ตอนที่ 70 ลอบยิง โกรธแค้น
ตอนที่ 70 ลอบยิง โกรธแค้น
“เหี้ย คนพวกนั้นมันไม่ตาย? !”
ในขณะที่มองไปทางฮวางซางและพรรคพวกที่ออกประตูหลังไป ใบหน้าชายหัวล้านและเพื่อร่วมแก๊งค์ที่เหลือสองสามคนก็ค่อยปรากฏสีหน้าที่ยากเกินกว่าจะเชื่อได้
เมื่อพวกเขาเห็นลิกเกอร์ทั้งสี่ตัว และไทแรนท์หนึ่งตัว พุ่งเข้ามาในโรงยิมกับตาตัวเอง ในวินาทีนั้นพวกเขารู้ได้เลยว่าคนพวกนั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน จนกระทั่งยอมวางมือจากการไปช่วยจูเก๋อโหย๋วหลง “ท่ามกลางภัยพิบัติ” นี้เลยทีเดียว
ถึงอย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่า การเคลื่อนไหวอึกทึกในที่นี้จะดึงดูดซอมบี้กลายพันธุ์เข้ามามากมายขนาดนี้ แม้กระทั้งดึงดูดเจ้าไทแรนท์ให้มาถึงที่นี่ด้วย!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังมหาศาลเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะมีอาวุธในมือ พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยจูเก๋อ โหย๋วหลงได้!
แต่ใครจะรู้ว่าแม้ไม่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขา คนเหล่านี้ก็สามารถฆ่าและฝ่าออกมาด้วยตัวเองได้ อีกทั้งเมื่อเห็นอาการสั่นงันงกของซอมบี้เหล่านั้น จากเลือดที่อยู่บนตัวของฮวางซางและพรรคพวก ก็พอรู้ได้ว่าคนเหล่านี้สามารถฆ่าซอมบี้ขั้นสูงเหล่านั้นได้ หลังจากนั้นก็ใช้เลือดจากซากศพของซอมบี้ขั้นสูงทาตัว เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับซอมบี้เหล่านี้
ในตอนแรกพวกเขาเองก็ต้องพึ่งพาตนเองในการฝ่ากองทัพซอมบี้เหล่านั้นออกมา แต่ในตอนนั้นพวกเพื่อนๆของพวกเขาก็ตายลงไปเป็นจำนวนมากเช่นเดียว อีกทั้งยังต้องพึ่งฝีมือของพี่ใหญ่คนนี้ ถึงจะสามารถจัดการกับเจ้าไทแรนท์ตัวนั้นได้ แต่เมื่อเห็นจำนวนของคนเหล่านี้...พวกเขากลับไม่มีใครตายเลยสักคน?
หรือศักยภาพของคนเหล่านั้นแกร่งกว่าพี่ใหญ่?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ใบหน้าของชายหัวล้านก็เปลี่ยนไป ดวงตาของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาเรื่อยๆเช่นกัน
ถ้าหากให้พวกเขาเหล่านี้รอดจากที่นี่ไป ในอนาคตคนเหล่านี้ จะกลายเป็นภัยคุกคามสำหรับการครองเมืองเหลียนของพี่ใหญ่อย่างเขา ถึงอย่างไรพวกเขาทั้งหมดก็เป็นนักโทษประหารอยู่แล้ว อีกทั้งยังฆ่าทหารไปจำนวนไม่น้อยอีกด้วย อีกทั้งพวกเขาก็ลงมือกับคนเหล่าซ้ำหลายครั้ง ถ้าพวกเขารู้ ต่อไปคงจะไม่ได้ตายดีแน่!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ต้องชิงลงมือก่อนเป็นดีที่สุด!
……
“ไม่ต้องกลัว บนตัวของพวกเรามีกลิ่นอายเลือดของเจ้าไทแรนท์อยู่ ซอมบี้ทั่วไปเหล่านั้นไม่กล้าเข้ามาโจมตีพวกเราหรอก”
ฮวางซางและพรรคพวกสัมผัสไม่ได้ถึงภัยอันตรายที่ซ่อนอยู่ในความเงียบ ในขณะที่พวกเขากำลังฝ่าทะลวงกองทัพซอมบี้ออกไป เพื่อนำเด็กๆเหล่านั้นกลับไปยังโรงพยาบาล และจัดหาที่ทางที่ปลอดภัยให้กับพวกเขา
แต่ถึงแม้ว่าภายในจิตใจของฮวางซางและพรรคพวกนั้นจะแข็งแกร่งมาก จนไม่หวาดกลัวต่อซอมบี้เหล่านั้นก็ตาม แต่จางเฟิ้งและเด็กเหล่านั้น กลับไม่ได้มีจิตใจที่แข็งแกร่งเฉกเช่นเดียวกับพวกเขาแต่อย่างใด เมื่อเห็นซอมบี้ที่น่ากลัวและโหดร้าย ต่อให้มันกำลังตกอยู่ในอาการสั่นงันงก ไม่กล้าโจมตีใส่พวกเขาก็ตาม แต่ยังไงพวกเขาก็เกิดอาการหวาดกลัวจนใบหน้าซีดเผือด ขาทั้งสองข้างอ่อนแรง เหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าอยู่ดี
เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของจางเฟิ้งและเด็กๆเหล่านั้น หลิวซินจึงได้พูดปลอบโยนพวกเขาเหล่านั้น
“มีพวกเราอยู่ ไม่ว่าจะเกิดอันตรายใดๆ พวกเราก็จะปกป้องพวกนายให้ได้”
“อื้อ อื้อ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวซิน จางเฟิ้งก็พยักหน้า ถึงแม้ว่าจะยังมีใบหน้าซีดเผือดอยู่ก็ตาม แต่ก็สงบลงมาไม่น้อยเลย ก่อนจะแสดงใบหน้าซาบซึ้งออกมา แล้วพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่าจะขอบคุณพวกคุณยังไงดี ถ้าไม่ได้พวกคุณละก็ ตอนนี้พวกเราก็ไม่รู้จะเป็นยังไบ้าง ......”
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น ในเวลาเดียวกัน เธอก็ต้องคอยดูแลเด็กๆเหล่านี้เพียงลำพังก็ถือว่าลำบากมากเหมือนกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของจางเฟิ้ง หลิวซินจึงเกาหัว ก่อนยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า
“ในทางตรงกันข้ามฉันกลับกลัวเด็กมากเป็นที่สุด อย่าว่าแต่จำนวนที่เยอะขนาดนี้เลย ถึงแม้ว่าจะมีเพียงคนเดียวฉันก็แทบจะรับมือไม่ไหวแล้ว”
“จริงๆแล้วเด็กเหล่านั้นน่ารักมากนะ เพียงแค่นายต้องรู้ว่าจะสื่อสารกับพวกเขาอย่างไร ถึงจะค้นพบว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นเหมือนเทวดาตัวน้อย ๆที่น่ารักที่สุดบนโลกใบนี้จริง ๆ”
จางเฟิ้งส่ายหน้า หลังจากนั้นก็มองไปทางเด็กเหล่านั้นด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนพูดขึ้นอย่างถอดถอนใจว่า
“พวกเขายังเด็กอยู่เลยแต่กลับต้องมาเจอเรื่องราวเหล่านี้ จริงๆแล้วพวกเขาน่าสงสารมากนะ ถ้าผ่านเรื่องเหล่านี้ไปได้ ฉันจะต้องดูแลพวกเขาอย่างดีที่สุด นายห้ามขำนะ หวังว่าจะมีโอกาสได้ดูแลพวกเขาจนเติบใหญ่นะ อย่างนี้..........”
ตึงตึงตึงตึงตึงตึง!
แต่ทว่ายังไม่ทันรอให้จางเฟิ้งพูดจบ เสียงปืนอย่างรุนแรงราวกับประทัดแตกก็ดังขึ้นอย่างฉับพลัน!
มีคนโจมตีพวกเขา
หวือ!
แทบจะในพริบตาเดียวที่เสียงปืนใหญ่ดังขึ้น ฮวางซางก็สังเกตเห็นภัยอันตรายบางอย่าง จากนั้นเปลวไฟสีฟ้าก็ปะทุขึ้นมาทันทีทันใด ก่อนจะรวมตัวกันเป็นเกราะกาสาวพัสตร์ที่นำมาเพื่อปกป้องตัวเขา
หลังจากนั้น กระสุนหลายลูกก็ได้พุ่งตรงเข้ามาบนเกราะกาสาวพัสตร์ของเขา แต่กระสุนเหล่านั้นไม่สามารถต้านทานเกราะกาสาวพัสตร์นั้นได้ สุดท้ายก็ถูกเปลวไฟเผาผลาญมลายสิ้น จนกลายเป็นของเหลวไหลลงไปกับพื้น
และในเวลาเดียวกัน หลิวซินและตั้วลั่วเองก็ยกปืนขึ้นมาเช่นกัน ส่วนกระสุนเหล่านั้นได้ถูกเสื้อเกราะกันกระสุนของพวกเขาป้องกันไว้
แต่คนอื่นไม่ได้โชคดีขนาดนั้น วินาทีต่อจากนั้น เสียงร้องอย่างน่าเวทนาก็ดังขึ้น จางเฟิ้งและเด็กๆเหล่านั้นถูกยิงใส่จนเกิดเป็นรูกระสุน จากนั้นก็ล้มลงไปกองกับพื้น!
คนที่โจมตีใส่พวกเขาอย่างเงียบๆเหล่านั้น ไม่ต้องการปล่อยเด็กๆและผู้หญิงไปอย่างแน่นอน!
“ฟื้นพลังชีวิต”
เมื่อเห็นภาพจางเฟิ้งและเด็กๆหลายคนถูกยิงจนล้มลงไปกับพื้น ฮวางซางก็อ้าปากตาค้าง ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความโกรธเคือง แล้วแผ่พลัง “แห่งชีวิต” ออกมาพื่อรักษาจางเฟิ้งและคนอื่นๆ
และในเวลาเดียวกัน เขาเองก็หยิบปืนกลออกมา จากนั้นก็กราดยิงใส่อย่างบ้าคลั่งจนเกิดเสียงดังอึกทึกขึ้น
บึมบึมบึมบึมบึม!
ภายใต้การกราดยิงใส่ด้วยปืนกลของฮวางซาง ชายหัวล้านและคนอื่นๆก็ทำได้เพียงหลบหลีกหนีตาย และหยุดการโจมตี
แต่ในเวลาเดียวกัน เลือดสดๆที่ทะลักออกมาจากตัวของจางเฟิ้งและเด็ก ๆเหล่านั้น กลับปกคลุมกลิ่นอายเลือดของเจ้าไทแรนท์บนตัวของพวกเขาไปในระดับหนึ่ง ส่งผลให้ซอมบี้ข้างกายของพวกเขาเหล่านั้น เกิดอาการกระสับกระส่ายขึ้นมาอีกครั้ง จนมีซอมบี้จำนวนไม่น้อยบีบวงเข้ามาใกล้พวกเขาเรื่อย ๆ เพื่อลองหยั่งเชิงย่างกรายเข้ามา
“ตั้วลั่ว พวกนายคุ้มกันพวกเขาไว้ ฉันจะไปคว้านเครื่องในเจ้าพวกนั้นออกมา!”
เมื่อถูกคนลอบทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้แต่เด็กและผู้หญิงก็ไม่เว้น เรื่องนี้จึงได้จุดประกายความโกรธเคืองของฮวางซางขึ้นมา
วินาทีต่อจากนั้น เขาก็ทิ้งปืนกลและกล่องกระสุนเหล่านั้น แล้วกระโดดพุ่งพรวดไปข้างหน้า ก่อนจะพุ่งเข้าไปหาทิศทางที่มีเสียงปืนนั้นอย่างรวดเร็วทันที
เขาต้องควักใจพวกมันออกมา แล้วฆ่าพวกมันให้หมดสิ้น!
“พี่หู เจ้านั่นมันมาแล้ว!”
เมื่อเห็นฮวางซางพุ่งตรงเข้ามายังทิศทางของตัวเองอย่างรวดเร็ว ภายใต้เปลวไฟสีน้ำเงินนั้น ลูกสมุนคนหนึ่งก็อดกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความหวาดกลัว
“จะไปกลัวทำไม!”
ในขณะที่มองไปยังท่าทางหวาดกลัวของลูกสมุนคนนั้น ชายหัวล้านก็ใช้ฝ่ามือทุบไปบนหัวของเจ้าคนนั้นทันที จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโหดร้ายว่า
“ถ้ามันถือปืนใหญ่อยู่ในมือ ฉันอาจจะกลัวมันก็เป็นได้ แต่ตอนนี้มันกลับพุ่งเข้ามา...หึ มันคิดว่าตัวเองเป็นเหล็กรึยังไง?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ชายหัวล้านก็เล็งปืนยาวจู่โจมไปทางฮวางซางอีกครั้ง จากนั้นก็ตะโกนออกไปสุดเสียง
“ยิงเจ้านั้น ฆ่าไอ้คนโง่เง่าคนนั้นซะ!”
ตึงตึงตึงตึงตึงตึงตึง!
วินาทีต่อจากนั้น เสียงปืนราวกับลูกโซ่ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นกระสุนนับไม่ถ้วนก็ปกคลุมไปทั่วตัวของฮวางซางราวกับฝนกระสุนอีกครั้ง
“ฉันไม่เชื่อว่าเสื้อเกราะกันกระสุนของนายจะสามารถกันหัวสมองของนายได้!”
ถึงแม้ว่าการลอบยิงก่อนหน้านั้น จะถูกฮวางซางขัดขวางได้ก็ตาม แต่ชายหัวล้านคิดว่า ฮวางซางพึ่งเสื้อเกราะกันกระสุนขัดขวางไว้เท่านั้น ในตอนนี้ปืนยาวจู่โจม5-6กระบอกที่ยิงออกไป ถึงแม้ว่าจะมีเสื้อเกราะกันกระสุนก็ตาม แต่ยังไงมันก็สามารถยิงจนทะลุเข้าไปได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวสมองของฮวางซางที่ไม่มีสิ่งใดป้องกัน!
ดังนั้นเขาจึงคิดว่า การทำตัวเช่นนี้ของฮวางซาง เท่ากับพาตัวเองมาตายชัดๆ !
แต่ไม่นานชายหัวล้านก็พบว่าตัวเองนั้นคิดผิด อีกทั้งยังผิดอย่างมหันอีกด้วย!
หลังจากที่กระสุนของปืนยาวพุ่งไปบนตัวของฮวางซางแล้ว กลับถูกเปลวไฟที่ลุกโชนนั้นขัดขวางไว้ได้ทั้งหมด ราวกับยิงใส่โล่ที่รวมตัวกันขึ้นมาจากเปลวไฟอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นก็ถูกหลอมจนกลายเป็นของเหลวที่ร่วงหล่นกระจายเต็มพื้นในตำแหน่งที่ฮวางซางอยู่ เหลือทิ้งไว้แต่เพียงรอยไหม้เกรียมเท่านั้น
และในเวลาเดียวกัน ความเร็วของฮวางซางกลับไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ยังคงพุ่งเข้ามาหาพวกเขาภายใต้เปลวไฟที่ลุกโชน ราวกับนักล่าที่คุ้มคลั่งอย่างไรอย่างนั้น!
“บัดซบ เขาไม่กลัวกระสุน!”
เมื่อเป็นเช่นนี้ ชายหัวล้านเพิ่งได้ค้นพบว่าตัวเองนั้นได้สร้างความผิดพลาดอันใหญ่หลวงไว้แล้ว จากนั้นสีหน้าของเขาก็ซีดเผือดลงไปทันที
“แยกย้ายก่อน!”
เมื่อพูดจบ เข้าก็กระโดดลงมาจากหน้าต่างชั้นสอง ก่อนล้มลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง แล้ววิ่งออกไปให้ห่างไกลจากที่นี่อย่างรวดเร็วที่สุด
นี่เป็นครั้งแรก ที่เข้าได้พบกับศัตรูที่ไม่กลัวกระสุน บวกกับพลังอันน่ากลัว และระดับความเร็วที่ฮวางซางแสดงออกมา จนทำให้ชายหัวล้านคนนี้ต้องหนีไป โดยที่ไม่ยอมอยู่สู้ซึ่งหน้ากับฮวางซางโดยเด็ดขาด
ถึงอย่างไรเขาก็คิดแค่เพียงอยากโจมตีฮวางซางและพรรคพวกเท่านั้น ถ้าหากฆ่าฮวางซางและกำลังหลักของคนเหล่านั้นลงได้ ก็ย่อมเป็นเรื่องดี และแต่ถึงแม้ว่าจะฆ่าฮวางซางและพรรคพวกไม่ได้ แต่ก็อย่างน้อยก็สามารถทำให้พวกเขาเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก เมื่อดึงดูดซอมบี้เข้ามาได้ ก็จะสร้างความยุ่งยากให้กับคนเหล่านั้น และก็สร้างโอกาสเล็ก ๆให้กับพวกเขาได้ในเวลาเดียวกันด้วย
แต่ใครจะไปรู้ว่าเจ้าหนุ่มนี่จะบ้าคลั่งได้ขนาดนี้ ขัดขวางได้แม้แต่ห่ากระสุนเหล่านั้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาจึงยังไม่อยากรับมือกับคนบ้าที่แข็งแกร่งเช่นนี้อย่างเด็ดขาด
“พี่หู รอพวกเราด้วย!”
เมื่อเห็นชายหัวล้านคนนั้นทิ้งตัวเองแล้ววิ่งหนีไป เหล่าสมุนที่เหลืออีกสองสามคน ก็ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นก็กราดยิงใส่ฮวางซางอย่างต่อเนื่อง แล้วทยอยหมุนตัววิ่งลงไปชั้นล่าง จากนั้นก็วิ่งตามชายหัวล้านคนนั้นไป
แต่เมื่อพวกเขาลงมาถึงชั้นล่าง พวกเข้ากลับพบว่าตัวเองนั้นได้ทำเรื่องผิดพลาด อย่างร้ายแรงขึ้นซะแล้ว
ถึงแม้ว่าเมื่อสักครู่ พวกเขาจะใช้ปืนกราดยิงใส่จางเฟิ้งและคนอื่นๆ ให้ได้รับบาดเจ็บ จนสามารถสร้างเลือดสดๆ เป็นจำนวนมาก และสร้างความยุ่งยากให้กับหลิวซินและพรรคพวกแล้ว แต่ในเวลาเดียวกันเสียงปืนอันรุนแรงนั้น กลับดึงดูดซอมบี้ในบริเวณนี้เข้ามาเหมือนกัน
และเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาจึงได้วิ่งออกไปบนถนนอย่างรีบร้อน จากนั้นก็พุ่งเข้าไปในท่ามกลางกองทัพซอมบี้
ต่อให้บนตัวของพวกเขาจะมีเลือดทาอยู่ จนสามารถปกคลุมกลิ่นอายของตัวเองได้ในระดับหนึ่งก็ตาม แต่เมื่อเข้าไปในระยะที่ใกล้ขนาดนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับส่งลูกแกะเข้าปากเสือ!
วินาทีต่อจากนั้น ซอมบี้เหล่านั้นก็พุ่งเข้ามา กลุ้มรุมเจ้าหนุ่มผู้โชคร้ายหลายคนนั้นจนหมดสิ้น!
หลังจากนั้น เสียงกัดฉีกอย่างน่าหดหู่ใจและเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาก็ดังขึ้น เลือดสดๆจำนวนมากก็ได้พุ่งทะลักออกมาจากกองทัพซอมบี้เหล่านั้น!
“หึ!”
เมื่อเห็นผู้โชคร้ายเหล่านั้น ถูกกองทัพซอมบี้กัดกิน ฮวางซางจึงไม่ได้สนใจความเป็นความตาย ของพวกเขาแต่อย่างใด กลับพุ่งตรงไปยังชายหัวล้าน ที่วิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งออกไปข้างหน้า อย่างต่อเนื่อง!
ชายหัวล้านคนนั้น มีร่างกายที่แข็งแกร่ง มีความเร็วจนน่าตกใจ และก็มีพลังที่เหมือนไม่มีวันหมดสิ้นอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงสามารถขัดขวางกองทัพซอมบี้เหล่านั้นได้ โดยการพุ่งเข้าใส่ราวกับกระทิงกระแทกใส่อย่างไรอย่างนั้น จนไม่มีซอมบี้ตัวไหนสามารถหยุดเขาไว้ได้สักตัว!
พลังที่แข็งแกร่งจนน่าตกใจ และระดับความเร็วแบบนั้น ชายหัวล้านคนนี้ก็คือผู้มีพลังเหนือมนุษย์คนหนึ่ง อย่างไม่ต้องสงสัย แล้วก็มีความเป็นไปได้มากที่สุด ว่าจะเป็นหัวหน้าแก๊งของคนเหล่านั้น!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จับโจรก็ต้องจับหัวหน้า ฮวางซางจึงไม่ยอมปล่อยเจ้าเฮงซวยคนนี้ไม่เด็ดขาด