บทที่ 321 - ด้วยพลังของตัวนายเอง (1) [04-02-2021]
บทที่ 321 - ด้วยพลังของตัวนายเอง (1)
”
"ฉันคิดว่านายกำลังจะเสริมพลังพลังขึ้นมางั้นสินะ นายจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบบางอย่างกับหินเสริมพลังด้วย"
แม้ว่ามันจะฟังดูไร้สาระไปนิด แต่มันก็เป็นคำอธิบายที่ดีที่สุดในสถานการณ์แบบนี้แล้ว กลุ่มหมอกเศษชุดเกราะความปรารถนาทมิฬได้ปกคลุมวงเวทย์เอาไว้และเริ่มดูดซับเลือดลงไปอย่างกระหายมากๆ
"นี่มันอะไรกัน!? นายกำลังทำอะไรฮีโร่!?"
"ความลับ"
เสียใจด้วยนะ แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนั่นแหละ
จากใบหน้าที่สับสนของเจ้านี่ มันก็แสดงให้เห็นได้ว่าวงเวทย์ไม่ได้อยู่ในความควบคุมของเขาอีกต่อไปแล้ว ฉันได้หันไปมองที่วงเวทย์อีกครั้ง และเห็นได้ว่าวงเวทย์กำลังบิดเบี้ยวไปทีละนิด เลือดสีดำที่ย้อมวงเวทย์ได้เริ่มเคลื่อนที่มาในจุดๆหนึ่งด้วยความเร็วที่เขามองแทบจะไม่ทัน
"แล้วตอนนี้นายจะทำยังไงล่ะ? ดูเหมือนวงเวทย์นั่นจะใช้ไม่ได้แล้วนะ"
"...หาา"
มันดูเหมือนว่าฝ่ายนั้นจะคิดเหมือนกันกับฉัน ดูได้เลยจากใบหน้าที่ทำอะไรไม่ถูกนั่นน่ะนะ
ในเวลาเดียวกันก็มีรูขนาดใหญ่ทะลวงผ่านอกของหมอนี่ จักรของเยอึนได้ทะลวงผ่านอกไปแล้ว
"อั๊ก!"
"ย่ะห์!"
การโจมตีของเยอึนดูจะไม่ได้หมดเพียงแค่นี้ เธอได้ดึงเอาโซ่ที่มีอยู่มามัดแขนหมอนี่เอาไว้และขว้างหอกทะลวงหัวของหมอนี่ ในตอนที่หมอนี่ได้มาถึงหน้าเธอ เธอก็จัดการใช้กระบอกเหล็กกับไม้กระบองของเธอหวดใส่ทันที
ถึงมันจะไม่น่าเชื่อ แต่หมอนี่ก็ได้ตายไปทั้งแบบนี้โดยที่ไม่ได้พูดคำสั่งเสียออกมาเลย นี่มันก็เข้าใจได้ในเมื่อจู่ๆวงเวทย์ที่เขาใส่พลังมานาทั้งหมดเข้าไปกลับติดขัดจนเกิดเลยไม่คาดคิดขึ้นมา ยูอิลฮานก็ยังยกผลงานให้กับเยอึนที่ได้ใช้โอกาสนี้จัดการฆ่าเขาในทันทีอีกด้วย นี่มันเพราะพรสวรรค์ในนักฆ่าของเธองั้นสินะ? หรือว่าเป็นเพราะพลังเทพในร่างของเธอ?
พอหัวของผู้บัญชาการระเบิดออก เลือดที่ปกคลุมร่างกายของผู้บัญชาการกองทัพก็เริ่มที่จะปล่อยแสงสีดำออกมา มันดูเหมือนว่าหมอนี่จะไม่ยอมตายอย่างสงบสินะ
"เยอึน!"
ฉันได้ใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าไปหาเยอึนทันที เธอทำแค่ดึงอาวุธกลับไปในตอนที่ฉันกระแทกเธอกระเด็นออกไป เพราะแบบนี้เลยทำให้เธอปลอดภัยจากการระเบิดตัวตายของผู้บัญชาการกองทัพ
และเนื่องจากว่าฉันยังมีความเร่งอยู่หลังจากที่ชนเยอึนออกไปทำให้ฉันหลบหนีแรงระเบิดมาได้ แต่ว่าฉันก็หลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บได้หมด โดยเฉพาะในตอนนี้ที่ฉันมีแค่พลังของดอร์ตูป้องกันตัวอยู่
"อึก!"
แรงระเบิดนี้กระทั่งรุนแรงยิ่งกว่าการระเบิดที่เกิดจากคำสาปซะอีก แต่ปัญหามันยังไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ มันดูเหมือนว่าพวกปีศาจระดับสูงจะคิดเอาไว้แล้ว พวกมันได้ยืนดูดซับพลังงานปีศาจและพองตัวขึ้นมา
ถึงจะไม่แข็งแกร่งเท่าพลังของวงเวทย์ยักษ์ แต่นี่ก็น่าจะพอที่จะกวาดทั้งพื้นที่แห่งนี้ให้หายไปได้เลย! เพราะแบบนี้ได้ทำให้ฉันตัดสินใจใช้โอเวอร์ลอร์ดในทันที
ในตอนนี้เองวงเวทย์ก็ได้สั่นไหวขึ้นมาและเริ่มที่จะดูดพลังปีศาจของพวกปีศาจที่กำลังจะระเบิดออกไปเข้าไป นี่มันโลภมากจริงๆเลยนะ!
วงเวทย์ได้ลดขนาดลงอย่างรวดเร็วจนแค่มองก็รู้ ทั้งความหนาแน่นในพลังปีศาจและพลังความเย็นที่เร้นลับก็ได้ถูกบีบอัดอยู่ในจุดเดียว
"ในด้านปริมาณมานาฉันก็ไม่ด้อยไปกว่าใครนะ แต่ฉันไม่เคยได้เห็นมานามารวมกันในจุดๆเดียวมากขนาดนี้มาก่อนเลย...!"
ถ้าเป็นในระดับเดียวกับราชาสัตว์ป่า ฉันก็พอจะใช้วงจรเพรูต้ากับวิญญาณสัมบูรณ์ทำอะไรกับมันได้ แต่ว่าถ้าหากเป็นแบบนี้ที่มานามารวมกันจำนวนมาก นี่มันเกินกว่าที่ฉันจะรับมือได้ไปแล้ว วงจรเพรูต้างั้นหรอ? ฉันก็คงจะโดนมานานี่ดูดเข้าไปแทนน่ะสิ ในตอนแรกเลยฉันคิดว่าดวงตาพระศิวะน่าจะพอที่จะทำลายวงเวทย์ได้ แต่ว่าสำหรับในตอนนี้วงเวทย์ได้พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการกลืนกินพลังงานทุกชนิดทำให้มันดูเหมือนจะไม่มีการโจมตีอะไรทำลายวงเวทย์ได้แลว
"คังชิน ไม่เป็นไรนะ"
มานาที่บ้าคลั่งบนท้องฟ้าได้ทำให้ปีศาจเบื้องล่างทั้งหมดได้แต่มองขึ้นมาด้านบนโดยลืมเรื่องการต่อสู้ไปแล้ว เดซี่ก็ดูจะไม่สนใจจะสู้กับพวกนั้นแล้วด้วยทำให้เธอมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าเย็นชา
"ถ้ามันพลาดขึ้นมาล่ะก็ โลกนี้จบเห่แน่"
"เฮ้"
"คังชินทำอะไรก่อนที่มันจะสายเกินไปสิ"
"อย่ามาปักธงตายให้ฉันแบบนั้นสิ"
ฉันได้ขมวดคิ้วกับคำพูดของเดซี่ เดซี่ก็ยังก้มหน้าลงในทันที และในเวลานี้เองยุยก็เงยหน้าขึ้นมา
"พี่ค่ะ หนูมีเรื่องอยากจะบอกเหมือนกัน!"
"ยุย เราไม่ได้กำลังจะตายกันนะ!"
ถ้าอยากจะสารภาพบาปกันก็ไปที่โบสถ์นู๊น อย่ามาบอกกับฉัน! ฉันได้ตะโกนออกมาอย่างขึ้ขลาดและถามดอร์ตู
"ดอร์ตู นายพอจะรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?"
[ข้าคือดอร์ตู ถ้าดอร์ตูอยู่ตรงนั้น ดอร์ตูก็จะถูกดูดเข้าไปแล้วตาย]
"ไม่ ฉันไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้น"
ในตอนนี้เองก็ได้เกิดอีกการเปลื่ยนแปลงหนึ่งขึ้น มานา พลังงานปีศาจ เลือด เนื้อ และเศษชิ้นส่วนของชุดเกราะฉัน ทุกๆอย่างนี้ได้เริ่มที่จะลอยไปรวมในจุดๆเดียว
ได้มีแสงสีทองประกายออกมา จากนั้นความมืดมิดที่ดูดแสงทั้งหมดเขาไปก็โผล่ขึ้นมา และจากนั้นแสงสีแดงดำก็โผล่ขึ้นมา ตามมาด้วยแสงสีน้ำเงิน ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ ฉันได้พยายามที่จะเปิดดันเจี้ยน แต่ฉันก็ทำไม่ได้เลย ให้ตายสิ
"น่าทึ่ง"
พลังของนามแห่งเทพเธอหมดลงแล้วงั้นสินะ? เยอึนได้ลอยมาพร้อมกับพึมพัมอย่างสับสน ออร่าที่ประกอบเป็นแขนกับอาวุธทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเธอได้หายไปแล้ว ตัวเธอได้กลับมาเป็นปกติแล้ว ฉันมีคำถามหลายคำถามเลยที่อยากจะถาม แต่ว่านี่คือสิ่งแรกที่ฉันถามออกไป
"...ไม่ใช่ว่าเธอมีอะไรอยากจะพูดงั้นหรอ?"
เยอึนได้เบิกต้ากว้างตะโกนออกมา
"อื้อ ตอนนี้ฉันก็เข้าไปในบียอนด์ได้แล้วเหมือนกัน"
"เธอทำได้... หวาาาา!?"
ระหว่างฉันกำลังยิ้มตอบกลับไปแห้งๆ ฉันก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดึงฉันลงไป เยอึนได้รีบเข้ามาพยายามดึงฉันเอาไว้ แต่แล้วฉันก็หลุดออกจากมือเธอ ฉันได้ตกลงไปจากท้องฟ้าสู่พื้นที่มีวงเวทย์อยู่
"ชะ ชิน!"
"ชิน!"
"พี่คะ!"
เสียงร้องของเยอึน เดซี่ และยุยได้ดังออกมา ฉันได้พยายามโคจรวงจรเพรูต้าอย่างบ้าคลั่งในระหว่างมองไปรอบๆ สิงที่ดึงฉันลงมาข้างล่างก้คือพลังงานที่กำลังก่อตัวขึ้นมาจากวงเวทย์ ในพริบตาเดียวฉันก็ได้จมลงไปภายในก้อนพลังงานมหาสาลแล้ว จากนั้นพลังนี้ก็เริ่มเปลื่ยนไป
"อึก นี่มันเกิดอะไรขึ้น...!?"
ทันใดนั้นแสงหลากสีก็ได้หายไปและแทนที่ด้วยแสงสีเทาหม่น
ในเวลาต่อมานี้เอง ฉันก็ต้องอ้าปากค้างจับท้องแน่น พลังงานนี้กำลังบีบรัดตัวฉันเอาไว้ ฉันได้เกร็งร่างและพยายามดึงมานาออกมาถึงขีดสุดเพื่อเสริมพลังให้กับร่างกาย
ในตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น ชุดเกราะของฉันกำลังถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แต่ว่าถ้าฉันทนต่อแรงกดดันนี้ไม่ไหว ร่างกายของฉันก็จะแหลกเป็นชิ้นๆ
"ฟู่ ฮ่าา...! การทดสอบบ้านี่!"
หลิน นายไม่เห็นเคยพูดเรื่องนี้เลย!
แน่นอนฉันก็รู้ว่าหลินก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน บางทีแม้แต่เอลีนที่เป็นคนสร้างอุปกรณ์เวทย์ก็ยังไม่รู้เลย ใครจะไปคาดคิดว่าอุปกรณ์เวทย์จะทำอะไรมากมายขนาดนี้กัน? ไม่เพียงแต่มันต้องใช้มานาจำนวนมหาศาลเท่านั้น มันยังต้องใช้ร่างกายของปีศาจแล้วก็วัตถุดิบที่น่ากลัวจนทำให้เมื่อเทียบกับการฆ่าศัตรูของโลกมันดูง่ายไปเลย
"ชิน นายไม่เป็นไรนะ!? พลังงานทั้งหมดกำลังไหลอยู่บนตัวนาย"
"พี่คะ! ลูน่าทำอะไรซักอย่างทีสิ!"
[คิ๊วววว]
"คังชิน อย่าตายนะ... ถ้านายตายอย่างน้อยก็ทิ้งศพเอาไว้ เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป"
"ฉันไม่ได้กำลังจะตายซะหน่อย"
เพราะคำพูดของเดซี่ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกไป นี่มันใกล้จะสมบูรณ์แล้ว ฉันไม่คิดจะยอมแพ้หรอกนะ ฉันได้รวบรวมพลังมานามาเสริมสร้างร่างกายอย่างบ้าคลั่ง แม้กระทั่งเขาบนหน้าผากของฉันในตอนนี้ก็ยังส่งความร้อนออกมาแล้ว
"อย่าให้มันมากนักนะ... แค่สร้างให้เสร็จดีๆก็พอแล้ว!"
ฉันไม่มีวันแพ! ฉันได้เกร็งก้ามเนื้อทุกๆมัดและตะโกนออกมาเหมือนกับคนบ้า ถ้าฉันไม่ระวังแม้แต่นิดเดียว ร่างกายและเครื่องในของฉันได้แหลกไปแน่
เวลาได้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วไม่มีใครรู้ แต่ว่าพอแนกำลังคิดจะใช้รอยสักราชินีซัคคิวบัสมาเติมเต็มมานาของฉัน จู่ๆแสงก็ได้ลดลงเล็กน้อย แรงกดดันบนร่างกายของฉันก็ยังหายไปแล้ว ในตอนนี้ความเจ็บปวดทั้งหมดได้หายไปมีเพียงแต่ความอบอุ่น ไม่สิมันคือความร้อนที่กำลังปกคลุมตัวฉันอยู่
ฉันได้ยกแขนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวและเห็นโลหะสีดำบางที่ถูกเคลือบมันอยู่ นี่มันเปล่งประกายออกมาและอ่อนนุ่มเหมือนกับเส้นผ้าไหมมากกว่าโลหะซะอีก ฉันได้ลองขยับแขนดูและปรากฏว่ามันยืดหยุ่นจนทำให้ฉันต้องตกใจ
จากนั้นฉันก็มองไปที่ส่วนอื่นๆบนตัวฉัน ในตอนนี้ฉันได้เห็นอะไรบางอย่างที่บางจนเกินกว่าจะเรียกว่าเกราะปกคลุมร่างกายของฉันอยู่... ใช่แล้ว นี่มันก็ต้องเป็นผ้าไหมโลหะแน่ๆ
โลหะที่อ่อนนุ่มจนไม่น่าเชื่อนี้กำลังปกคลุมตัวแนอยู่ ถ้าหากว่าโลหะสามารถจะเอามาถักเป็นแบบเส้นไหมได้มันก็คงจะเป็นแบบนี้แน่ แถมเกราะตัวนี้ยังมีรอยสัญลักษณ์ที่ฉันไม่เข้าใจถูกแกะสลักอยู่ทั่วตัว และสัญลักษรืพวกนี้ก็ได้เปล่งประกายแสงสีน้ำเงินออกมา มันเป็นแสงจางๆที่ทำให้ชุดเกราะนี้ดูลึกลับมากยิ่งขึ้น
"หมวกก็ด้วย..."
หมวกมันก็ไม่ต่างไปจากเกราะเช่นกัน นอกเหนือไปจากดวงตาแล้ว ใบหน้าของฉันถูกปิดจนมิดแม้แต่เขาก็ด้วย พูดให้ชัดคือเกราะนี้มีขนาดใหญ่กว่าเขาเล็กน้อยจนเขาของฉันอยู่ภายในอย่างพอดี
"มานา... หายไปแล้ว"
เสียงของเดซี่ได้ดังขึ้นมาจนทำให้ฉันต้องหันไปมองรอบๆ อย่างที่เธอพูดออกมาคือมานาจำนวนมหาศาลทั้งหมดได้หายไปแล้ว แน่นอนว่าฉันรู้ว่าเพราะอะไร มันก็เพราะเกราะที่ฉันใส่อยู่ยังไงล่ะ
"ชิน เกราะเท่จังเลย!"
เยอึนได้ปรบมืออย่างตกใจ แต่จากสิ่งที่ฉันบอกได้ก็คือเกราะนี้ดูเหมือนการผสมแปลกๆระหว่างชุดทักซิโด้กับชุดออกกำลังกาย
"มานาทั้งหมดถูกเกราะตัวนี้ดูดเข้าไปหรอคะพี่?"
"พี่คิดว่าน่าจะใช่นะ"
ฉันได้ตอบกลับไปโดยที่ยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำ ชุดเกราะโลหะนี่มันลึกลับเป็นอย่างมาก และการที่เกราะเพียงตัวเดียวได้ดูดมานาที่ทำลายทั้งโลกไปจนหมดมันก็ยากจะเชื่อเช่นกัน
"ชุดเกราะ ข้อมูลล่ะ?"
"พลังของดันเจี้ยนใช้ไม่... อ่า!"
เพราะพลังงานในวงเวทย์ได้ถูกดูดออกไปทำให้พลังที่ขว้างกันพลังของดันเจี้ยนอยู่หายไปเช่นกัน นี่ทำให้ในตอนนี้เขาสามารถจะเปิดช่องเก็บของหรือเขาไปในดันเจี้ยนได้แล้ว
นอกไปจากนี้ฉันยังรู้สึกได้ว่าพลังของดันเจี้ยนกำลังกลับมาด้วย มานาที่หายไปก็ยังกำลังถูกเติมเต็มอีกครั้งหนึ่ง ฉันได้ตะโกนออกมาทันทีที่รู้สึกได้ถึงพลังที่กลับคืนมา
"เยี่ยม... เชอราฟิน่า แสดงสิ่งที่เธอทำได้ให้ฉันดูสิ! บอกข้อมูลของเกราะตัวนี้มาให้ฉันเลย"
[???(???)
??? - ???
??? - ???]
อ่า... เป็นอย่างที่คิดไว้เลย