Chapter 14: หยูหมิงซี (อ่านฟรี)
ท่าทางไม่สนใครของฉู่เพ่ยหานทำให้ฉินเจิ้งโมโห แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะว่าเธอไม่ได้เอ่ยชื่อเขา
(*ขอแก้ชื่อ ฉู่เป่ยฮานเป็นฉู่เพ่ยหานนะคะ* )
ฉินเจิ้งรู้ว่าไม่เป็นการฉลาดหากเขายังยืนอยู่ที่นี่ต่อไป
เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงขณะมองไปที่ฉู่เพ่ยหานและกู้หนิงตามลำดับด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย จากนั้นจึงเดินจากไป
"ฮ่า ฉันนึกว่าเขาจะกล้ากว่านี้ซะอีก ช่างน่าเบื่อซะจริง" ฉู่เพ่ยหานพลันรู้สึกเบื่อขึ้นมาทันทีที่ฉินเจิ้งเดินจากไป
ฉินเจิ้งเดินไปได้ไม่ไกลนักเขาจึงได้ยินสิ่งที่ฉู่เพ่ยหานพูดเมื่อครู่
เขาตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธอีกครั้งแต่พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้
ถึงแม้ฉู่เพ่ยห่านจะมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดี แต่กู้หนิงชอบเธอ เธอเป็นเด็กสาวที่ดีคนหนึ่งแถมยังตลก
อย่างน้อยฉู่เพ่ยหานก็เป็นคนตรงไปตรงมา
"เฮ้ นี่คือผู้ชายที่เธอชอบงั้นเหรอ? เลือกได้ดีนี่!" ฉู่เพ่ยหานเลิกคิ้วขึ้นอย่างดูถูก
ฉู่เพ่ยหานรู้เรื่องทุกอย่างเพราะเธอบังเอิญเห็นฉากที่ฉินเจิ้งบอกเลิกกู้หนิง
ถึงแม้เธอจะไม่เห็นด้วยอย่างแรงกับการกระทำของฉินเจิ้ง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอที่จะเข้าไปยุ่ง
สาเหตุที่เธออยู่ข้างกู้หนิงวันนี้เป็นเพราะว่าเธอเห็นด้วยกับคำพูดของกู้หนิงที่เพิ่งพูดกับฉินเจิ้ง
"ก็นะ ผู้หญิงส่วนใหญ่มักเจอผู้ชายไม่ดีตอนเธอที่ยังเด็กแล้วก็โง่" กู้หนิงพูดติดตลก
"ใช่ ใช่" ฉู่เพ่ยหานหัวเราะชอบใจ
"ใกล้ถึงเวลาเรียนแล้ว ไปกันเถอะ" กู้หนิงไม่สนใจฉู่เพ่ยหานอีก รีบวิ่งไปในอาคาร
ฉู่เพ่ยหานวิ่งตามเธอมาติดๆ "ฉันชอบที่เธอพูดนะ ฉันจะจำไปใช้!"
กู้หนิงไม่รู้จะพูดอะไร นี่หล่อนสนุกกับคำเปรียบเปรยของเธองั้นเหรอ?
"ด้วยความยินดี" กู้หนิงตอบกลับ
"เธอมีประโยคอื่นอีกไหม?" ฉู่เพ่ยหานถามเธอด้วยสีหน้าจริงจัง
กู้หนิงพูดไม่ออก
"ไม่มี" กู้หนิงตอบเสียงเรียบ เธอไม่อยากถูกเพ่ยหานรบกวนมากไปกว่านี้
ฉู่เพ่ยหานหุบปากลงสนิท
ฉู่เพ่ยหานเรียนอยู่ห้องสองขณะที่กู้หนิงเรียนอยู่ห้องสี่ ห้องเรียนของพวกเขาอยู่อาคารและชั้นเรียนเดียวกัน
หลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็ขึ้นไปที่ชั้นสาม
ฉู่เพ่ยหานถึงห้องเรียนของเธอก่อน เธอหันมาโบกมือให้กู้หนิงก่อนเข้าห้องไป
ทันทีที่กู้หนิงเดินเข้าห้องเรียนของเธอ เธอรู้สึกถึงสายตาไม่เป็นมิตรพุ่งตรงมาที่เธอ
เธอมองไปที่จ้าวเฟยเฟยที่กำลังจ้องเธอด้วยสายตามุ่งร้าย มีเด็กสาวสองคนที่นั่งอยู่ใกล้หล่อนต่างจ้องมายังกู้หนิงด้วยสายตาแบบเดียวกัน
หยางหลูลู่ที่นั่งโต๊ะเดียวกันกับจ้าวเฟยเฟยและคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าพวกเขาชื่อว่าอู่ฉินหย่า เด็กสาวทั้งสามคนมักอยู่ด้วยกันเสมอๆ หยางหลูลู่และอู่ฉินหย่าเป็นลูกสมุนของจ้าวเฟยเฟยเพราะพวกเธอมักทำตามคำสั่งของจ้าวเฟยเฟย
ถ้าจ้าวเฟยเฟยเกลียดกู้หนิงพวกเธอก็จะทำแบบเดียวกัน
หยางหลูลู่และอู่ฉินหย่าเต็มใจที่จะเป็นลูกสมุนจ้าวเฟยเฟยด้วยเหตุผลบางอย่าง
จ้าวเฟยเฟยมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยขณะที่หยางหลูลู่และอู่ฉินหย่ามาจากครอบครัวธรรมดา พวกเธอสามารถใช้ชีวิตที่หรูหราได้ตราบใดที่พวกเธอคอยตามจ้าวเฟยเฟย
นอกจากนี้ถ้ามีเด็กหนุ่มร่ำรวยมาชอบพอพวกเธอ พวกเธออาจเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองได้
ครอบครัวจ้าวเฟยเฟยมีฐานะร่ำรวยก็จริงแต่ก็มีทรัพย์สินเพียงหลักล้านหยวนเท่านั้นซึ่งยังไม่ถึงขั้นมหาเศรษฐี ระดับมหาเศรษฐีต้องมีทรัพย์สินมูลค่านับพันล้านหยวน
ถ้าไม่มีทรัพย์สินมากถึงขั้นนั้นก็ยังไม่สามารถเรียกได้ว่าร่ำรวยอย่างแท้จริง
แต่ในสายตาคนธรรมดาทั่วไปครอบครัวของจ้าวเฟยเฟยก็ถือว่ามีฐานะร่ำรวยครอบครัวหนึ่ง
โรงเรียนระดับสามของเมือง F เป็นโรงเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆจึงไม่มีทายาทของตระกูลเศรษฐีมากนักดังนั้นคนอย่างจ้าวเฟยเฟยจึงมักแสดงอำนาจบาตรใหญ่
เมื่อเห็นกู้หนิงเดินเข้ามาสายตาของจ้าวเฟยเฟยก็ดูไม่พอใจมากขึ้น
เธอยังรู้สึกโมโหเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ถึงแม้ตอนนี้จะรู้ว่าบุคลิกของกู้หนิงเปลี่ยนไปแต่เธอก็ไม่กลัว
ในสายตาของเธอ กู้หนิงก็ยังเป็นนักเรียนจนๆที่น่าสมเพชเหมือนเดิม
สำหรับหยางหลูลู่และอู่ฉินหย่าไม่ว่าจ้าวเฟยเฟยจะทำอะไรพวกเธอก็ทำตามนั้น
กู้หนิงไม่แยแสเด็กสาวพวกนั้น เธอไม่อยากเสียเวลามาสนใจคนไร้สาระ
เธอหาที่นั่งเธอเจอแล้ว มันอยู่แถวหลังสุด
“กู้หนิง ดีใจจังที่เธอมาโรงเรียน เธอไม่มาเมื่อวานฉันเป็นห่วงแทบแย่” หลังจากที่กู้หนิงนั่งลงเด็กสาวคนนั้นก็พูดคุยกับเธอทันที
กู้หนิงแทบจะไม่มีเพื่อนในโรงเรียนยกเว้นเด็กสาวคนนี้ หยูหมิงซี คนที่นั่งโต๊ะเดียวกับเธอ
หยูหมิงซีมาจากครอบครัวที่ยากจน แม่ของเธอล้มป่วยมานานหลายปี พ่อของเธอเปิดร้านขายอาหารเช้าเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว
ครอบครัวของหยูหมิงซีอยู่อย่างขัดสนเพราะค่ารักษาอาการป่วยของแม่เธอและค่าเล่าเรียนของเธอ
นอกจากนี้ญาติๆของหยูหมิงซีก็ไม่ชอบครอบครัวของเธอเช่นกัน ดังนั้นเด็กสาวยากจนทั้งสองจึงลงเอยด้วยการเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
เมื่อเห็นใบหน้าดีใจของหยูหมิงซี กู้หนิงอธิบายว่า
“เมื่อวานฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายก็เลยไม่ได้มาเรียนน่ะ”
“โอ๊ะ แล้วตอนนี้เธอดีขึ้นแล้วเหรอ?” หยูหมิงซีถามขึ้น
“ฉันสบายดี” กู้หนิงตอบ
“ดีแล้วล่ะ” หยูหมิงซีโล่งอก
กู้หนิงสังเกตเห็นว่าโต๊ะเธอสะอาด เธอเข้าใจได้ทันทีว่าหยูหมิงซีช่วยทำความสะอาดโต๊ะของเธอ เธอรู้สึกขอบคุณอีกครั้ง
เวลา 6.50 คาบเรียนแรกก็เริ่มขึ้น เด็กนักเรียนต่างอ่านหนังสือเสียงดังเพื่อช่วยให้พวกเขาจดจำเนื้อหาได้ ส่วนกู้หนิงกลับอ่านอย่างเงียบๆ
ไม่นานครูใหญ่ก็เข้ามา
ครูใหญ่มีชื่อว่าจางฉิวฮวา เธออายุประมาณสี่สิบปีและเป็นครูที่เข้มงวด สิ่งสำคัญที่สุดคือเธอปฏิบัติต่อนักเรียนทุกคนอย่างเท่าเทียมกันไม่ว่านักเรียนจะมาจากครอบครัวที่ยากจนหรือครอบครัวที่ร่ำรวย
กู้หนิงชอบครูใหญ่คนนี้
จางฉิวฮวายืนอยู่หน้าชั้นเรียน เมื่อสายตาเธอมองมาที่กู้หนิงเธอก็ประหลาดใจ
“กู้หนิงตามครูออกมาข้างนอก”
จากนั้นจางฉิวฮวาก็เดินออกจากห้องไป