บทที่ 179 ไม่ทำลายความปรองดอง
ในความเป็นจริง เจียงอี้ไม่ได้ตำหนิซูรั่วเสวี่ยเลย แม้ว่านางจะทำร้ายจิตใจเขาอย่างรุนแรงในวันนี้ นางไม่ได้ทำอะไรผิด นางผิดหรือเปล่าที่นางช่วยเขา? เป็นความผิดของนางหรือที่เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชีวิตเขา?
นางไม่ได้ตั้งใจเข้ามาอยู่ใกล้เขาเช่นกัน มันไม่ใช่ความผิดของเขาหรือนางเลยกับความสัมพันธ์ที่คลุมเครือนี้ มันอาจเป็นสวรรค์ที่เล่นตลกกับพวกเขา
เหตุผลที่เจียงอี้โกรธและบ้าคลั่งในวันนี้ ... ไม่ใช่เพราะแก้แค้นซูรั่วเสวี่ย และไม่ใช่ว่าต้องการแสดงให้นางเห็น มันเป็นเพียงเพราะว่าเขากลั้นโทสะจำนวนมากในใจของเขา ซึ่งมันมาจากจ่างซุนอู๋จี้และเซี่ยเถียน จนถึงทุกวันนี้เขายังไม่รู้ว่าเจียงหยุนไฮ่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และมันเป็นเพราะทั้งสองคนนั้น
หากทั้งสองไม่ได้ยั่วยุเขา เขาอาจจะอดทนได้ แต่พวกนั้นยั่วโทสะเขาอย่างต่อเนื่อง หากเขาทนมันได้ มีสิ่งใดที่เขาจะไม่สามารถทนได้อีก? เมื่อเซี่ยเฟยหยูราดน้ำมันใส่เขา เขาก็ไม่ต้องการที่จะอดทนอีกต่อไป แต่เขาต้องการปะทะกันซึ่งๆหน้าและเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของเขา!
ตั้งแต่เขากำลังจะต่อสู้ มันไม่ได้มีความแตกต่างระหว่างการต่อสู้กับหนึ่งคนหรือกับห้าคนเลย เขาเพียงรู้สึกว่าหากสามารถฆ่าสมาชิกตระกูลจ่างซุนได้มากขึ้น เขาจะรู้สึกดีขึ้นมาก
สำหรับการขอให้เซี่ยเฟยหยูใช้เวลาตลอดทั้งคืนกับเขา มันก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเขาไม่ชอบนางจริงๆ ผู้หญิงเช่นนางพยายามทำอะไร? การพยายามที่จะสุมไฟในเรื่องความขัดแย้งระหว่างผู้ชาย? แน่นอนว่ามันเป็นเพราะเซี่ยเถียนและเซี่ยอู๋หุ่ยด้วย เขาไม่มีอะไรเลยนอกจากความประทับใจที่ย่ำแย่ต่อสมาชิกของราชวงศ์
เมื่อเจียงอี้ตกลงรับคำท้าอย่างจริงจัง เซี่ยเถียนและจ่างซุนอู๋จี้ทั้งมีความสุขและเป็นกังวลอยู่ในใจ!
หนึ่งต่อห้า...ซึ่งหนึ่งในนั้นคือผู้ที่อยู่ขอบเขตเสินโหยวขั้นแรก หากสมองของเจียงอี้คิดได้ นั่นคือเขากำลังอยู่ระหว่างเส้นแบ่งของความตายหรือไม่เขาก็มั่นใจว่าเขาสามารถล้มจ่างซุนอู๋เหินได้
เนื่องจากพวกเขากระทบกระทั่งกันไปแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จะถอยกลับ เกือบครึ่งหนึ่งของนายน้อยและคุณหนูจากตระกูลใหญ่แห่งอาณาจักรเสินหวู่อยู่ที่นี่ ตระกูลจ่างซุนไม่สามารถทำตัวเสียเกียรติที่นี่ได้
จ่างซุนอู๋จี้ส่งสายตาไปที่ด้านหลังซึ่งมีนายน้อยของตระกูลจ่างซุนนั่งอยู่และพูดว่า "พี่สอง เฟยอวี่ หลงเถิง หู่เซี่ยว เซิ่งเทียน ในเมื่อนายน้อยเจียงต้องการสนุกพวกเจ้าก็ไปสนุกกับเขา พวกเจ้ามีอิสระที่จะต่อสู้ แต่อย่าฆ่าเขา มิฉะนั้นพวกเจ้าคงไม่สามารถรับผิดชอบได้เมื่อครอบครัวของนายน้อยเจียงมาพบพวกเจ้า"
"ฮะ…"
จากคำกล่าวของจ่างซุนอู๋จี้ พวกเขาสามารถรับรู้ได้ว่ามันเต็มไปด้วยจิตสังหาร เขามีวิธีข่มด้วยคำพูด เขาบอกจ่างซุนอู๋เหินและคนอื่นๆว่ามีอิสระในต่อสู้ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาควรหาโอกาสฆ่าเจียงอี้ ต่อหน้าผู้ชมเหล่านี้ เจียงอี้เป็นคนที่ขอต่อสู้ และจ่างซุนอู๋จี้ก็สั่งให้คนของเขาอย่าฆ่าเจียงอี้ หากมีอะไรเกิดขึ้น เจียงเปี๋ยหลีคงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาตรวจสอบในเรื่องนี้ใช่ไหมนะ?
องค์รัชทายาทเซี่ยอู๋หุ่ยขมวดคิ้ว เขาเป็นคนที่เชิญทุกคนมาร่วมงานเลี้ยงและถ้าเจียงอี้ตาย เขาก็คงจะต้องรับแรงกดดันอย่างมหาศาล แต่เนื่องจากเรื่องนี้มันกลายเป็นเช่นนี้แล้วมันก็ไม่มีประโยชน์หากจะพูดอะไรอีก เขาลดเสียงของเขาลงและถามว่า "นายน้อยเจียง เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าจะต่อสู้? อาวุธไม่มีตา อู๋หุ่ยหมายความว่าคงเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ทำลายความปรองดองกัน"
"ฮ่าๆๆๆ!"
เจียงอี้หัวเราะขณะที่แหงนมองนภา รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย คนหน้าซื่อใจคดกลุ่มนี้ต้องการให้เขาตาย แต่พูดด้วยความสุภาพที่ไม่จริงใจ สิ่งนั้นทำให้เขารังเกียจนัก
เขามองไปที่เซี่ยอู๋หุ่ยจากระยะไกลและพูดว่า "ฝ่าบาท ห้องฝึกฝนของท่านอยู่ที่ใดกัน ข้ากลัวว่าข้าจะทำลายวังของท่านและ ... นั่นคงเป็นที่ที่ดีที่สุดคือเมื่อเราเริ่มการประลอง มิฉะนั้นข้าคงไม่ขอรับผิดชอบหากมีความผิดพลาดใดๆ!"
ทุกคนเผยความผิดหวังเมื่อพวกเขาได้ยินว่าพวกเขาไม่สามารถสังเกตการประลองที่น่าตื่นเต้นนี้ได้? เนื่องจากมันเป็นเจียงอี้ที่เสนอ จึงไม่มีใครคัดค้านได้ องค์รัชทายาทพยักหน้าและกล่าวว่า "ห้องฝึกฝนอยู่ด้านข้าง อู๋หุ่ยจะพาพวกเจ้าทุกคนไปที่นั่น ทุกคนโปรดอย่าหักโหมเพราะทุกคนที่นี่เป็นรุ่นเยาว์ที่แกร่งกล้าของอาณาจักรเสินหวู่ ไม่ว่าการบาดเจ็บใดๆก็เป็นการสูญเสียของอาณาจักรทั้งสิ้น"
เซี่ยอู๋หุ่ยยืนขึ้นและนำกลุ่มของเจียงอี้และจ่างซุนอู๋เหินไปด้านนนอก ทุกคนติดตามไปแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถสังเกตการประลองได้ ด้วยการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นที่นั่น พวกเขาก็คงรู้สึกเบื่อที่จะนั่งอยู่ที่นี่เฉยๆเช่นกัน ทำไมไม่ลองไปดูผลการต่อสู้ล่ะ?
"ลูกพี่ เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าเจ้าสามารถทำได้?"
เฉียนว่านด้วนและจ้านอู๋ซวงเดินมาข้างๆเจียงอี้ ในขณะที่เฉียนว่านก้วนถามอย่างอ่อนโยนด้วยการแสดงออกที่คร่ำเครียด เจียงอี้ก็เห็นทุกคนเอนมาฟัง เขาหัวเราะออกมา "หากข้าตายอย่าลืมนำศพของข้ากลับไปที่หุบเขาจิตอสูรแล้วเผากระดาษเงินให้ข้าในวันนี้ของทุกปีด้วยนะ"
คนเกือบทุกคนในห้องโถงใหญ่ได้ออกไปแล้ว แต่ซูรั่วเสวี่ยยังคงนั่งอยู่ที่นั่นและไม่ขยับเขยื้อน ขณะที่เจียงอี้กำลังจะเดินออกจากห้องโถงใหญ่ ทันใดนั้นนางก็ยืนขึ้นและร้องออกมาในทันใด “เจียงอี้…”
เจียงอี้ตัวแข็งและหันกลับไปอย่างช้าๆเพื่อมองซูรั่วเสวี่ย เขากระตุกปากและยิ้มออกมา "อาจารย์ซู ท่าน ... มีคำแนะนำอะไรไหม?"
เมื่อได้ยินเจียงอี้พูดกับนางในฐานะ 'อาจารย์ซู' ร่างกายของซูรั่วเสวี่ยก็สั่นเทาขณะที่นางกัดริมฝีปากและพูดว่า "ระวังตัวด้วย!"
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ !"
เจียงอี้หัวเราะเป็นเวลานานแล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรเลย หลงเหลือไว้เพียงแผ่นหลังให้กับซูรั่วเสวี่ยที่ยืนทื่อเหมือนดาบ
...
"นายน้อยเจียง จ่างซุนอู๋เหิน ฟังนะ นี่เป็นแค่การประลอง อย่าให้ถึงขั้นเสี่ยงชีวิต ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่สามารถอธิบายต่อพระบิดาได้… ใครก็ได้ มาเปิดห้องฝึกฝนที!"
ภายใต้คำสั่งของเซี่ยอู๋หุ่ยจบลง ประตูพระราชวังขนาดใหญ่ก็ค่อยๆเปิดออก จ่างซุนอู๋เหินและคนของเขาเป็นผู้เดินนำเข้าไป เจียงอี้ตบไหล่ของเฉียนว่านก้วนและมองตาจ้านอู๋ซวงและจ้านหลินเอ๋อร์ก่อนที่จะเดินผ่านประตูใหญ่ไป ห้องฝึกฝนปิดลงอย่างช้าๆและการจำกัดของห้องก็ได้ถูกเปิดใช้งาน
"ลูกพี่ เจ้าจะต้องชนะอย่างแน่นอน!"
เฉียนว่านก้วนมองไปที่ห้องฝึกฝนและกระซิบ จ้านอู๋ซวงยิ้มอย่างคลุมเครือและส่ายหัว "ในเวลาน้อยกว่าสามสิบนาที เจียงอี้จะออกมาอย่างแน่นอน ขณะที่จ่างซุนอู๋เหินและคนอื่นๆนั้นคงจะต้องตายอย่างเลี่ยงไม่ได้!"
"อา?"
เฉียนว่านก้วนเปล่งเสียงประหลาดใจและถามขณะที่สับสน "พี่อู๋ซวง ทำไมเจ้าถึงมั่นใจเช่นนั้น?"
จ้านหลินเอ๋อร์ก็มองอย่างประหม่าที่จ้านอู๋ซวงด้วย เขายืนอยู่อย่างเงียบๆในขณะที่มองห้องฝึกฝนและถอนหายใจอย่างแผ่วเบาและกระซิบ "การหยั่งรู้น่ะ ลูกหลานของตระกูลเทพสงครามหยั่งรู้ถึงอันตราย ก่อนหน้านี้ ข้ารู้สึกว่าเจียงอี้เป็นมังกรในตำนาน แต่ตอนนี้ ข้ารู้สึกว่าเขาเป็นมังกรที่แท้จริง ผู้ที่มีความอันตรายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!"
...
"ปัง!"
เมื่อประตูใหญ่ปิดสนิท เจียงอี้ยืนห่างจากประตูสามเมตรในขณะที่จ่างซุนอู๋เหินและชายจากตระกูลจ่างซุนอีกสี่คนยืนอย่างสง่าที่มุมห้องฝึกฝน พวกเขายืนโค้งล้อมรอบเป็นวงล้อมเจียงอี้ไว้
"พรึบบ"
ทันทีที่ประตูบานใหญ่ปิดลง จ่างซุนอู๋เหินและคนอื่นๆก็ไหลเวียนแก่นแท้พลังของพวกเขาในขณะที่มีหน้าไม้สังหารเทพห้าชุดอยู่ในมือของพวกเขาคนละชุด พวกเขาทั้งหมดเผยรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมขณะที่มองเจียงอี้
"เจ้าพวกตระกูลจ่างซุน พวกเจ้าคิดว่าแน่นักใช่ไหม? ยิงสิ หากพวกเจ้ากล้า!"
เจียงอี้ยืนนิ่งเฉยและเย้ยหยันในขณะที่เห็นหน้าไม้สังหารเทพอยู่ในมือ ร่างกายของเขาไม่ได้หมุนเวียนแก่นแท้พลังใดๆและไม่ได้มีความกลัวหน้าไม้สังหารเทพในมือของพวกเขาเลย
"ไอ้เด็กสารเลว รับความตายของเจ้าซะ!"
จ่างซุนอู๋เหินส่งสายตาให้อีกสี่คนและรีบตรงไปหาเจียงอี้ พวกเขาไม่กล้าใช้หน้าไม้สังหารเทพอย่างประมาทและหากเป็นไปได้ พวกเขาอยากจะฆ่าเจียงอี้โดยใช้วิธีปกติ ซึ่งนั่นคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
หากมีใครตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วเห็นว่าเจียงอี้ถูกสังหารโดยหน้าไม้สังหารเทพ เจียงเปี๋ยหลีคงไม่ยอมหยุด และทุกคนจะปฏิบัติต่อตระกูลจ่างซุนด้วยความขบขัน มันเป็นการประลองห้าต่อหนึ่งและพวกเขายังคงใช้อาวุธอีก
"ฟรึ่บบ!"
จ่างซุนอู๋เหินเอื้อมมือไปด้านหลังของเขาและชักดาบสงครามสีเงินออกมาจากฝัก ร่างกายของเขากระโดดสูงขึ้นไปและทุ่มลงมาทันทีเมื่อเขาอยู่ห่างจากเจียงอี้ประมาณร้อยเมตร พลังดาบที่เรืองรองไปด้วยแก่นแท้พลังสีเหลืองกระจายออกมาและตวัดไปที่เจียงอี้
ชายอีกสี่คนไม่ได้โจมตี แต่พวกเขาทั้งหมดเริ่มเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว พวกเขาใช้หน้าไม้สังหารเทพเล็งไปที่เจียงอี้ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจของเขา