ตอนที่แล้วบทที่ 179 ไม่ทำลายความปรองดอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 181 รั่วเสวี่ยจะตอบรับความรู้สึกของเจ้า

บทที่ 180 อย่าได้โทษว่าข้าใจร้าย!


ฟึ่บ!

ในขณะที่จ่างซุนอู๋เหินกำลังทะยานเข้ามาใกล้ เจียงอี้ก็ใช้ดวงตาที่ถูกยกระดับโดยแก่นแท้พลังสีดำในการทำนายวิถีการโจมตีของอีกฝ่าย

เขายื่นขาไปด้านข้างและเบี่ยงตัวหลบคลื่นพลังอันน่ากลัวที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน

“ตู้มมม!”

คลื่นพลังดาบเข้าชนกับประตูบานใหญ่ ทันใดนั้นเองอาคมยับยั้งก็สว่างวาบ ห้องฝึกฝนสั่นสะเทือนเล็กน้อยแต่ก็ไม่ปรากฏร่องรอยความเสียหายอันใด เห็นได้ชัดว่าอาคมยับยั้งของห้องนี้ทรงพลังยิ่งนัก

“ฝ่ามือระเบิดแก่นแท้!”

เท้าของเจียงอี้ไม่ได้หยุดนิ่ง เขาพลิกตัวและอาศัยแรงระเบิดจากฝ่ามือระเบิดแก่นแท้เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหว

พริบตาเดียว เขาก็มาถึงตัวนายน้อยของตระกูลจ่างซุนผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ทางมุมซ้ายของห้อง!

แม้ว่านายน้อยผู้นั้นจะตกใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ควบคุมสติได้ดี เขายกหน้าไม้สังหารเทพขึ้นมาและเล็งไปที่เจียงอี้

“ไอ้สารเลว! ตายซะ!”

แต่ทันใดนั้นเองนายน้อยจากตระกูลจ่างซุนผู้นั้นก็เปลี่ยนใจกะทันหัน เขาเก็บหน้าไม้สังหารเทพลงไปและชักดาบยาวที่อยู่ข้างเอวขึ้นมาแทน

จากนั้นเขาก็ใช้ออกด้วยทักษะบางอย่างที่ทำให้ร่างของเขาแยกออกมาเป็นสามร่างพร้อมกับจวกแทงดาบไปข้างหน้าหมายจะสังหารอีกฝ่ายให้ตาย

นายน้อยหนุ่มไม่คาดหวังว่าตัวเองจะสามารถสังหารเจียงอี้ได้จริงๆ เขาเพียงแค่ต้องการถ่วงเวลาให้จ่างซุนอู๋เหินและคนที่เหลือตามมาสมทบก็เท่านั้น

ตราบเท่าที่สามารถตรึงเจียงอี้ไว้ได้นานพอ อีกฝ่ายจะต้องตกตายภายใต้คมดาบของจ่างซุนอู๋เหินอย่างแน่นอน

“ไอโง่เอ้ย!”

เจียงอี้ฉีกยิ้มกว้าง ดาบเกล็ดทมิฬที่อยู่ในมือส่องแสงวูบวาบและหายวับไปกลางอากาศ จากนั้นมันก็ถูกแทนที่ด้วยหน้าไม้สังหารเทพสองคัน

สลักเกลียวของหน้าไม้ทั้งสองถูกปลดออกพร้อมกับลูกศรของลูกที่เจาะทะลวงร่างของจอมยุทธรุ่นเยาว์จากตระกูลจ่างซุนอย่างไร้ปรานี

ชายคนนั้นยังไม่ทันที่จะได้อ้อนวอนขอชีวิตก็สิ้นใจไปเสียแล้ว

“เซิ่งเทียน!”

“พี่สาม!”

จ่างซุนอู๋เหินและอีกสามคนที่เหลือร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า

พวกเขารู้ถึงความแข็งแกร่งของลูกพี่ลูกน้องของตัวเองเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกอีกฝ่ายสังหารในพริบตา!

“ยิงมันเลย! อย่าปล่อยให้รอดไปได้!”

จ่างซุอู๋นเหินคำรามด้วยความโกรธแค้น เมื่อได้ยินเช่นนั้น นายน้อยจากตระกูลจ่างซุนที่เหลือต่างก็ระดมยิ่งหน้าไม้สังหารเทพที่อยู่ในมือ ในเวลาเดียวกันจ่างซุนอู๋เหินก็ปลดปล่อยคลื่นดาบออกมาอีกครั้งและหวังว่าจะผ่าร่างของเจียงอี้เพื่อดับไฟแค้น

“หน้าไม้สังหารเทพอีกแล้ว? เหอะ ข้าเองก็มีอยู่ไม่น้อย!”

หน้าไม้สังหารเทพให้มือของเจียงอี้หายวับไปและถูกแทนที่ด้วยหน้าไม้คันใหม่ทั้งสอง จากนั้นเขาก็ยิงลูกศรออกไปก่อนที่จะม้วนตัวไปข้างหน้าเพื่อคว้าร่างไร้วิญญาณของเซิ่งเทียนขึ้นมา

“ปัก-ปัก!”

“ตู้มม!”

ลูกศรทั้งสามที่ถูกปล่อยจากหน้าไม้ของตระกูลจ่างซุนทะลวงเข้าไปในร่างของเซิ่งเทียน ไม่เพียงแค่นั้น คลื่นพลังดาบของจ่างซุนอู๋เหินก็ตรงเข้ามาและระเบิดศพของเขาจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“อ๊ากกก!”

เมื่อเห็นสภาพที่น่าสังเวชของญาติพี่น้องตัวเอง จ่างซุนอู๋เหินและคนอื่นๆก็แทบจะเสียสติด้วยความแค้น

ไม่มีเวลาให้บรรจุลูกศรเข้าไปใหม่ พวกเขาชักอาวุธออกมาและโถมตัวเข้าหาเจียงอี้ด้วยความบ้าคลั่ง

“ต้องแบบนี้สิ!”

นี่คือผลลัพธ์ที่เจียงอี้ต้องการ หากไม่ทำให้คนพวกนี้เสียสมาธิ การสังหารพวกมันทั้งหมดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าอาคมยับยั้งของที่นี่จะถูกเปิดใช้งาน แต่ก็ยังมีประตูกลซึ่งสามารถใช้หลบหนีได้ด้วยการแตะเบาๆ

หากว่าพวกมันทั้งสี่ไม่มีโอกาสที่จะหลบหนี เช่นนั้นการต่อสู้ครั้งนี้ก็จบแล้ว!

“เข้ามาเลย!”

แก่นแท้พลังสีดำไหลเวียนลงไปยังส่วนขาของเจียงอี้ เขาใช้ขาทั้งสองยันไปที่กำแพงและพุ่งตรงเข้าหาจ่างซุนอู๋เหิน

“ตายซะ!”

คราวนี้จ่างซุนอู๋เหินไม่ได้โจมตีด้วยคลื่นพลังดาบ แต่เขาใช้วิธีสะสมพลังไว้ที่ดาบยาวเพื่อที่จะเข้าห้ำหั่นกับเจียงอี้ด้วยตัวเอง

นายน้อยตระกูลจ่างซุนที่เหลืออีกสามคนต่างก็งัดทักษะที่ทรงพลังที่สุดออกมาและขนาบโจมตีจากทุกทิศทาง

“อ่อนหัด!”

เจียงอี้แสยะยิ้ม ทันใดนั้นเองเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงกลัวก็ลุกโชนออกมาจากร่างของเขา เมื่อเปลวเพลิงอันลึกลับปรากฏขึ้นมา ทั่วทั้งห้องฝึกฝนก็สว่างไสวไปด้วยแสงของมัน

“บัดซบ! หนีเร็ว—!”

กลิ่นอายของพลังจากดาบของจ่างซุนอู๋เหินสูญสลายไป ในเวลาเดียวกันสีหน้าของเขาก็เผยให้เห็นความหวาดกลัวถึงขีดสุดเมื่อจ้องมองไปยังเพลิงโลกาที่อยู่ตรงหน้า

แม้ว่าเขาจะอยู่ห่างจากเจียงอี้ถึงเจ็ดเมตร แต่เขาก็รู้สึกว่าร่างกายกำลังถูกแผดเผาและปวดแสบปวดร้อน จากนั้นเขาก็หันหลังกลับด้วยความร้อนรนและโกยแนบในทันที

“ฟึ่บ!”

อีกสามคนที่เหลือได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว พวกเขารู้ดีว่าเปลวเพลิงที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่อะไรที่พวกเขาจะต้านทานได้ ดังนั้นพวกเขาจึงกลับหลังหันและวิ่งตามจ่างซุนอู๋เหินไปยังประตูทางออกอย่างไม่ลังเล

“คิดว่าจะหนีข้าพ้นอย่างนั้นรึ?”

เจียงอี้หัวเราะด้วยน้ำเสียงราวกับปีศาจ วินาทีต่อมาเขาก็ควบแน่นแก่แท้พลังไว้ที่ฝ่ามือ จากนั้นก็ใช้แรงส่งเพื่อผลักเพลิงโลกาที่กำลังลุกไหม้ไปข้างหน้า พริบตาเดียวมันก็กลืนกินร่างของผู้ที่กำลังหลบหนีทั้งหมด

เพลิงโลกาทรงพลังขนาดไหนกัน?

คำถามนี้แม้แต่เจียงอี้ก็ไม่สามารถตอบได้ ย้อนกลับไปตอนที่อยู่ในหุบเขาอัคคีเมฆา เพลิงโลกาสามารถแผดเผาได้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยว ดังนั้นต่อให้ไม่ต้องสืบก็รู้ว่าคนเหล่านี้จะต้องตายอย่างแน่นอน

“อ๊ากก—!”

นอกเหนือจากจ่างซุนอู๋เหิน ร่างของทั้งสามคนที่เหลือก็ถูกเผาจนเหลือเพียงแค่เถ้าถ่าน แม้แต่อาวุธของพวกเขาก็ถูกหลอมละลาย ฉากที่เกิดขึ้นนี้ช่างน่าสยดสยองยิ่งนัก

“ฟึ่บ!”

เจียงอี้พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงและรีบดูดซับเพลิงโลกาที่กำลังเผาไหม้อยู่ในอากาศกลับเข้ามาในไข่มุกวิญญาณเพลิง จากนั้นเขาก็หันไปอีกด้านและใช้เศษเสี้ยวของเพลิงโลกาเพื่อเผาทำลายซากศพที่เหลือของจ่างซุนเซิ่งเทียน

หลังจากที่ตรวจสอบอย่างดีแล้วว่าไม่หลงเหลือร่องรอยใดๆทิ้งไว้ เจียงอี้ก็ใช้มือปัดขี้เถ้าบนเสื้อและเดินไปทางประตูอย่างใจเย็น

“แอ๊ดด!”

หลังจากที่ประตูกลเปิดออก อาคมยับยั้งก็สลายไป ทันทีที่เจียงอี้ก้าวเท้าออกมา การแสดงออกทางสีหน้าของฝูงชนก็เปลี่ยนไป แม้แต่เฉียนว่านก้วนและคนใกล้ชิดคนอื่นๆเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน

ประตูห้องฝึกฝนเพิ่งปิดลงไปเพียงแค่ไม่กี่สิบลมหายใจเท่านั้น ทำไมเจียงอี้ถึงกลับออกมาเร็วนักเล่า? เป็นไปได้หรือที่เขาจะกำจัดจ่างซุนอู๋เหินและคนที่เหลือได้ในเวลาสั้นๆแค่นี้?

เมื่อไม่สามารถสัมผัสได้ถึงสัญญาณชีวิตอื่นนอกเหนือจากเจียงอี้ จ่างซุนอู๋จี้และสมาชิกตระกูลจ่างซุนก็หน้าซีดลง ภายในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเหลือเชื่อในเวลาเดียวกัน

“อ่า แย่ล่ะสิ!”

หลังจากที่เจียงอี้เดินออกมาแล้ว เขาก็จ้องมองไปที่เซี่ยอู๋หุ่ยและกล่าวออกมาด้วยท่าทีสบายๆ

“เป็นพวกมันที่ต้องการจะเอาชีวิตข้าก่อน ตัวข้าเองก็ยั้งมือไม่เป็นเสียด้วยเลยเผลอฆ่าพวกมันไปทั้งหมด ฮ่าฮ่า ข้าต้องขออภัยฝ่าบาทที่สร้างเรื่องยุ่งยากให้ท่านเสียแล้ว…”

หลังจากที่กล่าวจบ เขาก็เมินเฉยต่อท่าทีของเซี่ยอู๋หุ่ย, จ่างซุนอู๋จี้, เซี่ยเถียนและคนอื่นๆโดยสิ้นเชิง จากนั้นเขาก็เขาไปหาเฉียนว่านก้วนและกล่าว

“ข้าเหนื่อยแล้ว อยากกลับไปพักผ่อน รบกวนนายน้อยเฉียนช่วยจัดรถม้าให้ข้าสักคันได้หรือไม่?”

“ได้ ได้!”

เฉียนว่านก้วนถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ เขาก็หันไปโค้งคำนับให้กับเซี่ยอู๋หุ่ยและกล่าว “ฝ่าบาท กระหม่อมขอทูลลา!”

จ้านอู๋ซวงและคนอื่นๆเองก็ขอตัวกลับเช่นกัน ในเมื่องานเลี้ยงนี้สูญเสียความน่าสนใจไปแล้ว พวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อ

แต่หลังจากที่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เจียงอี้ก็หยุดฝีเท้าและหันกลับไปมององค์หญิงเซี่ยเฟยหยู จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“องค์หญิง ไม่ใช่ว่าท่านลืมสัญญาที่ให้ไว้ไปแล้วหรอกนะ?”

เซี่ยเฟยหยูเหลือบไปมองสีหน้าที่มืดมนของเซี่ยอู๋หุ่ยและเซี่ยเถียน จากนั้นนางก็กัดฟันแน่นก่อนที่จะกล่าว

“เจ้าพูดอะไรอย่างนั้นนายน้อยเจียง เจ้ากลับไปก่อนเถิด เดี๋ยวองค์หญิงผู้นี้จะตามไปทีหลัง”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

เจียงอี้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาและเดินต่อไปด้วยท่าทีอันไม่แยแส

“ข้าแค่พูดเล่นเท่านั้น องค์หญิงไม่จำเป็นต้องจริงจังก็ได้ ข้ามันก็แค่สามัญชนผู้ต้อยต่ำคนหนึ่ง จะไปกล้าทำให้องค์หญิงผู้สูงศักดิ์ต้องมัวหมองได้ยังไง? จริงไหม?”

จากนั้นเจียงอี้ก็เดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความดูถูกซึ่งยังคงดังก้องอยู่ในหูของทุกคน ใบหน้าของพวกเขาร้อนผ่าวไปด้วยความอับอาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซี่ยเถียนที่แทบจะคลุ้มคลั่ง

หากคนที่ต้อยต่ำเช่นนั้นสามารถเข่นฆ่าอัจฉริยะของตระกูลชั้นนำได้ในเวลาสั้นๆ แล้วคนที่อ่อนแอกว่าอย่างพวกเขาควรจะถูกเรียกว่าอะไร?

“โธ่เว้ย!”

เซี่ยเถียนสบถออกมาและสะบัดก้นจากไปในทันที ทางหน้าของจ่างซุนอู๋จี้ เขามองไปยังทิศทางที่เจียงอี้จากไปด้วยสายตาที่อัดแน่นไปด้วยความแค้น จากนั้นเขาก็พาสมาชิกตระกูลจ่างซุนกลับออกไปเช่นกัน

ในตอนนี้มีเพียงองค์รัชทายาทที่ยังคงระงับโทสะเอาไว้ได้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเขาไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนกับก่อนหน้านี้

“พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนกันเถอะ”

เมื่อแขกทุกคนเดินทางกลับหมดแล้ว องค์ชายเซี่ยอู๋หุ่ยก็เดินกลับไปยังห้องจัดงานเลี้ยง จากนั้นไม่นาน บ่าวไพร่คนหนึ่งก็เดินเข้ามารายงานว่าซูรั่วเสวี่ยเดินทางกลับไปแล้วตั้งแต่ตอนที่ทุกคนมุ่งหน้าไปห้องฝึกฝน

“เพร้ง!”

เซี่ยอู๋หุ่ยไม่สามารถระงับเพลิงโทสะไว้ได้อีกต่อไป เขาคว้าแก้วไวน์ขึ้นมาและเขวี้ยงออกไปเพื่อระบายความโกรธ

“นังสารเลว! เจ้าไม่รู้หรือว่าองค์ชายผู้นี้ระแคะระคายความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับไอเศษสวะนั่นอยู่นานแล้ว?!”

“เหอะ! เจียงเปี๋ยหลี หากบุตรชายของเจ้ายังคงทำตัวแบบนี้ต่อไปและยังกล้าที่จะยุ่งเกี่ยวกับซูรั่วเสวี่ย… เช่นนั้นก็อย่าได้โทษว่าข้าใจร้าย!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด