บทที่ 4 : เจ้าชายรูปงามอยู่ประตูถัดไป (4)
บทที่ 4: เจ้าชายรูปงามอยู่ประตูถัดไป (4)
ด้วยแรงผลักอย่างแรงของกู่หยูเซิง เมื่อซินเจียยืนขึ้นเธอจึงเซถอยหลังไปสองสามก้าว และไปชนกับป้ายโฆษณาด้านหลัง
ป้ายโฆษณาทำมาจากแผ่นเหล็กหนาขนาดใหญ่ ดังนั้นเมื่อเธอเซไปโดนตรงมุมป้ายที่มีปลายแหลมคม จึงทำให้โดนบาดจนเลือดไหลออกมาทันที ซินเจียเกือบจะร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
ซินเจียหลับตาพร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความเจ็บปวด เธอยืนพิงป้ายโฆษณาอยู่นิ่งๆ จนเมื่อร่างกายรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว เธอจึงค่อยๆเดินไปที่ถนนอย่างช้าๆ กู่หยูเซิงขับรถจากไปนานแล้ว บนท้องถนนมีเพียงรถยนต์ที่สาดแสงไฟขับผ่านหน้าเธอไปหลายคัน
เมื่อคิดย้อนกลับไปถึง ตอนช่วงทานอาหารค่ำที่คฤหาสน์ตระกูลกู่ผ่านมา เพียงเพราะว่าเขาต้องการที่จะเล่นละครตบตานายผู้เฒ่า เมื่อเดินไปถึงโต๊ะอาหารกู่หยูเซิงก็อาสาช่วยดึงเก้าอี้ออกมาให้เธอนั่งทำราวกับว่าเขาคือสุภาพบุรุษผู้อบอุ่น ทั้งยังคอยตักอาหารให้เธอ แม้กระทั่งนั่งเลาะก้างปลาให้เธออย่างเอาใจเพราะกลัวก้างปลาจะติดคอเธอ เขาก็ทำมันได้อย่างรื่นไหลเป็นธรรมชาติ เหมือนกับว่าเขาทำอย่างนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
การแสดงของเขาช่างไร้ที่ติ เขาแสดงเป็นสามีผู้สมบูรณ์แบบเพียบพร้อม รักและเอาใจใส่ภรรยาเป็นอย่างดียังกับเป็นสามีแห่งชาติก็ไม่ปาน จากการแสดงอันยอดเยี่ยมของเขาทำให้คุณปู่ของเขามีความสุขเป็นอย่างมาก ใบหน้าของท่านเต็มไปด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลาที่รับประทานอาหารค่ำ เมื่อท่านเห็นว่าหลานทั้งสองรักและเข้ากันได้ดี
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของนายผู้เฒ่ากู่ คนอื่นๆในคฤหาสน์ก็พลอยมีความสุขไปด้วย อย่างไรก็ตามแม้ว่าคนอื่นๆจะมองเห็นว่าซินเจียยิ้มแย้มแจ่มใส ร่าเริงและมีความสุขมากขนาดไหน แต่แท้จริงแล้วคงไม่มีใครคาดคิดว่าเธอจะได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสในค่ำคืนนี้
เธอรู้ ว่านั่นก็เป็นแค่ละครฉากหนึ่งของเขา แต่แม้ว่าจะรู้ทั้งรู้อยู่แกใจแค่ไหนก็ตาม เธอก็ยังไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ในหัวใจลึกๆของเธอยังคงโหยหาความรักความอบอุ่นจากเขาเสมอ นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเธอรักเขามากนั่นเอง ถึงแม้ว่าเขาจะจำเธอไม่ได้เลยก็ตาม เธอก็ยังคงรักและรอเขาอยู่ไม่เสื่อมคลาย
หัวใจของเธอไม่เคยหยุดเต้นแรง และใบหน้ายังคงแดงซ่าน เมื่อเห็นเขาแสดงความรักต่อเธอ แม้จะรู้ว่าการกระทำนั้นเป็นการเสแสร้งก็ตาม เธอพยายามเตือนตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ให้ไปอ่อนไหวกับท่าทางเหล่านั้นของเขา แต่ถึงกระนั้นเธอกลับทำไม่ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
เซินเจียไม่ได้ตระหนักเลยว่าตัวเธอยืนนิ่งๆอยู่ข้างถนนแห่งนี้มานานแค่ไหนแล้ว เมื่อเธอรู้สึกตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปเกือบจะห้าทุ่มแล้ว ดังนั้นเธอจึงโบกแท็กซี่เพื่อนั่งกลับบ้าน
ไฟในห้องนั่งเล่นยังคงเปิดอยู่ ซินเจียสันนิษฐานว่าพ่อบ้านยังคงยังไม่นอน และไม่ได้คิดมากเกินไปกว่านั้น จากนั้นเธอจึงเดินไปกดรหัสผ่านเพื่อปลดล็อคประตูเข้าบ้านและเดินเข้าบ้าน
บางคนจากข้างในอาจจะได้ยินเสียงประตูเปิด ซินเจียคิดว่าอาจจะเป็นพ่อบ้านดังนั้นเธอไม่ได้มองที่มาของเสียง ขณะที่เธอกำลังเปลี่ยนไปสวมรองเท้าที่ใช้สำหรับเดินในบ้านนั้น ก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้น “นายหญิงน้อยยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ”
ซินเจียชะงักตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ก่อนที่จะมองไปยังบุคคลนั้นอีกที คนที่กำลังเดินมาไม่ใช่พ่อบ้าน แต่เป็นแม่นมจาง
ก่อนที่ซินเจียจะได้เอ่ยถามว่าทำไมแม่นมจางถึงมาอยู่ที่นี่ แม่นมจางกลับอธิบายออกมาก่อนว่า “พอดีว่านายหญิงน้อยลืมสร้อยข้อมือนี้ไว้ที่คฤหาสน์ตอนที่ไปทานอาหารเย็นเมื่อตอนค่ำนี้คะ ดิฉันจึงได้เอามาให้”
ขณะที่เธอกำลังพูด เธอก็ส่งสร้อยข้อมือไข่มุกเส้นสวยคืนให้กลับซินเจียไปด้วย
เมื่อซินเจียเอื้อมมือไปรับสร้อยข้อมือกลับมา เธอก็จำได้ทันทีว่านี้เป็นสร้อยข้อมือที่เธอถอดลืมทิ้งไว้ในห้องน้ำตอนที่เข้าไปล้างมือ ต่อมาพอกู่หยูเซิงเดินมาเรียกไปทานอาหารค่ำ เธอจึงลืมหยิบมันออกมาด้วย
“ก็แค่สร้อยข้อมือเองค่ะแม่นมจาง ครั้งหน้าเมื่อหนูเขาไปที่คฤหาสน์ แม่นมค่อยเอาให้หนูก็ได้”
“พอดีว่าคืนนี้นายท่านนอนไม่ค่อยหลับ เลยอยากจะออกมาเดินเล่นยืดเส้นยืดสายสักหน่อย ท่านก็เลยถือโอกาสเอาสร้อยข้อมือออกมาคืนนายหญิงน้อยด้วยกันเสียทีเดียวคะ” แม่นมจางเอ่ย พลางเดินตามซินเจียเข้ามาในห้องนั่งเล่น
“คุณปู่อยู่ที่นี่ด้วยหรือค่ะ?” ซินเจียเอ่ยพลางขมวดคิ้ว ก่อนที่แม่นมจางจะได้เอ่ยปากตอบ เธอก็เห็นพ่อบ้านกำลังวางถ้วยน้ำชาลงตรงหน้านายผู้เฒ่ากู่ ผู้ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก
ซินเจียรีบพูดในทันที “คุณปู่........”
“อืม....” เขาตอบด้วยเสียงอู้อี้ เพราะกำลังจิบน้ำชาอยู่ ก่อนจะกลืนน้ำชาลงคอและถามว่า “ทำไมหนูถึงกลับมาดึกจัง?”
ณ ขณะนั้นเองนายผู้เฒ่ากู่ก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาขมวดคิ้วพร้อมมองออกไปนอกหน้าต่างและเมื่อพบว่าด้านนอกไม่มีรถของกู่หยูเซิงจอดอยู่ เขาจึงถามต่อไปอีกว่า “แล้วหยูเซิงอยู่ไหน? ทำไมเขาถึงไม่กลับมาพร้อมกับหนู?”
นายผู้เฒ่ากู่รู้สึกไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อถาม คำถามนี้ออกมา “เขายังทำตัวเหมือนเดิม ทิ้งหนูไว้ที่บ้านคนเดียว แล้วไม่ยอมกลับมาบ้านอีกแล้วใช่ไหม?”
“ไม่……” ซินเจียตอบเขาด้วยความลังเล
เหตุผลที่กู่หยูเซิงแสดงละครว่าเป็นสามีที่แสนดีเมื่อหัวค่ำ ก็เพื่อจะทำให้คุณปู่สบายใจ ว่าพวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขและรักกันดี หากคุณปู่ทราบว่าพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้เข้ากันได้ดีอย่างที่แสดงออกให้ท่านเห็น ท่านจะต้องไปตำหนิ กู่หยูเซิงอีกแน่ๆ และสุดท้ายคนที่จะซวยที่สุดก็จะเป็นเธอ
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเดือนก่อนนี้ เขายังบังคับที่จะมีอะไรกับเธอ ทั้งยังสั่งให้เธอกินยาคุมกำเนิดต่อหน้าคนรับใช้ในบ้านเพื่อจะทำให้เธออับอายต่อหน้าทุกคน หากว่าเธอปล่อยคุณปู่รู้เรื่องพวกนี้เข้าละก็ กู่หยูเซิงได้เอาเธอตายแน่ๆ
สมองของซินเจียวิ่งเร็วจี๋เพื่อจะหาข้ออ้างเหมาะๆ เธอฉีกยิ้มพร้อมกับตอบว่า “พอดีว่าหยูเซิงเขาได้รับโทรศัพท์ด่วนว่าที่บริษัทเกิดปัญหา เขาเลยต้องกลับไปที่บริษัทคะ”
“จริงๆแล้วหยูเซิงเขาจะขับรถเข้ามาส่งหนูข้างในบ้าน แต่พอดีว่าหนูอยากจะเดินเล่น ก็เลยให้เขาส่งลงที่หน้าประตู และก็เดินกลับเข้าบ้านมาเองคะ”
นายผู้เฒ่ากู่มองลึกเข้าไปในดวงตาของซินเจีย แต่ก็ไม่พบร่องรอยความประหม่าในแววตาของเธอเลย เธอเอ่ยปากพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสดใส ไม่มีแม้แต่ร่องรอยการหลอกลวงบนใบหน้าของเธอ “หยูเซิงเขามักจะรีบกลับบ้านทุกครั้งเมื่อทำงานเสร็จ ถ้าคุณปู่ไม่เชื่อก็ลองถามคุณพ่อบ้านได้นะคะ”
ในขณะที่พูดซินเจียก็ส่งสัญญาณทางสายตาให้กับพ่อบ้านไปด้วย
เมื่อพ่อบ้านได้เห็นสัญญาณที่ซินเจียส่งให้แล้ว เขาจึงรีบตอบขึ้นมาทันทีว่า “ใช่ครับ ตามปกตินายน้อยจะรีบกลับบ้านทันที่ที่ทำงานเสร็จครับ”
“ถ้าอย่างงั้นก็ดีแล้ว....…” สีหน้าและท่าทางของนายผู้เฒ่ากู่ผ่อนคลายลงทันทีเมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากของพ่อบ้าน
หลังจากนั้นเขาก็ยืนขึ้นและพูดว่า “วันนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาพูดคุยอะไรมากนัก อีกอย่างวันนี้ก็ดึกมากแล้ว ฉันควรจะกลับบ้านสักที”
ซินเจีย ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอรู้สึกเหมอนวิญญาณจะหลุดออกจากร่างเสียให้ได้ตอนต้องโกหกนายผู้เฒ่ากู่ “หนูจะเดินไปส่งคุณปู่ที่หน้าประตูนะคะ”
...................................
ซินเจีย ยืนอยู่ที่ประตูบ้านจนกระทั่งเห็นรถนายผู้เฒ่ากู่วิ่งออกจากบ้านไปจนลับตา
พ่อบ้านเดินเอานมร้อนมาเสิร์ฟให้ซินเจีย ก่อนที่เขาจะเดินออกไปล็อคประตูหน้าบ้านและตรวจเช็คความเรียบภายในภายอีกรอบ แต่เมื่อเขาเดินไปถึงหน้าประตูเขากลับมองเห็นรถของนายผู้เฒ่ากู่ที่สมควรจะกลับไปแล้ว จอดนิ่งอยู่หน้าประตู
พ่อบ้านตกตะลึงยืนนิ่งค้าง จนกระทั่งเมื่อคนภายในรถค่อยๆเลื่อนกระจกรถลงเขาถึงได้สติ แม่นมจางทำเสียงกระซิบพูดกับเขาว่า “เสี่ยวหยางนายท่านมีเรื่องต้องการจะสอบถามคุณ”
พ่อบ้านรีบเดินเข้าไปหานายท่านผู้เฒ่าด้วยความเคารพ