เซียนเหนือวิถี บาทที่ 120 (ฟรี)
บาทที่ 120
“เอาล่ะ การสอนของข้าในวันนี้ยุติลงเพียงเท่านี้ ในสัปดาห์หน้า ข้าจะมาใหม่ อ้อ ข้าลืมบอกไปอย่างหนึ่งว่า ห้ามฆ่าใครในตำหนักนี้ เพราะโทษนั้นก็คือ ตาย” ร่างหมอกนั้นกล่าวขึ้นด้วยเสียงโหยหวน ก่อนจะลุกขึ้นลอยกลับออกไปจากประตูตำหนักอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้ทุกคนที่อยู่ในตำหนักต่างมีความตึงเครียดเกิดขึ้นบนใบหน้า ทุกคนมีท่าทางระแวงระวัง
“เช้ง” ชายคนหนึ่งชักกระบี่ออกมา
หงเซียวส่งเสียงที่เพียงได้ยินเฉพาะในกลุ่มของหญิงสาวว่า “ตามข้ามา”
เพราะว่าพวกเขาอยู่ด้านริมขวาสุด ดังนั้นเขาจึงใช้ปราณไร้ลักษณ์ผลักคนออกไปจากด้านขวาสุด ให้มีช่องทางผ่าน
“อย่าผลักข้า” คนที่ถูกหงเซียวผลักไม่ทันระวังตัว กระแทกเข้ากับคนที่อยู่ถัดไป และคนที่ร่ำร้องก็คือคนที่ถูกกระแทก เกิดความวุ่นวายขึ้นในทันที
หงเซียวนำหน้า จินหลินปิดท้ายพวกเขาลัดเลาะออกไปจากตำหนักอย่างรวดเร็ว ปะปนไปกับคนที่อยู่ใกล้ทางออกตำหนักที่ต่างพากันออกไปอย่างระแวดระวัง
แต่การยกตัวพวกเขาลอยขึ้นพ้นพื้นเพียงไม่ถึงเซ็นติเมตรนั้นก่อนที่จะผลักไปนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามไม่มีใครคิดระวังไม้นี้ คนส่วนใหญ่ล้วนระวังคนจู่โจมมาจากรอบทิศยกเว้นจากพื้นดังนั้นจึงไม่มีใครป้องกันได้
หงเซียวผลักทุกคนที่ขวางหน้าอยู่ลอยออกไปพ้นจากประตูจนหมดสิ้น ก่อนจะพาบรรดาหญิงสาวทั้งหมดออกไปอย่างปลอดภัย โดยจินหลินที่ปิดท้ายนั้นทำสิ่งเดียวกัน แต่ตรงกันข้าม เธอยกเท้าพวกเขาลอยพ้นพื้นเพียงเล็กน้อย แต่ผลักพวกเขากลับเข้าไปในตำหนักไม่ให้เข้ามาใกล้ขบวนของเธอ
พวกเขาพากันวิ่งปราดไปตามทาง ซึ่งบัดนี้พวกเขาเริ่มพบเห็นซากศพบนถนนและในที่พัก
ช่วงก่อนหน้านี้ คนที่อยู่มาก่อนได้ทำการฆ่าอย่างลอบเร้น เพราะว่านั่นจะทำให้เหยื่อไม่ตื่นตัว แต่เมื่อคนเหล่านี้ได้เข้าไปฟังคำจากศิษย์ใน พวกเขาก็ไม่ต้องหลบเร้นอีก
ร่างหมอกร่างหนึ่งพุ่งปราดมาจากด้านข้าง พุ่งตรงเข้าหาหงเซียว พร้อมกับกรงเล็บหมอกห้านิ้วที่แหลมคมเจาะทะลวงเข้าใส่กระโหลกเขา
หงเซียววาดพัดเข้าใส่พร้อมกับร่ายคาถาบรรจุพลังปราณไร้ลักษณ์เข้าไปในกำไลที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ กระแสไฟฟ้าพุ่งออกมาห่อหุ้มร่างของเขาทันที
เกราะสายฟ้า
เปรี๊ยะ ไม่ว่าอย่างไร วิญญาณก็มักจะแพ้ทางสายฟ้าและเปลวเพลิงเสมอ กรงเล็บนั้นขณะจะสัมผัสกับพัดที่หงเซียวยกขึ้นมาขวาง กระแสไฟฟ้าสายหนึ่งก็สว่างวาบขึ้นบนตัวพัดพุ่งสวนเข้าสู่ปลายนิ้วของร่างหมอกนั้น
“โออออ” ร่างหมอกนั้นสะดุ้งสุดตัว หมอกทั่วร่างปั่นป่วน เพราะว่านี่เป็นวิชาที่เป็นปฏิปักษ์โดยเฉพาะ พลังทำลายล้างจึงเพิ่มขึ้นเท่าตัว
เปรี๊ยะ เมื่อเห็นอีกฝ่ายชะงัก พัดในมือหงเซียวก็หุบลงเคาะลงไปบนหลังมือของอีกฝ่ายพร้อมกับส่งกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ร่างอีกฝ่ายเพิ่ม ต่อด้วยการเคาะพัดลงบนข้อศอกส่งคลื่นไฟฟ้าเข้าไปอย่างต่อเนื่อง และสุดท้ายเคาะเข้าไปที่กระหม่อมของฝ่ายตรงข้าม
