเจ้ามาทีละคน ข้าจะได้บันทึกชื่อเจ้าลงในป้ายประจำตัว”
ป้ายประจำตัวนั้น ไม่ว่าหงเซียวจะดูอย่างไร เขาก็ต้องขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่ป้ายไม้ธรรมดาหรอกหรือ แล้วจะมีความหมายอะไร
“ข้าหงเซียว” เขาบอกชื่อ
ผู้ที่นั่งประจำโต๊ะนั้น ประกบนิ้วชี้กับนิ้วกลางเข้าด้วยกัน ปรากฏไอสีดำระเหยออกมาจากนิ้วทั้งสองนั้น ก่อนจะใช้นิ้วนั้นเขียนลงบนแผ่นป้าย
ซี่ซี่ แผ่นป้ายนั้นราวกับถูกขูดผิวออกไป เป็นรอยสลักลึกสีดำเขียนเป็นอักษรหวัดว่า กุ่ยสู่เซียว (鬼鼠霄)
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ใช้ฝ่ามือสองข้างประกบไปบนแผ่นป้าย ควันสีน้ำตาลก็กรุ่นออกมาจากแผ่นป้ายนั้น เมื่อเขาเปิดมือออกอีกครั้ง ป้ายนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นป้ายสีขาวที่มีตัวหนังสือสีดำเขียนหวัดอยู่บนป้ายนั้น
“หยดเลือดของเจ้าลงไปบนป้าย” เจ้าหน้าที่นั้นยื่นป้ายส่งให้กับหงเซียว ซึ่งต่อไปนี้จะมีฉายาว่า กุ่ยสู่เซียว
หงเซียวรับป้ายมาแล้วส่งเลือดผ่านผิวหนังออกมาลงไปบนป้าย แผ่นป้ายนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นสีแดง เจ้าหน้าที่พยักหน้าและหยิบแผนที่ออกมากางออก
“เลือกที่พักของเจ้า” เจ้าหน้าที่กล่าว
“เป็นไปได้ไหมที่พวกเราจะอยู่รวมกัน” หงเซียวถาม ทำเอาบรรดาหญิงสาวหัวใจร้อนวูบ
“บ้านที่นี่ไม่มีขนาดที่ใหญ่พอจะบรรจุคนได้ถึงสิบสองคน” เจ้าหน้าที่ตอบ “มีบ้านสำหรับคนเดียวกับบ้านสำหรับสองคนเท่านั้น”
“บ้านแต่ละหลังมีขนาดเท่าไหร่” หงเซียวถาม
“บ้านสำหรับคนเดียวมีเนื้อที่สองคูณสองเมตร บ้านสำหรับสองคนมีเนื้อที่สามคูณสามเมตร” เจ้าหน้าที่กล่าว
“พวกเราสามารถต่อเติมได้หรือไม่” หงเซียวถาม
เจ้าหน้าที่นั้นมองหน้าหงเซียวก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าจะอยู่นานเลยหรืออย่างไร มิคิดจะออกปฏิบัติภารกิจหรือฝึกฝนเพื่อความก้าวหน้าเลยรึ”
“มีคำกล่าวว่า กองทัพเดินด้วยท้อง และสำหรับข้าแล้วกองทัพควรเดินทางอย่างสะดวกสบายเมื่อมีโอกาส” หงเซียวกล่าว
เจ้าหน้าที่มองหงเซียวขึ้นลงอยู่สองสามรอบก่อนจะถอนใจกล่าวว่า “เจ้าต่อเติมบ้านได้ตามปรารถนา แต่ต้องเป็นบ้านด้านในสุด ตรงนี้ และตรงนี้เท่านั้น” เจ้าหน้าที่ชี้ให้เห็นถึงสุดปลายบ้านพักของเขตศิษย์ใน ที่นั่นมีบ้านสำหรับสองคนอยู่ด้านละสองหลัง
บ้านส่วนใหญ่ที่ใกล้กับสี่แยกและตำหนักล้วนถูกจับจองจนหมด มีเพียงด้านในลึกที่จะเริ่มบางตาลง และปราศจากผู้คนที่สุดปลาย
“ข้าเลือกหลังนี้ก็แล้วกัน” หงเซียวเลือกบ้านหลังหนึ่งในสองหลังนั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ไม่กล่าวกระไรเพียงถามว่าคู่กับใคร เมื่อหงเซียวชี้มือไปยังซีชี่ เจ้าหน้าที่ก็แค่บันทึกไว้
“ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม อยู่ที่ตรงนี้ และตรงนี้” เจ้าหน้าที่ชี้ให้หงเซียวดูแต่ละตำแหน่งที่มีห้องน้ำรวม
ห้องน้ำรวมนั้น จะอยู่ใกล้กับทางแยกห่างไปไม่มากนัก แต่ละฝั่งจะมีห้องน้ำรวมเพียงหนึ่งจุด ดังนั้นคนที่อยู่ลึกเข้าไปจะออกมาใช้ได้อย่างลำบาก
“รับทราบ” หงเซียวกล่าว
“ที่นี่ไม่มีกฏในการบังคับสวมใส่เสื้อผ้า แต่ถ้าหากเจ้าต้องการอะไร เจ้าต้องใช้แต้มภารกิจมาแลก และแต้มภารกิจเจ้าสามารถหาได้จากชั้นภารกิจ อาหารนั้นจะมีให้หนึ่งมื้อ หากต้องการมากกว่านั้นก็ต้องใช้แต้มภารกิจ อีกอย่างมีข้อห้ามฆ่ากันเอง ห้ามใช้วิชายุทธ และห้ามใช้อาวุธมีคมในเขตศิษย์ในนี้ด้วย เอาล่ะคนต่อไป” เจ้าหน้าที่กล่าว
จินหลินก้าวเข้ามา เธอกล่าวว่า “ข้าชื่อ จินหลิน ต้องการบ้านหลังนี้” เธอชี้มือไปยังบ้านสองคนอีกหลังที่อยู่ติดกับบ้านที่หงเซียวเลือก และเธอบอกว่าคู่กับเหมยเหมย
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า “ฉายาของเจ้าก็คือ กุ่ยสู่หลิน (鬼鼠林)” พร้อมกับทำการสร้างป้ายให้กับจินหลิน
“ข้าชื่อ ซิ่วจู บ้านหลังนี้” ซิ่วจูชี้ไปยังบ้านสำหรับคนเดียวอีกหลังที่อยู่ถัดจากจินหลินไป
“นี่ป้ายชื่อของเจ้า” เจ้าหน้าที่เขียนป้าย กุ่ยสู่จู (鬼鼠朱) ให้กับเธอ
เพราะว่าซีชี่คู่กับหงเซียวในการเลือกบ้าน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เลือกบ้าน และฉายาเธอก็คือ กุ่ยสู่ชี่ (鬼鼠赤)
สำหรับเหมยเหมยนั้นก็เช่นเดียวกับ ซีชี่ เธอได้ฉายาว่า กุ่ยสู่เหมย (鬼鼠梅)
ผู้เขียน: ได้เวลาที่พวกเราจะต้องทำความคุ้นเคยกับฉายาของตัวเอกของพวกเราอีกแล้ว รวมผู้เขียนด้วย รู้ไหมครับว่าเวลาผู้เขียนเปลี่ยนฉงฮุ้ยจินมาเป็นหงเซียว ผู้เชียนจะพิมพ์คำว่าฉงก่อนแล้วลบออกเปลี่ยนเป็นหงแทบทุกครั้งเลยครับ ช่างลำบากจริงๆ