ตอนที่ 76 เครื่องบันทึกวิดีโอของโรงพยาบาล
ตอนที่ 76 เครื่องบันทึกวิดีโอของโรงพยาบาล
“เดี๋ยวนะ ดูเหมือนว่าระหว่างเราจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันอยู่นะ......”
ถึงแม้ว่าจะยังไม่ค่อยมั่นใจ แต่ในใจของฮวางซางก็พอเดาได้
ในตอนนั้นเอง เขารู้สึกเหนื่อยใจอย่างบอกไม่ถูก หลังจากนั้นก็ถอยหายใจออกมายาวๆ แล้วจึงพูดขึ้นว่า
“นายหมายความว่า นายก็เป็นทหารคนหนึ่ง เรื่องที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลแห่งนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนายเลยอย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ในที่สุดฮวางซางก็อดด่าทอออกมาไม่ได้
“เมื่อเป็นแบบนี้ งั้นทำไมนายถึงไม่แยกแยะผิดถูกให้ดีก่อนยิงเล่า สมองของนายมีปัญหารึไง? !”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ฮวางซางก็เป็นต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันใด ถ้าไม่ใช่เพราะเขาได้ทำลายสภาวะคอขวด จนสามารถบรรลุวิชาหลอมรวมเป็นหนึ่ง ขั้นมหายาน และสามารถรวมตัวเป็น “พลังเกราะกาสาวพัสตร์” เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แข็งแกร่งขึ้นแล้วละก็ เกรงว่าเมื่อกี้เขาคงถูกเจ้านี้ยิงตายไปแล้ว!
ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาคงได้ตายอย่างสูญเปล่าไปแล้ว!
“อะ อะไรนะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง มือปืนคนนั้นก็อึ้งงันไป หลังจากนั้นก็ลืมตาขึ้นมา แล้วถามขึ้นด้วยความสงสัยทันที
“หรือว่าคนพวกนี้...ไม่ใช่ฝีมือของนาย?”
“ก็ไม่ใช่นะสิ ถ้าฉันเป็นฆาตรกรนายตายไปนานแล้ว คงไม่มาพูดจาไร้สาระกับนายหรอก?”
ในขณะที่มองไปยังท่าทางที่สงสัย และตื่นตกใจของมือปืน ฮวางซางก็อดพูดออกมาด้วยความโกรธเคืองไม่ได้
“ฉันละอยากรู้จริงๆว่าสมองนายกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ทำไมถึงคิดว่าฉันฆ่าคนพวกนี้?”
“ตอนฉันมาถึงที่นี่ ฉันก็พบกับเขม่าควันปืนที่ยังไม่มอดลง พื้นที่ด้านนอกก็ยังมีทุ่นระเบิดวางเอาไว้อยู่ ดังนั้นฉันจึงคิดว่าที่นี่ต้องมีเพื่อนทหารอย่างแน่นอน เลยลองเข้ามาดู”
ในขณะที่มองไปยังท่าทางโกรธเคืองของฮวางซาง ดูเหมือนมือปืนคนนั้นจะรับรู้ได้ว่าตัวเองนั้น ได้กระทำผิดพลาดไปซะแล้ว หลังจากนั้นก็พูดขึ้นด้วยท่าทางลำบากใจ และลังเลเล็กน้อยว่า
“ฉันคือพลซุ่มยิง จึงมักทำการสำรวจสถานการณ์ในพื้นที่อย่างคุ้นเคย ดังนั้นฉันจึงได้ปีนขึ้นมาบนดาดฟ้าแห่งนี้ และผลลัพธ์ก็คือ ฉันเห็นนายยืนอยู่ข้างกองศพของเพื่อนทหารเหล่านั้น อีกทั้งตัวยังเปื้อนไปด้วยเลือดอีกด้วย ดังนั้น ดังนั้น.....
