ตอนที่ 12: ผู้ช่วยลูเซีย
ตอนที่ 12: ผู้ช่วยลูเซีย
คังชอลอินสั่งการลูเซียทว่านางกลับไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใด ๆ ราวกับมีความผิดปกติเกิดขึ้น มีบางอย่างกำลังรบกวนจิตใจของนาง
‘นายท่าน...นายท่านรู้คำสั่งทั้งหมดได้อย่างไร?’
ลูเซียไม่ได้แสดงออกมาโดยตรงแต่ภายในใจของนางกำลังรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมากที่จู่ ๆ คังชอลอินก็ออกคำสั่งเรียกดู [สถานะปัจจุบัน] และ [สถานะดินแดน] โดยไม่ต้องรับความช่วยเหลือจากนางมาก่อน ช่างเป็นภาพที่น่าตกใจจริง ๆ
‘ที่นายท่านไม่ต้องการข้า… เป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้นหรือ?’
ลูเซียตัวแข็งทื่อ
เหตุผลในการดำรงอยู่ของนางก็เพื่อแนะนำแนวทางการใช้ชีวิตแพนเจียและช่วยสร้างความเติบโตให้กับลาพิวต้าของผู้เป็นนายที่นางรับใช้ แต่หากคังชอลอินคิดว่านางเป็นตัวไร้ประโยชน์ การมีอยู่ของนางก็จะไร้ประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน เป็นที่เข้าใจได้ถึงความกังวลที่นางกำลังมี
“ขออภัยเจ้าค่ะนายท่าน”
ลูเซียรวบรวมความกล้าเพื่อถามคังชอลอินเนื่องจากตอนนี้การมีอยู่ของนางกำลังถูกคุกคาม
“ข้าขอถามอะไรนายท่านได้หรือไม่เจ้าคะ?”
ลูเซียที่กำลังเคร่งเครียดต้องการเอ่ยถามคังชอลอินอย่างตรงไปตรงมา คังชอลอินกำลังสงสัยว่าเหตุใดนางถึงได้ทำตัวแปลก ๆ จึงยินยอมให้นางได้พูดต่อ
“ว่ามาสิ”
“นายท่านสามารถออกคำสั่งต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องรับความช่วยเหลือจากข้า อีกทั้งนายท่านยังไม่มีท่าทีแปลกประหลาดใจแต่อย่างใดกับการอยู่ที่นี่ นายท่านมีความสงบทางจิตกับการได้ย้ายมาอยู่สถานที่แปลกใหม่ที่นายท่านไม่คุ้นเคยได้อย่างน่าประหลาดใจถึงแม้นายท่านจะมีความแข็งแกร่งที่ยอดเยี่ยมเพียงใดก็ตาม”
คังชอลอินเพียงรับฟังคำพูดของนางไปอย่างเงียบ ๆ เขาไม่ได้มีท่าทีเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยแต่อย่างใด
“นั่นคือสาเหตุที่ข้าอยากจะถามนายท่านเจ้าค่ะ นายท่านเป็น”สัพพัญญู“หรือเจ้าคะ?”
(สัพพัญญู = ผู้รู้ทั่ว หมายถึงรู้สิ่งทั้งปวงอย่างสัมบูรณ์ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต)
มันเป็นการคาดเดาที่ห่างไกลเกินความเป็นจริงไปมาก
‘นี่มัน...เรื่องบ้าอะไรกัน?’
การคาดเดาจากลูเซียทำคังชอลอินตกตะลึงจนพูดไม่ออก
‘สัพพัญญู? อะไรกัน พระเจ้าเหรอ?’
มันช่างเป็นคำพูดที่ไร้สาระนัก
“ไม่ใช่ ข้าไม่ใช่สัพพัญญูอย่างที่เจ้ากล่าวมา”
คังชอลอินส่ายหัว
‘เราคงทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่วเกินไปจนทำให้นางเกิดข้อสงสัย’
ในที่สุดคังชอลอินก็ตระหนักได้ว่าท่าทีที่แปลกไปของลูเซียนั้นเป็นเพราะเหตุใด เขาตัดสินใจที่จะตอบคำถามเท่าที่จะหลีกเลี่ยงได้
“จริงอยู่ว่าที่แห่งนี้คือดินแดนแปลกใหม่สำหรับข้าแต่มันไม่ได้ต่างไปจากที่ ๆ ข้าจากมามากนัก”
ลูเซียเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสับสน
“นายท่านหมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?”
ลูเซียเอ่ยถามก่อนที่คังชอลอินจะได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม
“ที่ ๆ ท่านจากมามีความคล้ายคลึงกับที่นี่หรือเจ้าคะ?”
มุมปากของคังชอลอินกระตุก มันน่ารำคาญที่จะต้องมาคิดหาคำกล่าวอ้างเพื่ออธิบายทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็น แต่เมื่อนางเกิดความเข้าใจผิดไปก่อนจึงทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรได้
“ใช่”
คังชอลอินตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
“เช่นนั่น … ที่ ๆ ท่านจากมา ท่านได้ปกครองดินแดนด้วยชนชั้นราชันย์หรือไม่เจ้าคะ?”
“เป็นอย่างที่เจ้าว่า”
มันเป็นเรื่องโกหก แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน เป็นเรื่องจริงที่เขาได้ครอบครองดินแดนยิ่งใหญ่และครองชนชั้นจอมราชันย์
“เช่นนี้นี่เอง... ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะนายท่าน”
ลูเซียพยักหน้ารับเหมือนว่านางเข้าใจความเป็นไปทั้งหมดแต่นางยังคงติดใจสงสัยสิ่งอื่นต่อ
“ข้าถามได้หรือไม่เจ้าคะว่านายท่านเป็นราชันย์แบบใด?”
สำหรับคำถามนี้ คังชอลอินสามารถให้คำตอบกลับไปได้อย่างง่ายดาย เขาเปิดเผยสถานะก่อนหน้าของเขาในฐานะจอมราชันย์ให้นางได้รู้
“ข้าเป็นจอมราชันย์ เป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเหนือบรรดาจอมราชันย์ใด ๆ”
“จ จอมราชันย์!”
ลูเซียตัวสั่นราวกับว่านางสามารถสัมผัสถึงตัวตนจอมราชันย์ในคำพูดของคังชอลอินได้
“ที่นี่ ที่แพนเจียแห่งนี้ก็มีชนชั้นจอมราชันย์ด้วยเช่นกัน! พวกเขาจะครองดินแดนขนาดใหญ่และสั่งการได้ทั่วทั้งแว่นแค้วน! พระเจ้า! ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างแท้จริงที่ได้รับใช้นายท่าน!”
การตอบสนองของลูเซียนั้นน่าทึ่งมากถึงขนาดที่สามารถทำให้คังชอลอินประหลาดใจตามไปด้วยได้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ผู้ช่วยเองก็มีโลกส่วนตัวด้วยเช่นกัน พวกเขาจะมีความเคารพนับถือมากยิ่งขึ้นต่ออำนาจอันทรงพลังจากนายผู้ที่เขารับใช้
“เช่นนั้นนายท่านก็ต้องมีผู้ช่วยส่วนตัวด้วยใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
ลูเซียเอ่ยถาม
“ข้ามีพ่อบ้านประจำตัวเป็นแวมไพร์ชื่ออัลเฟรด”
“อัลเฟรดเป็นผู้รับใช้อย่างไรหรือเจ้าคะ? เขามีความสามารถหรือไม่? นายท่านพอใจกับการดูแลของเขาหรือไม่?”
ลูเซียค่อย ๆ เอ่ยถามคังชอลอินไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น นัยน์ตาของนางเหมือนถูกเผาไหม้ด้วยแรงริษยา
‘แข่งขันงั้นหรือ...’
คังชอลอินที่เห็นสภาวะทางอารมณ์ของลูเซียก็เข้าใจได้ในทันที
“อืม…”
ดวงตาของลูเซียเปล่งประกายขณะที่นางจดจ่อกับคังชอลอิน
“เต็มไปด้วยความสามารถอย่างน่าเหลือเชื่อ”
ดูเหมือนว่าลูเซียจะตกตะลึงไปกับคำตอบของเขาอย่างมาก ถึงอย่างไรคังชอลอินก็ไม่สามารถพูดจาว่าร้ายใส่อัลเฟรดผู้ซื่อสัตย์ต่อเขาจวบจนวาระสุดท้ายได้
“เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมอย่างนั้นสินะเจ้าคะ”
“ข้าสามารถขึ้นเป็นจอมราชันย์ได้ก็เพราะเขา”
ทันใดนั้นใบหน้าของลูเซียก็หมองหม่น
‘จากบ้านเกิดของนายท่าน นายท่านสามารถเป็นจอมราชันย์และมีผู้รับใช้ส่วนตัวที่เก่งกาจ ถ้าหาก...ถ้าหากนายท่านขับไสไล่ส่งข้าล่ะ? ข้าจะถูกโยนทิ้งไปเลยหรือไม่?’
คังชอลอินที่สามารถมองผ่านความรู้สึกของลูเซียได้กำลังเผยรอยยิ้มกว้างและตัดสินใจมอบยารักษาอาการของนางให้อย่างเหมาะสม แม้จะมีบุคลิกที่น่ากลัวแต่คังชอลอินก็เคยดำรงตำแหน่งจอมราชันย์มาก่อน เขารู้วิธีจัดการกับลูกน้องตัวเองดี
“ลูเซีย”
คังชอลอินเอ่ยเรียกลูเซียด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เจ้าค่ะ นายท่าน”
น้ำเสียงของลูเซียกดต่ำราวกับชีวิตนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“เจ้าไม่ต้องกังวล ถึงอย่างไรข้าก็ไม่มีวันทิ้งเจ้า”
ลูเซียรู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่คังชอลอินสามารถมองผ่านอาการของนางได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
“ที่ ๆ ข้าจากมา ความสัมพันธ์ระหว่างจอมราชันย์และผู้ช่วยส่วนตัวอยู่ในจุดที่เจ้าสามารถแบ่งปันความคิดส่วนที่ลึกที่สุดในใจและความเป็นส่วนตัวของเจ้าให้กันได้แม้สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่เจ้าไม่สามารถบอกกล่าวกับครอบครัวของตัวเองได้ก็ตาม”
“เจ้าค่ะนายท่าน ที่นี่ก็เช่นกัน!”
“เช่นนั้นเจ้าก็น่าจะเข้าใจ ฟังข้าให้ดี เจ้าคือผู้ช่วยส่วนตัวของข้า เจ้าเปรียบเหมือนกับครอบครัวที่ข้าต้องใช้ชีวิตไปด้วยชั่วนิรันดร์ มีเหตุใดที่ข้าต้องละทิ้งเจ้าด้วยเล่า?”
“จริงหรือเจ้าคะ?”
“จริงสิ แม้ข้าจะมีความรู้มากกว่าคนอื่นแต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งมากมายที่ข้าไม่อาจหยั่งรู้ได้ในตอนนี้ นอกจากนี้แทนที่จะไปริษยาอัลเฟรด เจ้าควรทำตัวเองให้ดียิ่งกว่าเขาไม่ใช่หรือ? อย่าได้เศร้าใจไป จงร่วมมือกับข้าเพื่อขยายดินแดนแห่งนี้ร่วมกันเถอะ”
“อา!” ลูเซียอุทาน
‘ใช่ สิ่งที่นายท่านกล่าวมานั้นถูกต้องทุกประการ ข้าจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าข้ามีความสามารถยิ่งกว่าอัลเฟรด!’
ลูเซียที่ได้รับแรงสนับสนุนจากคังชอลอินกำมือแน่นและตั้งปณิธานในใจเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่านางนั้นมีประโยชน์ยิ่งกว่าอัลเฟรด
‘นางโง่’
คังชอลอินมองลูเซียพร้อมยิ้มเยาะในใจโดยไม่ให้นางจับได้ ราชันย์ไม่ควรวางท่าทีไม่ทุกข์ร้อนและต้องรักษาเกียรติภูมิของตัวเองอยู่ทุกเมื่อ
“นายท่าน”
ลูเซียพูดด้วยใบหน้าที่มุ่งมั่น
“พูดมา”
“ข้า ลูเซียผู้นี้จะรับใช้นายท่านด้วยทั้งจิตวิญญาณและหัวใจที่ข้ามี ข้าจะพิสูจน์ความสามารถของข้าให้นายท่านได้เป็นที่ประจักษ์!”
“ดี”
คังชอลอินยิ้มยินดี
“ก่อนอื่นข้าจะต้องทำเควสพื้นฐานต่าง ๆ ให้เสร็จเสียก่อน เตรียมกำลังทหารให้พร้อมสำหรับการตรวจสอบดินแดน”
“เจ้าค่ะนายท่าน!”
ลูเซียตอบรับด้วยรอยยิ้มร่าเริง
“ข้าจะเรียกรวมทหาร ณ บัดนี้!”
เมื่อลูเซียจากไปเพื่อเตรียมการตรวจสอบ คังชอลอินก็ใช้เวลานี้เพื่อดูคำอธิบายเควสจากการฝึกสอน
[บทฝึกที่ 1] ได้รับระดับ 10
คำอธิบาย: บรรลุระดับ 10
รางวัล: ค่าประสบการณ์ + 500/ 20 ทอง / การใช้ประตูข้ามมิติ (ไม่จำกัดจำนวนครั้ง)
การอ้างอิง: จะไม่สามารถกลับสู่โลกได้หากทำเควสนี้ไม่สำเร็จ
การอ้างอิง: พิชิตขุนนางคนอื่น ๆ +5 ระดับ
การอ้างอิง: มีความเกี่ยวข้องกับเควสบทฝึกที่ 2
ประตูข้ามมิติเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างโลกปัจจุบันกับแพนเจียและเป็นสิ่งที่ต้องมีสำหรับนักเดินทางข้ามมิติทุกคน ดังนั้นเพื่อที่จะกลับสู่โลกได้ เขาจำเป็นต้องพิชิตเควสบทฝึกที่ 1 ให้สำเร็จเสียก่อน
[บทฝึกที่ 2] ปราบมอนสเตอร์
คำอธิบาย: กำจัดอสูรร้ายที่อาศัยอยู่ในดินแดน
รางวัล: ประสบการณ์ +250 / 20 ทอง
สถานะปัจจุบัน: 0/500
เหมือนกับในอดีตทุกอย่าง
คังชอลอินได้ตรวจสอบแล้วว่าเควสนั้นเหมือนกับที่เขาเคยทำเมื่อครั้งก่อน เขาตัดสินใจที่จะทำเควสการฝึกทั้งสองบทนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด ตอนนี้มันคงยากเพราะเขายังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตามหากเขาทุ่มใส่พลังทั้งหมดสัก 3 หรือ 4 วันก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะทำเควสได้สำเร็จ ขณะที่เขากำลังคิดเรื่องแผนการต่าง ๆ ลูเซียก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเพื่อแจ้งให้เขาทราบว่านางได้เตรียมการตรวจสอบเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว
“ไปกันเถอะเจ้าค่ะนายท่าน เหล่ากองทัพกำลังรอนายท่านอยู่”
“งั้นรึ?”
“เจ้าค่ะ”
“เช่นนั่นข้าจะรีบไปในทันที”
จากนั้นคังชอลอินก็รีบมุ่งหน้าออกไป
.
.
สามารถกดติดตามเพื่อรับอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับนิยายได้ก่อนใครที่ทาง Long àan ´・ᴗ・`