ตอนที่ 95 กลายร่างเป็นหนู สะกดรอย
ตอนที่ 95 กลายร่างเป็นหนู สะกดรอย
“แน่ใจใช่ไหม?”
ชายชุดดำสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หันหน้ากลับไป พูดกับชายหนุ่มวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วม หน้าตาธรรมดา แต่กลับมีหนวดยาวเหมือนหนู ดูแล้วน่าขับขันยิ่งคนหนึ่งว่า “กระดูกนี่คือพี่ชายของฉัน?”
“พี่ ลูกพี่เป้า .... ซากกระดูกนี้เป็นของลูกพี่หูจริงๆ”
ในขณะที่มองไปทางสีหน้าที่ดูอึมครึมและเย็นชาของชายชุดดำคนนั้น ชายหนุ่มวัยกลางคนๆนั้น ก็อดที่จะตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้ จากนั้นก็ส่ายหนวดนั้นไปมา แล้วพูดขึ้นว่า
“ฉันฉิวหลาวซื่อกล้าเอาชีวิตเป็นประกัน จมูกของฉันไม่มีวันผิดพลาดแน่นอน”
“พี่ของฉันไม่ว่าอย่างไร ก็เป็นผู้มีพลังเหนือมนุษย์คนหนึ่ง อีกทั้งก็ยังเคยประจันหน้ากับเจ้าไทแรนท์ ภายใต้สภาพกลายพันธุ์มาแล้วด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขายังมีลูกน้องและอาวุธจำนวนมากไปด้วย ..... แล้วนี่มันอะไรกัน ใครกันที่ฆ่าเขา?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าหนวดยาวนั้น ชายชุดดำก็กำหมัดทั้งสองข้างไว้แน่น จากนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ค้นหา ไปสืบหามาให้ฉัน ไม่ว่าใครหน้าไหนที่ฆ่าพี่ชายของฉัน ฉันจะต้องเอาชีวิตของมันมาชดใช้คืนให้ได้!”
“วางใจเถอะ ลูกพี่เป้า หากเจ้านั่นยังมีชีวิตอยู่ แล้วก็ยังอยู่ในเมืองเหลียน ฉันจะต้องหาเขาเจออย่างแน่นอน!”
เจ้าหนวดยาวคนนี้ เพิ่งเข้ามาร่วมทีมนี้ได้ไม่นาน จึงจำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเอง ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของชายชุดดำนั้น เขาก็รีบพยักหน้าทันใด หลังจากนั้นก็กำหมัดแน่น แล้วพูดเสียงเบาๆว่า
“กลายร่างเป็นหนู!”
หวือ!
หลังจากที่เจ้าหนวดยาวนี้พูดขึ้นแล้ว ร่างกายของเขาก็เปล่งแสงสว่างออกมาทันใด พร้อมกับรูปร่างที่ดูอ้วนท้วมนั้นก็เริ่มดิ้นและเริ่มกลายร่าง ไม่เพียงแต่จะมีจมูกที่ยืดยาวออกมาคล้ายกับหนูแล้วเท่านั้น ฟันหน้าของเขาก็ค่อยๆยืดยาวออกมา พร้อมกับเล็บทั้งสองข้างก็แปรเปลี่ยนเป็นแหลมคมขึ้น แม้แต่ขนตามร่างกายก็เริ่มยาวออกมาด้วยเช่นเดียวกัน!
เพียงแค่ในช่วงพริบตาเดียว เจ้านี่ก็กลายร่างเป็นมนุษย์หนู!
หลังจากที่กลายร่างเป็นมนุษย์หนูแล้ว เจ้าหนวดยาวนี้ก็เงยหน้าขึ้น หลังจากนั้นก็ใช้จมูกที่คล้ายหนูของเขาดมกลิ่น!
เพียงแค่ไม่นาน ใบหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปในทันที
“เป็นไงบ้าง?”
เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของชายหนวดยาวนั้น ชายชุดดำที่ถูกเรียกว่าลูกพี่เป้าก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันใด
“หาไม่เจอ?”
“ไม่ ไม่ใช่......”
เจ้าหนวดยาวนั้นส่ายหน้า ก่อนพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตกใจ และสงสัยในเวลาเดียวกันว่า
“เพียงแต่ว่า....ตอนที่ตาย ที่นี่นอกจากจะมีกลิ่นของซอมบี้เหล่านั้นแล้ว ก็ยังมีกลิ่นอายของลูกพี่หูและคนเป็นอีกหนึ่งคนด้วย นั้นก็คือ.....”
“นายหมายความว่า พี่ชายของฉันถูกคนฆ่าตายอย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าหนวดยาว สีหน้าของชายชุดดำคนนั้น ก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมไปในทันที
สำหรับความแข็งแกร่งของพี่ชายเขาแล้ว พูดได้ว่าเขาแข็งแกร่งอย่างมาก จนหาสิ่งอื่นใดเทียบเทียมได้ยาก ถึงแม้ว่าจะเทียบกับตัวเขาไม่ได้ก็ตาม แต่หากอยู่ภายใต้สถานการณ์ตัวต่อตัวแล้ว แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน
ถึงอย่างไรการป้องกันตัวและพละกำลัง หลังจากการกลายร่างของพี่ชายเขาก็แข็งแกร่งมาก หากเขาต้องการหลบหนี เกรงว่าก็คงมีไม่กี่คนที่สามารถสยบเขาได้ ยกเว้นเสียแต่ต้องไล่ล่าอย่างต่อเนื่อง จนกว่าพลังของพี่ชายจะหมดลง
แต่ว่า.....
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ชายชุดดำคนนั้นก็หันไปถามขึ้นอีกครั้งว่า
“จากที่พี่ชายของฉันกับเจ้านั่นปะทะกัน จนถึงสถานที่ที่ถูกเจ้านั้นฆ่าตาย สงครามการต่อสู้นี้มีระยะห่างมากแค่ไหน......”
“จากการค้นพบกลิ่นอายของเจ้านั่น มาถึงตอนที่ปะทะกับลูกพี่หู จนมาถึงที่นี่.....ก็รวมๆแล้วก็มีระยะห่างเพียงแค่ถนน 2 สายเท่านั้น”
หลังจากที่เจ้าหนวดยาวทำการดมฟุดฟิดอีกครั้ง แล้วจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสงสัยขึ้น
“ถนนสองสาย? นายหมายความว่าอีกฝ่ายฆ่าพี่ชายของฉัน โดยที่ไม่ต้องออกแรงมากอย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าหนวดยาว สีหน้าของชายชุดดำคนนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นหนักแน่นขึ้นมาทันใด
“ไม่ งั้นก็เป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะเป็นผู้มีพลังเหนือมนุษย์ ที่สามารถระเบิดพลังออกมาได้ในชั่วพริบตา พี่ชายของฉันต้องต่อสู้กับเจ้านั่น จนบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่ ดังนั้นจึงถูกเขาฆ่าตายในระยะห่างที่ใกล้ขนาดนี้”
“ดูเหมือนว่า ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่”
แต่ในตอนนั้นเอง เจ้าหนวดยาวกลับส่ายหน้า แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงยากที่จะเชื่อว่า
“ที่นี่ไม่มีกลิ่นเลือดของเจ้านั่นเลยแม้แต่น้อย คนที่ฆ่าลูกพี่หู.....ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด”
“เป็นไปไม่ได้!”
สีหน้าของชายชุดดำคนนั้นได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง หลังจากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า :
“หากพี่ชายของฉันสู้จนตัวตายละก็ เว้นแต่ว่าอีกฝ่ายจะมีฝีมือที่เก่งกาจกว่าพี่ชายฉันเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถจัดการพี่ชายของฉันโดยไม่ได้รับบาดเจ็บบแบบนี้อย่างแน่นอน”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ชายชุดดำคนนั้นก็ดูเหมือนจะคิดอะไรได้บางอย่าง สายตาแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้น
“ฉันรู้แล้ว ยังจำเด็กที่ไม่เชื่อฟังจนถูกพี่ใหญ่หลงลงโทษได้ไหม? พลังเหนือมนุษย์ของเขาก็คือควบคุมทรายได้ จนกระทั่งสามารถกลายร่างเป็นทรายได้ด้วย อีกฝ่ายต้องมีความสามารถเช่นนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่มีเลือดไหลออกมายังไงละ!”
“ใช่!”
เมื่อนึกถึงเด็กหนุ่มที่มีพลังเหนือมนุษย์แปลกประหลาด ที่ไม่เชื่อฟังพี่หลง ผลสุดท้ายเจ้าเด็กนั่น ก็ถูกพี่ใหญ่หลงจับหักกระดูกซี่โครงเป็นตายเท่ากันขึ้นมาได้ เจ้าหนวดยาวนั้นก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันใด
“ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ”
“ไปสืบหามาให้ฉัน เร็ว ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งแค่ไหน ฉันไม่เชื่อว่าผู้มีพลังเหนือมนุษย์ทั้งสองคนอย่างเรา รวมกับลูกน้องที่มีอาวุธครบมือกว่า 20 คนจะจัดการมันไม่ได้!”
ชายชุดดำคนนั้นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็กัดฟันพร้อมพูดขึ้นว่า
“แล้วเราก็ยังมีเจ้าลิกเกอร์ที่แข็งแกร่งทั้งสองตัวนี้อีกด้วย!”
“วางใจเถอะ ลูกพี่เป้า ฉันจะต้องตามกลิ่นนั้นเจออย่างแน่นอน!”
เจ้าหนวดยาวคนนั้นดมกลิ่นก่อนจะยิ้มอย่างเย็นชาออกมา
“อีกทั้งก็ยังอยู่ห่างจากพวกเราไม่ไกลอีกด้วย!”
“ดี ดีมาก!”
ชายชุดดำคนนั้นยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
“รอให้ฉันจับเจ้านั่นให้ได้ก่อน ฉันจะหักแขนหักขาเจ้านั่นจนตายแน่ นำทางไป!”
“ตามฉันมา!”
เจ้าหนวดยาวพยักหน้า หลังจากนั้นก็ตามกลิ่นของฮวางซางไป นำชายชุดดำและพรรคพวกตรงไปยังทิศทางของค่ายพลเรือนทันที
……
และในเวลาเดียวกัน ฮวางซางที่ไม่รู้ว่ามีคนกำลังตามรอยของเขาอยู่ ซึ่งในเวลานี้เขาและจูเก๋อโหย๋วหลง ก็ได้มาถึงหน้าประตูของค่ายพลเรือนเรียบร้อยแล้ว
ตลอดเส้นทางพวกเขาก็พบเจอกับซอมบี้ และสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์จำนวนไม่น้อยเลย เพียงแต่เนื่องจากมีซอมบี้ทารกกว่าร้อยตัวช่วยเปิดทางให้ ยังไม่ทันที่ซอมบี้และสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เหล่านั้น จะเข้ามาใกล้พวกเขาแต่อย่างใด ก็ถูกเจ้าสัตว์ประหลาดตัวน้อยที่น่ากลัวเหล่านั้น กัดฉีกจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางมาถึงที่นี่อย่างไร้อุปสรรค
และก็เป็นดั่งที่ฮวางซางคาดเดาไว้ เห็นได้ชัดว่าค่ายพลเรือนแห่งนี้ เคยผ่านหายนะอันน่ากลัวมาก่อน จึงทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยคราบเลือด และโครงกระดูกซากศพเกือบจะทุกพื้นที่ และในเวลาเดียวกัน บนพื้นดินก็ยังมีปลอกกระสุนจำนวนมาก นอกจากนี้ภายในค่ายพลเรือนแห่งนี้ ก็เต็มไปด้วยร่องรอยของเปลวไฟที่เผาไหม้อีกด้วย
แต่สิ่งที่ยังถือว่าโชคดีก็คือ ระบบระงับและป้องกันอัคคีภัย ของค่ายพลเรือนถือว่าไม่เลวเลย บวกกับเปลวไฟที่ลุกไหม้ในตอนแรก ก็คงจะไม่ใหญ่มากด้วย ดังนั้นจึงมีบางส่วนเล็กๆเท่านั้น ที่ถูกไฟเผาจนไม่เหลือซาก ส่วนพื้นที่อื่น ๆก็ยังคงรักษาสภาพเดิมเอาไว้
นอกเหนือจากนี้ ภายนอกของค่ายพลเรือนแห่งนี้ ก็ยังมีรถถังสองคัน รวมไปถึงรถหุ้มเกราะบางส่วนจอดอยู่ด้วย บางทีอาจจะเป็นเพราะว่า กลายร่างเป็นซอมบี้อย่างฉับพลัน ดังนั้นรถถังและรถหุ้มเกราะเหล่านี้ จึงแทบจะไม่มีร่องรอยการใช้งานแต่อย่างใด
“พี่ฮวาง พี่เดาถูกจริงๆด้วย ที่นี่มีอาวุธและกระสุนอยู่จริงๆ และก็ยังมีรถถังด้วย!”
ในขณะที่มองไปทางรถถังขนาดใหญ่สองคันนั้น ใบหน้าของจูเก๋อโหย๋วหลง ก็แสดงความตื่นเต้นออกมาทันใด
“หากสามารถนำเจ้าพวกนี้กลับไปด้วยละก็ ฮ่าฮ่า ถึงตอนนั้นพวกเราก็คงระเบิดเรือนจำแห่งนั้น ได้อย่างแน่นอน!”
“ระเบิดบ้านนายสิ นายขับรถถังเป็นเหรอ?”
ในขณะที่มองไปยังท่าทางตื่นเต้นดีใจของจูเก๋อโหย๋วหลง ฮวางซางก็อดที่จะเคาะหัวเขาไม่ได้ แล้วพูดขึ้นว่า
“อีกอย่างถึงนายจะขับได้ นายไม่เห็นเหรอว่า ตอนนี้เมืองเหลียนเปลี่ยนแปลงไปยังไง เว้นแต่นายจะขี่เจ้าคิงคองกลายพันธุ์ตัวนั้น ไม่อย่างนั้น ถึงจะเป็นรถถังทีทันสมัยที่สุด ก็คงจะขับในพื้นที่ป่าไม้แบบนี้ลำบากอย่างแน่นอน”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮวางซางก็ส่ายหน้า หลังจากนั้นก็พูดต่อว่า
“ดังนั้นอย่าพึ่งไปสนใจรถถังเหล่านั้นเลย พวกเรามาคิดหาของใส่ปืนกล จรวดปืนใหญ่ ระเบิดมือ และกระสุนออกไปให้ได้ก่อนเถอะ”
“อือ.......”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง จูเก๋อที่มีใบหน้าตื่นเต้นดีใจ ก็เหมือนกับถูกน้ำเย็นๆราดใส่ พยักหน้าอย่างหมดอาลัยตายอยากอย่างไรอย่างนั้น
“เอาละ ไปหาของเร็ว จำไว้ว่าต้องหายานพาหนะที่เบาๆ สะดวกในการเคลื่อนไหว ไม่อย่างนั้นก็คงจะขนพวกเหล่ากระสุนออกไป ในลักษณะพื้นที่แบบนี้ยุ่งยากลำบากแน่ๆ”
ในขณะที่มองไปยังท่าทางจิตตกของจูเก๋อโหย๋วหลง ฮวางซางก็ส่ายหน้า จากนั้นก็ตีไปบนไหล่ของเขาเบาๆ จากนั้นตัวเองก็เริ่มหายานพาหนะ ที่จะใส่กระสุนและอาวุธทันที
เนื่องจากเมืองเหลียนในเวลานี้ ได้ถูกพืชพันธุ์นานาชนิดปกคลุม จนกลายเป็นป่าไม้หนาแน่นแล้ว บรรดารถอะไรนี้จึงเป็นเรื่องยากที่จะขับเคลื่อนมัน ดังนั้นพวกเขาจึงใช้เวลาหานานมาก จนสุดท้ายก็เจอยานพาหนะที่สามารถเคลื่อนไหวได้ง่าย และดีที่สุดนั้นก็คือ รถเข็นสามล้อคันหนึ่ง
รถเข็นคันนี้เดิมทีถูกออกแบบมา เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนย้ายวัตถุดิบเท่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะเบา และก็สามารถขนย้ายกระสุนและอาวุธได้ก็ตาม แต่การพึ่งฮวางซางและจูเก๋อโหย๋วหลงแค่เพียงสองคน เกรงว่าจะขนอาวุธและกระสุนเหล่านี้ออกไปได้ไม่มากนัก ซึ่งกระสุนแค่นี้ก็คงจะช่วยพวกเขาในสงครามอันโหดร้ายไม่ได้
และอีกอย่างพวกเขาก็ไม่สามารถไปๆกลับๆ เพื่อขนย้ายอาวุธเหล่านี้ได้ เพราะมันช้าเกินไป
เมื่อคิดได้ ฮวางซางก็ปวดหัวขึ้นมาทันใด
เมื่อสักครู่เขากลับคิดไม่ถึงเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเขาเลือกที่จะเสียพลัง ไปกับการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตเหล่านั้น ซะยังจะดีกว่า ให้พวกเขามาช่วยขนย้ายอาวุธและกระสุนเหล่านี้
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฮวางซางถึงได้เข้าใจว่า อะไรที่เรียกว่าคนยิ่งมากพลังก็ยิ่งมาก และในเวลาเดียวกันก็เข้าใจ “พี่ใหญ่หลง”คนนั้นว่า ทำไมถึงได้พาผู้รอดชีวิตในโรงพยาบาลไปด้วย
ในหายนะวันสิ้นโลกนี้ กำลังกายของคน ก็เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามากอย่างหนึ่ง
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ เขาเพิ่งจะตระหนักรับรู้ถึงเรื่องนี้.....
“หากไม่ได้จริงๆ คงทำได้แค่เพียงกลับไปหาผู้รอดชีวิตเหล่านั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าคนเหล่านั้น จะยินยอมพร้อมใจหรือไม่ หรือถึงแม้ว่าจะยินยอม พวกเขาจะสามารถขนของเหล่านี้ออกไปได้เท่าไหร่กัน...........”
หลังจากที่คิดคำนวณแล้ว ฮวางซางก็ส่ายหน้า พร้อมกับถอดถอนใจออกมาในใจ
ถึงอย่างไรก่อนหน้าหายนะวันสิ้นโลก ก็เงียบสงบมาโดยตลอด ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยได้ใช้แรงกายมากนัก บวกกับเมื่อเกิดหายนะขึ้นในเวลานี้ สภาวะของผู้รอดชีวิตเหล่านั้นก็คงจะแย่ไม่น้อย แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะยินยอมช่วยเหลือ แต่เกรงว่าคนที่สามารถทำเรื่องนี้ได้ ก็คงจะมีจำนวนจำกัดเท่านั้น
แต่ในเมื่องเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาเองก็ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้วด้วย.......
หากในตอนนี้มีกรรมกรที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งมาด้วยก็คงจะดี!
เพียงแต่ความคิดนี้เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน ฮวางซางจึงได้แต่หัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง จากนั้นก็เก็บความคิดที่ดูจะเป็นไปไม่ได้นั้นกลับลงไป
แต่ในความเป็นจริง ท่ามกลางหายนะวันสิ้นโลก ในตอนนี้ก็ไม่น่าจะไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้!
ในขณะที่ฮวางซางตัดสินใจย้อนกลับไป เพื่อหาผู้มีพลังเหนือมนุษย์เหล่านั้น ทารกในอ้อมกอดคนนั้นกลับสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง จึงได้หันไปจุ๊บใบหน้าของฮวางซาง พร้อมกับส่งเสียงร้องออกมาทันใด
“นายจะบอกว่ามีคนมาอย่างนั้นเหรอ? อีกทั้งศักยภาพของคนเหล่านั้นก็ไม่เลวด้วย?”
ฮวางซางและทารกคนนั้น มีความสามารถในการสื่อสารผ่านจิต ดังนั้นเขาจึงเข้าใจความหมายของทารกคนนั้น หลังจากนั้นใบหน้าของเขาก็ปรากฏความหวาดกลัว และความสงสัยขึ้นพร้อมกัน
จะมีคนแบบไหนที่มาในเวลาแบบนี้ ? เป้าหมายของพวกเขาคืออะไรกันแน่?
หรือจะเป็นอาวุธและกระสุนที่อยู่ที่นี่?