“ดังนั้นนายจึงได้ยิงฉันโดยที่ไม่ได้ถามฉันสักคำ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของมือปืนคนนั้น เปลวไฟแห่งความโกรธเคืองในใจ ของฮวางซางก็ลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง
“นายไม่ใช้หัวสมองโง่ๆ ของนายคิดดูหน่อยเหรอว่า ในช่วงเวลาวันสิ้นโลกแบบนี้ จะมีสักกี่คนที่ไม่เปื้อนเลือด? แล้วนายก็แยกสีเลือดคน กับสีเลือดซอมบี้ไม่ออกเหรอหา?”
“ขอโทษ ขอโทษ ที่เมื่อกี้ฉันโกรธจนเสียสติไป!”
เมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนของฮวางซาง มือปืนคนนั้นก็รีบขอโทษทันทีทันใด
“แม่งเอ๊ย วันนี้เป็นวันซวยของฉันจริงๆ!”
ในขณะที่มองไปยังท่าทางขอโทษของมือปืนคนนั้น ในตอนนั้นฮวางซางก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
พูดจริงๆนะว่าถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะฟาดเจ้ามือปืนคนนี้แรงๆ สักครั้ง แต่เมื่อคิดถึงท่าทางโกรธเคืองของเจ้าหนุ่มมือปืนคนนี้เมื่อสักครู่ รวมถึงซากศพของทหาร ที่กองกันเป็นแถวอยู่ทางเข้าออกของโรงพยาบาล เขาก็ทำไม่ได้จริงๆ.....
ถึงอย่างไรหากเขาเปลี่ยนเป็นมือปืนคนนี้ ถ้าเห็นการตายอย่างน่าเวทนาของเพื่อนทหาร เขาก็คงจะโกรธจนเสียสติไปเหมือนกัน.........
“ช่างเถอะ ฉันจะจดไว้ก่อน แล้วเราค่อยคิดบัญชีกันทีหลัง”
เมื่อคิดได้ ฮวางซางก็ส่ายหน้า จากนั้นก็กวัดแกว่งมือขวาขึ้นมา แล้วหล่อหลอมขึ้นเป็นพู่กันพิพากษา จากนั้นแสงสีขาวอ่อนๆก็ผสานเข้าไปในร่างกายของมือปืนคนนั้น ใช้พลังแห่งชีวิตกำจัดพิษอัมพาต ภายในร่างกายของเจ้ามือปืนคนนี้ เพื่อให้เขาฟื้นคืนกลับมาสภาพเดิม
“ขอบคุณมากพี่ชาย ครั้งนี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
หลังจากที่อาการชาอันรุนแรงนั้น ได้เสื่อมลงไปอย่างรวดเร็วแล้ว หนุ่มมือปืนคนนั้นก็ใช้ฝ่ามือ พยุงร่างกายของตัวเองยืนขึ้นมา จากนั้นก็เกาหัวด้วยสีหน้าเขินอาย ก่อนพูดขอโทษกับฮวางซางอีกครั้ง
“เรียกฉันว่าฮวางซางก็ได้”
เปลวไฟแห่งความโกรธเคืองในใจ ของฮวางซางค่อยๆมลายหายไป เขามองไปยังชุดลายพรางอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง แต่กลับเห็นได้ชัดว่าเจ้านี้ยังเด็กอยู่มาก จนกระทั่งสามารถเรียกว่ามือปืนรุ่นเยาว์ก็ว่าได้ จากนั้นฮวางซางก็ถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า
“นายเป็นทหารจริงๆเหรอ? ดูๆแล้ว...เหมือนจะอายุยังไม่ถึง 18 เลยด้วยซ้ำ?”
“”ไม่ ไม่ใช่ หน้าฉันดูเด็กหน่ะ ดังนั้นก็เลยดูเหมือนยังเด็กอยู่ แต่ในความเป็นจริงปีนี้ฉันอายุ 20 แล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง มือปืนคนนั้นก็ส่ายหน้า แล้วพูดขึ้นว่า
“จริงสิ ลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันชื่อไป๋หลี๋ หมิงหยู่ เป็นพลซุ่มยิง สำหรับรหัสประจำกองทัพนั้น ต้องขอโทษด้วย เรื่องนี้ต้องเป็นความลับครับ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ดูเหมือนไป๋หลี๋ หมิงหยู่จะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน ก่อนจะกำหมัดแน่น แล้วรีบถามขึ้นด้วยความร้อนใจทันที
“จริงสิ พี่ฮวางซาง พี่รู้ไหมว่าใครฆ่าเพื่อนทหารของผม?”
ถึงแม้ว่าจะดูอ่อนเยาว์ แต่กลับไม่โง่เขลา ย่อมดูออกว่าเพื่อนทหารเหล่านี้ ต้องถูกมนุษย์ฆ่าตายอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงคาดหวังด้วยความร้อนรนว่า จะได้เบาะแสจากฮวางซางบ้าง
ในเมื่อเขาไม่ได้เป็นเพื่อนทหาร กลุ่มเดียวกับผู้พันหูและพรรคพวก แต่เป็นทหารของเทียนฉาว เขาก็มีหน้าที่ตามหาตัวฆาตรกร เพื่อแก้แค้นให้กับเพื่อนทหารเหล่านั้น!
“ฉันเองก็อยากรู้ว่าใครฆ่าพวกเขาเหมือนกัน!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของฮวางซาง ก็ฉายแววสังหารและโกรธแค้นขึ้นมาทันใด หลังจากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“แต่ไม่เป็นไร ถ้าฉันเดาไม่ผิดกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล น่าจะบันทึกเรื่องราวที่ผ่านมาไว้ได้ ดังนั้นเราต้องไปเอาเทปวิดีโอนั้นมาจากห้องควบคุม เราก็จะรู้ว่าที่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ไปกันเถอะ เราไปห้องควบคุมด้วยกัน ดูว่าไอ้สวะคนไหนมันกล้าทำเรื่องแบบนี้”
เมื่อพูดจบ ฮวางซางก็หมุนตัวเดินจากดาดฟ้าไป แล้วตรงไปยังห้องควบคุมทันที
ส่วนไป๋หลี๋ หมิงหยู่ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเก็บปืนไรเฟิลของตัวเองจากนั้นก็ตามฮวางซางไปเช่นกัน
ในฐานะที่เป็นหมอนิติเวชคนหนึ่ง ฮวางซางได้ติดต่อประสานงานกับระบบกิจการแพทย์ไม่น้อยเลย ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับโรงพยาบาลในเมืองเหลียนก็ตาม แต่เขาก็สามารถหาห้องควบคุมเจอได้ในเวลาไม่นาน
สิ่งที่ถือว่ายังโชคดีก็คือ ภายในห้องควบคุมแห่งนี้ ยังไม่ได้รับความเสียหายจากการต่อสู้มากเกินไป ดังนั้นระบบการตรวจตราและควบคุมก็ยังคงดำเนินการตามปกติ
หลังจากนั้น ฮวางซางก็เปิดระบบตรวจตราขึ้น แล้วรันเทปวิดีโอในเครื่องใหม่
หลังจากที่เทปวิดีโอแต่ละเครื่องของโรงพยาบาลถูกฮวางซางรันแล้ว ภาพอันโหดร้ายและทารุณ ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลแห่งนี้ก็ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าของพวกเขาอีกครั้ง
ช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ที่น่าเวทนานี้ เกิดขึ้นเมื่อ 4 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ นั่นก็คือช่วงเวลาบ่ายโมงตรง!
เมื่อเห็นภาพจากเทปวิดีโอ จุดเริ่มต้นที่สุดก็คือ ทหารเฝ้ายามและทหารที่ทำหน้าที่เตือนภัย ที่เผ้าระวังอยู่ที่ประตูใหญ่ทุกหนทุกแห่งของโรงพยาบาล ค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติไป จึงทยอยกันจับอาวุธ เมื่อได้ยินเสียงดังอะไรบางอย่าง เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นคน หรือว่าเป็นซอมบี้ หรือสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ ดังนั้นทหารเหล่านั้นจึงไม่ได้ยิงปืนออกไปตั้งแต่วินาทีแรก
แต่นี่จึงทำให้พวกเขาพลาดโอกาสสุดท้ายไป!
วินาทีต่อจากนั้น เงามืดกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงตำแหน่งปืนกล ของทางเข้าออกของโรงพยาบาล จากนั้นก็กลายเป็นผู้ชายชุดดำคนหนึ่ง จากนั้นก็เล็งจุดโฟกัสไปที่ทหารเฝ้าอยู่ตรงทางเข้าออกของโรงพยาบาล ก่อนจะเริ่มเปิดฉากโจมตี
ชายชุดดำคนนี้ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับปีศาจ อีกทั้งยังถือกริชสีดำด้ามหนึ่งไว้ในมืออีกด้วย ตรงกลางมีอาวุธแปลกที่ถูกเชื่อมต่อกันด้วยโซ่สีดำอยู่ด้วย ภายใต้การเคลื่อนไหวราวกับปีศาจของชายชุดดำคนนี้ อาวุธประหลาดชิ้นนี้ก็ได้เผยพลังแห่งการฆ่าอย่างถึงขีดสุดออกมา แทบจะไม่กี่ลมหายใจ ทหารหลายคนที่อยู่ในตำแหน่งปืนกล ก็ถูกชายชุดดำคนนั้นฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม
หลังจากที่ทหารเหล่านี้ถูกฆ่าตายจนหมดสิ้นแล้ว ชายชุดดำคนนี้ก็กลายเป็นเงาดำกลุ่มหนึ่ง ก่อนจะสลายหายไป หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็ปรากฏตรงตำแหน่งปืนกลอีกจุดหนึ่ง หลังจากนั้นก็ฆ่าสังหารแบบเดียวกัน
แค่เพียงเวลาไม่ถึง 1 นาที กลุ่มตำแหน่งปืนกลทั้งสี่ด้านของโรงพยาบาล ก็ถูกชายชุดดำคนนี้โจมตีเพียงคนเดียว ในขณะที่ทหารคนอื่น พยายามพุ่งตรงมายังตำแหน่งปืนกล เพื่อยื้อแย่งปืนกลเหล่านี้อยู่นั้น ฆาตรกรที่มีอาวุธหลากหลายรูปแบบก็พุ่งเข้ามาจากประตูของโรงพยาบาล หลังจากนั้นก็เริ่มปะทะกับทหารเหล่านั้นทันที
ถ้ามีเพียงแค่โจรร้ายหลายร้อยคน กับชายชุดดำแปลกๆคนหนึ่ง ทหารของผู้พันหู ก็อาจจะไม่ต้องสูญเสีย อย่างน้อยก็อาจจะไม่ต้องออกแรงในการโต้กลับก็ได้
แต่ในตอนนั้นเอง ในขณะที่ทหารเหล่านั้นกำลังเตรียมพร้อม แยกตัวเพื่อจัดการกับโจรร้ายเหล่านั้น เงาสีเลือดหลายสิบตัว ก็ได้พุ่งเข้ามาทางโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พุ่งตรงเข้าใส่ทหารเหล่านั้นทันที!
“เป็นไปได้ยังไง? !”
ในขณะที่มองทางเงาสีเลือดหลายสิบตัว ที่พุ่งเข้ามาในโรงพยาบาล แล้วก็พุ่งตรงเข้าไปจัดการทหารเหล่านั้น รูม่านตาของฮวางซางก็หดลงทันใด
เพราะเงาสีเลือดหลายสิบตัวนั้น ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอื่นใด แต่กลับเป็นซอมบี้กลายพันธุ์ ที่เคยปะทะกับพวกเขาหลายครั้ง ----ลิกเกอร์!
แต่ปัญหาก็คือ ทำไมเจ้าลิกเกอร์เหล่านี้ ถึงได้โจมตีทหารเหล่านั้น แต่กลับไม่โจมตีโจรคนอื่นๆเลยละ?
หรือว่ามีคนควบคุมเจ้าลิกเกอร์?
จะเป็นไปได้ยังไง!
แต่ทว่าภายในช่วงเวลาวันสิ้นโลกเช่นนี้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้!
เจ้าลิกเกอร์หลายสิบตัวนั้น ดูคล้ายกับใบมีดหลายสิบเล่ม พริบตาเดียวก็สามารถเจาะทะลุหัว ของทหารที่อยู่รอบทิศทางเหล่านั้น บวกกับการโจมตีของโจรหลายคนนั้นอีก ทำให้ทหารเหล่านั้นแพ้อย่างราบคาบ และตายอย่างน่าอนาถในที่สุด!
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ โจรเหล่านั้นยังจับผู้รอดชีวิตมากมาย เป็นตัวประกันอีกด้วย สุดท้ายก็บีบให้ผู้พันหูไม่มีทางสู้พวกเขาได้ ทำได้เพียงวางอาวุธ และยอมให้จับด้วยดี
แล้วหลังจากนั้น....
ซากศพในโรงพยาบาลก็สามารถพิสูจน์ได้ทั้งหมด
กล่าวได้ว่า ถึงแม้ว่าโจรเหล่านี้ จะฆ่าทหารเหล่านี้ไปหมดสิ้นแล้ว แต่พวกเขากับไม่ได้สังหารผู้รอดชีวิตเหล่านี้แต่ยังใด จากนั้นก็นำตัวผู้รอดชีวิต อาวุธส่วนหนึ่งและวัตถุดิบในโรงพยาบาลแห่งนี้ไปด้วย
ในขณะที่เทปวิดีโอกำลังดำเนินต่อไปนั้น ฮวางซางก็สังเกตเห็นรายละเอียดบางอย่าง หลิวชิงและทีมแพทย์ที่สวมเสื้อกราวสีขาวหลายคน ถูกโจรเหล่านั้นเอาตัวไปเบื้องหน้าของชายสวมแว่น ที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มนี้ จากนั้นก็ได้ทำการพูดคุยสองสามประโยคกับนายคนนี้
ซึ่งไม่รู้ว่าหลิวชิงนั้นพูดคุยอะไรกับชายสวมแว่นคนนี้ ชายสวมแว่นคนนี้ถึงได้มีสีหน้าแห่งความดีใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า จากนั้นก็เข้าไปในอาคารกิจการแพทย์กับหลิวชิง แล้วขับไล่ลูกน้องออกไป เพื่อปรึกษาหารือกับหลิวชิงเป็นการส่วนตัว
ในตอนนั้นเอง ฮวางซางก็ค้นพบเรื่องสำคัญบางอย่าง
ไม่รู้ว่าหลิวชิงนั้นมีเจตนา หรือไม่มีเจตนากันแน่ เขาตั้งใจพาชายสวมแว่นตาคนนั้น เข้าไปตรงด้านหน้าของกล้องวงจรปิด ของห้องกิจการแพทย์!
เพียงแต่แตกต่างจากกล้องด้านนอกตรงที่ว่า สามารถบันทึกภาพได้แต่ไม่สามารถบันทึกเสียงได้ ซึ่งกล้องภายในห้องกิจการแพทย์นั้นสามารถบันทึกเสียงได้!
เมื่อค้นพบเรื่องนี้ ฮวางซางก็รีบรันเทปวิดีโอไปในเวลานั้น จากนั้น บทสนทนาของหลิวชิง และชายสวมแว่น ก็ดังขึ้นมาจากวิดีโอนั้น!