ตอนที่ 77 บ้าคลั่ง ทะเยอทะยาน
ตอนที่ 77 บ้าคลั่ง ทะเยอทะยาน
“ขอโทษนะครับ พลโทหลิว ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลย”
ในวิดีโอ ชายสวมแว่นยังคงมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า ราวกับจะพูดคุยเรื่อยเปื่อยกับหลิวชิง
“กระผม หลงซาน ตอนนี้ได้นำพาพี่น้องกลุ่มหนึ่งให้มีชีวิตรอดในท่ามกลางหายนะวันสิ้นโลกเช่นนี้ คนที่อยู่บนถนนเหล่านั้นเรียกผมว่าพี่หลง แน่นอนด้วยตำแหน่งของพลโทหลิว เรียกชื่อผมอย่างเดียวก็ได้ครับ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ชายสวมแว่นก็หยุดลงสักพัก จากนั้นก็พูดต่อว่า
“จริงสิ พลโทใหญ่ ตอนนี้พวกเรามาพูดเรื่องเซรุ่มไวรัสกันดีกว่าไหม?”
“ยาที่นายให้พวกลูกน้องของนายมาแย่งชิงไปนั้น ในความจริงแล้วมันคือเซรุ่มไวรัส!”
ในฐานะที่สามารถขึ้นมาถึงตำแหน่งพลโทได้ หลิวชิงก็ย่อมมีความสามารถและแผนการของเขาเสมอ ถึงแม้ว่าในใจของเขาจะโกรธมากมายเพียงใด แต่สายตาของเขาก็ยังคงนิ่งเฉยไม่ไหวติง
“แต่เซรุ่มไวรัสส่วนนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยความบังเอิญในห้องทดลองเท่านั้น ดังนั้นหากต้องการจะวิวัฒนาการละก็ ก็ต้องนำส่วนของเซรุ่มนี้ไปทำการวิจัยซะก่อน”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของหลิวชิงก็แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าเคร่งขรึมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ทันที
“ฉันรู้ว่าพี่หลงคิดอยากจะนำเซรุ่มเหล่านี้ ไปใช้กับเจ้าลิกเกอร์ลูกน้องของนาย เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับศักยภาพของพวกเขา แต่เรื่องนี้มันก็เกี่ยวกับ ความเป็นความตายของมนุษย์ทุกคนเหมือนกันนะ ฉันหวังว่าพี่หลงจะพิจารณาใหม่อีกครั้ง”
“ขอแค่เพียงให้เซรุ่มไวรัสนี้ ผลิตออกมามากพอ นายก็จะเป็นวีรบุรุษของมนุษยชาติ ถึงตอนนั้นฉันรับประกันเลยว่า ไม่ว่านายจะเคยทำอะไรมาก่อนหน้านั้น ก็จะถูกยกโทษจนหมดสิ้น หรือถ้านายอยากเข้าร่วมเป็นทหาร ฉันก็จะสามารถหาตำแหน่งที่ไม่เลวเลยให้กับนาย และพวกลูกน้องของนาย เป็นไง?”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
แต่ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของหลิวชิง ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า “พี่หลง” กลับหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างฉับพลัน หัวเราะจนกระทั่งน้ำหูน้ำตาไหลออกมา
เมื่อผ่านไปราว1 นาที พี่หลงคนนี้ถึงได้หยุดหัวเราะลง จากนั้นก็เช็ดน้ำตาเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นว่า
“ขอโทษนะครับ พลโทหลิว ผมไม่ได้หัวเราะคุณนะครับ ผมแค่คิดถึงเรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้เท่านั้น สถานการณ์ในตอนนี้ของพวกเรา ถ้าหากเป็นข้าราชการจริงๆ การฆ่าคน วางเพลิง คงจะได้รับนิรโทษกรรมไปแล้ว.....ผมจำได้ว่าซ่งเจียงในตำนาน ซ้องกั๋งก็ได้รับการประกาศนิรโทษกรรมด้วยนะครับ คิดไม่ถึงว่าวันนี้ผมหลงซานจะได้รับสถานะนี้ด้วย”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของพี่หลงคนนั้น ก็ค่อยๆสลายหายไป
“แต่ผมไม่ได้โง่เหมือนกับซ่งเจียงนะครับ เขามันโง่เกินไป ขืนเชื่อรัฐบาลอย่างพวกคุณ คงได้ถูกวางยาพิษไว้ในแก้วไวน์แล้วฆ่าผม หรือฆ่าพี่น้องเหล่านั้นของผมไปแล้ว ในเมื่อมีตัวอย่างที่สะท้อนความผิดพลาดมาก่อน แล้วทำไมผมต้องทำผิดพลาดเหมือนกับผู้อาวุโสอีกเป็นครั้งที่สองละ?”
“อีกอย่าง ผมก็แตกต่างจากซ่งเจียงอยู่หน่อยนะ ผมมีความสามารถมากกว่าเขา และมีความทะเยอทะยายยิ่งกว่าเขา!”
เมื่อพูดไปพูดมา หน้าตาที่แท้จริงของหลงซานก็ปรากฏขึ้นมา รอยยิ้มอันอบอุ่นที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า กลับมีความทะเยอะทะยาน และอวดดีปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าแทน
“ซ่งเจียงโง่เง่าคนนั้นเป็นข้าราชการมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะสามารถดึงเจ้าหนุ่ม จินหลวนเตี้ยนลงมา แล้วเข้าไปแทนที่ได้ แต่ผมนั้นไม่ใช่ ผมทำในสิ่งที่มันแข็งแกร่งกว่า ดังนั้นเมื่อตอนที่ผมอยู่บนเส้นทางนี้ จึงไม่มีใครไม่เกรงกลัวผม แต่ตอนนี้วันสิ้นโลกได้มาถึงแล้ว ฟ้าได้ประทานสิ่งดีๆมาให้ ทำไมผมจะต้องพลาดโอกาสหนึ่งในล้านนี้ไปอีกครั้งละ?”
“นาย...นายคิดจะทำอะไร?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลงซาน หลิวชิงก็ตื่นตกใจทันที
เขาเพิ่งค้นพบว่า สิ่งที่เขาเผชิญหน้าทั้งหมดนั้น ไม่ได้มีเพียงแต่โจรเท่านั้น แล้วก็ยังมีคนบ้าที่เต็มไปด้วยความทะเยอะทะยานอีกคนด้วย
“ทุกคนก็สามารถเป็นราชาได้ วันของผมมาถึงแล้ว คุณคิดว่าผมอยากจะทำอะไรละ?”
ในขณะที่มองไปยังหลิวชิงที่มีท่าทางตกใจ หลงซานก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ฮ่าฮ่า
“ความสามารถของผม คุณก็น่าจะเห็นแล้ว ต่อให้เป็นซอมบี้กลายพันธุ์ที่แข็งแกร่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าผมก็ดูเหมือนกับสุนัขเชื่องๆตัวหนึ่งเท่านั้น และความสามารถของผม ถ้าเพิ่มเซรุ่มไวรัสที่เป็นอาวุธสังหารนี้เข้าไป ถึงตอนนั้นผมอยากจะทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลงซานจึงได้ตบไปบนบ่าของหลิวชิง ก่อนพูดขึ้นว่า
“วางใจเถอะ พลโทหลิว ผมแค่อยากจะขอร้องให้คุณผลิตเซรุ่มไวรัสออกมาเท่านั้น เพียงแต่ไม่ใช่ที่นี่ ต้องไปทำในถิ่นของผม ว่าแต่ว่าพลโท คุณน่าจะยังไม่เคยอยู่ในเรือนจำ มาก่อนใช่ไหมครับ? ครั้งนี้จะให้คุณได้เรียนรู้สักหน่อยก่อน แน่นอนว่าคุณไม่ต้องกลัว ถึงอย่างไรคุณก็อายุมากแล้ว คงจะไม่ใครอยากเห็นก้นของคุณ แล้วให้คุณไปเก็บสบู่หรอก ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
หลงซานพาหลิวชิงออกจากห้องกิจการแพทย์ไป ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเขา
หลังจากนั้น ลูกน้องเหล่านั้นของเขา ก็ได้นำอุปการณ์วิจัยส่วนหนึ่ง และนักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นที่อยู่ในโรงพยาบาลไปด้วย เห็นได้ชัดว่าอยากให้ตัวเองทำการวิจัยเซรุ่มไวรัสออกมาด้วย
“เจ้าบ้า……เขาคิดจะก่อกบฏอย่างนั้นเหรอ?”
ในขณะที่มองไปยังภาพในวิดีโอเทปนั้น ไป๋หลี๋หมิงหยู่ก็รู้สึกตกใจอย่างรุนแรง พร้อมกับตะโกนด่าทอด้วยความโกรธเคือง
ถึงแม้เขาจะรู้ว่า หายนะวันสิ้นโลก จะนำมาซึ่งความวุ่นวายก็ตาม. แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ยังมีคนที่เกิดความรู้สึกทะเยอทะยานมากถึงเพียงนี้?
มันช่างอวดดีเกินไปแล้ว!
แล้วก็น่ากลัวเกินไปอีกด้วย!
“เรือนจำ……”
แต่ทว่า ต่างจากไป๋หลี๋หมิงหยู่ ฮวางซางกลับขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย สายตาฉายแววเด็ดเดี่ยวขึ้นมา
เขาจำได้ว่าชายหัวล้านเคยพูดว่า เดิมทีพวกเขาเป็นนักโทษกลุ่มหนึ่ง ถือโอกาสช่วงชุลมุนฆ่าผู้คุมและทหาร แล้วแย่งอาวุธมา หลังจากนั้นก็หาเรือนจำแห่งหนึ่งเป็นที่ตั้ง ดังนั้นเมื่อเห็นวิดีโอนี้. ไม่ว่าจะเป็นรอยสักบนตัวของชายรูปร่างสูงใหญ่เหล่านั้น แล้วก็ยังมีท่าทางโหดเหี้ยมและดุร้าย หรือจะเป็นวิธีการสังหารที่โหดเหี้ยม กับทหารเหล่านั้น ทั้งหมดนี้ก็สามารถพิสูจน์ได้ถึงความโหดร้าย ของโจรกลุ่มนี้ได้แล้ว บวกกับตอนนี้ที่ “พี่หลง” พูดถึงเรือนจำที่เป็นที่ตั้งของพวกเขา ข้อมูลเหล่านี้ถูกต้องที่สุดแล้ว
เกลุ่มคนเหล่านี้ จะต้องเป็นพรรคพวกของชายหัวล้าน อย่างแน่นอน!
“พี่หลง”คนนี้มีความเป็นไปได้ว่า น่าจะเป็นพี่ใหญ่ของชายหัวล้านคนนั้น!
นี่มันต้องชำระทั้งแค้นใหม่แค้นเก่าเลยนี่ !
“ไม่ได้การละ ฉันต้องไปหาพวกเขา”
ในตอนนั้นเอง ไป๋หลี๋หมิงหยู่ ก็ตอบสนองขึ้นมาอย่างฉับพลัน ก่อนกัดฟันกรอดแล้วพูดขึ้นว่า
“ไม่ว่าจะแก้แค้นให้กับเพื่อนหาร หรือว่าเพื่อเซรุ่มไวรัส ฉันก็ต้องไป!”
“อยากตายงั้นเหรอ?”
ในขณะที่มองไปยังท่าทางโกรธแค้นของไป๋หลี๋หมิงหยู่ ฮวางซางก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาทันใด
“พวกเขามีคนเป็นร้อย มีปืนเป็นร้อย แล้วก็ยังมีอาวุธและเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ที่แย่งมาจากกองพันหูอีก นายคนเดียวจะต้านทานกระสุน ของพวกมีพลังเหนือคนธรรมดาเหล่านั้นได้อย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของฮวางซางก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันใด
“หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถึงแม้ว่าคนเหล่านั้นจะไม่ลงมือ แต่อย่างลืมว่าอีกฝ่าย มีผู้มีพลังเหนือมนุษย์อยู่สองคนด้วย แล้วหนึ่งในนั้น ก็สามารถควบคุมเจ้าลิกเกอร์เป็นสิบตัวได้ด้วย นายไปคิดว่าจะทำอะไรได้ละ?”
“มันก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยไม่ใช่เหรอ? หรือจะรักตัวกลัวตายแล้วก็ไม่ต้องทำอะไร!”
ไป๋หลี๋หมิงหยู่ส่ายหน้า นัยน์ตาดุร้ายก่อนพูดขึ้นว่า
“หากรักตัวกลัวตาย แล้วไม่ทำอะไรเลย ผมก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นทหารของเทียนฉาวได้!”
“ฉันไม่ได้บอกว่าไม่ทำ เพียงแค่ไม่อยากให้นายวู่วามแบบนี้”
ในขณะที่มองไปยังท่าทางดื้อรั้นของไป๋หลี๋หมิงหยู่ ในใจของฮวางซางก็ดูอ่อนลงเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหน้า แล้วพูดขึ้นว่า
“คนเหล่านี้ฆ่าพวกของผู้พันหู แล้วก็ยังเอาเซรุ่มไวรัสไปด้วย อย่าว่าแต่นายเลย ฉันก็ไม่มีวันปล่อยพวกเขาไว้แน่ เพียงแต่ไม่ใช่ตอนนี้……”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮวางซางก็เงียบไปสักพัก แล้วก็พูดต่อว่า
“หากพึ่งพาแค่ความสามารถของนายอย่างเดียว ก็จัดการคนมากมายแบบนั้นไม่ได้หรอก แต่ถ้ามีฉันและเพื่อนของฉันด้วย ก็ไม่แน่”
“พี่ยังมีพวกสมรู้ร่วมคิดด้วยเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง ดวงตาของไป๋หลี๋หมิงหยู่ ก็เปล่งประกายออกมาทันที
“เป็นเพื่อนร่วมเดินทาง พวกสมรู้ร่วมคิดไว้ใช้กับพวกโจร นายช่วยอ่านหนังสือเยอะๆหน่อยได้ไหม เด็กบ้า”
ฮวางซางส่ายหน้า ถึงตอนนี้ เขาจะยังไม่ได้รู้สึกดีกับเจ้าหนุ่ม ที่เกือบจะคร่าชีวิตเขาก็ตาม
แต่ก็ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่า……
หลังจากนั้น ฮวางซางก็มารับหลิวซินและพรรคพวกเข้าไปในโรงพยาบาล พร้อมกับเล่าที่มาที่ไปของไป๋หลี๋หมิงหยู่ ให้พวกเขาฟัง แล้วก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลให้กับพวกฟังเขาอีกด้วย
เมื่อเห็นซากศพทหารเหล่านั้นในโรงพยาบาล บวกกับได้รับรู้ประสบการณ์ที่ผ่านมาด้วย หลิวซินและพรรคพวกก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที แม้กระทั่งสายตาของตั้วลั่ว ก็ฉายแววสังหารอันรุนแรงขึ้นมาด้วย
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักฆ่า แต่กลับไม่เคยลงมือกับทหารมาก่อน เพราะสำหรับทหารเทียนฉาว เขาจะรู้สึกเคารพและเทิดทูน ผู้กล้าที่มีหน้าที่ปกป้องประเทศให้ปลอดภัยจากใจจริง
แต่ในเวลานี้ ทหารที่ยอมสละชีวิต เพื่อปกป้องประชาชนเหล่านั้น กลับถูกโจรร้ายกลุ่มหนึ่งฆ่าตาย!
การกระทำป่าเถื่อนเช่นนี้ ในฐานะที่ตั้วลั่วเป็นนักฆ่าคนหนึ่ง ก็ทนไม่ไหวเช่นเดียวกัน!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซรุ่มไวรัสนั้น!
เมื่อตั้วลั่วโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลิวซิน ที่เกิดมากับครอบครัวทหาร มีความรู้สึกลึกซึ้งกับทหารเหล่านี้ แล้วยิ่งพ่อของเขาถูก “พี่หลง”นั้นจับตัวอีก ดังนั้นถ้าหากไม่ใช่เพราะฮวางซางขวางเอาไว้ เขาก็คงจะบุกเข้าไปสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับคนเหล่านั้น ตั้งแต่วินาทีแรกไปแล้ว
สำหรับจูเก๋อโหย๋วหลงนั้น ก่อนหน้านั้นเขาเองก็ได้รับการปกป้อง จากทหารจนอยู่รอดมาถึงตอนนี้ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเคารพและเทิดทูนต่อทหาร เมื่อเป็นเช่นนี้ เปลวไฟแห่งความโกรธแค้น ก็ลุกโชนขึ้นมาในใจของเขาด้วยเช่นเดียวกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อรู้ว่าชายหัวล้านที่ฆ่าจางเฟิ้ง กับคนพวกนั้นเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกัน เปลวไฟแห่งความโกรธแค้นในใจของเขาก็ยิ่งแผดเผาลุกโชนมากยิ่งขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนจึงตัดสินใจว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องไปหานักโทษกลุ่มนี้ให้ได้ พวกเขาต้องชดใช้ด้วยเลือด และช่วยชีวิตหลิวชิงกับผู้รอดชีวิตคนอื่นกลับมา!
แต่ถึงแม้ว่าจะตัดสินใจปฏิบัติการณ์แล้วก็ตาม แต่เนื่องจากอีกฝ่ายมีพลังอำนาจ และมีศักยภาพที่แข็งแกร่งมากเกินไป ดังนั้น ฮวางซางและพรรคพวกจึงไม่กล้าวู่วาม ทำได้แต่เตรียมพร้อมสำรวจสถานการณ์ไปก่อน โดยหาจุดอ่อนของคนเหล่านั้น จากนั้นค่อยทำลายพวกเขาให้สิ้นซาก
เพียงแต่ก่อนหน้านั้น พวกเขายังมีเรื่องที่ต้องจัดการอยู่มากมาย
ถึงอย่างไร พวกเขาก็จะไม่มีวันพาเด็ก ๆเหล่านี้ ตามไปสังหารพวกนั้นด้วยอย่างแน่นอน บวกกับที่ก่อนหน้านี้ พวกเขาเคยผ่านสงครามที่โหดร้ายมาหลายครั้งแล้ว กระสุนปืนก็แทบจะหมดลงแล้วด้วย พวกเขาจำเป็นต้องไปหามาเพิ่ม
นอกเหนือจากนี้ พวกเขาจำเป็นต้องจัดการ ซากศพของทหารหลายร้อยชีวิต ในโรงพยาบาลแห่งนี้ซะก่อน ไม่สามารถปล่อยให้ศพทิ้งเรี่ยราดแบบนี้ได้
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเรื่องราวเหล่านี้ ก็ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า
นั้นก็คือคริสตัลของเจ้าไทแรนท์เม็ดนั้น ในมือของฮวางซางควรส่งมอบให้กับใครดี!
ถึงอย่างไรเนื่องจากยังไม่บรรลุ จูเก๋อโหย๋วหลง และไป๋หลี๋หมิงหยู่ ก็ยังไม่สามารถใช้คริสตัลเม็ดนี้ได้ มีแค่ตั้วลั่วและหลิวซินทั้งสองคนนี้เท่านั้น ที่จะต้องพบเจอกับสภาวะคอขวด!
เมื่อเป็นเช่นนี้. การส่งมอบคริสตัลเม็ดนี้ จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากมาก