บทที่ 100 ความผิดพลาดครั้งใหม่
บทที่ 100 ความผิดพลาดครั้งใหม่
ผู้แปล loop
ในวันจันทร์
เนื่องจากในวันนี้แม่ของฉูหยวนจะต้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลซึ่งเธอตรวจปีล่ะครั้งเนื่องจากเธอเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง ทำให้ฉูหยวนเองก็เป็นห่วงแม่ของเธอมาจึงตัดสินใจไปอยู่กับแม่ของเธอสักหนึ่งสัปดาห์ และเธอจะกลับมาที่ปักกิ่งในสัปดาห์หน้า
ในด้านของดงซูบินเข้าพึงใช้พลังพิเศษของเขาในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาและวันนี้เขาจะเริ่มเก็บสะสมพลังพิเศษนี้อีกครั้ง เพราะว่าเขาจะไม่สามารถกลับไปเล่นการพนันหินได้ถ้าไม่สะสมพลังพิเศษไว้ ดังนั้นดงซูบินจึงหันมาให้ความสำคัญกับงานหลักของเขาและพยายามจะไม่ทำผิดพลาด ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถเก็บพลังพิเศษของเขาไว้ใช้ในยามกรณีฉุกเฉิน
ณ สำนักงานกิจการทั่วไป ต้าหลินเหม่ย, ฉางจ้วงและคนอื่น ๆ กำลังสนทนาเรื่องบางอย่างอยู่
“พี่จ้วงเคยได้ยินข่าวเรื่องนี้หรือป่าว หัวหน้าของเราอาจจะถูกโอนย้าย” ต้าหลินเหม่ยพูดเบา ๆ
ฉางจ้วง พยักหน้า:“ดูเหมือนว่าหัวหน้าหยานจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งและย้ายไปยังสำนักความมั่นคงแห่งรัฐในเมืองอื่นนะ”
เกาแพนเหว่ยขัดจังหวะ “หัวหน้าจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการประจำเมืองทางใต้ตั้งหาก”
“โอ้จริงเหรอ?” ฉางจ้วงถึงกลับเก็บดินสอเขียนคิ้วไว้ในลิ้นชักของเธอเพื่อสนทนาต่อ “ฉันคิดว่าเขาจะถูกย้ายไปยังเมืองทางเหนือเสียอีก”
ในขณะนั้นดงซูบินเพิ่งจะเดินเข้าสำนักงานมาและได้ยินสิ่งที่เรื่องเหล่านี้ด้วย ‘หัวหน้าหยานจะถูกย้ายหรอ?’ เขาเองก็เคยได้ยินข่าวลือนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน แต่เขาเองกไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ แต่เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากพูดคุยเรื่องนี้ในขณะนี้ เรื่องพวกนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องจริง แล้วใครจะเป็นหัวหน้าคนใหม่ของสำนักสาขานี้ เขาจะถูกโอนย้ายไปที่สาขาอื่นหรือผู้ว่าการทางการเมืองโจวจะเข้ามาดำรงตำแหน่งนี้แทนหรือเปล่า?
“เอ๊ะหัวหน้าซูบิน” ฉางจ้วงเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นว่าดงซูบินเข้ามาในสำนักงานและเธอก็ยิ้มขึ้นมาทันที
“อรุณสวัสดิ์หัวหน้าซูบิน”
“หัวหน้าซูบิน”
ดงซูบินเองก็ชอบบรรยากาศในสำนักงานและเขายิ้มให้กับทุกคนและแสดงท่าทางที่พึงพอใจออกมา เขาจ้องไปที่ฉางจี้ ก่อนที่จะเข้าสำนักงาน ดงซูบินเองยังจำได้ว่าเขาเคยถูกรังแกโดยฉางจี้เพราะดงซูบินทำตัวสนิทสนมผู้อำนวยการหลี่ชิงมากเกินไป รวมถึงตอนที่ดงซูบินได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองหัวหน้าสำนักกิจการทั่วไป ฉางจี้เองก็พยายมหาวิธีในการให้ดงซูบินออกจากตำแหน่งนี้ให้ได้
หลังจากที่เขาดื่มชา ดงซูบินกำลังคิดว่าเขาควรรับมืออย่างไรกับฉางจี้
‘เตาะ เตาะ เตาะๆ’ต้าหลินเหม่ย และ จ้วงจือเข้ามาในห้องทำงานของเขา
ดงซูบินหันไปมองพวกเขา:“โอ้,หลินเหม่ย,จ้วงจือ ทำไมดูท่าทางจริงจัง จังเลยมือะไรรึเปล่า?”
จ้วงจือเขิน “ซูบินเรื่องมีนเป็นแบบนี้… .. เอ่อร์…เอ้อ…”
“นายนี้มันซื้อบื้อจริงๆ!” ต้าหลินเหม่ยหันไปตำหนิจ้วงจือก่อนที่จะยิ้นหวานให้กับดงซูบิน “’งั้นดิฉันขอพูดเองดีกว่านะคะ หัวหน้าซูบิน หัวหน้าน่าจะทราบเรื่องที่ว่าหน่วยงานความมั่นคงของรัฐมีกฎระเบียบมากกว่าหน่วยงานรัฐบาลอื่น ๆ ตัวอย่างเช่นหากเราออกเดทเราจะต้องรายงานต่อหัวหน้างานโดยตรงของเรา เช้าวันนี้จ้วงจือและดิฉันได้ไปพบกับผู้อำนวยการหลี่ชิงมา สิ่งแรกที่เขาพูดเมื่อเขาเห็นพวกเราคือถ้าจะคบกันอย่าทำแบบหลบๆซ่อนๆและผู้อำนวยการหลี่ชิงยังบอกให้เรามารายงานต่อหัวหน้าซูบินด้วย ดิฉันคิดว่าเราคงจะถูกโอนย้ายไปยังหน่วยอื่นๆ ภายในอีกสองสามวันนะคะจึงมาแจ้งให้หัวหน้าทราบ” เนื่องจากทั้งสองไม่สามารถทำงานในสำนักงานเดียวกันหากพวกเขาจะต้องออกเดทกันเอง
ดงซูบินเองก็แสดงท่าทางที่ยินดีให้กับเพื่อนของเขา “ฮ่าฮ่าฮ่าขอแสดงความยินดีด้วย แล้วเมื่อไหร่จะแต่งกันล่ะ?”
จ้วงจือมีท่าทางเขินอายก่อนจะตอบกลับไปว่า “พวกเราถึงจะพากันไปพบพ่อแม่ของกันและกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา งานแต่งงาน… .. มันควรจะเร็ว ๆ นี้แหละ”
“ใครบอกว่าฉันจะแต่งงานกับนายกัน!” ต้าหลินเหม่ยบีบของจ้วงจือ แต่เธอยิ้มก็หันมายิ้มอย่างเขินอาย “ฉันจะต้องคิดๆเรื่องนี้ดูก่อน”
ดงซูบินถึงกับหัวเราะขึ้นมา “จ้วงจื่อของเรานั้นเป็นคนซื่อสัตย์ หลินเหม่ยเธอไม่ควรจะไปตีจ้วงจืออย่างงั้นนะ แม้ว่าเขาจะมีผิวหนาก็ตาม”
“โอ้วตกลง ดิฉันจะเชื่อหัวหน้า”หลังจากพูดคุยไปพักหนึ่งทันใดนั้นต้าหลินเหม่ยก็จำบางสิ่งได้ “โอ้ดิฉันพึงได้ยินบางอย่างมา หลักสูตรการฝึกอบรมผู้บริหารระดับต้นประจำภาคตะวันตกภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์ ในปีนี้จะเริ่มอีกในไม่ช้า เวลานั่นจะมีสองระดับซึ่งระดับแรกจะเป็นระดับหัวหน้าส่วนระดับต้นและอีกหนึ่งสำหรับระดับหัวหน้าส่วนระดับสูง ระยะเวลาของหลักสูตรคือ 2 สัปดาห์”
ดงซูบินกะพริบตา “หลักสูตรฝึกอบรมของพรรคคอมมิวนิสต์”
ต้าหลินเหม่ยรู้ว่า ดงซูบินเพิ่งเข้ามาทำงานไม่ถึงสามเดือนและแน่นอนว่าเขาก็ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมากมาย ต้าหลินเหม่ยจึงใช้โอกาสนี้อธิบายกับดงซูบินอย่างอดทน “จริงๆแล้วหัวหน้าควรทราบด้วยว่าหน่วยงานของเราแตก จากหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ พวกเราได้รับการจัดสรรงบบางอย่างโดยไม่คำนึงว่าจะเป็นระดับอำเภอหรือระดับเมืองซึ่งตัวแทนที่จะได้เข้ารับอบรมนั้นจะได้สิทธิพิเศษ ซึ่งถ้าเทียบกับสำนักเขตสาขาในเมืองอื่นๆ สาขาตะวันตกของพวกเราถือได้ว่าเป็นเขตอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ซึ่งถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้สาขาของเราคงไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาลอย่างแน่นอนและการอบรมนี้ยังถือเป็นเป็นโอกาสที่จะไดพบเจอกับเหล่าผู้บริหารระดับสูงของพรรค ขนาดสาขาเขตตะวันออกและสาขาเขตภาคเหนือยังไม่ได้รับโอกาสให้เข้าอบรมเช่นนี้เลยที่ผ่านมา”
ดงซูบินก็เคยได้ยินเรื่องการอบรมเหล่านี้มาบ้างเช่นกัน หากมีใครที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งพวกเขามักจะถูกส่งให้ไปเข้าร่วมหลักสูตรฝึกอบรมที่จัดโดยพรรคคอมมิวนิสต์ นี่คือการเตรียมพร้อมสำหรับเจ้าหน้าที่ ที่จะรับตำแหน่งที่สูงขึ้นในหลักสูตรนี้เป็นสัญญาณของเจ้าหน้าที่ที่จะได้รับการเลื่อนขั้นในเร็วๆนี้
จ้วงจือก็กล่าวเพิ่มเติมขึ้นมาว่า:“ซูบิน,นายควรที่จะลองไปอบรมดูนะ”
ดงซูบินก็ต้องการทำเช่นนั้น หากเขาเข้าร่วมในหลักสูตรนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาสำหรับเขาที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าส่วนรอง แต่เขาพึงได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองหัวหน้าสำนักกิจการทั่วไป แม้ว่าตำแหน่งของเขาจะไม่ใช่หัวหน้าส่วนรองแต่เขาก็คิดว่ามันคงจะมีประโยชน์ต่อเขามาถ้าได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าสำนักซึ่งมันไม่สามารถไปจุดนั้นได้ง่ายๆเช่นกัน
ต้าหลินเหม่ยสามารถบอกได้ว่าดงซูบินกำลังคิดอะไรอยู่และก็ยิ้มออกมา “การได้รับประโยชน์จากหัวหน้าส่วนรองและเข้าไปในพรรคคอมมิวนิสต์เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว มีเคสที่เจ้าหน้าที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เข้าร่วมหลักสูตรนี้ ดังนั้นหัวหน้าซูบิน ดิฉันคิดว่าหัวหน้าไม่ควรยอมแพ้ที่จะเข้าอบรมหลักสูตรนี้ หากคุณได้รับตำแหน่งนี้อันดับของคุณอาจได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นรองหัวหน้าแผนกเมื่อคุณกลับมา”
ดงซูบินยิ้มและโบกมือของเขา “มันเร็วเกินไปสำหรับฉันที่จะได้รับตำแหน่งนี้” ดงซูบินเขินอายจาการคำแนะนำของต้าหลินเหม่ย
‘เขาคิดที่จะรับตำแหน่งรองหัวหน้าสำนัก!’
แหวนแหวนแหวน……
โทรศัพท์ของดงซูบินดังขึ้น หลี่ชิงโทรหาเขาหลังจากวางสายโทรศัพท์ดงซูบินก็พูดกับต้าหลินเหม่ยและจ้วงจื่อ “อย่างงั้นเรามาคุยกันเกี่ยวกับงานของพวกเราในตอนนี้เถอะ จะมีการประชุมในช่วงบ่ายที่ห้องประชุม 2 ฉันจะให้รายการเอกสารที่พวกเธอต้องการในภายหลังหลินเหม่ย ฉันจะให้เธอและ ฉางจ้ว จัดการเรื่องนี้ เพราผู้หญิงทำงานค่อนข้างละเอียดในการทำงานเอกสาร อืมม……ให้ฉางจี้ไปและเตรียมห้องประชุม” นอกเหนือจากการประชุมคณะกรรมการฝ่ายสาขาสำนักงานกิจการทั่วไปก็มีหน้าที่เตรียมเอกสารการประชุมสำหรับการประชุมสามัญ
"ค่ะหัวหน้า!"
ต้าหลินเหม่ยเดินออกไปและแจ้งคำสั่งของดงซูบินให้กับคนอื่น
เมื่อ ฉางจี้ได้ยินว่าเขาต้องจัดสถานที่ประชุมเขาถึวกลับลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธและเดินออกจากสำนักงานไป การจัดห้องประชุมนั้นง่ายกว่าการเตรียมเอกสารอยู่มาก แต่มันเป็นงานที่มีความสำคัญน้อยสุดและฉางจี้ก็เอารมณ์เสีย เขาพยายามสาปแช่งดงซูบินอยู่ภายในใจขณะที่เดินไปที่สำนักงานคณะกรรมการการเมืองขอโจวเกา เขาต้องการบ่นรื่องนี้ให้กับผู้ว่าทางการเมืองโจว
โจวเกาวันนี้ดูอารมณ์ดีในช่วงสองสามวันนี้และไม่ได้พูดขัดจังหวะฉางจี้แต่อย่างใด เขาก็ทำงานต่อไปขณะที่ฟังเสียงบ่นของฉางจี้
ในท้ายที่สุดฉางจี้ ยังกล่าวอีกว่า:“ลุงโจวงานที่ดงซูบินเลือกให้ฉันมันชัดเจนมาว่าเขาไม่เคารพหรือเกรงใจลุงเลย เขา……”
“พอแล้ว” โจวเกาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดจากการคร่ำครวญของฉางจี้ เขาเคาะโต๊ะและพูดว่า:“ลุงบอกไปแล้วว่าไม่ต้องรีบ ลุงจะจัดการทุกอย่างให้หลาน หลานต้องอดทนอีกหน่อยเข้าใจไหม?”
ฉางจี้โกรธมาก ‘เมื่อตอนที่ฉันให้สินบนกับลุง ลุงก็แค่รับไว้ ตอนนี้ลุงกำลังขอให้ฉันอดทนอย่างงั้นหรอ? ถ้าสิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไปฉันคงจะถูกดงซูบินสั่งแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าฉันจะตาย! ฉันจะอดทนได้อย่างไร’ หลังจากออกจากห้องทำงานของผู้ว่าการทางเมืองโจว ฉางจี้ได้แต่กำกำปั้นของเขาและมองในสายตาของเขา!
เวลาก่อนเที่ยง ต้าหลินเหม่ยและฉางจ้วงได้จัดทำเอกสารเตรียมไว้ 13 ชุด แต่มีเพียง 12 คนที่เข้าร่วมการประชุม แต่พวกเขาเตรียมอีกหนึ่งชุดไว้เป็นสำรองดงซูบินได้สุ่มหนึ่งชุดและดู ข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดที่อยู่ในนั้นและเขาวางเอกสารลงบนโต๊ะก่อนออกจากห้องไปทานอาหารกลางวัน
ตอนเวลา 13.00 น. ดงซูบินนำเอกสาร 13 ชุดมาที่ห้องประชุม 2 และวางเอกสารทั้งหมดไว้อย่างเรียบร้อยบนโต๊ะตามชื่อ ที่จริงแล้วดงซูบินสามารถสั่งให้เกาแพนเหว่ยหรือคนอื่นทำสิ่งนี้แทนก็ได้ เนื่องจากเป็นงานของผู้ว่าการทางการเมืองโจวและเขาได้รับการเสนอชื่อในที่ประชุมคณะกรรมการพรรคครั้งล่าสุดในการมาแทนที่หัวหน้าหยาน โดยหัวหน้าหยานเหลียงจะย้ายออกจากตำแหน่งนี้ในไม่ช้า ผู้แทนทางการเมืองโจวอาจเข้ามารับตำแหน่งของเขาแน่ ดงซูบินจึงต้องแน่ใจว่าเขาทำผลงานได้ดีเพื่อให้ผู้ว่าการทางการเมืองโจวเห็นใจเขา
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกและมีผู้บริหารไม่กี่คนที่เข้ามาในห้องประชุมโจวเกานั้นเป็นคนสุดท้ายที่มาถึง
“ผู้ว่าทางการเมืองโจวทุกอย่างพร้อมแล้วครับ” ดงซูบิน กล่าว
โจวเกาพยักหน้าและเดินไปที่ที่นั่งของเขา
ดงซูบินมองไปที่ป้ายประจำตำแหน่งของโจวเกาและออกจากห้องประชุมไป
นี่เป็นเพียงการประชุมสามัญสำหรับการติดตามนโยบายของรัฐบาลกลกลาง โจวเกาล้างลำคอของเขาและเปิดเอกสารที่อยู่ด้านหน้าเขาเพื่อเริ่มการประชุม
5 นาที……
10 นาที……
20 นาที…….
โจวเกาหยุดพูดเมื่อพวกเขามาถึงหน้า 7 ของเอกสาร!
ทุกคนไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นและมองข้ามไป
พวกเขาเห็นโจวเกาพลิกเอกสารด้วยใบหน้าที่จริงจัง “ปัง” เขาโยนเอกสารของเขาลงบนโต๊ะ!
‘ฮะ? นี่มันอะไรกัน?’
ทุกคนตกใจและไม่รู้ว่าทำไมโจวกัวทันจู่ๆก็โมโหขึ้นมา พวกเขาดูเอกสารบนโต๊ะ……
ทุกคนถึงกับพูดไม่ออก
เอกสารมีความผิดพลาด มันไม่ไม่ใช้การพิมพ์ผิดหรือเอกสารไม่ครบถ้วนแต่มันเป็นภาพเค้กและขนมหวานปรากฏขึ้นมาแทน! ผู้บริหารในที่ประชุมรู้ว่าโจวเกาเป็นโรคเบาหวานและไม่สามารถกินอาหารหวานได้! ทุกคนมองหน้ากัน นี่เป็นความผิดพลาดจริงๆหรือมีคนพยายามกระตุ้นต้อมโมโหของโจวเกาใช่ไหม
‘ใครกล้าทำเช่นนี้กับเขากัน?!’