บทที่ 181 รั่วเสวี่ยจะตอบรับความรู้สึกของเจ้า
"จี๊ จี๊!"
บนถนนสายหลักสายหนึ่งของเมืองหลวง รถม้าไม่กี่คันกำลังเคลื่อนไปอย่างช้าๆ สายลมยามเย็นของฤดูใบไม้ร่วงที่พัดโชยทำให้ผู้คนรู้สึกสดชื่น
"หยุด!"
มีเสียงดังมาจากรถม้าข้างหน้า รถม้าก็หยุดขณะที่จ้านอู๋ซวงผู้ซึ่งนั่งอยู่ภายในก็เปิดม่านออกมาด้วยความสงสัย ในไม่ช้า พอยามที่ขี่ม้ามาหยุดตรงด้านข้างและพูดด้วยน้ำเสียงที่เบา "นายน้อยอู๋ซวง นายน้อยอี้ต้องการที่จะดื่ม ประมุขน้อยของเราให้มาถามว่าท่านอยากจะไปด้วยหรือไม่?"
"ได้!"
จ้านอู๋ซวงพยักหน้า เขาแจ้งจ้านหลินเอ๋อร์และกระโดดออกจากรถของตนเองไปขึ้นรถม้าของเฉียนว่านก้วนในไม่ช้า
รถม้าเดินขบวนอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นไม่นานก็แยกเส้นทางกัน รถม้าคันหลังตรงไปยังโรงเตี๊ยมมังกรซ่อนเร้น ในขณะที่อีกคันแล่นไปอีกทางหนึ่ง
จ้านอู๋ซวงขึ้นรถมาเจอเจียงอี้ที่นั่งอย่างเงียบๆ เฉียนว่านก้วนผู้ที่นั่งอยู่ข้างๆก็ไม่พูดอะไรเลย จ้านอู๋ซวงมองเจียงอี้และนั่งลงโดยไม่พูดอะไรเลยเช่นกัน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา รถม้าก็จอดหน้าโรงเตี๊ยมหรูหรา เจียงอี้เป็นคนแรกที่ลุกขึ้นและเดินเข้าโรงเตี๊ยมไป เมื่อพวกเขามาถึงที่นั่นก็ดึกแล้ว แต่ก็ยังมีผู้คนมากมายในโรงเตี๊ยม เจียงอี้เหลือบมองและเดินไปทางบันไดทันที เขาขึ้นไปที่ชั้นสอง!
ชั้นสองก็มีผู้คนมากมายเช่นกัน มีโต๊ะที่มีนายน้อยและคุณหนูหลายคนที่แต่งตัวสง่างาม พวกเขาอยู่ท่ามกลางงานเลี้ยงดื่มฉลอง
เจียงอี้ผู้ซึ่งมีอารมณ์แปรปรวนอยู่แล้วรู้สึกแย่ยิ่งขึ้นเมื่อเขาเห็นโต๊ะแขกที่หัวเราะเป็นครั้งคราว คุณหนูเหล่านั้นจะปล่อยเสียงหัวเราะคิกคักเกินจริงออกมาเป็นครั้งคราวและส่งสายตายั่วยวนมาที่โต๊ะ เจียงอี้พูดอย่างเย็นชา "ข้ากำลังจะจองชั้นสองทั้งหมดนี้ ข้าจะจ่ายเงินค่าสุราของทุกท่าน โปรดขอพื้นที่ให้ข้าด้วย"
"หืม?"
ทุกคนทั้งชั้นสองเงียบไปทันที นายน้อยที่โต๊ะนั้นเหลือบตามองด้วยความโกรธ ผู้คนต่างกระแทกโต๊ะและยืนขึ้นพร้อมสบถ นายน้อยที่สามารถดื่มสุราในโรงเตี๊ยมที่แพงที่สุดในเมืองหลวงอย่างโรงเตี๊ยมบุหลันเลื่อนลอยได้นั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้ขาดแคลน
พวกเขาเป็นผู้ที่มีฐานะร่ำรวยและมีชื่อเสียง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีความสุขกับลักษณะที่หยิ่งยโสของเจียงอี้กันเท่าไหร่นัก
"ไสหัวไปซะ!"
เสียงตะโกนดังมาจากใต้บันไดและขัดจังหวะการสาปแช่งและการสบถของทุกคน ร่างอ้วนเตี้ยของเฉียนว่านก้วนเดินขึ้นมาจากบันไดขณะที่เขามองอย่างเยือกเย็นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า "พวกเจ้าจะไม่ไว้หน้าข้าหน่อยหรือ?"
"ฮะ…"
บรรดานายน้อยผู้ที่กำลังดูถูกเหยียดหยามต่างพากันเงียบในทันใด ใบหน้าของพวกเขาเริ่มยิ้มแย้มโดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเห็นจ้านอู๋ซวงกำลังตามหลังมา เหล่านายน้อยที่สาปแช่งอย่างดุเดือดต่างพากันขอโทษด้วยรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่สามารถที่จะยั่วยุสมาชิกของตระกูลเฉียนและตระกูลจ้านได้
"ทำไมพวกเจ้าจึงน่ารำคาญกันนัก? ไสหัวไปซะ ข้าจะจ่ายค่าสุราของพวกเจ้าให้!"
เมื่อเห็นว่าคนเหล่านี้กำลังจะพูดอะไรบางอย่างอีกครั้ง เฉียนว่านก้วนก็โบกมืออย่างหมดความอดทน เขาหันกลับไปคุยกับเจ้าของโรงเตี๊ยมที่ตามเขาขึ้นไปชั้นบน "จัดอาหารและสุราดีๆมาให้ข้า เร็วๆด้วย!"
เหล่ากลุ่มนายน้อยและคุณหนูต่างก็พากันออกไปในขณะที่คนอื่นๆบนชั้นสองก็ค่อยๆทยอยออกไปเช่นกัน พนักงานเสิร์ฟมาทำความสะอาดโต๊ะและเสิร์ฟทั้งสุราและอาหารที่ยอดเยี่ยมอย่างรวดเร็ว
เจียงอี้หยิบเหยือกเหล้าขึ้นมาแล้วกระดกเข้าไปโดยไม่พูดอะไรสักคำเดียว เฉียนว่านก้วนและจ้านอู๋ซวงต่างมองหน้ากันและหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากมากับเจียงอี้และดื่มร่วมกับเขา
พวกเขาสองคนรู้ว่าเจียงอี้รู้สึกขมขื่นภายในใจ ดังนั้นเฉียนว่านก้วนเลยไม่ได้พูดถึงเกี่ยวกับเรื่องที่เขาจัดคนของเขาให้คอยตามซูรั่วเสวี่ย
จ้านอู๋ซวงไม่ได้รู้เรื่องชัดเจนระหว่างเรื่องของเจียงอี้และซูรั่วเสวี่ย แต่เฉียนว่านก้วนนั้นรู้ดีมาก ความรักครั้งแรกของเจียงอี้ได้จบลงตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นเสียอีก
ถ้าเป็นคนอื่นมันอาจจะง่ายกว่าที่จะจัดการด้วย แต่เจียงอี้เป็นคนที่มองว่าความสัมพันธ์นั้นมีความสำคัญยิ่ง ลำดับความสำคัญของเขาล้วนชั่งน้ำหนักด้วยความรู้สึกของเขาและใครๆก็คงจะจินตนาการได้ว่าในวันนี้เขาเจ็บปวดเพียงใด?
เหยือกที่หนึ่ง เหยือกที่สอง…เหยือกที่สิบ!
เมื่อเฉียนว่านก้วนและจ้านอู๋ซวงเห็นว่าเจียงอี้นั้นดื่มเหล้าเข้าไปเร็วเพียงใด พวกเขาต้องการพูดปลอบโยนแต่ว่าพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
การอภิเษกระหว่างซูรั่วเสวี่ยและองค์รัชทายาทนั้นถูกกำหนดโดยราชาของทั้งสองอาณาจักรและมันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แม้ว่าเจียงเปี๋ยหลีจะเข้ามายุ่ง
หลังจากสงครามครั้งก่อน อาณาจักรต้าเซี่ยได้รับความเดือดร้อนและสูญเสียทหารไปอย่างมาก หากซูรั่วเสวี่ยไม่ต้องการให้อาณาจักรต้าเซี่ยถูกทำลาย นางก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงการอภิเษกในครั้งนี้ได้
ไม่เช่นนั้นนางอาจได้รับโทสะขององค์รัชทายาท หากราชาของอาณาจักรเสินหวู่ออกคำสั่งของเขา กองทัพของพวกเขาอาจจะบดขยี้อาณาจักรต้าเซี่ยอีกครั้ง
นี่คือเงื่อนตายที่ไม่มีใครสามารถแก้ได้!
ในความคิดของเฉียนว่านก้วน ซูรั่วเสวี่ยก็มีความรู้สึกที่ชัดเจนกับเจียงอี้และมันค่อนข้างลึกซึ้ง ไม่เช่นนั้นนางคงไม่เสี่ยงตายเพื่อเข้าสู่สุสานราชันแห่งสวรรค์หรอก จ้านอู๋ซวงก็มองเห็นมันเช่นกัน ช่วงเวลาที่เจียงอี้หายตัวไป ซูรั่วเสวี่ยก็วิตกกังวลอย่างมากและจะมาหาเขาทุกวันเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของเจียงอี้
คืนนี้ซูรั่วเสวี่ยโหดร้ายมาก แต่เฉียนว่านก้วนและจ้านอู๋ซวงต้องยอมรับว่าสิ่งที่นางทำนั้นถูกต้องแล้ว
เมื่อแน่ใจว่าพวกเขาทั้งสองคนจะไม่มีวันได้อยู่กันอย่างความสุข มันก็เป็นการดีที่จะแสดงออกมาอย่างเด็ดขาดในสถานการณ์ที่ซับซ้อนนี้ หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปจะทำให้เกิดอันตรายต่อเจียงอี้และอาจทำให้เซี่ยอู๋หุ่ยเสียสติได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งมันอาจจะทำให้เจียงอี้ไม่มีทางที่จะสร้างตัวในอาณาจักรเสินหวู่ได้เลย!
"ปัง!"
ในที่สุดเจียงอี้ก็เมา ในขณะที่เขาโงนเงนและล้มลงไปกับพื้น เขาพยายามไต่กลับขึ้นมานั่งและผลักเฉียนว่านก้วนที่มาช่วยเขา เขาคุกเข่าข้างหนึ่งแล้วก้มลง ร่างกายของเขาสั่นไหวไม่หยุด แต่เขาไม่สามารถอาเจียนออกมาได้
"ลูกพี่ ถ้าเจ้ารู้สึกแย่จริงๆก็ร้องไห้ออกมาเถอะ!"
เฉียนว่านก้วนมองหน้าเจียงอี้และเปิดปากของเขา “ที่นี่ เราทุกคนเป็นพี่น้องกัน ไม่มีอะไรน่าละอายเลย ร้องไห้ออกมาและนอนหลับให้เสียสนิทแล้วทุกอย่างจะจบลง ทั่วพิภพผืนนี้มีสาวงามอีกมากมาย ด้วยคุณสมบัติของเจ้า มันคงไม่ใช่เรื่องยากที่จะได้แต่งงานกับองค์หญิงสักองค์ ลูกผู้ชายต้องทนได้ทุกอย่างไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอะไร ...”
"ถูกต้อง!"
จ้านอู๋ซวงยังพูดและโน้มน้าวเขาว่า "เจียงอี้ อย่าให้ข้าดูถูกเจ้าได้ ลูกผู้ชายควรมีจิตวิญญาณที่ไม่ย่อท้อ เราควรยืนหยัดที่จะบุกเข้าไปในสนามรบ ลูกผู้ชายควรมุ่งมั่นที่จะสังหารศัตรูและไปถึงจุดสูงสุดของเต๋าวรยุทธ เราไม่ควรหลงใหลกับความสัมพันธ์ สงครามราชอาณาจักรกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เจ้าต้องการที่จะไปแสวงหาความตายในนั้นหรือ? "
เจียงอี้ไม่ได้ตอบอะไรกลับ ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินที่ทั้งคู่พูด เขาคุกเข่าบนพื้นเหมือนเดิมโบกมือ ไม่นานหลังจากนั้น ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา "พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าขออยู่อย่างสงบกับตัวเองก่อน!"
"ลูกพี่..."
เฉียนว่านก้วนอยากจะพูดต่อ แต่เจียงอี้ก็หันมาจ้องมองพวกเขา เขาคำราม "กลับไปซะ!"
"เฮ้อ!"
จ้านอู๋ซวงถอนหายใจเล็กน้อยแล้วเดินลงบันไดไป เฉียนว่านก้วนมองสีหน้าอันดุเดือดของเจียงอี้และพึมพำเหมือนผู้หญิงที่มีความแค้น "ข้าจะไปหากเจ้าต้องการเช่นนั้น ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องพูดจารุนแรงใส่กันเลย ... "
หลังจากที่พวกเขาทั้งสองออกไป พวกเขาก็ให้ชายไม่กี่คนป้องกันอยู่ตรงทางเข้าบันได เมื่อเจียงเปี๋ยหลีส่งคำสั่งลงมาแล้วคงไม่มีใครกล้าสังหารเจียงอี้ก่อนสงครามราชอาณาจักร ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเจียงอี้กันเท่าไหร่นัก
"แกร๊งง!"
หลังจากพวกเขาทั้งสองออกไป เจียงอี้ก็ผะอืดผะอมอีกครั้งและพยายามยืนขึ้น
ขาของเขาโซเซและตกลงไปที่พื้นอีกครั้ง
ทุกครั้งที่เขาพยายามลุกขึ้นมา เขาจะไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ ในที่สุดเขาก็นอนอยู่ที่มุมกำแพง สีหน้าของเขาซีดจากการดื่มและดวงตาของเขาก็แดงก่ำ แต่สีหน้าของเขาดูสงบนิ่ง ดวงตาของเจียงอี้จ้องมองอย่างว่างเปล่า ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
เจียงอี้นอนบนพื้นตลอดสี่ชั่วโมงก่อนจะลุกขึ้นเมื่อพอยืนไหว เขาหยิบเหยือกเหล้าและเดินลงไป และผลักทหารของเฉียนว่านก้วนออกไป เขาเดินโซเซและเดินไปตามถนน ขณะที่เดินออกไปข้างนอกราวกับว่าเขากำลังหลงทาง
มันเป็นช่วงดึกและมีฝนตกปรอยๆ รอบๆนั้นไม่มีผู้คนสักคนเดียว
เจียงอี้ยืนอยู่กลางถนนพร้อมกับความรู้สึกที่ว่างเปล่า เขาหันหน้าไปมองท้องฟ้า ปล่อยให้ฝนตกลงมาชโลมบนใบหน้าและเสื้อผ้าของเขา เขามองเข้าไปบนท้องฟ้ามืดครึ้ม ด้วยดวงตาที่แคบของเขากำลังมองว่าลมพัดผ่านเม็ดฝนเล็กๆได้อย่างไร มันเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหนาวเหน็บโดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่มีฝนตกในฤดูใบไม้ร่วง....
"ปัง!"
หลังจากจ้องมองไปครู่หนึ่งเขาหลับตาและทนพิษสุราไม่ไหว ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ร่วงลงไปและหลับอย่างสงบอยู่กลางถนนทั้งอย่างนั้น
"ตึกๆๆ!"
จากมุมถนนที่ห่างไกลออกไป มีเสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้น ความงามที่สมบูรณ์แบบในชุดสีขาวเดินออกมาพร้อมกับร่ม นางมองไปที่เจียงอี้ผู้ซึ่งนอนอยู่บนพื้นจากระยะไกลและกัดปากของนางขณะที่น้ำตาสองสายหลั่งรินลงมาอย่างเงียบๆ หลังจากผ่านไปไม่นานนางก็ถอนหายใจเบาๆ "เจียงอี้ หากชาติหน้ามีจริง รั่วเสวี่ยจะตอบรับความรู้สึกของเจ้า!"