62 เหนือกว่าหนึ่งก้าว
62 เหนือกว่าหนึ่งก้าว
“อย่าถูกหลอก! เป้าหมายของเขาคือฉัน! ไม่ใช่เฮ่อเหลียนเลี่ย!”
เกาเย่ตะโกนออกมา ร่างเล็กๆของเขางอตัวเป็นลูกบอล และกลิ้งไปด้านหลังด้วยท่าทางที่น่าสงสาร
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเกาเย่ ผู้เข้าแข่งขันของทีมสีน้ำเงินที่ตัวใหญ่และแข็งแกร่ง ก็ได้รีบพุ่งตัวไปที่เขาโดยไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเองเลย
เกาเย่ได้คำนวณโอกาสที่ทีมสีแดงจะเข้ามาจู่โจมแบบนี้เอาไว้ก่อนแล้ว ดังนั้น เขาจึงได้ให้ทีมของเขาฝึกวิธีการป้องกันเหตุการณ์แบบนี้เอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวินาที กำแพงเนื้อที่มั่นคงและแข็งแกร่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเกาเย่ มีดาบธรรมดาแกว่งไกวอย่างดุร้าย พวกมันไคว้ไปมากลายเป็นท่าดาบที่ไร้เทียมทาน!
และแน่นอนว่า หลี่เย้าหยุดวิ่งและเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ ด้วยท่าที่แปลกประหลาด ราวกับเขากำลังกระทืบลงไปบนกำแพงที่มองไม่เห็นในอากาศ และพุ่งตัวตรงไปยังเกาเย่ โดยไม่สนใจเฮ่อเหลียนเลี่ยเลย
แต่ดูเหมือนว่า หลี่เย้าจะคิดไม่ถึงว่า เกาเย่จะมีปฏิกิริยาตอบโต้ได้รวดเร็วขนาดนี้ ตัวเขาจึงพุ่งเข้าไปปะทะกับกำแพงดาบ!
โชคดีที่ ผู้เข้าแข่งขันยังไม่หายจากอาการมึนงงจากระเบิดแสงของเขา กางมองเห็นของพวกเขาจึงพร่ามัวและไม่ชัดเจน และได้ยินเพียงแค่เสียงของดาบชนกันเท่านั้น หลี่เย้าร้องคำรามออกมาอย่างดุร้ายและพุ่งตัวหายเข้าไปในป่า
เขาทิ้งคำพูดเอาไว้ว่า “รอก่อนเถอะ ฉันจะกลับมาอีกแน่นอน!”
สามวินาทีต่อมา ผู้เข้าแข่งขันของทีมสีน้ำเงินก็ได้หายจากอาการมึนงง แต่ละคนมีใบหน้าที่ซีดเผือด พร้อมกับเหงื่อที่ไหลท้วมราวกับหมู และมองหน้ากันด้วยความตื่นตกใจ พวกเขาต่างมองเห็นความตื่นตระหนกในดวงตาของแต่ละคน
“ช่างเป็นคนที่น่ากลัวอะไรขนาดนี้ เขาแอบตามพวกเรามาและสามารถแทรกซึมเข้ามาในศูนย์บัญชาการของพวกเรา โดยที่ไม่ถูกพบตัวได้!”
สมาชิกทีมลาดตระเวรคนหนึ่งของทีมสีน้ำเงินพูดออกมาอย่างเจ็บใจ เขาอดไม่ได้ที่จะมองขึ้นไปยังกิ่งไม้ที่อยู่เหนือหัว ราวกับว่า หลี่เย้ายังคงซ่อนตัวอยู่ในกิ่งก้านที่มืดมิดตรงนั้น
“แต่เขาก็ยังเทียบกับเกาเย่ไม่ได้ ในตอนแรก ที่เขาทิ้งระเบิดแสงลงมา พวกเราทุกคนต่างก็คิดว่าเขามีเป้าหมายอยู่ที่เฮ่อเหลียนเลี่ย มีแค่เกาเย่คนเดียวเท่านั้นที่ยังมีสติมองออกได้อย่างชัดเจน จนทำให้หลี่เย้าต้องล้มเหลวไป เกาเย่ นายคือผู้มีพรสวรรค์ด้านบัญชาการอย่างแท้จริง!”
ชายอีกคน พูดออกมาอย่างยินดี
เกาเย่พูดออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดอย่างหาได้ยาก “นี่คือศัตรูที่น่ากลัวมาก เขาไม่ได้มีความสามารถในการคิดคำนวณแข็งแกร่งได้เท่ากันกับฉัน แต่เขามีสัญชาตญาณที่เฉียบแหลมราวกับสัตว์ประหลาด เขารู้ถึงความแตกต่างระหว่างเขากับเฮ่อเหลียนเลี่ย และเขาก็ยังอาจจะรู้ด้วยว่า การซุ่มโจมตีอาจจะไม่สามารถฆ่าเฮ่อเหลียนเลี่ยได้!”
“ที่มากไปกว่านั้น...ถึงแม้ว่าเฮ่อเหลียนเลี่ยจะมีความสามารถในการต่อสู้สูง แต่เขาก็ไม่สามารถรับชัยชนะจากการฆ่าเฮ่อเหลียนเลี่ยได้ เพราะถึงเขาจะสามารถจัดการเฮ่อเหลียนเลี่ยได้ ในวินาทีต่อมา เขาก็จะถูกสมาชิกคนอื่นๆในทีมจัดการอยู่ดี การต่อสู้ระหว่างเขากับเฮ่อเหลียนเลี่ยในเวลานี้!”
“นี่...คงไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการให้มันเกิดขึ้น!”
“แต่ฉันนั้นต่างออกไป ฉันเดินไปบนเส้นทางของผู้ฝึกตนประเภทการบริหาร และความเชี่ยวชาญของฉันก็คือการคำนวณและวิเคราะห์ ส่วนความสามารถในการต่อสู้จริงของฉันอยู่ในระดับธรรมดา มันมีโอกาสสูงมา ที่เขาจะสามารถจัดการฉันได้ในการโจมตีเดียวเท่านั้น!”
“และเมื่อฉันต้องออกจากการแข่งขัน ทีมสีน้ำเงินก็จะแตกซ่านเป็นเม็ดทราย หายนะก็จะคืบคลานเข้ามาในเวลาสั้นๆ ถ้าทีมสีแดงสามารถคว้าโอกาสนี้เอาไว้ได้ พวกเขาก็จะสามารถพลิกสถานการณ์กลายเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะไปได้!”
“การที่หลี่เย้าทำแบบนี้ เขาก็คงมีจุดประสงค์ที่จะใช้เฮ่อเหลียนเลี่ยเป็นเหยื่อล่อ เขาได้แสดงออกภายนอกว่า ระหว่างเขากับเฮ่อเหลียนเลี่ยมีเรื่องบาดหมางกันอยู่ และเขาก็ใช่เรื่องนี้มาบังหน้า แต่ในความจริง เป้าหมายจริงๆของเขาก็คือฉันตั้งแต่แรกแล้ว!”
“ที่มากไปกว่านั้น ฉันสงสัยว่า นี่อาจจะเป็นแผนที่เขาวางเอาไว้ตั้งแต่ที่พวกเราเจอตัวเขาแล้ว ฉันค่อนข้างมั่นใจว่า ในตอนที่เขาหลบซ่อนตัวอยู่และเห็นตัวเฮ่อเหลียนเลี่ย เขาก็ใช้โอกาสนั้นแสดงตัวออกมา เพื่อที่จะใช้มันเสาะหาศูนย์บัญชาการของพวกเรา!”
“น่ากลัวจริงๆ! คนคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว! ถ้าไม่ใช่เพราะความสามารถในการคิดคำนวณของฉันเหนือกว่า และค้นพบแผนการของเขาในนาทีสุดท้ายละก็ แผนการของเขาก็อาจจะสำเร็จไปแล้ว!”
เกาเย่พูดออกมาด้วยความกลัวที่ลามเลียอยู่ภายในจิตใจของเขา พร้อมกับเหงื่อที่ผุดออกมาเต็มหน้าผาก
“แต่เขาก็ยังเทียบกันนายไม่ได้อยู่ดี เกาเย่ แผนการทั้งหมดของเขาก็อาจจะถูกนายมองออกจนหมด เขาแพ้ตั้งแต่แรกแล้ว ในตอนนี้ เราจะเป็นฝ่ายล่าและเขาก็คือเหยื่อของพวกเรา!” หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันของทีมสีน้ำเงินตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น
เกาเย่พยายามฝืนหัวเราะออกมาและพูดว่า “นั่นก็จริง ในวันนี้ เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ แต่ความจริงแล้วความสามารถของเราสองคนก็อยู่ในระดับเดียวกัน แต่แค่วันนี้ฉันบังเอิญโชคดีก็เท่านั้น ถ้าหากอยู่ในการสู้รบแบบอื่น ฉันก็ยังบอกไม่ได้ว่า เขาสามารถจัดการฉันได้สำเร็จหรือไม่”
เฮ่อเหลียนเลี่ยยังคงเงียบกริบและไม่ได้พูดอะไรเลยอยู่ข้างๆ ความอับอายและความโกรธผสมปนเปอยู่ภายในจิตใจของเขา เขารู้สึกราวกับตัวเองได้รับความอับอายและความอัปยศ!
เป้าหมายตั้งแต่แรกเริ่มของหลี่เย้านั้นไม่ใช่เขา!
หลี่เย้าไม่ได้ให้ความสนใจต่อตัวเขาเลยแม้แต่น้อย หลี่เย้ามองเขาเป็นแค่ตัวหลอก—เขาเป็นได้แค่เหยื่อล่อเท่านั้น!
ในการต่อสู้บนกระดานหมากรุกครั้งนี้ มีเพียงหลี่เย้าและเกาเย่เท่านั้นที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ส่วนเขาก็เป็นได้แค่หมากที่ถูกควบคุมอยู่เท่านั้น!
ถึงแม้หลี่เย้าจะเทียบกับเกาเย่ไม่ได้ แต่หลี่เย้าก็ยังเหนือกว่าเฮ่อเหลียนเลี่ยที่เป็นแค่หมากอยู่ดี ถ้าหากเกาเย่มองสถานการณ์ไม่ออก เขาก็คงไม่สามารถเดาะถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของหลี่เย้าออก และเมื่อกี้ เขาก็ยังตั้งท่าเตรียมป้องกันอย่างเต็มที่อีกด้วย!
มันราวกับว่า หลี่เย้าได้ตบลงไปบนใบหน้าที่แสนภาคภูมิใจและเย่อหยิ่งของเฮ่อเหลียนเลี่ยเข้า ความโกรธทำให้ดวงตาของเฮ่อเหลียนเลี่ยปูดโปนและฟันของเขาที่ขบแน่น เขาได้แต่หวังด้วยความเกลียดชังทั้งหมดที่มีว่า เขาจะสามารถกัดกินเลือดเนื้อของหลี่เย้าทีละคำๆได้
เฮ่อเหลียนเลี่ยกัดฟันพูดออกมาด้วยความโกรธและน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า “เกาเย่ แล้วนายจะรออะไรอยู่ล่ะ? ระดมกำลังให้เร็วที่สุดซะสิ! แล้วออกไปล่าหลี่เย้ากัน!”
“เดี๋ยวก่อน!”
ใบหน้าเกาเย่ยังคงมีอาการขมวดคิ้วมุ่น เขาดูราวกับกำลังพิจารณาในทุกๆเรื่อง และพึมพัมออกมาว่า “แปลก ฉันคำนวณโอกาสที่จะเป็นไปได้ทุกอย่างแล้ว แล้วฉันก็สามารถป้องกันการโจมตีของเขาได้สำเร็จ แต่ทำไมฉันถึงได้รู้สึกไม่สบายใจแบบนี้นะ? เหมือนกับว่าฉันพลาดบางอย่างไป...นั่นอะไรน่ะ!?”
สีหน้าของเกาเย่เปลี่ยนไปและชี้ไปที่กระเป๋าทหารที่วางอยู่กลางวง แล้วเขาก็จะโกนออกมา
กระเป๋าทหารใบนี้ถูกพอกไปด้วยดินโคลนและหญ้ากับมอส มันถูกวางเอาไว้ตรงจุดกึ่งกลางของศูนย์บัญชาการอย่างพอดิบพอดี
แรกเริ่มมันดูราวกับหินก้อนหนึ่ง เมื่อมันถูกวางเอาไว้ตรงนั้น กลับไม่มีใครสังเกตเห็นมันเลย
“มีกระเป๋าอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกัน? มันเป็นของใคร?”
ผู้เข้าแข่งขันทีมสีน้ำเงินต่างมึนงง และมองหน้ากันไปมาด้วยอาการผวา ดูเหมือนว่า ไม่มีใครในที่นี้ที่เป็นเจ้าของกระเป๋าใบนี้เลย
ในสายตาของเกาเย่ การค้นพบกระเป๋าใบนี้ไม่ต่างอะไรกับไข่ปีศาจใบยักษ์ ที่มีความน่ากลัวซ่อนอยู่ภายในเปลือกไข่ ใบหน้าของเกาเย่มืดมนและเขาได้ตะโกนออกมาว่า "ทุกคนยังจำตอนที่ได้ซื้ออาร์ติเฟ็กซ์จากหลี่เย้าได้อยู่ไหม? เขาจะถือระเบิดคริสตัลเซลล์ที่เชื่อมกันเป็นแพเอาไว้ แล้วเขาก็จะพูดว่ามันอาจจะสามารถระเบิดจุดเก็บเสบียงให้ระเบิดเป็นจุนได้ และเขาก็ใช้มันมาข่มขู่พวกเรา”
เมื่อเขาพูดประโยคเหล่านี้ออกมา ใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที ทุกคนจดจำเรื่องนี้ได้ดี!
“เราซวยแล้ว!”
ดวงตาของเกาเย่ เฮ่อเหลียนเลี่ยและผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆในทีมสีน้ำเงิน เผยประกายของความหวาดกลัวออกมา!
ภายในป่าที่ห่างออกไป 500 เมตร
หลี่เย้าพิงหลังเข้ากับต้นไม้ใหญ่ เขายืนนิ่งไร้การเคลื่อนไหวและชูนิ้วทั้งสิบขึ้นมา เขาพับนิ้วลงไปทีละนิ้วๆ “9...8...7...6...”
“นั่นใครน่ะ!?”
สมาชิกทีมสีน้ำเงินสองคนได้โผล่ออกมาจากป่า พวกเขาไม่คิดเลยว่า จะมีสมาชิกของทีมสีแดงปรากฏตัวอยู่ใกล้กับศูนย์บัญชาการของพวกเขาขนาดนี้ พวกเขาจึงอดตกใจไม่ได้
หลี่เย้าเหลือบมองพวกเขา และไม่ได้ตอบอะไร เขายังคงนับเลขต่อไป “5...4...”
“คนคนนี้ดูมีอะไรแปลกๆนะ ฉันว่าเขาต้องเป็นหลี่เย้า ที่มีการแจ้งมาในช่องการสื่อสารของทีมแน่เลย รีบทิ้งอาร์ติเฟ็กซ์ของพวกเรา แล้วเปลี่ยนใช้อาวุธธรรมดาแทน และรีบแจ้งศูนย์บัญชาการของทีมเร็วเข้า!”
ผู้เข้าแข่งขันของทีมสีน้ำเงินทั้งสองคนต่างตื่นตัวเต็มที่ และรักษาระยะห่างระหว่างพวกเขากับหลี่เย้าเอาไว้ที่ 10 เมตร พวกเขาไม่ยอมเปิดโอกาสให้หลี่เย้าได้โจมตี
หลี่เย้ายังคงทำเหมือนที่เขาเคยทำอยู่ก่อนหน้านี้ เขานับถอยหลังอย่างเฉื่อยชา “3...2...1!”
เมื่อหมายเลข 1 ถูกพูดออกมาจากปากของเขา ภายในป่าที่อยู่ไกลออกไป 560 เมตรด้านหลังเขาก็ได้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมา!
ทั่วทั้งป่าสั่นไหวโอนเอียนไปมา และเกิดเมฆรูปเห็ดสีขาวค่อยๆลอยขึ้นมา แรงระเบิดได้กระจายออกไปไกลกว่า 500 เมตรด้วยความเร็วสูง
สายตาของผู้เข้าแข่งขันทีมสีน้ำเงินทั้งสองคนจับจ้องไปที่เมฆรูปเห็ดที่ลอยขึ้นมา เส้นผมของพวกเขาถูกย่างและไหม้เกรียมจากคลื่นความร้อนที่ส่งออกมาพร้อมกับแรงระเบิด กิ่งก้านของต้นไม้รวมกับก้อนหินดินทรายได้ร่วงลงมากระแทกกับศีรษะและร่างกายของพวกเขา!
ภายในพริบตาเดียว ทั้งสองก็ถูกปกคลุมไปด้วยดินทรายและสิ่งสกปรกมากมาย ดูราวกับรูปปั้น
ภายในช่องการสื่อสารยังคงเงียบกริบ ไม่มีใครสามารถตะโกนตอบกลับมาได้
“อะไรกัน...นายทำอะไรลงไปน่ะ?” ผู้เข้าแข่งขันทีมสีน้ำเงินทั้งสองคนไม่สามารถหยุดอาการสั่นไหวของร่างกายได้
“ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ศูนย์บัญชาการของทีมสีน้ำเงินไม่มีอีกต่อไปแล้ว”
หลี่เย้าหยิบกริชสีดำออกมาอย่างเชื่องช้า และเดินตรงเข้าไปหาผู้เข้าแข่งขันของทีมสีน้ำเงินด้วยรอยยิ้ม