ตอนที่ 9 ความวุ่นวาย และการกลายพันธุ์!
ตอนที่ 9 ความวุ่นวาย และการกลายพันธุ์!
เป็นไปตามที่ฮวางซางคาดเดาไว้ คดีฆาตกรรมในปั๊มน้ำมันนั้นเป็นการสะท้อนให้เห็นภาพความวุ่นวายในเมือง C เท่านั้น หมอกหนาที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง C รวมไปถึงไวรัสที่คร่าชีวิตเหล่านั้น กำลังกระตุ้นสมองของคนเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง
ความหวาดกลัว ความร้อนรน ความสับสน รวมไปถึงอารมณ์ความรู้สึกด้านลบต่าง ๆได้กลายเป็นเชือกที่พันกันอยู่ในสมองของพวกเขาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับที่จะสามารถพังทลายฉีกขาดได้ทุกเมื่อ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีผู้คนค้นพบว่ากำลังตำรวจของเมือง C ทั้งหมดนั้นได้ไปรวมตัวกันเพื่อสร้างเขตกักกันที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายแห่งไว้ จิตวิญญาณที่สับสนวุ่นวายของพวกเขาได้พันกันแน่นจนถึงขีดสุดก่อนจะเริ่มเลือกวิธีการระบายความเครียดที่กดลงมาจนแทบจะหยุดหายใจอีกวิธีหนึ่ง!
วิธีการนี้ ก็คือการระเบิด!ไม่นาน ความวุ่นวายก็เริ่มก่อตัวอย่างรุนแรงขึ้นภายในเมือง Cเรื่องอันเลวร้ายอย่างการทะเลาะ การตีกัน หรือแม้กระทั่งการบีบบังคับ ข่มขู่ ก็เริ่มแสดงให้เห็นไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ความสับสนและความชั่วโดยสันดานของมนุษย์ได้ระเบิดออกมาเพียงในชั่วพริบตาเดียว!
ฮวางซางจึงตระหนักขึ้นได้ในเวลานี้ว่าบางทีตัวเขาไม่จำเป็นต้องไปล่าเหยื่อที่โรงพยาบาลก็ได้ เพราะความวุ่นวายอย่างรุนแรงทั่วทั้งเมืองกำลังเกิดขึ้นแล้ว เลือด ความตาย และซอมบี้ได้เริ่มปรากฏขึ้นมาอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้! ดังเช่นภาพที่เกิดขึ้นในปั๊มน้ำมันแห่งนี้ !
……
ในม่านหมอกอันขมุกขมัว !
แผละ!
ต่อมาเสียงอันน่าสยองขวัญก็ดังขึ้น ผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่งได้ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างแรง ก่อนที่เลือดสดๆจะเริ่มทะลักออกมาจะบาดแผลที่อยู่บนหัวของเขา
“แม่งเอ๊ย ไม่รู้จักเอาตัวรอดซะเลย!” ตรงกันข้ามของผู้ชายวัยรุ่นคนนี้คือวัยรุ่นอันธพาลราว ๆ4-5 คนที่ยืนอยู่ หนึ่งในนั้นเป็นวัยรุ่นที่ย้อมผมสีม่วงคนหนึ่งกำลังถือไม้เบสบอลอันหนึ่งอยู่ในมือ ซึ่งยังเป็นไม้เบสบอลที่เต็มไปด้วยคราบเลือดอีกด้วย
ในขณะที่กำลังมองไปทางชายหนุ่มที่กองอยู่บนพื้น หนุ่มผมม่วงคนนั้นก็ถุยน้ำลายใส่ ก่อนจะสบถด่าออกมา “ให้เอาของออกมาก็ไม่ยอม ต้องให้ข้าลงมือก่อนใช่ไหม!”
“พี่....พี่ใหญ่...” ทันใดนั้น ลูกน้องคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหนุ่มผมม่วงคนนี้ก็ตัวแข็งทื่อขึ้นมาขณะที่มองไปทางชายหนุ่มที่ไม่ขยับตัวแล้ว ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยความลังเลว่า
“เดะ...เด็กหนุ่มนี้ดูเหมือนสิ้นลมหายใจแล้ว”
“จะกลัวอะไรล่ะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของลูกน้อง ดูเหมือนหนุ่มผมม่วงจะตระหนักได้ว่าตัวเองนั้นลงมือฟาดแรงเกินไป แต่ในเมื่อเรื่องมาถึงตรงนี้แล้วเขาก็ทำได้เพียงแค่เกาหัวพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“หมอกหนาขนาดนี้ ถ่ายวิดีโอก็ไม่ชัด พวกตำรวจเหล่านั้นก็อยู่ในโรงพยาบาลหมดแล้ว นายยังจะกลัวใครมาจับอีกละหา?”
“แต่ว่า แต่ถ้ามันตายละ?” ดูเหมือนว่าลูกน้องอีกคนเองก็กังวลขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะถามขึ้นด้วยใบหน้าซีดเผือด
“ตายเพราะความโชคร้ายของเขาต่างหาก ตอนนี้มีคนตายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ตายเพิ่มอีกสักคนจะเป็นไรไป!”หนุ่มผมม่วงได้จุดบุหรี่ขึ้นมา หลังจากนั้นก็หันไปพูดกับลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายว่า
"รีบไปเอาโทรศัพท์และกระเป๋าเงินของมันออกมา แล้วรีบออกจากที่นี่กันเถอะ"
“ครับ...พี่ใหญ่...” หนุ่มคนนั้นยอมสยบต่อการบีบบังคับของหนุ่มผมม่วงคนนี้ ถึงแม้ว่าในใจจะไม่ยินยอมก็ตาม แต่สุดท้ายก็ยังพยักหน้า แล้วเดินไปทางด้านข้างของหนุ่มคนนั้นอย่างระมัดระวัง ก่อนหยิบกระเป๋าเงินและโทรศัพท์ออกมา
“ไม่....อย่า...แย่ง...กระเป๋าเงินฉันไป!” แต่ทว่าในเวลานั้นเอง เด็กหนุ่มที่เปื้อนเลือดไปทั่วทั้งหน้ากลับคว้าลูกน้องคนนั้นไว้อย่างคาดไม่ถึง ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแอและสั่นเครือ
"นั่น...เป็นเงิน...ที่ฉันจะ...เอาไปรักษา...น้องสาว..."
“พี่ใหญ่!” เมื่อถูกเด็กหนุ่มคนนั้นจับตัวไว้ ลูกน้องคนนั้นก็เกิดอาการหวาดกลัวขึ้นมาทันใด
“ไร้ประโยชน์จริง ๆ!” เมื่อมองไปทางเด็กหนุ่มที่ยังไม่ตายคนนั้น พี่ใหญ่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย หลังจากนั้นก็เหยียบไปบนมือของเด็กหนุ่มคนนั้น ก่อนจะด่าพึมพำออกมา
"สภาพแบบนี้สมควรตายๆไปซะ ตายเร็วก็ไปเกิดใหม่เร็ว ถือว่าข้าช่วยสมทบให้ละกัน ฮ่า ฮ่า” เมื่อพูดจบ พี่ใหญ่คนนั้นก็ใช้ขาข้างหนึ่งเตะไปบนมือขวาที่เปื้อนไปด้วยเลือดนั้น หลังจากนั้นก็ชิงกระเป๋าเงินและโทรศัพท์ออกมาจากมือของเด็กหนุ่มคนนั้น ก่อนยิ้มพลางพูดว่า
"พวกเราไปกันเถอะ ไปหาแกะอ้วนๆสักตัวต่อ ใช้โอกาสนี้แหละสร้างเงินมหาศาล”
หลังจากนั้น พี่ใหญ่คนนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซต์ของตัวเองออกไป ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “จำไว้ ห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นพวกเอ็งได้มีจุดจบเหมือนเด็กหนุ่มนั้นแน่”
“ครับ ครับ” เมื่อนึกถึงจุดจบของเด็กหนุ่มคนนั้น ลูกน้องหนึ่งในกลุ่มนั้นก็พยักหน้าจนหน้าสั่น ก่อนที่จะขี่มอเตอร์ไซต์ของตัวเอง ตามพี่ใหญ่ของพวกเขาที่กำลังส่งเสียงคำรามออกไป
“น้องรัก....” ในขณะที่มองไปยังคนที่ชิงเงินช่วยชีวิตน้องสาวของตัวเองไป หนุ่มคนนั้นก็สะอึกลมหายใจเฮือกสุดท้ายออกมา ดวงตาทั้งสองข้างที่ยังไม่หลับเต็มไปด้วยความเคียดแค้นอย่างถึงที่สุด
ไม่นาน ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็ค่อยๆปกคลุมไปด้วยเส้นเลือด อีกทั้งร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรงขึ้นมา!ไม่ ไม่เพียงแต่สั่นเทาเท่านั้น!ต่อมาร่างกายของหนุ่มคนนั้นก็ยังคงสั่นเทาอย่างบ้าคลั่ง แม้กระทั่งผิวหนังบนใบหน้าและบนตัวของเขาก็เริ่มฉีกขาดทีละนิดๆอย่างรุนแรง และในเวลาเดียวกันร่างกายของเขาก็บิดเบี้ยว ยืดยาวขึ้น กระดูกสันหลังก็ปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจนเช่นกัน อีกทั้งกล้ามเนื้อของแขนขาทั้งสี่ก็เริ่มค่อยๆปูดขึ้นมา เมื่อมองไปแล้วดูเหมือนกับมันได้กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดเลื้อยคลานที่น่ากลัวอย่างยิ่งตัวหนึ่ง!
สุดท้าย สัตว์ประหลาดที่กลายร่างจนแทบไม่เหลือรูปร่างของคนตัวนี้ก็เงยหน้าขึ้น ก่อนจะดมกลิ่นที่ลอยคละเคล้าในอากาศ ราวกับกำลังหากลิ่นอะไรบางอย่าง ก่อนจะขยับแขนขาทั้งสี่ ไล่ล่าไปทางที่คนเหล่านั้นจากไปก่อนหน้านั้นด้วยอากัปกิริยาที่แปลกประหลาดอย่างรวดเร็ว !
เห็นได้ชัดว่า ร่างของเด็กหนุ่มคนนั้น ได้กลายร่างเป็นตัวอะไรที่น่ากลัวสักอย่างไปแล้ว!
……
ณ ร้านขายของชำแห่งหนึ่ง !
“ให้ฉันเถอะ อย่าแย่งเลย ฉันไม่ขายแล้ว!” เถ้าแก่ในร้านขายของชำกำลังออกแรงผลักลูกค้าที่มาแย่งซื้อน้ำมันพืชนี้ให้พ้นประตู และพยายามที่จะดึงประตูให้ปิดลง เขาตระหนักได้ถึงความสำคัญของวัตถุดิบในช่วงเวลานี้ จึงไม่ยอมขายน้ำมันเหล่านี้ออกไปโดยง่าย
“ทำไมถึงไม่ขายละ ข้าไม่ใช่จะไม่จ่ายเงินสักหน่อย!”
“ใช่ เปิดประตู เปิดประตู!”
“ถ้ายังขวางอีกข้าจะจัดการละนะ!”
……
เมื่อเห็นว่าเถ้าแก่ยังคงผลักพวกเขาออกไป ผู้คนที่ต่อแถวอยู่นานแล้วก็เดือดพล่านขึ้นมาในทันใด หลังจากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ประตูแล้วเริ่มยื้อแย่งน้ำมันพืชเหล่านั้น เมื่อเห็นของที่ถูกคนยื้อแย่ง เถ้าแก่คนนี้จึงหยิบไม้พลองขึ้นมาอย่างร้อนใจก่อนฟาดไปที่กลุ่มคนเหล่านั้น เพียงแต่แค่สองมือมีหรือจะสู้สี่มือได้ ไม่นานเถ้าแก่คนนี้ก็ล้มลงไปกองกับพื้น
เมื่อทุกคนยื้อแย่งของจนหมดร้านแล้ว ก็พากันแยกย้ายจากไป ภายในร้านจึงเหลือเพียงเถ้าแก่ที่ล้มลงไปกองกับพื้นคนนั้น เขาไม่รู้ว่าถูกเท้าเหยียบไปจำนวนเท่าไหร่ จนสุดท้ายก็ไร้ซึ่งลมหายใจ แม้กระทั่งมือขวาของเขาก็ถูกเหยียบเละจนกลายเป็นซอสเนื้อ
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ร่างกายของเถ้าแก่ร้านขายของชำคนนี้ก็สั่นเทาอย่างรุนแรงขึ้นมาอย่างฉับพลัน หลังจากนั้นก็ปีนขึ้นมาอย่างโซซัดโซเซ ก่อนจะเดินกวัดแกว่งไปมาเข้าไปในม่านหมอก
ในระหว่างที่เดิน ขนที่อยู่บนมือขวาที่ถูกเหยียบจนเละกลายเป็นซอสเนื้อก็ค่อยๆงอกยาวออกมาราวกับหนวดทีละเส้น ดูเหมือนหนวดเหล่านี้จะมีชีวิต ก่อนจะเริ่มซ่อมแซมบาดแผลบนตัวของเขา แล้วค่อยๆห่อหุ้มมือขวาของเขาเอาไว้ ทำให้มือขวาของเขาใหญ่กว่าก่อนหน้านั้นเป็นเท่าตัว แม้กระทั่งเล็บมือก็ยืดยาวแหลมออกมา กลายเป็นกริชที่แหลมคม!
……
“ไอ้ขี้เหล้า ออกไปเดี๋ยวนี้”
ไม่นาน เมื่อผู้ชายวัยกลางคนที่แบกถุงข้าวอยู่บนหลังคนหนึ่งเห็นเถ้าแก่ร้านขายของชำที่กวัดแกว่งไปมา ก็ตะโกนด่าอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะเตรียมพร้อมเดินผ่านเถ้าแก่คนนี้ไป บนตัวของเขาและถุงข้าวนั้นได้เปื้อนเลือดสดเล็กน้อย แต่ไม่ใช่เลือดของเขาเองแต่อย่างใด เมื่อดูจากท่าทางเร่งรีบของเขาแล้ว ก็พอเดาได้ว่าน่าจะหวาดกลัวกับเรื่องบางอย่างที่เพิ่งจะผ่านไป
“หิว !”เพียงเสี้ยววินาทีที่เขาผ่านร่างของเถ้าแก่ร้านขายของชำคนนี้ เถ้าแก่ที่เดิมทีเดินกวัดแกว่งไปมาได้ส่งเสียงคำรามออกมาราวกับเสือชีตาร์ได้เจอเหยื่อของตัวเอง หลังจากนั้นมือขวาที่ใหญ่และแข็งแรงนี้ก็โบกไปมาอย่างรุนแรง ก่อนจับไปที่ตัวของหนุ่มคนนี้ แล้วกดลงไปบนพื้นอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะกัดฉีกอย่างบ้าคลั่ง
ไม่นาน เสียงร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนาและแหลมก็ดังขึ้นไปทั่วทั้งถนนเส้นนี้ ในที่สุดถุงข้าวใบใหญ่นั้นก็ถูกเลือดสดย้อมจนเป็นสีแดงอย่างสมบูรณ์
ม่านหมอกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างโอกาสที่ดีให้คนชั่วเหล่านั้นได้กระทำเรื่องเลวทรามแล้วเท่านั้น แต่ยังได้สร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะแก่การล่าเหยื่อของซอมบี้เหล่านั้นในเวลาเดียวกันอีกด้วย!
ความวุ่นวาย การสังหารและการล่าเหยื่อ เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงในม่านหมอกแห่งนี้แล้ว!
ในเวลาเดียวกัน การกลายพันธ์ของบางสิ่งบางอย่างที่ไม่รู้จัก ก็กำลังเกิดขึ้นอย่างเงียบๆอีกด้วย !
……
“ทำไมถึงมีซอมบี้เพิ่มขึ้นมามากขนาดนี้ในชั่วพริบตาเดียวกันละ!”
ในขณะที่มองไปทางร่างของกลุ่มวัยรุ่น 4-5 คนที่กำลังกวัดแกว่งไปมาบนถนนเบื้องหน้า ฮวางซางก็รู้เหน็บหนาวขึ้นมาในใจทันใด ยิ่งเขาฆ่าซอมบี้ได้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นผลดีต่อวิชาหลอมรวมเป็นหนึ่งของเขามากขึ้นเท่านั้น ไม่เพียงแต่จะสร้างพละกำลังและความเร็วในการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นแล้ว อีกทั้งประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาก็ไวต่อความรู้สึกมากขึ้นเป็นพิเศษอีกด้วย แม้กระทั่งผลกระทบในม่านหมอกหนาๆแห่งนี้ก็ลดน้อยลงมากเช่นกัน
เพราะในเวลานี้ ต่อให้อยู่ในระยะทางเกือบ 20 เมตร เขาก็สามารถเห็นร่างของอีกหลายคนที่กลายเป็นซอมบี้ในม่านหมอกแบบนี้ได้อย่างชัดเจน!เพียงแต่เขาเองก็ไม่เคยคิดมาก่อน ขนาดตำรวจเหล่านั้นได้พยามสร้างเขตกักกันอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว ภายใต้สถานการณ์การยับยั้งการแพร่เชื้อที่ขยายตัวเป็นวงกว้างนี้ ยังปรากฏซอมบี้อยู่เป็นจำนวนมากบนถนนเส้นนี้อย่างคาดไม่ถึง!
ดูเหมือนว่า สถานการณ์อันเลวร้ายในเมือง C จะทรุดหนักลงไปอย่างรวดเร็วกว่าที่เขาคิดไว้ซะอีก!
“หิว!”
ถึงแม้ว่าม่านหมอกแห่งนี้จะรบกวนการมองเห็นของคนก็ตาม แต่มันกลับไม่ได้ขัดขวางความสามารในการได้ยินและการดมกลิ่นที่ไม่ธรรมดาของซอมบี้แต่อย่างใด ดังนั้นฮวางซางจึงพบซอมบบี้เหล่านนี้แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่ซอมบี้4-5 ตัวนี้ได้กลิ่นฮวางซาง ก่อนจะส่งเสียงคำรามออกมา แล้วๆค่อยๆวิ่งพุ่งมาทางฮวางซาง!
“ขอให้มาเถอะ!”
หลังจากที่เคยมีประสบการณ์เข่นฆ่าอย่างรุนแรงบนถนนสายหลักมาก่อน ซอมบี้ 4-5 ตัวเล็กๆเหล่านี้ไม่ได้สร้างความกดดันอะไรให้กับฮวางซางเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเมื่อซอมบี้เหล่านั้นพุ่งเข้ามาด้านหน้าของฮวางซาง เขาก็เร่งคันเร่งของมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าอย่างฉับพลัน หลังจากนั้นก็กระโดดลงจากรถคันนั้นอย่างรวดเร็ว
ในชั่วพริบตาเดียว มอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าที่ไม่มีคนควบคุมได้แล่นไปอย่างรวดเร็วราวกับม้าป่าที่คึกคักก่อนพุ่งเข้ากระแทกบนตัวของซอมบี้ตัวงหนึ่งอย่างแรง ในเวลาเดียวกัน ฮวางซางก็ยืดตัวขึ้นมา ก่อนจะโบกเหล็กงัดที่อยู่ในมือ แล้วทุบไปบนหัวของซอมบี้ไม่ยั้งมือ!
หลังจากที่หัวของซอมบี้ตัวนั้นถูกทุบจนระเบิดแล้ว ฮวางซางก็ใช้เท้าข้างหนึ่งเตะไปบนตัวซอมบี้อีกตัว เตะซ้ำ ๆไปหลายครั้ง จนมันล้มลงไปกองกับพื้น
แผละ ! ไม่รอให้ซอมบี้ที่ถูกเตะตัวนั้นลุกขึ้นมา ฮวางซางก็โบกเหล็กงัดที่อยู่ในมือออกไปอีกครั้ง แล้วทุบไปบนหัวของซอมบี้ตัวนั้นอย่างแรง จนตายในที่สุด!
เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ซอมบี้ทั้งสองตัวก็ถูกจัดการโดยฝีมือของฮวางซาง!สถิติการฆ่าครั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับบนถนนสายหลักในตอนแรกๆแล้วช่างแตกต่างจนหาที่เปรียบไม่ได้จริง ๆ !
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น !
หลังจากเอาชนะความกดดันและความกลัวในใจได้แล้ว ฮวางซางก็สามารถต่อกรกับซอมบี้เหล่านี้ได้อย่างชำนาญมากขึ้น หลังจากที่ฆ่าซอมบี้ไปเพียงแค่สองตัว เขาก็ยังไม่หยุดลงมือแต่อย่างใด อีกทั้งยังพุ่งตรงไปยังด้านหน้า และยังคงใช้วิธีการก่อนหน้านั้นเหมือนเดิม โดยการเตะซอมบี้ตัวหนึ่งให้ล้มลงไปก่อน หลังจากนั้นก็ใช้เหล็กงัดทุบไปบนซอมบี้อีกตัว
ถึงแม้ว่าพลังซอมบี้จะแข็งแกร่งมากก็ตาม แต่การเคลื่อนไหวก็ถือว่ายังไม่ปราดเปรียวนัก ดังนั้นเมื่อถูกฮวางซางเตะใส่ การลุกยืนขึ้นมาย่อมต้องใช้เวลาอย่างมาก และฮวางซางจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้กับพวกมันอย่างแน่นอน
ไม่นาน ฮวางซางก็ระเบิดหัวของซอมบี้ที่พยายามจะยืนขึ้นมาตัวนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้เหล็กงัดที่อยู่ในมือของเขาจัดการซอมบี้ที่ถูกรถมอเตอร์ไซต์กระแทกจนล้มไปนอนกองกับพื้นอย่างรวดเร็ว!
ในเวลานนี้ ซอมบี้ทั้ง 5 ตัวได้ถูกฮวางซางเพียงคนเดียวนี้จัดการไปเรียบร้อย อีกทั้งเวลาในการจัดการนั้นก็ไม่เกิน 1 นาทีกว่าอีกด้วย !
การสังหารซอมบี้ในครั้งนี้ เรียกได้ว่าน่ากลัวอย่างมาก!
แต่ทว่า หลังจากที่ฆ่าซอมบี้ทั้ง 5 ตัวแล้ว ฮวางกลับไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายลงเนื่องจากได้รับพลังที่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เขากลับจับเหล็กงัดที่อยู่ในมือไว้แน่นแทน แล้วย่อตัวลงต่ำ ราวกับเสือชีตาร์ทีเห็นเหยื่อของตัวเอง สายตาได้จับจ้องไปในม่านหมอกที่อยู่เบื้องหน้า!
เนื่องจากในชั่วพริบตานั้น เขาได้เกิดความรู้สึกอกสั่นขวัญหายขึ้นมาในใจของเขา ราวกับกำลังถูกสัตว์ร้ายจับจ้องอยู่! ต้นต่อของความรู้สึกนี้ กำลังพุ่งตัวมาจากทิศทางนั้น !