บทที่ 106 เทพพระเจ้า!
บทที่ 106 เทพพระเจ้า!
ผู้แปล loop
หลังจากทานยาไปสองเม็ดแล้วใบหน้าของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวจะค่อยๆมีสีหน้าดีขึ้น
หยานเหลียงยังคงยึดมั่นกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิว :“ท่านเป็นยังไงบ้างครับ?”
“ดีขึ้นมากเลย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวมองไปที่ทิศทางที่ดงซูบินยืนอยู่และส่งลอยยิ้มของเขาให้กับดงซูบิน
หยานเหลียงพึงรอดพ้นจากวิกฤติครั้งยิ่งใหญ่มาได้เขาพูดออกมาแบบถูกๆผิด:“มันเป็นเพราะผม ผมเกือบ……. ผม……”
“ฮ่าฮ่า ฉันสบายดีแล้ว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวดูมีความสุขมากขึ้น “มันเป็นเรื่องปกติสำหรับคนแก่แต่ตอนนี้ฉันก็ปกติดีแล้วล่ะ”
หลังจากเหตุการณ์ทุกคนในสำนักงานก็หมดอารมณ์ที่จะเยี่ยมชมสำนักงานอีกต่อไป เมื่อคนขับรถของหยานเหลียงและคนขับรถของรัฐมนตรีหลิวมาถึง รัฐมนตรีหลิวกับบอดี้การ์ดของเขาก็ขึ้นรถไป ตอนนั้นหยานเหลียงมองไปที่ดงซูบิน เขาเองรู้สึกขอบคุณความโชคดีในครั้งนี้และมีความประหลาดใจอยู่บางเล็กน้อยเพราะเขาเคยว่าดงซูบิน เคยวิ่งเข้าไปในห้องของทำงานที่ถูกไฟไหม้เพื่อปกป้องเอกสารบางอย่างและเคยได้ยินเรื่องราวของเขาจากคนอื่น ๆที่ดงซูบินเคยก่อวีรกรรมไว้ เขาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก ‘ฉายานักผจญเพลิง? เป็นผู้ช่วยชีวิตทุกๆสถาณการณ์ที่มีปัญหาอย่างงั้นหรอ ?’ ทุกครั้งหยานเหลียงคิดว่านี้เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ แต่วันนี้เขาได้สัมผัสกับปาฏิหาริย์ของดงซูบิด้วยตัวเอง หยานเหลียงเชื่อจริง ๆ ว่าดงซูบินเป็นผู้วิเศษที่สามารถช่วยหัวหน้าของเขาได้ในทุกสถานการณ์เพราะถ้าไม่ได้ยาแก้โรคหอบหืดในครั้งนี้ชีวิตการทำงานของหยานเหลียงคนจบสิ้นกัน
หลังจากที่ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ…… ทุกคนในที่เกิดเหตุกำลังจ้องมองไปที่ดงซูบินราวกับว่าเขาเป็นพระเจ้า
หยานเหลียงโบกมือให้กับดงซูบินให้เขามาหาเขา “ทำได้ดีมาก นายได้รับคำชื่นชมทั้งหมดสำหรับการช่วยชีวิตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิว ทำไมนายถึงพกยามากมายขนาดนั้นมาด้วยล่ะ”
ดงซูบินเริ่มสร้างเรื่องราวโกหกขึ้นมาเพื่อตบตาการกระทำของเขา:“โอ้เพื่อนบ้านของผมเองก็ป่วยด้วยโรคนี้เหมือนกันครับ และยาพวกนี้ก็เป็นของเพื่อนบ้านของผม”
นี่เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆหรือ หยานเหลียงเริ่มสงสัยว่าดงซูบิน เขาอาจจะสังเกตเห็นว่าเขาลืมกระเป๋าของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวและจงใจไปซื้อยาเหล่านี้เพื่อเอาหน้าก็ได้ แต่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้สักครู่และรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ แม้แต่ตัวเขาเองที่เป็นคนสนิทของรัฐมนตรีของหลิวก็ไม่เคยรู้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวเป็นโรคหอบหืด แล้วดงซูบินจะรู้ได้อย่างไร หยานเหลียงไม่เข้าใจว่าทำไมและตัดสินใจหยุดคิดเรื่องนี้ เขาพยักหน้ารับดงซูบินและพูดว่า:“อย่างงั้นไปกลับกันเถอะ มาซูบินขึ้นรถมากับฉัน”
ตอนนี้ดงซูบินรู้สึกปลื้มใจเป็นอย่างมากและขึ้นรถไปกับหยานเหลียงส่วนคนที่เหลือก็ต้องเดินกลับไปที่สำนักงานด้วยตัวเอง
ตอนนี้ดงซูบินนั้งอยู่ในรถเขานั่งอยู่ที่เบาะผู้โดยสารด้านหน้าและรู้สึกว่ามันเป็นเวลาที่เหมาะสม เขาหันมาและกล่าวว่า“หัวหน้าหยานครับพรุ่งนี้จะลงทะเบียนสำหรับหลักสูตรการฝึกอบรมผู้บริหารสำหรับพรรคคอมมิวนิค ผมยังรู้สึกว่าฉางจี้ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วม เพราะเหตุการณ์เกี่ยวกับบันทึกการประชุมเขาต้องเป็นคนที่เจตนาทำเช่นนั้นแน่ๆ……ครับ”
หยานเหลียงขัดจังหวะเขา:“ตกลง รอกลับไปที่สำนักงานก่อนและรอฟังข่าว”
หัวใจของดงซูบินกำลังเต้นเร็วมากขึ้น เพราะหัวหน้าหยาน ……ตอบตกลงที่จะพิจารณาเรื่องนี้ให้เขาใหม่อีกครั้ง
รถของหยานเหลียงได้มาถึงที่สำนักงานสาขาเขตแล้ว
เมื่อกลับไปที่สำนักงานหยานเหลียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาผู้ว่าการทางการเมืองโจว “ผู้ว่าการทางการเมืองโจว หลักสูตรการอบรมผู้บริหารที่มอบหมายให้กับฉางจี้ที่มาจากสำนักกิจการทั่วไป? ฉันไม่คิดว่าเขาเหมาะสมนะ เขายังไม่ได้เป็นหัวหน้าระดับแผนก เขาจะสามารถเข้าร่วมหลักสูตรฝึกอบรมที่สำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร มันจะทำให้เจ้าหน้าที่คนอื่นขุ่นเคืองได้นะ”
โจวเกาถึงกับพงักและไม่ได้ตอบอะไนกลับมา
หยานเหลียงไม่ได้ให้โอกาสเขาในการโต้ตอบคำถาม “ฉันคิดว่าหัวหน้าซูบินจากสำนักงานกิจการทั่วไปนั้นมีคุณสมบัติเหมาะสมกว่า เจ้าหน้าที่ประเภทนี้ควรได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ให้เขาเข้าร่วมหลักสูตรในครั้งนี้นะ”
ใบหน้าของโจวเกาถึงกับเปลี่ยนสี:“หัวหน้าหยาน หัวหน้าคงไม่ได้พูดจริงๆใช่ไหมครับ?”
“นี่คือการตัดสินใจของฉันและเป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้าย” หยานเหลียงไม่สนใจสิ่งที่โจวเกาคิด เพราะเขาเป็นหนี้บุญคุณดงซูบินอยู่ ถ้าเขาไม่ได้ให้ความช่วยหลือดงซูบินในเรื่องการรฝึกอบรมครั้งนี้และย้ายออกไปคนอื่นจะคิดกับเขาอย่างไรกัน
ใบหน้าของโจวเกาซีดขึ้นมาทันที่หลังจากเขาถูกตัดสายไปอย่างกะทันหัน เขาโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะแล้วคว้าถ้วยน้ำชาแล้วโยนมันไปที่ผนัง
ดงซูบิน คนที่พึงเข้ามาในสำนักงานไม่ถึง 3 เดือนทำให้แผนการของเขาหยุดชะงักลงถึงสองครั้ง! เนื่องจากโจวเกาได้เผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับฉางจี้ที่จะได้การเข้าร่วมการฝึกอบรมสำหรับผู้บริหารระดับสูง แล้วและตอนนี้เขาต้องถอนชื่อฉางจี้ออกมาใช่ไหม? และเขาต้องใส่ชื่อของดงซูบินไปแทน ซึ่งดงซูบินเป็นคนที่จงใจยั่วยุเขาโดยใส่รูปขนมลงในบันทึกการประชุม! ‘หยานเหลียงแกกำลังคิดอะไรอยู่ นี้เป็นคำสั่งครั้งสุดท้ายก่อนออกจากตำแหน่งของแกจริงๆหรอ?’ การกระทำครั้งนี้นี่เหมือนเป็นการตบหน้าโจวเกาอย่างแรง!
หลังจากคิดบางอย่างอยู่พักหนึ่งโจวเกา จึงยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาว่า“สวัสดี? หัวหน้าหยานน่าจะไปกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวกับสำนักงานสาขา ทำไมเขากลับมาเร็วจังล่ะ ช่วยฉันหาสาเหตุของเรื่องนี้ที่” โจวเการู้ว่าต้องมีเหตุผลว่าทำไมหยานเหลียงถึงให้คำสั่งนี้เป็นคำสั่งสุดท้ายของเขา
ในเวลาเดียวกันข่าวของดงซูบินที่ถูกแทนที่ฉางจี้ก็กระจายไปทั่วสำนักงาน สำหรับการเข้าร่วมหลักสูตรฝึกอบรมของพรรคคอมมิวนิกส์ ทุกคนตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้
‘มันเป็นเรื่องจริงเหรอ?’ ในตอนเช้าทุกคนยังคงพูดคุยถึงจุดจบของอาชีพของดงซูบินอยู่ แต่ในตอนบ่ายทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป นอกจากนี้แม้ว่าดงซูบินจะไม่ถูกับผู้ว่าการทางการเมืองโจว แต่เขาก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองหัวหน้า รวมถึงเรื่องการอบรมด้วยมันไม่ควรที่จะเป็นเช่นนี้ มันจะเป็นดงซูบินได้อย่างไรเขามาด้วยโชคเช่นนั้นหรอ?
เสี่ยวหยาน และ ซองโฉวจือ กำลังสนทนากันที่ห้องทำงานของเขาเมื่อพวกเขาได้ยินข่าวนี้ พวกเขาก็ตกใจเช่นกัน ‘เกิดอะไรขึ้น?’ ปฏิกิริยาของหยางจินหงษ์, ปางบิน, หลิวหัว, และคนอื่น ๆ ก็เหมือนกับเสี่ยวหยาน และ ซองโฉวจือพวกเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาเจ้าหน้าที่ที่ออกไปพร้อมกับหัวหน้าหยานเหลียงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิว มันต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นที่นั่น
เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทางพวกเขาก็เข้าใจทันทีว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้……และพวกเขาก็ตกตะลึง
ระหว่างทางไปห้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวมีอาการโรคหอบหืดและหัวใจวาย แต่หัวหน้าหยานลืมนำกระเป๋าของรัฐมนตรีหลิวที่มียาไปด้วย และเมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวตกอยู่ในอาการร้ายแรงดงซูบินก็นำยารักษาโรคหอบหืดมาให้ นอกจากนี้เขายังมียาไนโตไกลซีนอยู่ด้วยมันทำให้เขากลายเป็นคนที่ช่วยชีวิตรัฐมนตรีหลิว
ทุกคนต่างกระซิบกระซากกันถึงเรื่องนี้
“……”
นี้มันบังเอิญมากเกินไปแล้ว พวกเขาอุทานกันออกมา!
ไม่มีใครคาดคิดว่าดงซูบินจะช่วยหัวหน้าหยานสำหรับเหตุการณ์นี้รวมถึงช่วยตัวเขาเองไม่ให้พ้นไปจากการเป็นข้าราชการได้
เมื่อหัวหน้าซูบินเป็นคนที่วิ่งเข้าไปในห้องที่เกิดเพลิงไหม้เพื่อไปเอาเอกสาร แค่เรื่องนี้ก็ทำให้หลายคนตกใจมากพอแล้ว
รวมไปถึงเมื่อหัวหน้าซูบินพุ่งรับลูกจุดโทษเขาก็ทำให้หลายคนตกใจเพิ่มมากขึ้นไปอีก
และเมื่อหัวหน้าซูบินทำประตูในวินาทีสุดท้ายของการแข่งขันฟุตบอล เขาทำให้หลายคนแทบหัวใจหวาย
เมื่อหัวหน้าซูบินได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองหัวหน้าสำนักงานกิจการยิ่งทำให้ทุกคนตกตะลึงมากขึ้นไปอีก
แต่คราวนี้คำว่า“ตกตะลึง” ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไปว่าตอนนี้พวกเขารู้สึกอย่างไรกับดงซูบิน
ดงซูบินสามารถรับลูกโทษทำประตูชนะและวิ่งเข้าไปในห้องทำงานและพุ่งออกมาจากทางหน้าต่างบนชั้นสอง
หัวหน้าซูบินไม่น่าจะป่วยเป็นโรคหอบหืดและโรคหัวใจ และเมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวต้องการยาเหล่านั้นหัวหน้าซูบินกับมียาของพวกนั้นออกมาจากกระเป๋าซึ่งเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ
มันจะมีหัวหน้าคนไหนที่จะไม่ชอบคนที่เหมือนพระเจ้าเช่นนี้กัน
มันจะเป็นเรื่องแปลกถ้าเจ้าหน้าที่ในสำนักงานไม่ได้ตั้งฉายาให้กับดงซูบินที่เป็นเหมือนพระเจ้า เพราะดงซูบินก็ยังสามารถมีชื่อเข้าอบรมเป็นผู้บริหารระดับสูงที่น้อยคนนักจะถูกส่งไป
นักผจญเพลิง? ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถเรียกฉายาดงซูบินเป็นนักผจญเพลิงได้อีกต่อไป
ในตอนนี้ดงซูบินมีฉายาใหม่แล้ว “หัวหน้าซูบินฉายาเทพพระเจ้า!”