ตอนที่ 80 ปลดล็อกและวิชาเบิกเนตร
ตอนที่ 80 ปลดล็อกและวิชาเบิกเนตร
หลังจากที่พลังเหนือมนุษย์บรรลุแล้ว ระดับความเร็วของตั้วลั่วนั้นก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ราวกับเสือชีตาร์คลุ้มคลั่งตัวหนึ่ง ความเร็วเช่นนั้นมาพร้อมกับเสียงแหวกอากาศที่รุนแรง จนมาถึงด้านหน้าของฮวางซางในช่วงพริบตาเดียว จากนั้นก็กวัดแกว่งกริชแทงเข้าไปที่ตัวของฮวางซางทันที!
แต่ทว่าถึงแม้ว่าความเร็วของตั้วลั่วจะเพิ่มขึ้นมากก็ตาม แต่ระดับความเร็วของฮวางซางนั้นกลับเพิ่มขึ้นยิ่งกว่า!
เมื่อเผชิญหน้ากับกริชที่แทงเข้ามา สีหน้าของฮวางซางก็ไม่ได้แปรเปลี่ยนไปอย่างใด กลับทำเพียงแค่หรี่ตาลง จากนั้นมือซ้ายของเขาก็คว้าไปบนข้อมือขวาของตั้วลั่ว ที่ถือกริชด้ามนั้นอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าทันที!
ไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง ความเร็ว หรือการตอบสนองที่รวดเร็ว ก็ถือว่าเหนือชั้นกว่าตั้วลั่วอย่างมาก ดังนั้นถึงแม้ว่าตั้วลั่วจะถือกริชที่คมกริบ จนสามารถตัดเหล็กได้ อยู่ในมือก็ตาม แต่ฮวางซางก็เข้าปะทะตรงๆโดยไม่หลบเลี่ยงเลยสักนิด!
แต่ฮวางซางนั้นก็ประเมินตั้วลั่วต่ำไปเช่นกัน!
“หึ!”
ในช่วงพริบตาที่มือซ้ายของฮวางซาง ยื่นออกไปคว้าข้อมือของตั้วลั่วเร็วปานสายฟ้า เพื่อหมายจะจับตั้วลั่วให้ได้นั้น แต่ดูเหมือนตั้วลั่วจะคาดการณ์ไว้ก่อนอยู่แล้ว เขาหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับพลิกข้อมือ กริชที่เดิมทีพุ่งไปหมายจะแทงฮวางซางด้ามนั้น ก็ได้เปลี่ยนทิศทางไปอีกด้านทันที จากแทงพุ่งตรงกลับเปลี่ยนเป็นฟันเฉียงไปอีกด้าน เป็นเวลาเดียวกับที่ปลายมีดฟันไปบนห้านิ้วที่ยื่นเข้ามาอย่างว่องไว
“อะไรกัน?”
เนื่องจากทุกคนต้องรับมือกับซอมบี้และสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์มาก่อนหน้านั้น ดังนั้นตั้วลั่วจึงยังไม่ได้แสดงทักษะการสังหารอันน่ากลัวออกมาแต่อย่างใด เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงได้ระเบิดออกมาอย่างฉับพลัน จนสร้างความตื่นตกใจให้กัฮวางซางไม่น้อย!
แต่เนื่องจากระยะห่างระหว่างเขากับตั้วลั่ว ถึงเขาจะปรับเปลี่ยนทิศทาง แต่ยังไงก็สามารถหลบหลีกตั้วลั่วได้!
ดังนั้นวินาทีต่อจากนั้น สายตาของฮวางซางก็ฉายแววเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด หลังจากนั้นจึงทำการกางมือออกไปจับกริชด้ามนั้นโดยตรงอย่างไม่หลบหลีกทันที!
และในเวลาเดียวกัน ลำแสงสีดำขาวอ่อนๆ ก็ส่องแสงเรืองรองออกมาจากฝ่ามือของฮวางซางอย่างฉับพลัน!
ฉึก!
วินาทีต่อจากนั้น เสียงอันน่าหวสดเสียวก็ดังขึ้นมา กริชของตั้วลั่วได้ฟันลงไปบนฝ่ามือของฮวางซางอย่างโหดเหี้ยม แต่กลับไม่สามารถทำลายพลังเกราะกาสาวพัสตร์สีดำขาว ที่ก่อตัวขึ้นมาจากหลังการเปลี่ยนแปลงของพลังเหนือธรรมชาติได้ จึงถูกฝ่ามือของฮวางซางจับไปบนใบมีดอันแหลมคมนั้นทันที!
“บัดซบ!”
ปฏิกิริยาการตอบสนองของตั้วลั่วนั้นเร็วมาก เขาจึงปล่อยมือจากกริชด้ามนั้นอย่างไม่ลังเลใจ หลังจากนั้นขาขวาก็กระแทกไปบนพื้นอย่างรวดเร็ว ก่อนขยับพุ่งตัวถอยไปด้านหลัง เพื่อทิ้งระยะห่างกับฮวางซาง
“เจ้าเต่าเปลี่ยนไปแล้ว นายไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหมละ?”
หลังจากทิ้งระยะห่างมาได้แล้ว ตั้วลั่วก็อดสบถด่าทอออกมาไม่ได้
เขาเองก็คิดไม่ถึงว่า พลังความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเขา และความแหลมคมของกริช จะไม่สามารถโจมตีลำแสงประหลาดที่ปกป้องอยู่บนร่างกายของฮวางซางลงได้
การป้องกันของเจ้านี่แข็งแกร่งมากจริงๆ!
“ฉันยอมรับเลยว่า ประสบการณ์และทักษะการต่อสู้ของนาย เหนือกว่าฉันมาก ถ้าหากว่าเมื่อสักครู่ เปลี่ยนเป็นคนธรรมดาทั่วไป มือข้างนั้นก็คงจะถูกฉันตัดขาดไปแล้ว......”
ในขณะที่มองไปยังท่าทางตื่นตกใจของตั้วลั่ว ฮวางซางก็ส่ายหน้า แล้วทิ้งกริชของตั้วลั่วออกไป จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า
“แต่ฉันจำได้ว่ามีคำพูดในนิยายเรื่องหนึ่งกล่าวไว้ว่า เมื่อเผชิญหน้ากับพลังที่สมบูรณ์แบบ ทักษะทั้งหมดทั้งมวลก็ไร้ความหมาย ดังนั้น หากนายไม่มีไพ่ตายให้เปิดอีกแล้ว งั้นวันนี้นายก็ไม่สามารถชนะฉันได้!”
“หึ ให้นายได้เปรียบนิดหน่อย นายก็อย่ามาได้ใจไปนักเลย!”
เมื่อรับกริชนั้นคืนมา ตั้วลั่วก็ยิ้มออกมาทันที
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เมื่อนายปรารถนา....ปลดล๊อก ขั้นหนึ่ง แยก!”
แก๊กแก๊กแก๊ก!
ในตอนนั้นเอง หลังจากที่ตั้วลั่วได้ตะโกนออกไปสุดเสียงแล้ว กลิ่นอายความโหดร้ายและอันตรายอย่างถึงขีดสุด ก็แผ่ขยายออกมาจากตัวของตั้วลั่วในชั่วพริบตาเดียว ราวกับสัตว์อันน่ากลัวบางอย่างได้หลุดพ้นจากเครื่องพันธนาการ และเริ่มเข้ามาสิงสถิตอยู่ภายในตัวของเขา!
และในตอนนั้นเอง ร่างกายของตั้วลั่วที่เดิมที ค่อนข้างได้สัดส่วนก็เริ่มปูดโปนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ร่างทั้งร่างที่ก็ได้ขยายออกจาก1.7เมตรเป็น 2 เมตร กล้ามเนื้อปูดโปนขึ้นไปทั่วทั้งร่าง มองดูแล้วคล้ายกับเจ้าไทแรนท์ ขนาดเล็กอย่างไรอย่างนั้น!
“ปลดล๊อก.....นี่คือพลังเหนือมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไปของนายเหรอ?”
ในขณะที่มองไปทางทางตั้วลั่วที่มีรูปร่าง “สูงใหญ่” จนแตกต่างไปมาก ดวงตาของฮวางซางก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันใด
หลังจากที่เขาได้บำเพ็ญฝึกฝนจนบรรลุแล้ว ปฏิกิริยาความไวต่อความรู้สึกต่อภัยอันตรายของเขา จึงยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้เขาก็สัมผัสได้ถึง กลิ่นอายของความชั่วร้าย ที่แผ่ขยายออกมาจากร่างของตั้วลั่วแล้วด้วย
“ฉันเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าหลังจากวิวัฒนาการพลังเหนือมนุษย์ครั้งนี้แล้ว จะกลายเป็นแบบนี้อย่างไม่คาดคิด....แต่ มันก็เป็นความรู้สึกที่ดีนะ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า มาอีกรอบ!”
เมื่อทำการปลดล็อกแล้ว ตั้วลั่วก็สัมผัสได้ถึงพละกำลังภายในของเขา เริ่มไหลวนไปมาอย่างเชี่ยวกราก ราวกับอุกภัยน้ำท่วมอย่างไรอย่างนั้น จึงทำให้เขาอดที่จะหัวเราะเสียงดังออกมาไม่ได้ หลังจากนั้นก็กระโดดพุ่งพรวดไปข้างหน้าอีกครั้ง แล้วพุ่งตรงเข้าไปหาฮวางซางทันที!
แต่ครั้งนี้ ระดับความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ก่อน ราวสามส่วนเลยทีเดียว!
ระดับความเร็วนี้เกือบจะใกล้เคียงกับฮวางซางมาก !
“ทำไมถึงได้เร็วขนาดนี้? !”
เมื่อเห็นตั้วลั่วระเบิดความเร็วออกมาจนน่ากลัว สายตาของฮวางซางก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลงไปทันที จากนั้นก็ระเบิดพลังเหนือธรรมชาติภายในร่างกายของตัวเองทั้งหมดออกมา ลำแสงสีขาวดำก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งตัวของเขา จากนั้นก็กำหมัดขึ้นมา แล้วทุบลงไปบนตัวของตั้วลั่วอย่างโหดเหี้ยมทันที!
“เข้ามาเลย!”
การระเบิดพลังภายในออกมานั้น ทำให้ตั้วลั่วเกิดความเชื่อมั่นในตัวเองมากยิ่งขึ้น ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงไม่ได้ใช้ทักษะการต่อสู้ของตัวเองแต่อย่างใด แต่กลับทำตามความปรารถนาของฮวางซาง ด้วยการกวัดแกว่งกริชขึ้นมาแล้วฟันไปบนหมัดของฮวางซางตรงๆทันที
เคล้ง!
วินาทีต่อจากนั้น หมัดของฮวางซางก็ปะทะเข้ากับกริชของตั้วลั่วอย่างหนักหน่วง จนเกิดเสียงกึกก้องราวกับเหล็กที่กระทบกันอย่างรุนแรง!
หลังจากนั้น ตั้วลั่วก็สัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาล ทำให้เขาจับกริชด้ามนั้นไว้ไม่อยู่ จนต้องสลัดหลุดลอยออกไป ส่วนร่างกายของเขาก็เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงไปทั่วทั้งร่าง จนถอยร่นไปด้านหลังเช่นเดียวกัน!
ความจริงก็พิสูจน์ได้ว่า ต่อให้พลังเหนือมนุษย์ของตั้วลั่ว จะวิวัฒนาการมากขึ้นจนพลังระเบิดออกมาก็ตาม แต่พลังของเขาก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮวางซางอยู่ดี!
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮวางซางก็ตาม แต่ระยะห่างของทั้งสองฝ่ายกลับไม่ได้มากมายเหมือนกับเมื่อก่อน อย่างน้อยในตอนนี้ ตั้วลั่วที่มีทักษะด้านการต่อสู้ก็ได้ใช้ทางหนีทีไล่ที่เหลืออยู่ออกมาได้อย่างเต็มที่แล้ว!
วินาทีต่อจากนั้น ตั้วลั่วก็จับกริที่ถูกแรงสั่นสะเทือนจนลอยออกไปขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนพุ่งเข้าไปหาฮวางซางอีกครั้งเช่นกัน
แต่หลังจากที่รู้ว่าพลังของตัวเองนั้น ปะทะกับพลังของฮวางซางไม่ได้ ครั้งนี้เขาจึงไม่ได้เลือกที่จะสู้ปะทะกันตรงๆกับฮวางซาง แต่กลับเริ่มใช้ประโยชน์จากระดับความเร็วที่พัฒนาเพิ่มขึ้น และประสบการณ์การต่อสู้ที่เหนือชั้นกว่าของฮวางซาง รวมถึงทักษะการสังหารที่ยอดเยี่ยมมาต่อสู้พัวพันกับฮวางซางอีกครั้ง!
ต้องพูดว่า ตอนที่ตั้วลั่วอยู่ในสนามการต่อสู้นั้น เรียกได้ว่าเป็นการดำรงอยู่ของขั้นปรมาจารย์อย่างแท้จริง!
ในช่วงเวลานี้ ภายใต้การระเบิดพลังทั้งหมดออกมา ทำให้ฮวางซางสัมผัสได้ว่าตัวเองนั้น ถูกนักล่าที่น่ากลัวบางอย่างพัวพันเข้ามา ถึงแม้ว่าพลัง ระดับความเร็วและปฏิกิริยาตอบสนองของเขา จะไม่ด้อยกว่า หรือกระทั่งแข็งแกร่งกว่าตั้วลั่วก็ตาม แต่ทุกครั้งที่เขาโจมตีใส่ กลับถูกตั้วลั่วหลบหลีกหรือไม่ก็ป้องกันราวกับคาดการณ์เอาไว้ได้หมดแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สามารถทำร้ายตั้วลั่วได้ ตรงกันข้ามกลับถูกตั้วลั่วจับจุดอ่อนและโต้กลับมาได้ทุกครั้ง!
เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ เขาก็ถูกตั้วลั่วแทงเข้ามาทั้งหมดสามครั้ง แต่ถ้าไม่ใช่เพราะพลังเกราะกาสาวพัสตร์สีดำขาว ที่ตั้วลั่วไม่สามารถทำลายมันได้ ปกป้องร่างกายไว้อยู่ละก็ เขาก็คงจะล้มลงไปกองกับพื้นนานแล้ว
แต่ปัญหาก็คือ เขาไม่อาจดูถูกพลังของตั้วลั่วได้ บวกกับความพิเศษของกริชด้ามนี้ ที่แหลมคมจนเกินขีดจำกัดอีกด้วย ดังนั้นทุกครั้งที่เขาโจมตีใส่ฮวางซาง ก็มักจะต้องใช้พลังเหนือธรรมชาติออกไปไม่น้อย ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ฮวางซางเองก็ไม่มั่นใจว่าตั้วลั่วจะพ่ายแพ้หมดพลังไปเสียก่อน หรือเป็นพลังเหนือธรรมชาติของเขาที่จะแห้งเหือดหมดไปก่อน
“ดูเหมือนว่าจะต้องใช้เคล็ดวิชานั้นแล้ว....”
เมื่อตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก ฮวางซางกลับไม่ได้แสดงความร้อนใจออกมาแต่อย่างใด มีเพียงดวงตาของเขาเท่านั้นที่แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้น
“เนตรความเป็นความตายหยินหยาง---เบิกเนตร!”
วินาทีต่อจากนั้น ฮวางซางก็หลับตาทั้งสองข้างลง จากนั้นก็ตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง แล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว!
พริบตาเดียว ลำแสงสีดำขาวก็เปล่งแสงออกมาจากดวงตาของเขา แล้วผสานกันเป็นภาพไท่จี๋สีดำขาว!
หลังจากที่เกิดความผิดปกติบางอย่างขึ้นมาในดวงตาของฮวางซางแล้ว ตั้วลั่วก็ค้นพบว่าตัวเองนั้นได้ถูกสะกดข่มทักษะและประสบการณ์ต่อสู้เอาไว้ ราวกับเขาเป็นเม่นน้อยที่ไม่สามารถทำอะไรศัตรูได้ เหลือแค่เพียงพลังการป้องกันเท่านั้น ส่วนฮวางซางที่ไม่อาจตอบโต้ได้ในตอนแรกก็ดูเหมือนจะได้ค้นพบแสงสว่าง จึงค่อยๆดิ้นหลุดจากการพันธนาการนั้นอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน ฮวางซางก็คาดเดาการเคลื่อไหวของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่งราวสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าไว้แล้ว ต่อให้เขาแกล้งเผยช่องโหว่สักกี่ครั้งก็ไม่สามารถหลอกลวงฮวางซางได้อีก!
ผลัวะ!
หลังจากนั้น เสียงกระแทกอย่างหนักหน่วงก็ดังขึ้น ตั้วลั่วที่เดิมทีได้เปรียบฮวางซางอยู่นั้น ก็ได้พลาดท่าในที่สุด ถูกหมัดของฮวางซางชกใส่จนร่างทั้งร่างลอยออกไป จนล้มลงไปกองกับพื้นในระยะทางหลายเมตร ก่อนจะกระอักเลือดสดๆออกมาอย่างรวดเร็ว
“บัดซบเอ๊ย!”
เมื่อเช็ดเลือดสดที่มุมปากแล้ว ตั้วลั่วก็มองไปทางฮวางซางด้วยความตกตะลึง ก่อนพูดขึ้นว่า
“ทำไมนายถึงมองการเคลื่อนไหวของฉันออก? อย่าบอกนะว่านายเป็นอัจฉริยะด้านการฝึกฝนหมัดมวยอะไรนั่น เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่นายจะเรียนรู้ได้ขณะต่อสู้!”
เขารู้ว่าทักษะการต่อสู้ชนิดนี้ของเขา ได้รับการฝึกฝนจากอย่างต่อเนื่องในอาชีพนักฆ่ามาเป็นเวลากว่า 20 ปี หากบอกว่าฮวางซางมีทักษะการต่อสู้เหมือนกับเขาได้ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ต่อให้ต้องตาย เขาก็ไม่มีวันเชื่อ!
“นี่น่าจะเป็นหนึ่งในพลังเหนือมนุษย์ของฉัน...”
ฮวางซางลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้า แล้วพูดว่า
“เอาละ ตอนนี้นายก็แพ้แล้วนะ?”
เหตุผลที่ทำให้เขามองการเคลื่อนไหวของตั้วลั่วออก นั่นไม่ใช่เป็นเพราะพรสวรรค์ของเขาหรอก แต่เป็นเพราะว่าในตอนที่เขาได้ทำการบำเพ็ญ บันทึกความเป็นความตายหยินหยางเมื่อคืน เขาได้ทำการบำเพ็ญฝึกฝนไว้สองวิชา ดังนั้นตอนนี้เขาจึงสามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ในช่วงของการต่อสู้ออกมาได้
วิชาแรกก็คือวิชาเบิกเนตรที่เขาใช้ในตอนนี้ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า เนตรความเป็นความตายหยินหยาง!
ถึงแม้ว่าชื่อมันจะดูธรรมดาไปหน่อยก็ตาม แต่พลังอานุภาพของวิชาเบิกเนตรนี้ ไม่สามารถดูแคลนได้เลยแม้แต่นิดเดียว และถึงแม้ว่าฮวางซางจะเพิ่งสัมผัสได้เพียงปลายขน ยังไม่ถึงขั้นกระจ่างแจ้ง แล้วนำพลังเบิกเนตรที่เดิมทีไม่สามารถใช้ได้ออกมาอย่างเต็มที่ก็ตาม แต่ภายใต้การโคจรของพลังทั้งหมดนี้ กลับมากพอที่จะทำให้เขามองเห็นการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อภายในของตั้วลั่วได้อย่างชัดเจน แล้ววิเคราะห์ทิศทางการโจมตีของตั้วลั่วออกมา
และเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงสามารถมองการเคลื่อนไหวของตั้วลั่วออก และกลับมาได้เปรียบอีกครั้ง
ยุทธการจู่โจมเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับระบบมาก จนยากจะอธิบาย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยกเอาพลังเหนือมนุษย์ออกไป
“แม่งเอ๊ย นายมันคือสัตว์ประหลาดชัดๆ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง ตั้วลั่วก็ถ่มน้ำลายปนเลือด แล้วสบถออกมา แต่วินาทีนั้น เขากลับหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“แต่ก็ยังดี....ที่สัตว์ประหลาดไม่ได้มีแค่นาย!”
“อยากให้ฉันยอมแพ้งั้นเหรอ? มันยังเร็วไป!”
หลังจากนั้น ตั้วลั่วก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นก็นำกริชเก็บเข้าที่ ดวงตาฉายแววเคร่งขรึม สีหน้าจริงจัง และตะโกนออกไปสุดเสียง
“ปลดล๊อก ขั้นสอง..... เปิด!”
บึม!
พริบตาเดียว กลิ่นอายความบ้าคลั่งก็แผ่ทะลักออกมาจากตัวของตั้วลั่วอีกครั้ง และเป็นเวลาเดียวกันที่ตั้วลั่วได้เริ่มกลายพันธุ์ใหม่อีกครั้ง!