จากที่เขาอ่านมา หมอกปีศาจจะเก็บวิญญาณไว้ที่กระหม่อม จุดตันเถียนบน
เปรี๊ยะ หมอกนั้นสลายไปในทันที พร้อมกับชายคนนั้นก็ล้มลงกับพื้น สิ้นสติ
ไม่ว่าเป็นใครก็คงไม่อาจครองสติไว้ได้หากถูกกระแสไฟฟ้าช็อตเข้าไปในระบบประสาท
ไม่รอให้อีกฝ่ายร่างถึงพื้น หงเซียวใช้มือซ้ายที่ไม่ได้ถือพัดคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายเอาไว้ได้ ก่อนจะลากอีกฝ่ายไปกับพื้นมุ่งหน้ากลับไปยังที่พัก โดยไม่ชะงักเท้า หลายคนที่กำลังจะเข้ามาหากลุ่มของพวกเขาพลันชะงักกึก
แต่สี่คนที่เข้ามาใกล้มากกลับสายเกินที่จะกลับตัวเมื่อเด็กสาวสี่คนพุ่งเข้าหา ในมือของพวกเธอถืออาวุธที่แตกต่างกันออกไป ซีชี่ถือค้อนดาวตก เหวี่ยงไปยังร่างหมอกที่อยู่ห่างออกไปประมาณสามเมตร พร้อมกับใช้เชือกปราณดึงแขนขาของอีกฝ่ายเอาไว้
ท่าจู่โจมของร่างหมอกในระดับศิษย์นอกนั้นมีเพียงท่าเดียว เรียกว่าวิชากรงเล็บปีศาจ วิชานอกเหนือจากนั้นจะเป็นเพียงวิชาเสริมด้านต่างๆ แต่ที่ทำให้ร่างหมอกเหนือกว่าวิชาปกติที่พวกเขาใช้กันทั่วไปก็เพราะว่าวิญญาณทุกดวงที่เติมเข้ามาจะเพิ่มระดับของเขาเข้ามาหนึ่งในเก้า
อย่างเช่นว่าถ้าคนผู้นั้นอยู่ที่เขตชีพจรปราณระดับหนึ่ง หากได้รับวิญญาณหนึ่งดวง เมื่อใช้ร่างหมอกถึงแม้ว่าร่างหมอกจะไม่เพิ่มความสามารถอะไร แต่พลังของเขาหากใช้วิชาทั่วไปก็จะเทียบเท่ากับเขตชีพจรปราณระดับหนึ่ง และเมื่อได้รับวิญญาณดวงที่สองก็จะมีพลังเพิ่มอีกหนึ่งในเก้า และหากใช้กรงเล็บปีศาจก็จะมีพลังทำลายมากกว่าเขตชีพจรปราณระดับที่สอง
เช่นเดียวกันผู้ที่อยู่ในเขตแก่นปราณระดับที่หนึ่ง หากมีวิญญาณสองดวงและใช้ร่างหมอกพลังของเขาก็จะมากกว่าผู้ที่อยู่ในเขตแก่นปราณระดับที่หนึ่งไปอีกหนึ่งในเก้า
หากว่าพวกเขาได้ดวงวิญญาณเก้าดวงจะเกิดอะไรขึ้น นี่คือวิธีลัดในการสร้างกองกำลังของเหล่ามาร
แต่ทว่าถึงแม้พลังจะสูงมาก แต่ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของพวกเขาก็ยังเป็นระดับปราณเดิม เพราะว่าร่างแท้จริงที่อยู่ในเปลือกนั้นมีความสามารถเพียงเท่านั้น
เพราะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ช้ากว่า เมื่อเห็นค้อนดาวตกพุ่งเข้ามาก็คิดจะพลิกตัวหลีกออกด้านข้าง แต่เพราะว่ามีปฏิกิริยาตอบสนองช้ากว่าแถมยังถูกยึดแขนขาเอาไว้ด้วยเชือกปราณ ถึงแม้ว่าจะดึงสู้ได้ด้วยพลังที่เหนือกว่าแต่ก็ทำให้เกิดความล่าช้าเพิ่มไปอีกเล็กน้อย และความล่าช้าเล็กน้อยนั้นส่งผลกระทบกับผลแพ้ชนะอย่างมาก
ฉึก ถึงแม้ว่าจะมีพลังมากกว่าปกติแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีร่างกายคงกระพันหรือคงทนเกินปกติไปด้วย ร่างกายของพวกเขายังคงเป็นเหมือนคนในเขตปราณระดับที่เขาเป็นอยู่ ค้อนดาวตกหัวหอกนั้นก็พลันทะลวงเข้าใส่ที่อกด้านขวาทันที
หงเซียวได้ส่งเสียงผ่านเชือกปราณบอกทุกคนไว้แล้วว่าให้รักษาชีวิตของอีกฝ่ายเอาไว้ แต่ให้จัดการให้อยู่ในสภาพไร้สติ ดังนั้นด้วยฝีมือของซีชี่ที่ได้รับการฝึกจากจินหลินมานานกว่าสามเดือนไม่มีทางพลาดเป้าในระยะสามเมตรนี้ได้
ค้อนดาวตกนั้นพลันมีกระแสไฟฟ้าไหลมาตามสายโซ่ ช็อตอีกฝ่ายจนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ และเวลานั้นซีชี่ก็เข้าถึงตัวอีกฝ่ายแล้ว
เธอสับสันมือเข้าไปยังต้นคออีกฝ่ายพร้อมกระแสไฟฟ้า ส่งให้อีกฝ่ายสิ้นสติลงไปกองกับพื้น ซีชี่ดึงค้อนดาวตกออกจากอกอีกฝ่าย แต่น่าแปลกที่ไม่มีเลือดไหลออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายเป็นหมอกวิญญาณ แต่เป็นเพราะว่าซีชี่ส่งปราณเซียนไร้ลักษณ์ไปปิดบาดแผลกันเลือดไหลออกมา
ย้อนกลับไปในเวลาที่ซีชี่เหวี่ยงค้อนดาวตกออกไปนั้น เหมยเหมยก็ลงมือ เธอสะบัดมือส่งหนามพสุธาออกไปสองลูก หนึ่งมุ่งตรงไปยังหัวไหล่ของคนที่อยู่ห่างออกไปสี่เมตร อีกหนึ่งมุ่งสู่หัวเข่าของอีกฝ่าย
เมื่ออีกฝ่ายเห็นเช่นนั้นก็แสยะยิ้ม หนามพสุธานั้นเร็วก็จริง แต่ระยะสี่เมตรสำหรับปฏิกิริยาตอบโต้ระดับเขาแล้วเห็นเหมือนกับว่าหนามพสุธานั้นช้าไปอยู่บ้าง และจากการสังเกตพบว่ามีประกายสายฟ้าออกมาจากหนามพสุธานั้นการหลีกไปนั้นดีกว่าที่จะรับมือตรงๆ
ร่างหมอกนั้นรอให้หนามพสุธานั้นมาถึงห่างประมาณหนึ่งศอกก่อนที่จะเอี้ยวตัวหลบออกไปเพื่อให้เหมยเหมยคิดว่าโดนแล้วจะได้เปิดช่องว่างให้ร่างหมอกมีเวลาหนีไปได้ไกลมากขึ้น เพราะหากว่าถ้าเขาหลีกไปตั้งแต่แรกแล้ว เธอก็จะคิดว่าไม่โดนแน่และคงจะต้องปาอาวุธลับตามออกมาอย่างรวดเร็ว นี่คือความคิดของร่างหมอก
หนามพสุธาทั้งสองพุ่งเลยร่างหมอกนั้นไป ร่างหมอกนั้นคลายใจพุ่งตัวหนีไป เพราะกลัวว่าจะถูกซ้ำเติมจากหงเซียวและเหมยเหมยพร้อมกันจึงไม่ตอบโต้
แต่หนามพสุธานั้นเพียงเลยร่างหมอกนั้นไปเพียงไม่กี่คืบก่อนจะเหวี่ยงตัวเข้าใส่ร่างหมอกจากด้านข้าง
ฉึก ฉึก หนามพสุธานั้นถูกรั้งไว้ด้วยเชือกปราณและด้วยเคล็ดวิธีการใช้ค้อนดาวตกทำให้เหมยเหมยบังคับมันได้ตามปรารถนา ด้วยระยะประชิดเช่นนั้น กว่าที่ร่างหมอกนั้นจะทันได้คิด หนามทั้งสองอันก็ฝังเข้าไปในชายโครงและสะโพกของเขาแล้ว
“อ๊าก” แน่นอนว่ากระแสไฟฟ้าทำงานของมันอย่างซื่อสัตย์ สร้างพลังทำลายอย่างใหญ่หลวงให้กับร่างหมอก ร่างนั้นเซถลาเอียงไปข้างหน้าดุจนกปีกหัก และดูเหมือนว่าเหมยเหมยจะคาดการณ์ไว้เรียบร้อยแล้วเธอใช้เชือกปราณที่ยึดกับหนามพสุธาที่ฝังลงไปในร่างหมอกนั้นดึงตัวเธอเข้าไปหาอีกฝ่าย
ก่อนที่อีกฝ่ายจะตั้งตัวได้จากการเซถลา เหมยเหมยก็ฟาดฝ่ามือประทับลงไปยังกลางหลังบริเวณหัวใจของอีกฝ่ายทันทีบังคับให้เกิดหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ก่อนจะใช้วิชาการแพทย์อันล้ำลึกดึงอีกฝ่ายกลับมาจากการตายสู่สภาพโคม่า
ซิ่วจูกลับใช้วิธีการที่แตกต่าง เธอพุ่งกายไล่ล่าอีกคนไปที่อยู่ห่างไปเจ็ดเมตร