ตอนที่แล้วบทที่ 178 หนึ่งปะทะหมื่น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 180 อย่าได้โทษว่าข้าใจร้าย!

บทที่ 179 ไม่ทำลายความปรองดอง


ในความเป็นจริง เจียงอี้ไม่ได้ตำหนิซูรั่วเสวี่ยเลย แม้ว่านางจะทำร้ายจิตใจเขาอย่างรุนแรงในวันนี้ นางไม่ได้ทำอะไรผิด นางผิดหรือเปล่าที่นางช่วยเขา? เป็นความผิดของนางหรือที่เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชีวิตเขา?

นางไม่ได้ตั้งใจเข้ามาอยู่ใกล้เขาเช่นกัน มันไม่ใช่ความผิดของเขาหรือนางเลยกับความสัมพันธ์ที่คลุมเครือนี้ มันอาจเป็นสวรรค์ที่เล่นตลกกับพวกเขา

เหตุผลที่เจียงอี้โกรธและบ้าคลั่งในวันนี้ ... ไม่ใช่เพราะแก้แค้นซูรั่วเสวี่ย และไม่ใช่ว่าต้องการแสดงให้นางเห็น มันเป็นเพียงเพราะว่าเขากลั้นโทสะจำนวนมากในใจของเขา ซึ่งมันมาจากจ่างซุนอู๋จี้และเซี่ยเถียน จนถึงทุกวันนี้เขายังไม่รู้ว่าเจียงหยุนไฮ่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และมันเป็นเพราะทั้งสองคนนั้น

หากทั้งสองไม่ได้ยั่วยุเขา เขาอาจจะอดทนได้ แต่พวกนั้นยั่วโทสะเขาอย่างต่อเนื่อง หากเขาทนมันได้ มีสิ่งใดที่เขาจะไม่สามารถทนได้อีก? เมื่อเซี่ยเฟยหยูราดน้ำมันใส่เขา เขาก็ไม่ต้องการที่จะอดทนอีกต่อไป แต่เขาต้องการปะทะกันซึ่งๆหน้าและเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของเขา!

ตั้งแต่เขากำลังจะต่อสู้ มันไม่ได้มีความแตกต่างระหว่างการต่อสู้กับหนึ่งคนหรือกับห้าคนเลย เขาเพียงรู้สึกว่าหากสามารถฆ่าสมาชิกตระกูลจ่างซุนได้มากขึ้น เขาจะรู้สึกดีขึ้นมาก

สำหรับการขอให้เซี่ยเฟยหยูใช้เวลาตลอดทั้งคืนกับเขา มันก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเขาไม่ชอบนางจริงๆ ผู้หญิงเช่นนางพยายามทำอะไร? การพยายามที่จะสุมไฟในเรื่องความขัดแย้งระหว่างผู้ชาย? แน่นอนว่ามันเป็นเพราะเซี่ยเถียนและเซี่ยอู๋หุ่ยด้วย เขาไม่มีอะไรเลยนอกจากความประทับใจที่ย่ำแย่ต่อสมาชิกของราชวงศ์

เมื่อเจียงอี้ตกลงรับคำท้าอย่างจริงจัง เซี่ยเถียนและจ่างซุนอู๋จี้ทั้งมีความสุขและเป็นกังวลอยู่ในใจ!

หนึ่งต่อห้า...ซึ่งหนึ่งในนั้นคือผู้ที่อยู่ขอบเขตเสินโหยวขั้นแรก หากสมองของเจียงอี้คิดได้ นั่นคือเขากำลังอยู่ระหว่างเส้นแบ่งของความตายหรือไม่เขาก็มั่นใจว่าเขาสามารถล้มจ่างซุนอู๋เหินได้

เนื่องจากพวกเขากระทบกระทั่งกันไปแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จะถอยกลับ เกือบครึ่งหนึ่งของนายน้อยและคุณหนูจากตระกูลใหญ่แห่งอาณาจักรเสินหวู่อยู่ที่นี่ ตระกูลจ่างซุนไม่สามารถทำตัวเสียเกียรติที่นี่ได้

จ่างซุนอู๋จี้ส่งสายตาไปที่ด้านหลังซึ่งมีนายน้อยของตระกูลจ่างซุนนั่งอยู่และพูดว่า "พี่สอง เฟยอวี่ หลงเถิง หู่เซี่ยว เซิ่งเทียน ในเมื่อนายน้อยเจียงต้องการสนุกพวกเจ้าก็ไปสนุกกับเขา พวกเจ้ามีอิสระที่จะต่อสู้ แต่อย่าฆ่าเขา มิฉะนั้นพวกเจ้าคงไม่สามารถรับผิดชอบได้เมื่อครอบครัวของนายน้อยเจียงมาพบพวกเจ้า"

"ฮะ…"

จากคำกล่าวของจ่างซุนอู๋จี้ พวกเขาสามารถรับรู้ได้ว่ามันเต็มไปด้วยจิตสังหาร  เขามีวิธีข่มด้วยคำพูด เขาบอกจ่างซุนอู๋เหินและคนอื่นๆว่ามีอิสระในต่อสู้ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาควรหาโอกาสฆ่าเจียงอี้ ต่อหน้าผู้ชมเหล่านี้ เจียงอี้เป็นคนที่ขอต่อสู้ และจ่างซุนอู๋จี้ก็สั่งให้คนของเขาอย่าฆ่าเจียงอี้ หากมีอะไรเกิดขึ้น เจียงเปี๋ยหลีคงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาตรวจสอบในเรื่องนี้ใช่ไหมนะ?

องค์รัชทายาทเซี่ยอู๋หุ่ยขมวดคิ้ว เขาเป็นคนที่เชิญทุกคนมาร่วมงานเลี้ยงและถ้าเจียงอี้ตาย เขาก็คงจะต้องรับแรงกดดันอย่างมหาศาล แต่เนื่องจากเรื่องนี้มันกลายเป็นเช่นนี้แล้วมันก็ไม่มีประโยชน์หากจะพูดอะไรอีก เขาลดเสียงของเขาลงและถามว่า "นายน้อยเจียง เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าจะต่อสู้? อาวุธไม่มีตา อู๋หุ่ยหมายความว่าคงเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ทำลายความปรองดองกัน"

"ฮ่าๆๆๆ!"

เจียงอี้หัวเราะขณะที่แหงนมองนภา รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย คนหน้าซื่อใจคดกลุ่มนี้ต้องการให้เขาตาย แต่พูดด้วยความสุภาพที่ไม่จริงใจ สิ่งนั้นทำให้เขารังเกียจนัก

เขามองไปที่เซี่ยอู๋หุ่ยจากระยะไกลและพูดว่า "ฝ่าบาท ห้องฝึกฝนของท่านอยู่ที่ใดกัน ข้ากลัวว่าข้าจะทำลายวังของท่านและ ... นั่นคงเป็นที่ที่ดีที่สุดคือเมื่อเราเริ่มการประลอง มิฉะนั้นข้าคงไม่ขอรับผิดชอบหากมีความผิดพลาดใดๆ!"

ทุกคนเผยความผิดหวังเมื่อพวกเขาได้ยินว่าพวกเขาไม่สามารถสังเกตการประลองที่น่าตื่นเต้นนี้ได้? เนื่องจากมันเป็นเจียงอี้ที่เสนอ จึงไม่มีใครคัดค้านได้ องค์รัชทายาทพยักหน้าและกล่าวว่า "ห้องฝึกฝนอยู่ด้านข้าง อู๋หุ่ยจะพาพวกเจ้าทุกคนไปที่นั่น ทุกคนโปรดอย่าหักโหมเพราะทุกคนที่นี่เป็นรุ่นเยาว์ที่แกร่งกล้าของอาณาจักรเสินหวู่ ไม่ว่าการบาดเจ็บใดๆก็เป็นการสูญเสียของอาณาจักรทั้งสิ้น"

เซี่ยอู๋หุ่ยยืนขึ้นและนำกลุ่มของเจียงอี้และจ่างซุนอู๋เหินไปด้านนนอก ทุกคนติดตามไปแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถสังเกตการประลองได้ ด้วยการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นที่นั่น พวกเขาก็คงรู้สึกเบื่อที่จะนั่งอยู่ที่นี่เฉยๆเช่นกัน ทำไมไม่ลองไปดูผลการต่อสู้ล่ะ?

"ลูกพี่ เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าเจ้าสามารถทำได้?"

เฉียนว่านด้วนและจ้านอู๋ซวงเดินมาข้างๆเจียงอี้ ในขณะที่เฉียนว่านก้วนถามอย่างอ่อนโยนด้วยการแสดงออกที่คร่ำเครียด เจียงอี้ก็เห็นทุกคนเอนมาฟัง เขาหัวเราะออกมา "หากข้าตายอย่าลืมนำศพของข้ากลับไปที่หุบเขาจิตอสูรแล้วเผากระดาษเงินให้ข้าในวันนี้ของทุกปีด้วยนะ"

คนเกือบทุกคนในห้องโถงใหญ่ได้ออกไปแล้ว แต่ซูรั่วเสวี่ยยังคงนั่งอยู่ที่นั่นและไม่ขยับเขยื้อน ขณะที่เจียงอี้กำลังจะเดินออกจากห้องโถงใหญ่ ทันใดนั้นนางก็ยืนขึ้นและร้องออกมาในทันใด “เจียงอี้…”

เจียงอี้ตัวแข็งและหันกลับไปอย่างช้าๆเพื่อมองซูรั่วเสวี่ย เขากระตุกปากและยิ้มออกมา "อาจารย์ซู ท่าน ... มีคำแนะนำอะไรไหม?"

เมื่อได้ยินเจียงอี้พูดกับนางในฐานะ 'อาจารย์ซู' ร่างกายของซูรั่วเสวี่ยก็สั่นเทาขณะที่นางกัดริมฝีปากและพูดว่า "ระวังตัวด้วย!"

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ !"

เจียงอี้หัวเราะเป็นเวลานานแล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรเลย หลงเหลือไว้เพียงแผ่นหลังให้กับซูรั่วเสวี่ยที่ยืนทื่อเหมือนดาบ

...

"นายน้อยเจียง จ่างซุนอู๋เหิน ฟังนะ นี่เป็นแค่การประลอง อย่าให้ถึงขั้นเสี่ยงชีวิต ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่สามารถอธิบายต่อพระบิดาได้… ใครก็ได้ มาเปิดห้องฝึกฝนที!"

ภายใต้คำสั่งของเซี่ยอู๋หุ่ยจบลง ประตูพระราชวังขนาดใหญ่ก็ค่อยๆเปิดออก จ่างซุนอู๋เหินและคนของเขาเป็นผู้เดินนำเข้าไป เจียงอี้ตบไหล่ของเฉียนว่านก้วนและมองตาจ้านอู๋ซวงและจ้านหลินเอ๋อร์ก่อนที่จะเดินผ่านประตูใหญ่ไป ห้องฝึกฝนปิดลงอย่างช้าๆและการจำกัดของห้องก็ได้ถูกเปิดใช้งาน

"ลูกพี่ เจ้าจะต้องชนะอย่างแน่นอน!"

เฉียนว่านก้วนมองไปที่ห้องฝึกฝนและกระซิบ จ้านอู๋ซวงยิ้มอย่างคลุมเครือและส่ายหัว "ในเวลาน้อยกว่าสามสิบนาที เจียงอี้จะออกมาอย่างแน่นอน ขณะที่จ่างซุนอู๋เหินและคนอื่นๆนั้นคงจะต้องตายอย่างเลี่ยงไม่ได้!"

"อา?"

เฉียนว่านก้วนเปล่งเสียงประหลาดใจและถามขณะที่สับสน "พี่อู๋ซวง ทำไมเจ้าถึงมั่นใจเช่นนั้น?"

จ้านหลินเอ๋อร์ก็มองอย่างประหม่าที่จ้านอู๋ซวงด้วย เขายืนอยู่อย่างเงียบๆในขณะที่มองห้องฝึกฝนและถอนหายใจอย่างแผ่วเบาและกระซิบ "การหยั่งรู้น่ะ ลูกหลานของตระกูลเทพสงครามหยั่งรู้ถึงอันตราย ก่อนหน้านี้ ข้ารู้สึกว่าเจียงอี้เป็นมังกรในตำนาน แต่ตอนนี้ ข้ารู้สึกว่าเขาเป็นมังกรที่แท้จริง ผู้ที่มีความอันตรายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!"

...

"ปัง!"

เมื่อประตูใหญ่ปิดสนิท เจียงอี้ยืนห่างจากประตูสามเมตรในขณะที่จ่างซุนอู๋เหินและชายจากตระกูลจ่างซุนอีกสี่คนยืนอย่างสง่าที่มุมห้องฝึกฝน พวกเขายืนโค้งล้อมรอบเป็นวงล้อมเจียงอี้ไว้

"พรึบบ"

ทันทีที่ประตูบานใหญ่ปิดลง จ่างซุนอู๋เหินและคนอื่นๆก็ไหลเวียนแก่นแท้พลังของพวกเขาในขณะที่มีหน้าไม้สังหารเทพห้าชุดอยู่ในมือของพวกเขาคนละชุด พวกเขาทั้งหมดเผยรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมขณะที่มองเจียงอี้

"เจ้าพวกตระกูลจ่างซุน พวกเจ้าคิดว่าแน่นักใช่ไหม? ยิงสิ หากพวกเจ้ากล้า!"

เจียงอี้ยืนนิ่งเฉยและเย้ยหยันในขณะที่เห็นหน้าไม้สังหารเทพอยู่ในมือ ร่างกายของเขาไม่ได้หมุนเวียนแก่นแท้พลังใดๆและไม่ได้มีความกลัวหน้าไม้สังหารเทพในมือของพวกเขาเลย

"ไอ้เด็กสารเลว รับความตายของเจ้าซะ!"

จ่างซุนอู๋เหินส่งสายตาให้อีกสี่คนและรีบตรงไปหาเจียงอี้ พวกเขาไม่กล้าใช้หน้าไม้สังหารเทพอย่างประมาทและหากเป็นไปได้ พวกเขาอยากจะฆ่าเจียงอี้โดยใช้วิธีปกติ ซึ่งนั่นคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

หากมีใครตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วเห็นว่าเจียงอี้ถูกสังหารโดยหน้าไม้สังหารเทพ เจียงเปี๋ยหลีคงไม่ยอมหยุด และทุกคนจะปฏิบัติต่อตระกูลจ่างซุนด้วยความขบขัน มันเป็นการประลองห้าต่อหนึ่งและพวกเขายังคงใช้อาวุธอีก

"ฟรึ่บบ!"

จ่างซุนอู๋เหินเอื้อมมือไปด้านหลังของเขาและชักดาบสงครามสีเงินออกมาจากฝัก ร่างกายของเขากระโดดสูงขึ้นไปและทุ่มลงมาทันทีเมื่อเขาอยู่ห่างจากเจียงอี้ประมาณร้อยเมตร พลังดาบที่เรืองรองไปด้วยแก่นแท้พลังสีเหลืองกระจายออกมาและตวัดไปที่เจียงอี้

ชายอีกสี่คนไม่ได้โจมตี แต่พวกเขาทั้งหมดเริ่มเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว พวกเขาใช้หน้าไม้สังหารเทพเล็งไปที่เจียงอี้ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจของเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด