เล่ม1 : บทที่ 18 – สังหาร
กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 18 – สังหาร
“แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกมันแข็งแกร่งพอที่จะทลายขีดจำกัดของอันดับได้?”
โนอาห์ถาม
ตอนนี้พวกเขาวิ่งมาราวครึ่งชั่วโมงและมีร่องรอยของเหงื่อไคลปรากฏบนใบหน้าของโนอาห์ แต่อาจารย์ของเขากลับดูปกติและอธิบายต่อ
“พวกมันวัฒนาการ หรือจะว่าง่ายๆ ก็คือ พวกมันจำศีลเป็นระยะเวลาหนึ่งและเมื่อตื่นขึ้นมาพวกมันจะมีความสามารถตามธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น หมาป่าสี่ตาอันดับหนึ่งวิวัฒนาการ ร่างกายของมันก็จะกลายเป็นอันดับสอง แต่การโจมตีด้วยพลังจิตของมันจะอยู่ที่อันดับหนึ่งซึ่งสามารถสร้างอันตรายได้มากกว่าตอนอยู่อันดับหนึ่ง”
ในที่สุดโนอาห์ก็เข้าใจกระบวนการการวิวัฒนาการของสัตว์เวทมนตร์ได้ดีขึ้นแต่ก็อดที่จะรู้สึกอิจฉาไม่ได้
พวกมันต้องกินและนอนเพื่อให้ได้มากซึ่งความแข็งแกร่ง ในขณะที่มนุษย์อย่างเราๆ ต้องฝึกฝนแบบไม่หยุดพักแต่กลับขยับไปสู่ขอบเขตที่สูงขึ้นได้เพียงก้าวเล็กๆ
ครั้งนี้วิลเลียมทันสังเกตสีหน้าของศิษย์และยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดสิ่งใด ไม่ต้องคิดมากไปหรอก อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะได้เห็นข้อดีของการเป็นมนุษย์เมื่อได้ต่อสู้กับสัตว์พวกนั้น”
โนอาห์รู้สึกประหลาดใจแต่ก็ไม่เข้าใจสิ่งที่อาจารย์ของเขากำลังสื่อถึง
เขาเริ่มจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ที่กำลังใกล้เข้ามาเพื่อคาดการณ์ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้น
พวกเขาวิ่งต่อไปราวยี่สิบนาทีจนมาถึงหุบเขาเล็กๆ แห่งหนึ่ง วิลเลียมหยุดและหยิบกระสอบน้ำดื่มออกมาจากข้างในเสื้อ
เขายื่นกระสอบน้ำดื่มให้โนอาห์และพูดว่าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ทั่วทั้งหุบเขาแห่งนี้ คือรังของหมาป่า พวกมันมีกันอยู่สิบห้าตัว ฉะนั้นจงระวังตัวให้ดีอย่าให้โดนล้อมได้ เจ้าจะต้องไปคนเดียว ส่วนข้าจะยืนมองอยู่ใกล้ๆ พอที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้หากมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น นำเอาทุกการฝึกฝนของเราออกมาใช้และจงอย่าตระหนี่การใช้”ลมหายใจ“จนกว่าเจ้าจะเข้าใจความแข็งแกร่งในตัวเจ้าอย่างสมบูรณ์ กำหนดลมหายใจเข้าออกแล้วไปเสีย ไม่ต้องกังวล เจ้าจะไม่ตกอยู่ในอันตรายแน่นอน”
โนอาห์รู้สึกกังวลมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เขาจิบน้ำจากกระสอบน้ำดื่มและนั่งขัดสมาธิบนพื้นเพื่อกำหนดลมหายใจ
เขามองเข้าไปยังภายในของทะเลแห่งสติ ที่ซึ่งมีเส้นสายบางอย่างรูปร่างผอมบางกำลังก่อตัวอยู่ ณ ใจกลางทรงกลมและตรวจสอบว่าเขาอยู่ในเงื่อนไขสูงสุด
‘อย่าลังเล อย่าทำพลาด ระวังรอบๆ ตัวให้ดี พวกมันมีสิบห้าตัว’
เขาถอนหายใจแรงจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน จิตใจของเขาพร้อมและร่างกายไร้ซึ่งความเหนื่อยล้า ไม่มีเหตุผลให้ต้องมัวเสียเวลาอีกต่อไป
เขาชักดาบออกจากฝักและเริ่มปีนป่ายหน้าผาโดยมุ่งความสนใจที่มากเป็นพิเศษทั้งหมดไปยังทุกสิ่งรอบตัวที่เขาจับด้วยความรู้สึกได้
เมื่อเขามาถึงยอดหุบเขาก็พบกับรังของหมาป่าที่อยู่ ณ ก้นบึ้งอีกฟากหนึ่งของหุบเขา
พวกมันมีขนาดยาวสามเมตร สูงสองเมตร ดวงตาแววดุร้ายสี่ดวง และมีขนสีเหลือง
สิบตัวกำลังนอนอยู่บนพื้น ดูเหมือนกำลังนอนหลับ ขณะที่อีกห้าตัวที่เหลือคอยเฝ้ายามอยู่ด้านข้างของกลุ่มที่กำลังหลับอยู่ มีหมาป่าตัวหนึ่งที่ขนาดใหญ่กว่าตัวอื่นๆ เล็กน้อยอยู่ในกลางฝูง มันน่าจะเป็นจ่าฝูง
‘ถ้าฉัน’