ตอนที่ 55 ติดตามผู้นำ!
ถึงแม้หมูคำรามจะรับมือยากอยู่บ้าง แต่หากเตรียมตัวให้ดีพวกมันต่างหากที่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ สิ่งที่ต้องทำก็แค่ป้องกันไม่ให้มันพุ่งชนได้เท่านั้น และนี่คือสถานการณ์ในปัจจุบันของเหล่าหมูทั้งหลายที่กลุ่มป๋ายเสี่ยวเฟยกำลังล่า เมื่อเผชิญหน้ากับต้นไม้ที่กีดขวางทางเดินแล้ว พวกมันทำได้เพียงคำรามกึกก้องอย่างฉุนเฉียว
ยังมีจ่าฝูงที่ถูกสังหารไปแล้ว ฝูงหมูคำรามเรียกได้ว่าเป็นลูกไก่ในกำมือ ในระหว่างกระบวนการเก็บกวาดนี้เป็ยฟางเย่รู้สึกสนุกมากที่สุด เพราะเขาสามารถใช้พวกมันเป็นเป้าฝึกยิงได้...
“พี่ฟาง เจ้ายิงให้แม่นกว่านี้หน่อยได้หรือไม่!”
“ใช่ ใช่ เจ้ายิงไม่โดนเสียจนหมูพวกนี้แทบจะตกใจกลัวตายแล้วเนี่ย!”
โม่ข่าและหวู่จื๋อพูดจาเย้ยหยันเสียจนใบหน้าฟางเย่แดงก่ำเพราะความอาย
“ใจเย็นเข้าไว้ เจ้าคือคนที่โจมตีได้แรงที่สุดในหมู่พวกเรา และไม่มีใครขัดขวางก่อนเจ้าจะยิงได้ อย่าไปฟุ้งซ่านกับเรื่องที่ไม่จำเป็น สูดลมหายใจเข้าลึกและเหนี่ยวไกหลังจากเจ้าเล็งได้แม่นยำแล้ว”
ฉิงหนานไม่อาจทนรอได้อีกต่อไป เขาวิ่งไปข้างกายฟางเย่แนะนำสั่งสอนด้วยตนเอง
ถึงแม้การที่ฟางเย่สนใจเรียนรู้จะหาได้ยาก เขาก็ยังทำตามทุกอย่างที่ฉิงหนานเอ่ย ไม่นานนักกระสุนปราณพุ่งออกมาจากปากกระบอกปืน ยิงเข้าที่หัวของหมูคำรามตัวสุดท้าย เสียงร้องโหยหวนของมันเป็นตัวบ่งบอกว่าการล่าครั้งนี้ได้จบลงแล้ว
“ข้ายิงโดนแล้ว!!! ข้ายิงโดนเป้าหมายจากระยะห่างกว่า 200 เมตร โดน!!”
ฟางเย่มีสีหน้าตื่นเต้นราวกับเด็กเล็กที่ค้นเจอลูกอมขณะที่มองไปยังศพของหมูคำราม เขาเขย่าฉิงหนานที่อยู่ด้านข้างเสียจนแทบกระอักเลือด...
“เอาล่ะ ทุกคนทำได้ดีมาก ได้เวลากลับแล้ว!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยลุกขึ้นยืนพึงพอใจอย่างมากกับผลงานในครานี้ ถึงแม้เขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมนักในแผนการ มันคงไม่ง่ายดายเช่นนี้หากไม่มีเขาด้วย
อย่างไรก็ตามไม่มีใครขยับตัวเมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ย พวกเขามองหน้ากันไปมาพลางรวมตัวเป็นกลุ่มก่อนจะมองไปยังป๋ายเสี่ยวเฟยด้วยสีหน้าประหลาด
“บัดซบ! พวกเจ้ามองข้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร!? ข้าบอกแล้วไงว่าข้าไม่เล่นข้างหลัง!”
ทั้งเก้ายังคงจ้องเขาอย่างนิ่งเงียบไม่ตอบสนองต่อมุกตลกของป๋ายเสี่ยวเฟย ในขณะนี้เอง...
“พี่ใหญ่เฟย!”
ผ่านไปไม่นานกลุ่มชายหนุ่มทำตามแผนที่วางไว้ ส่งเสียงเรียกขานเขาว่า ‘พี่ใหญ่เฟย’ โดยพร้อมเพรียง ป๋ายเสี่ยวเฟยอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก
‘อะไรวะ!? อะไรของพวกมัน? คิดจะเกาะข้ากินรึ? ข้าไม่มีปัญญาเลี้ยง! แค่หมาตัวเดียวก็ทำข้าจนแล้ว!!!’
โชคดีที่ไม่มีใครได้ยินสิ่งที่ป๋ายเสี่ยวเฟยคิด ไม่งั้นเขาคงไม่อาจรอดพ้นไปจากการถูกอัดได้
“เอ่อ... พวกเจ้าทั้งหมด...”
“ไม่มีอะไร พวกเราแค่อยากแสดงความเคารพที่กว้างใหญ่ราวมหาสมุทร พวกเราอยากให้ท่านรู้ว่าพวกเราจะติดตามท่านในอนาคต! ในสถาบันชิงหลัวหากท่านบอกให้เราไปเหนือเราจะไม่มีทางไปใต้ และเราจะปล้นทุกคนที่ท่านต้องการให้เราปล้น!”
โม่ข่าเอ่ยแทนทุกคน แต่ข้อความของเขาออกจะ...
“ไม่เพียงแค่สถาบันชิงหลัว ต่อให้พวกเราจบการศึกษาไปแล้ว แค่พี่ใหญ่เฟยเรียกขาน พวกเราจะไปหาท่านทันที!”
ครานี้ผู้กล่าวคือฟางเย่ สุ้มเสียงของเขาจริงจังเป็นอย่างมาก
ในเวลาเดียวกัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนอื่นเองก็มีความรู้สึกเช่นนี้ การล่าเมื่อครู่ทำให้พวกเขาเปิดหูเปิดตาเป็นอย่างมาก ต่อให้ป๋ายเสี่ยวเฟยติดอยู่ในระดับกลางไปชั่วชีวิต อนาคตของเขาก็ยังไร้ขีดจำกัด
ไม่เพียงแค่นั้น ไม่มีใครกล่าวไว้ว่าการแข็งแกร่งขึ้นต้องทำด้วยตนเอง ติดตามผู้นำมากความสามารถก็เป็นทางลัดที่ดีเช่นกัน! ไม่ว่าศิษย์นักเรียนห้องคนเถื่อนจะแข็งแกร่งเพียงใดพวกเขาก็ยังมีขีดจำกัดอยู่ มิเช่นนั้นพวกเขาคงไม่ถูกส่งมาห้องนี้ ป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นดั่งโอกาสยากจะพานพบสำหรับพวกเขา!
“จากที่เจ้าพูด พวกเจ้าทุกคนเต็มใจฟังทุกคำสั่งที่ข้าเอ่ย?”
นัยน์ตาของป๋ายเสี่ยวเฟยหดลงเล็กน้อยราวกับกำลังทดสอบพวกเขา
“แน่นอน พวกเราดูเหมือนกำลังล้อเล่นนักหรือ?”
ฉิงหนานกล่าวแทนทุกคน ไม่ติดกับดักของป๋ายเสี่ยวเฟยง่ายๆ น่าเสียดายยิ่งนักที่ป๋ายเสี่ยวเฟยเผยรอยยิ้มที่ทำให้พวกเขาทุกคนรู้สึกว่าสายเกินไปแล้วที่จะเสียใจ
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไปแบกหมูคำรามทั้งสิบหกตัวกลับไป ข้าจะไปรายงานพี่หญิงเสวี่ย”
คำพูดของเขายังไม่ทันถึงหูทุกคน ป๋ายเสี่ยวเฟยก็พลันหายไปจากครรลองสายตาเสียแล้ว ความรวดเร็วนั้นไม่ด้อยไปกว่าฟางเย่และคนอื่นขณะที่วิ่งหนีหมูคำรามแม้แต่น้อย
อีกเก้าคนที่เหลือเหม่อลอยเล็กน้อยก่อนจะหันหลังกลับไปมองซากศพของหมูคำรามที่นอนหมอบอยู่บนพื้น พวกเขาทั้งหมดล้วนรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาเสียดายก็แต่ไม่มีน้ำตา หมูคำรามหนึ่งตัวหนัก 250 กิโลกรัม ทั้งฝูงมีสิบหกตัวส่วนพวกเขามีเพียงเก้า... แถมพวกเขายังไม่อาจใช้อุปกรณ์เช่นแหวนมิติด้วย!
‘บัดซบ! พวกเราเลือกผู้นำผิด!’
เมื่อทั้งเก้าขนหมูคำรามทั้งสิบหกกลับไปยังค่ายพัก ดวงจันทร์ลอยลิ่วสูงบนฟ้า กองไฟขนาดใหญ่สาดแสงไปทั่วค่ายพักที่มีบรรยากาศผ่อนคลาย ในเวลาเดียวกันหมูคำรามได้เริ่มถูกย่างแล้ว กลิ่นของมันกระตุ้นความอยากอาหารของชายหนุ่มทุกคน
นักเรียนหญิงหกคนต่างก็ยุ่งวุ่นวายกับการหมุนไม้เสียบ นักเรียนชายล่า นักเรียนหญิงย่าง ชายหนุ่มที่เหนื่อยล้าทุกคนรู้สึกปลื้มปิติยินดีขึ้นมาทันที
“พวกเจ้าล่าหมูคำรามสิบหกตัว?”
สีหน้าไม่อยากจะเชื่อปรากฎบนใบหน้าของเสวี่ยอิ่งขณะที่นางมองภูเขากองเนื้อขนาดย่อม ไม่ว่านางจะเคลือบแคลงเพียงใด ต่อหน้าความจริงนางไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเชื่อ
“อันใด!? ท่านไม่ได้ตามพวกเรามาหรือ!?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยร้องเสียงหลงสีหน้าตกตะลึง
เขาคิดไว้ตลอดว่าเสวี่ยอิ่งจะแอบมองจากสักที่เพื่อความปลอดภัยของพวกเขา และไม่ใช่แค่ป๋ายเสี่ยวเฟยที่คิดเช่นนี้ เมื่อนางเอ่ยถามเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดเกรงหากมีสิ่งใดเกิดขึ้นจริงๆ
‘บัดซบ! ถ้ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นจริงๆ เล่า...’
“ข้าจะตามไปทำไม? หากพวกเจ้าโง่งมถึงขนาดกล้าท้าทายสัตว์อสูรที่ไม่มีทางชนะ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ ปล่อยให้เป็นอาหารในท้องของสัตว์อสูรยังดีเสียกว่า หรือไม่จริง?”
เหตุผลของเสวี่ยอิ่งทำให้ทั้งหมดถึงกับพูดไม่ออก แต่เมื่อคิดดูดีๆ แล้วพวกเขาคงต้องไม่เสียดายชีวิตมากแน่ๆ หากกล้าสู้กับสัตว์อสูรระดับสูง ถึงอย่างไรก็วิธีพูดของนางก็ยังทำให้พวกเขาใจเสียอยู่ดี
“แต่ที่พวกเจ้าสามารถล่าหมูคำรามได้มากขนาดนี้เหนือความคาดหมายของข้าไปมาก ไหนบอกข้าว่าพวกเจ้าทำได้อย่างไร”
เสวี่ยอิ่งรู้สึกสนอกสนใจไม่น้อยกับเรื่องนี้ พวกโม่ข่าหันมามองป๋ายเสี่ยวเฟยอย่างมีความหมายโดยพร้อมเพรียง
หากต้องการถามถึงวิธีการ ไม่มีใครตอบได้นอกจากป๋ายเสี่ยวเฟย
“ข้าให้หวู่จื๋อเปลือยกายวิ่งรอบเป็นวงกลมจนกระทั่งพวกมันรู้สึกรังเกียจจนอาเจียนออกมา จากนั้นก็สังหารยามพวกมันอ่อนแรง”
ชายหนุ่มทุกคนยกเว้นหวู่จื๋อล้วนหัวเราะลั่นออกมาเมื่อได้ยินป๋ายเสี่ยวเฟยพูดจาเหลวไหลด้วยสีหน้าราบเรียบ
ก่อนที่เสวี่ยอิ่งจะทันได้บันดาลโทสะ กลิ่นหอมฉุยของเนื้อย่างพลันแตะจมูกพร้อมกับเรือนร่างของนักเรียนหญิงทั้งหก เสียงท้องร้องขีดฆ่าความคิดทั้งหมดในหัวทันที
“มาลองฝีมือพวกเรา กระทั่งซือซือยังอดไม่ได้ที่จะแอบกินคนเดียว!”
สือเฉินหยอกล้อจู๋ซือซือ ใบหน้าของฝ่ายหลังแดงซ่านเพราะความเขินอาย
“ข้าไม่ได้แอบกิน ข้าแค่ชิมรสชาติเท่านั้น!!!”
จู๋ซือซือกระทืบพื้นพลางพยายามอย่างที่สุดเพื่อแก้ตัว
“ใช่ ใช่ เจ้าแค่ชิมรสชาติไปเพียงครึ่งขาหมูเท่านั้น!”
ชีเว่ยมาพร้อมกับมีดทิ่มแทงบาดแผลอีกครา เสียงหัวเราะลั่นไปทั่วค่ายพัก
ในบางเวลา ความสุขเกิดขึ้นได้จากสิ่งเรียบง่าย...