ตอนที่แล้วตอนที่ 85 ข่าวคราวของเรือนจำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 87 ซอมบี้ทารกผู้น่ากลัว

ตอนที่ 86 ระวังเด็กทารก


ตอนที่ 86 ระวังเด็กทารก

  

อาการบาดเจ็บของฮวางซางนั้นไม่ได้หนักหนามากนัก เพียงแต่ใช้พลังและเลือดเกินขีดจำกัดไปก็เท่านั้น   หลังจากที่ผ่านการพักผ่อนมายาวนานกว่า 7 ชั่วโมงแล้ว  สภาพโดยรวมของเขาจึงดีขึ้นไม่น้อย  บวกกับในโรงพยาบาลก็มีพวกยาและอาหารเสริมบำรุงเลือดจำนวนไม่น้อยด้วย  ดังนั้นหลังจากที่กลับมารักษาตัวในโรงพยาบาลหนึ่งคืน  ฮวางซางก็ขจัดความรู้สึกอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเหล่านั้นทิ้งไปจนหมดสิ้น ฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาวะขั้นสูงเช่นเดิมได้

แต่เรื่องที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือ ถึงแม้ว่ากำลังกายและเลือดที่สูญเสียไปนั้น จะได้รับการเสริมสร้างแล้วก็ตาม  แต่พลังความเป็นความตายหยินหยางภายในร่างกายของฮวางซาง กลับยังทำได้แค่เพียงฟื้นฟูขึ้นมาอย่างช้าๆเท่านั้น บวกกับเขาที่จำเป็นต้องใช้พลังแห่งชีวิตที่ฟื้นฟูแล้ว มารักษาตั้วลั่วอย่างต่อเนื่องด้วย

ดังนั้นถึงแม้ว่าในสองวันนี้ อาการบาดเจ็บของตั้วลั่วจะค่อยๆ ดีขึ้นมากแล้วก็ตาม แต่พลังความเป็นความตายหยินหยาง ภายในร่างกายของฮวางซาง กลับยังคงน่าสงสารไม่น้อย   ซึ่งเขาก็ยังไม่สามารถใช้ “คาถามายาเจ็ดอารมณ์” มาก่อตัวขึ้นเป็นหน้ากากที่แข็งแกร่งเหล่านั้นอีกแล้วด้วย

เนื่องจากภายในสองวันนี้ อาการบาดเจ็บของตั้วลั่วยังไม่สมานกันอย่างสมบูรณ์  อีกทั้งภายในร่างกายก็ยังคงมีความเจ็บปวดเกือบจะตลอดเวลาอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนี้  ส่วนฮวางซางและจูเก๋อโหย๋วหลงนั้น ก็ได้ออกไปหากระสุนมาเพิ่มเติมแทน

แต่ถึงแม้ว่ากำลังคนจะน้อยลงก็ตาม แต่กลับมีเจ้าทีเร็กซ์ที่แข็งแกร่งมาทดแทน ดังนั้นศักยภาพที่แข็งแกร่งของทีมนี้ ก็ไม่ได้ดูอ่อนแอมากนัก อย่างน้อยการรับมือกับสถานการณ์ทั่วไปก็น่าจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

“พี่ฮวาง  พี่คิดว่าในสำนักกิจการพลเรือนนั้นจะมีอาวุธและกระสุนอยู่บ้างไหม.....”

ในขณะที่เดินอยู่บนถนน ที่ถูกปกคลุมไปด้วยพืชพันธุ์นานาชนิด จนกลายเป็นป่าไม้ที่เขียวชุ่มอยู่นั้น จูเก๋อโหย๋วหลงทำการระวังภัยอยู่รอบทิศทางไปพลาง และก็หันไปพูดกับฮวางซางไปพลาง

“ไป๋หลี่หมิงหยู่เคยพูดแล้วไม่ใช่เหรอ  หลังจากที่เกิดภัยพิบัติขึ้นแล้ว เพื่อป้องกันการแพร่ขยายของไวรัส  กองกำลังทั้งหมดของเมืองเหลียนจึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายแห่ง  และในเวลาเดียวกันก็มีทหารมาเฝ้ารักษาการณ์ด้วย ซึ่งโรงพยาบาลในเมืองก็คือหนึ่งในนั้น”

ฮวางซางย่อมไม่ได้ออกหาแบบไร้จุดหมาย เหมือนกับแมลงวันไม่มีหัวแต่อย่างใด  ก่อนเดินทาง เขาได้ทราบข้อมูลอย่างละเอียดมาจากไป๋หลี่หมิงหยู่แล้ว  ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของจูเก๋อโหย๋วหลง  เขาก็ยิ้มน้อย ๆ

“นอกจากโรงพยาบาลขนาดใหญ่แล้ว หน่วยราชการหลายแห่ง ก็มีเหล่าทหารไปประจำการทั้งสิ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักกิจการพลเรือน ที่รับหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบภัยขจัดภัยพิบัติก็เป็นเช่นนี้ด้วย  ดังนั้นในนั้นก็น่าจะมีอาวุธและกระสุนอยู่ไม่น้อย  เพียงแค่ต้องมั่นใจว่ายังไม่มีคนชิงตัดหน้าไปก่อนเท่านั้น  แต่อัตราความเป็นไปได้นี้ก็น่าจะมีไม่สูงมากนัก.....”

ระยะเวลาที่พลังเหนือธรรมชาติ ทะลักเข้ามาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ก็ผ่านไปเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น  ตอนนี้นอกจากกลุ่มนักโทษในเรือนจำนั้นแล้ว ผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่ ก็คงต่างพากันดิ้นรนเอาชีวิตรอดกันทั้งนั้น  ถึงแม้ว่าจะมีบางคนหนีตาย ผ่านเข้าไปในสำนักกิจการพลเรือนเหล่านั้น  แต่ก็คงจะนำอาวุธที่มีไปได้ไม่มากนัก  ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่า พวกเขาจะเจออาวุธที่จำเป็นต่อพวกเขาในค่ายพลเรือนแห่งนี้

แต่ถ้าหาไม่เจอจริง ๆละก็ พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่เลือกหาเป้าหมายต่อไปเท่านั้น

ค่ายพลเรือนและโรงพยาบาลในเมืองของเมืองเหลียนอยู่ไม่ไกลกันมากนัก  ซึ่งห่างกันแค่เพียงราว ๆ 2 กิโลเมตรเท่านั้น  หากเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาก่อนวันสิ้นโลก ต่อให้เป็นคนทั่วไปก็ต้องใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ในการเดินทางมาถึงที่นี่  แต่บัดนี้หายนะวันสิ้นโลกได้มาถึงแล้ว ฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลง  เมืองเหลียนจึงกลายเป็นป่าไม้มาตั้งแต่ในตัวเมือง

ต่อให้ถนนใหญ่จะเคยกว้างขวางมาก่อนก็ตาม บัดนี้ต่างก็ถูกปกคลุมไปด้วยพืชพันธุ์นานาชนิด จนเปียกชื้นและหนาแน่นไปหมด   จนกลายสภาพเป็นพื้นดินของป่าไม้ดั้งเดิม ไปอย่างสมบูรณ์แบบ  ดังนั้นการเดินทางในเมืองเหลียนในเวลานี้ จึงไม่ได้เป็นเรื่องที่ง่ายดายขนาดนั้น

ต้องรู้ว่าด้วยสภาพแวดล้อมการทำสงครามในป่าไม้ดั้งเดิมเช่นนี้   ต่อให้เป็นกองทัพทหารที่มีฝีมือยอดเยี่ยมที่สุด ก็อาจจะไม่สามารถเดินทางได้เกิน 5 กิโลเมตรต่อวัน  ดังนั้นถึงแม้ว่าด้วยสมรรถภาพของฮวางซางและพรรคพวก จะเหนือกว่าคนทั่วไปก็ตาม  แต่พวกเขาก็ยังเดินทางได้อย่างลำบากยากยิ่งเช่นเดียวกัน จนกระทั่งต้องใช้เวลาไป 1 ชั่วโมงเต็ม ก็ยังเพิ่งเดินทางได้เพียงแค่ราว ๆครึ่งทางเท่านั้น

แต่ตลอดเส้นทางนี้ พวกเขาเองก็พบเจอกับซอมบี้ และสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ประหลาดๆ จำนวนไม่น้อยด้วยเช่นกัน  จนกระทั้งเห็นร่องรอยของเจ้าลิกเกอร์ อีกหลายตัวด้วย เพียงแต่ว่า ไม่ว่าจะซอมบี้ก็ดี หรือสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ก็ดี  แต่เมื่ออยู่เบื้องหน้าของเจ้าทีเร็กซ์ที่แข็งแกร่งตัวนั้น ต่างก็พากันดูอ่อนแอลงในพริบตา  ด้วยความที่ไม่สามารถต้านทานได้ จึงต่างทยอยถูกเจ้าทีเร็กซ์กัดกลืนกินจนไม่เหลือซาก

ส่วนเจ้าลิกเกอร์หลายตัวนั้น เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่ง ของเจ้าทีเร็กซ์ตัวนี้  พวกมันต่างก็พากันถอยทัพออกไปให้ไกล   ไม่วู่วามเข้ามาโจมตีใส่พวกเขาสักตัว

ต้องบอกว่า ซอมบี้กลายพันธุ์ ที่มีสติปัญญาด้านการทำสงครามเหล่านี้ น่ากลัวมากจริงๆ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของฮวางซางก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

นี่เป็นเพียงแค่ซอมบี้กลายพันธุ์ระดับต้นๆเท่านั้น แต่ก็ยังมีสติปัญญาได้ถึงขนาดนี้  แล้วถ้ายิ่งนานวันเข้า ศักยภาพของซอมบี้เหล่านี้ ก็คงจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  สติปัญญาของพวกมันก็คงจะเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน  หรืออาจจะถึงขั้นเหนือกว่ามนุษย์เลยก็เป็นได้?

ถ้าหากว่าถึงวันนั้นจริงๆ  มนุษยชาติ ก็คงจะถูกซอมบี้ที่มีสติปัญญาเหล่านี้ กำจัดทิ้งจนสูญพันธุ์  เหมือนกับมนุษย์นีแอนเดอธัลที่ถูกมนุษย์กำจัดทิ้งในอดีตอย่างแน่นอน  !

“เจ้ายุงบ้านี้  น่าสะอิดสะเอียนกว่าซอมบี้ซะอีก!”

การเดินทางในป่าไม้ที่ทั้งหนาทึบและทั้งร้อนชื้น เป็นเรื่องที่ทรมานมากเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยุงที่มีขนาดตัวเท่ากับกำปั้นจำนวนมาก ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางป่าไม้แห่งนี้  ความทรมานเช่นนี้จึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

ในเวลาเดียวกัน  จูเก๋อโหย๋วหลง ก็กวัดแกว่งมีดโค้งที่อยู่ข้างตัวทั้งสองด้ามขึ้นมา พยายามที่จะฟันยุงที่เข้ามาดูดเลือดของตัวเองให้ขาดสะบั้น พร้อมกับสบถด่าทอออกมาอย่างเหลืออด  หลังจากนั้นก็หันหน้าไปพูดกับฮวางซางว่า

“พี่ฮวาง  พี่คิดว่าในเมืองเหลียน จะมีผู้รอดชีวิตหลงเหลือมากแค่ไหน  ทำไมตลอดเส้นทาง เราถึงไม่เห็นแม้แต่เงาคนเลย เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาจะตายกันไหมดแล้ว?”

“ในคืนแรกที่เกิดหายนะครั้งนั้น เมื่อสามวันก่อน มีมนุษย์กลายร่างเป็นซอมบี้หนึ่งในสี่ส่วนเท่านั้น  จากนั้นมนุษย์ที่เหลืออีกจำนวนมาก ต่างก็ถูกซอมบี้เหล่านั้นกัดตาย   หรือไม่ก็ถูกสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ไล่ล่า  กัดกิน มนุษย์ที่รอดชีวิตในเมืองเหลียนจึงอาจจะเหลือจำนวนไม่มากนัก”

ฮวางซางส่ายหน้า แล้วพูดขึ้นว่า

“สำหรับทำไมพวกเราถึงไม่เจอคนเหล่านั้น  ฉันคิดว่าบางที อาจจะเป็นเพราะว่าที่นี่นั้นใกล้ในเมืองมากเกินไป  ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ ที่มีซอมบี้ปรากฏตัวกันอย่างหนาแน่น ดังนั้นไม่เพียงจะมีคนตายมากกว่าสถานที่แห่งอื่น อีกทั้งถึงแม้ว่าจะมีผู้รอดชีวิต ก็น่าจะหาวิธีการออกไปจากที่นี่  ไปหาสถานที่ที่เข้าถึงได้ยากหลบซ่อนตัวกันแล้วแหละ”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮวางซางก็หยุดไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นก็พูดต่อว่า

“อีกทั้งถึงแม้ว่าจะมีคนถูกล้อมอยู่ในตึกสูง ในบริเวณนี้ก็ตาม  เมื่อพวกเขาเจอพวกเรา อาจจะไม่กล้าส่งเสียงออกมาก็เป็นได้  ไม่งั้นละก็ คงได้ดึงดูดซอมบี้ที่อยู่ในตึกสูงเหล่านั้น มาหาอย่างแน่นอน พวกเขาก็จะตายเร็วขึ้น”

“ก็ใช่......”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง  จูเก๋อโหย๋วหลง ก็พยักหน้าเข้าใจทันที

“แต่ทำไมคนเหล่านี้ ถึงไม่คิดหาวิธีสู้ละ? อยู่แต่ในตึกสูงๆเหล่านั้น ไม่ช้าอาหารการกินและน้ำของพวกเขา ก็ต้องหมดลง  ถึงตอนนั้นก็เท่ากับต้องตายเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”

“สาเหตุที่นายพูดแบบนี้ ก็เพราะว่านายเป็นผู้มีพลังเหนือมนุษย์  มีความเชื่อมั่นและศักยภาพในการต่อกรกับซอมบี้เหล่านั้นได้   แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาทั่วไปเหล่านั้น พวกเขาอาจจะไม่มีความกล้าแบบนี้”

“บางทีสำหรับพวกเขาแล้ว  หากถึงวันที่หมดสิ้นทั้งกระสุนและเสบียงจริงๆ พวกเขาก็คงต้องทำได้แต่กอดความหวังสุดท้าย จนถึงขั้นหลอกตัวเองเลยก็ว่าได้  หวังว่าจะมีเหล่าทหารหรือมีคนมาช่วยพวกเขาจริง ๆ”

ในขณะที่ฮวางซางกำลังพูดไปพลาง  ทำการมองไปทางตึกสูงๆ ที่ถูกพืชพันธุ์นานาชนิดปกคลุม ที่ตั้งตระหง่านอยู่ทั้งสองข้าง “ถนน” ไปพลางนั้น  สายตาของเขาก็มีแววเย้ยหยัน แล้วแปรเปลี่ยนเป็นสับสนและเวทนาสงสารขึ้นมาทันใด

ในเวลานี้ความสามารถในการรับรู้ของเขา สามารถตรวจจับสายตาแห่งความหวัง และดูอ่อนแอที่ซ่อนตัวอยู่หลังหน้าต่าง ในห้องเหล่านี้ได้  เพียงแต่คนเหล่านี้ ไม่กล้าที่จะออกมาเท่านั้น  เขาไม่สามารถฝ่าเข้าไปช่วยพวกเขา ทีละคนๆภายในห้องเหล่านี้ได้หรอก?

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลารีบเร่งในตอนนี้ คือการหากระสุน แล้วไปจัดการโจมตีเรือนจำแห่งนั้น จัดการนักโทษเหล่านั้นให้สิ้นซาก เพื่อแย่งชิงเซรุ่มไวรัสนั้นกลับมา ภายใต้สถานการ์เช่นนี้  เขาจึงย่อมไม่กล้าเสียเวลาเข้าไปช่วยคนเหล่านั้นออมาได้

แต่ในช่วงเวลาที่เกิดความรู้สึกถากถาง และน่าสงสารขึ้นพร้อมกัน  ในใจของฮวางซางก็เกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันใด

พวกเขาเหล่านี้ เคยผ่านประสบการณ์อะไรมาก่อน ถึงได้เกิดความกลัวขึ้นมามากมายขนาดนี้ ถึงขั้นหลบซ่อนตัวหลังหน้าต่าง ไม่กล้าโผล่หน้าออกมาแม้แต่คนเดียว

ตึง!

ทันใดนั้น  ก้อนกระดาษขนาดเล็กชิ้นหนึ่ง ถูกเขวี้ยงลงมาจากช่องหน้าต่างบานหนึ่ง บนยอดตึกสูงข้างทางแห่งหนึ่ง  หล่นลงมาตรงพื้น ที่ไม่ไกลจากฮวางซางมากนัก

“อือ?”

เมื่อเห็นว่าถูกคนเขวี้ยงก้อนกระดาษลงมา  ฮวางวางก็อึ้งงันเล็กน้อย หลังจากนั้นก็เก็บมันขึ้นมา แล้วคลี่ออก

บนกระดาษยับๆเหล่านี้ ถูกเขียนด้วยดินสอสีน้ำมัน ขึ้นเป็นตัวอักษรอย่างลวกๆว่า —— “หนีเร็ว  ระวังเด็กทารก” !

“ระวังเด็กทารก? อะไรกันว่ะ?”

เมื่อเห็นตัวอักษรบนกระดาษนั้น ฮวางซางก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้

หรือเด็กทารกที่เขียนอยู่บนกระดาษแผ่นนี้ จะเป็นสิ่งที่พวกเขากำลังกลัวกันอยู่?

แต่ทำไมต้องเป็นเด็กทารก?

เด็กทารกแบบไหนกัน ถึงทำให้คนเหล่านี้หวาดกลัวเช่นนี้   จนไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงตะโกนออกมาเลยเหรอ?

ในเวลานั้นเอง นอกจากความสงสัยที่เกิดขึ้นเต็มหัวใจแล้ว  ในใจของฮวางซางก็เกิดความรู้สึก ถึงภัยอันตรายแปลกๆขึ้นมาด้วยเช่นกัน

ความรู้สึกเช่นนี้  ดูเหมือนจะมาจากมุมถนนแห่งหนึ่ง ที่เขาไม่ได้ทำการสำรวจ  มีนักล่าที่ทั้งน่ากลัวและแปลกประหลาดบางอย่าง กำลังจ้องมองพวกเขาอยู่!

หวือ!

ทันใดนั้น ในตอนนั้นเอง  เงาสีเลือดก็พุ่งตรงออกมาจากป่าไม้ด้วยความเร็ว ตรงเข้ามาหาฮวางซางและพรรคพวกทันที

“ลิกเกอร์?”

ในขณะที่มองไปทางเงาที่กำลังพุ่งเข้ามานั้น ฮวางซางก็ได้เผยรอยยิ้มเย็นยะเยือกขึ้นมา จากนั้นก็กำหมัดไว้แน่น

หลังจากที่วันสิ้นโลกย่างกรายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เขาจึงได้สู้รบกับสิ่งมีชีวิตอย่างพวกเจ้าลิกเกอร์ มาหลายต่อหลายครั้ง  ดังนั้นในเวลานี้เขาจึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับมัน

แต่วินาทีต่อจากนั้น หลังจากที่ฮวางซางได้เห็นรูปลักษณ์ของเจ้าลิกเกอร์อย่างชัดเจน  รูม่านตาของเขาก็หดลงอย่างรวดเร็ว

บนร่างกายของเจ้าลิกเกอร์ในเวลานี้นั้น กลับมีร่องรอยการกัดฉีกขนาดเล็กๆจำนวนมาก ปรากฏขึ้นตามร่างกาย  อีกทั้งยังเป็นร่อยรอยการกัดที่ลึกมากอีกด้วย  ร่องรอยการกัดเหล่านี้น่ากลัวมากยิ่งนัก  ทำให้กล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งภายนอกของเจ้าลิกเกอร์ถูกฉีกขาดไปกว่าครึ่ง  จนกกระทั้งลิ้นยาวๆของเจ้าลิกเกอร์ ก็ถูกกัดจนขาดสะบั้นอีกด้วย!

และเมื่อเป็นเช่นนี้  เจ้าลิกเกอร์ตัวนั้น จึงไม่ได้วิ่งพุ่งเข้ามาหาฮวางซางและพรรคพวกแต่อย่างใด แต่กลับวิ่งผ่านด้านหน้าของฮวางซางและพรรคพวก หลบหนีไปด้วยความอับจนหนทางอีกด้วย

มันไม่ได้กำลังล่าเหยื่อ แต่มันกำลังหนีตาย!

เมื่อเห็นภาพนี้ ลางสังหรณ์ไม่ดีที่เกิดขึ้นในใจของฮวางซาง ก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น

สิ่งที่น่ากลัวแบบไหนกัน ถึงได้ไล่สังหารเจ้าลิกเกอร์ จนอับจนหนทางเช่นนี้?

หรือว่า.....จะเป็นเด็กทารกที่เขียนอยู่ในกระดาษแผ่นนั้น?

เด็กทารกนั้นคือตัวอะไรกัน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด