ตอนที่ 69 เกราะกาสาวพัสตร์ การฆ่าอันทรงพลัง
ตอนที่ 69 เกราะกาสาวพัสตร์ การฆ่าอันทรงพลัง
บัดนี้ ฮวางซางได้ออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าชายแล้วจริงๆ
แต่สิ่งที่ทำให้น่าตกใจก็คือ หลังจากผ่านการเข้าฌานครั้งนี้มา ร่างกายของฮวางซางที่เดิมทีมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงจนดูโอเวอร์อยู่แล้วนั้น ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับยังดูเหมือนถูกพลังบางอย่าง ทำให้หดลดน้อยลงจนกลายเป็นแน่นและกระชับได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น จนไม่ดูโอเว่อร์เหมือนที่ผ่านมาแล้ว
การเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อในครั้งนี้ ทำให้ฮวางซางนั้น "ดูผอมลง" ไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งผิวหนังก็ดูเรียบเนียนดุจหยก ที่มีกลิ่นอายของปัญญาชนฟุ้งกระจายออกมา จนกระทั่งเห็นเหมือนบัณฑิต ที่สะโอดสะองคนหนึ่ง เดินออกมาจากมหาวิทยาลัยอย่างไรอย่างนั้น ไม่หลงเหลือแม้แต่ความรู้สึก ของการถูกกดดันอันน่ากลัวเหมือนเมื่อก่อนเลยสักนิด
แต่ถึงแม้ว่าเจ้าหนุ่มนี้จะดูเหมือนบัณฑิตผู้อ่อนแอคนหนึ่งก็ตาม แต่กลับพุ่งตรงเข้าไปตรงหน้าเจ้าไทแรนท์ ที่ดูเหมือนมีรูปร่างใหญ่กว่าเขาเกือบเท่าตัว หลังจากนั้นก็กวัดแกว่งหมัดขวาขึ้นมา ราวกับเด็กที่พยายามใช้พลังโจมตีผู้ใหญ่กว่า แล้วชกเข้าไปที่กรงเล็บของเจ้าไทแรนท์ด้วยมือเปล่าทันที
"เหี้ย เจ้านี้มันบ้าเกินหรือเปล่า?"
"พี่!"
"ระวัง!"
……
เมื่อเห็นฮวางซางบุกทะลวงออกมา โดยไม่ได้นำปืนกลรุ่น T89 ออกมาด้วย ซึ่งตรงกันข้ามกับกรงเล็บที่แหลมคมดุจเหล็กนั่นของไทแรนท์ ที่มีร่างกายแข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัว ใบหน้าของหลิวซิน ตั้วลั่ว และจูเก๋อโหย๋วหลงแปรเปลี่ยนลงทันใด ก่อนจะตะโกนออกไป
แต่ทว่า ในนาทีนั้น ภาพที่ไม่น่าเชื่อภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา!
หวือ!
ในช่วงพริบตาเดียวกับที่กรงเล็บของไทแรนท์ ฟันลงมาบนตัวฮวางซาง ลำแสงสีฟ้าแวววับแสงหนึ่ง ก็ส่องแสงเรืองรองออกมาจากตัวของฮวางซางอย่างฉับพลัน หลังจากนั้นก็กลายเป็นเปลวไฟสีฟ้าอ่อนๆ ปกคลุมอยู่บนตัวของฮวางซาง ราวกับเปลวไฟเผาไหม้บนเสื้อผ้าอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากนั้น หมัดที่ถูกเปลวไฟสีฟ้าปกคลุมอยู่ ของฮวางซางก็ได้กระแทกกับกรงเล็บของเจ้าไทแรนท์ทันที!
เคล้ง!
แต่สิ่งที่ทำให้น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ หลังจากที่หมัดของฮวางซางปะทะเข้ากับกรงเล็บของเจ้าไทแรนท์ กลับไม่ได้ถูกกรงเล็บของเจ้าไทแรนท์ฉีกขาดเหมือนที่ตั้วลั่ว และพรรคพวกคาดคิดไว้แต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับเกิดเสียงกระทบกันของโลหะดังขึ้นอย่างรุนแรงถึงขีดสุดแทน จากนั้นร่างกายของฮวางซางและเจ้าไทแรนท์ ก็สั่นเทาเล็กน้อย แล้วหยุดลงพร้อมกันในที่สุด!
ฮวางซางใช้หมัดของตัวเองหยุดกรงเล็บของเจ้าไทแรนท์ได้จริงๆ!
เป็นไปได้ยังไง? !
เมื่อเห็นภาพนั้น ตั้วลั่ว หลิวซินและจูเก๋อ โหย๋วหลง ก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นก็มองไปทางดวงตาของฮวางซาง ที่ดูเหมือนสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
“นี่คือพลังของเกราะกาสาวพัสตร์อย่างนั้นเหรอ? !”
และเมื่อมองไปที่การปะทะกันด้วยหมัดของตัวเอง ไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้ตัวเองบาดเจ็บสักนิดแล้ว อีกทั้งยังเกิดเสียง ชี่ ชี่ท่ามกลางเปลวไฟสีฟ้านั้นอีกด้วย กรงเล็บของเจ้าไทแรนท์ก็เปล่งแสงสีดำบางๆออกมา เป็นเวลาเดียวกับที่ดวงตาของฮวางซางก็ได้ฉายแววคุ้มคลั่งและฮึกเหิมออกมาเช่นกัน
ระบบไม่เคยโกหกฉันจริงๆด้วย!
หลังจากที่ได้บรรลุวิชาหลอมรวมเป็นหนึ่ง ขั้นมหายานแล้ว ไม่เพียงแต่ทำให้พลังของฮวางซางเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น จนถึงระดับที่เหนือกว่าคนทั่วไปกว่า 10 เท่าแล้วเท่านั้น อีกทั้ง “รากฐาน” หลักสำคัญก็สมบูรณ์เสร็จสิ้นอีกด้วย พลังจิตวิญญาณภายในร่างกายได้เริ่มหมุนเวียนไปมา อย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด!
เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะมีโอกาสได้ใช้พลังจิตวิญญาณ ในการฝึกฝนบำเพ็ญเวทมนต์คาถาแล้วเท่านั้น อีกทั้งยังสามารถใช้พลังจิตวิญญาณ หลอมรวมออกมาเป็นพลังเกราะกาสาวพัสตร์ได้อีกด้วย ซึ่งนั้นก็คือเปลวไฟสีฟ้าที่อยู่บนตัวของฮวางซางนั้นเอง!
เกราะกาสาวพัสตร์ไม่สามารถเพิ่มพลังให้กับฮวางซางได้ แต่กลับสามารถเพิ่มระดับการป้องกันการโจมตีและเพิ่มพลังความสามารถในการฟื้นฟูของฮวางซางได้ อีกทั้งว่ากันว่ายังมีผลลัพธ์พิเศษในการควบคุมวิญญาณชั่วร้ายอีกด้วย การมีเกราะกาสาวพัสตร์ปกป้องตัวเองนั้น ทำให้ฮวางซาง สามารถต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง ด้วยพลังของตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะการใช้อาวุธชั้นสูงใดๆเลย
และเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงเลือกที่จะวางอาวุธลง แล้วใช้ร่างกายของตัวเองเข้าสู้กับเจ้าไทแรนท์!
ซึ่งพลังหลอมรวมเป็นหนึ่งที่บรรลุแล้ว และการปกป้องกันของเกราะกาสาวพัสตร์นั้นก็ทำให้เขาไม่ผิดหวัง!
โฮก!
เมื่อเห็นอาหารตัวเล็กๆคนนี้ สามารถขัดขวางกรงเล็บของตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ เจ้าไทแรนท์ก็ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโมโห และมันก็สัมผัสได้ถึงภัยอันตรายและความน่ากลัวอันรุนแรงนี้ในเวลาเดียวกัน
ดังนั้นวินาทีต่อจากนั้น เจ้าไทแรนท์ก็ส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งออกมาอีกครั้ง หลังจากนั้นก็กวัดแกว่งกรงเล็บข้างหนึ่งฟันไปบนตัวของฮวางซางทันที!
“มาได้เวลาพอดี ข้าอยากจะลองทุบแกมานานแล้วเหมือนกัน!”
เมื่อเผชิญหน้ากับกรงเล็บที่ฟันลงมาของเจ้าไทแรนท์ ฮวางซางที่เพิ่งบรรลุและมีศักยภาพที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นนั้น ไม่มีความหวาดกลัวแสดงออกมาแต่อย่างใด แม้กระทั้งในจิตใจของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความฮึกเหิม หลังจากนั้นเขาก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วกวัดแกว่งหมัดพุ่งตรงไปหาเจ้าไทแรนท์อีกครั้ง
เมื่อครั้งที่อยู่ในเมือง C ฮวางซางถูกเจ้าไทแรนท์ไล่ล่าเหมือนหมาข้างถนนอย่างโหดเหี้ยม แต่วันนี้ ในที่สุดเขาก็ได้สู้กับเจ้าไทแรนท์อีกครั้ง ดังนั้นต่อให้เจ้าไทแรนท์ตัวนี้ จะไม่ใช่เจ้าไทแรนท์ตัวนั้นก็ตาม แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการล้างแค้นและ “พาล”หาเรื่องต่อเจ้าไทแรนท์ตัวนี้ได้เลยสักนิด
ตึงตึงตึงตึงตึง!
จากนั้น ฮวางซางก็ชกหมัดใส่ไทแรนท์อย่างหนัก จนเกิดเสียงโลหะกระทบกันขึ้นอย่างรุนแรง เป็นเวลาเดียวกับพื้นที่เท้าของพวกเขา ก็เริ่มแตกระแหงเป็นช่องๆ เนื่องจากไม่สามารถแบกรับพลังการโจมตี ที่ค่อนข้างน่ากลัวแบบนี้ได้ เศษเล็กๆที่แตกกระจายนับไม่ถ้วนได้พุ่งกระจัดกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ
และในเวลาเดียวกัน ซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาหาฮวางซางจากด้านข้างเหล่านั้น หลังจากที่เข้ามาในวงล้อมของการต่อสู้ ระหว่างฮวางซางและเจ้าไทแรนท์แล้ว ก็ดูเหมือนจะตกเข้ามาอยู่ในเครื่องบดเนื้อย่างไรอย่างนั้น พริบตาเดียวพวกมันก็ถูกหมัดหนักของฮวางซาง และกรงเล็บอันแหลมคมของเจ้าไทแรนท์ ฟันใส่จนแตกหักกระจาย ฉีกขาดกลายเป็นเศษชิ้นส่วนเล็กๆ ส่วนซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง ก็ไม่สามารถทำอันตรายฮวางซางได้แต่อย่างใด กลับถูกเปลวไฟสีน้ำเงินบนตัวของฮวางซางแผดเผา จนกลายเป็นซากศพไหม้เกรียมไปแทน!
ความชั่วร้ายไม่อาจกล้ำกลาย นี่คือพลังแห่งเกราะกาสาวพัสตร์จริง ๆด้วย!
อึก!
เมื่อเห็นภาพนั้น ตั้วลั่วและพรรคพวกก็อดกลืนน้ำลายอึกใหญ่ๆไม่ได้
ศักยภาพทั้งหมดของฮวางซาง ที่แสดงออกมาในเวลานี้ มันเกินกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้ และมันก็น่ากลัวมากเกินไปอีกด้วย!
“ไม่อยากเล่นกับเจ้าแล้วนะ!”
หลังจากที่สู้กันหลายต่อหลายครั้ง ฮวางซางก็รู้ถึงขีดจำกัดของพลังตัวเอง จากนั้นดวงตาของเขาก็ฉายแววเคร่งขรึม และไม่เข้าปะทะกับเจ้าไทแรนท์ต่อ แต่กลับย่อตัวลง แล้วหลบหลีกกรงเล็บของเจ้าไทแรนท์ที่ฟันเข้ามาแทน แล้วใช้พลังของตัวเองเคลื่อนตัวไปด้านหลัง ของเจ้าไทแรนท์ในเวลาเดียวกัน ก่อนจะกระโดดออกไป กวัดแกว่งหมัดขวาขึ้นมาแล้วทุบไปบนหัวด้านหลังของเจ้าไทแรนท์อย่างโหดเหี้ยม!
เคล้ง!
ถึงแม้ว่าพลังของเจ้าไทแรนท์ จะไม่ได้ด้อยไปกว่าฮวางซางก็ตาม แต่ระดับความเร็วและการตอบสนองของมัน กลับเทียบไม่ได้กับฮวางซางแต่อย่างใด ตอนนี้ฮวางซางได้เปลี่ยนวิธีการต่อสู่ และเริ่มเข้าไปใกล้ตัวของมัน จนกระทั้งเจ้าไทแรนท์ไม่สามารถตอบสนองได้ทัน จึงได้ถูกฮวางซางทุบเข้าไปที่หัว หลังจากนั้นร่างขนาดใหญ่ก็โอนเอนโซเซอย่างรุนแรง ราวกับถูกคนใช้ค้อนขนาดใหญ่ทุบลงมาอย่างโหดเหี้ยม ท่ามกลางเสียงกระทบของโลหะอย่างรุนแรง จนเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้น
“ตั้วลั่ว กริช!”
และในเวลาเดียวกัน ฮวางซางก็ใช้หมัดทุบลงไป บนหัวของเจ้าไทแรนท์อีกครั้ง จนมันได้สูญเสียสมดุล ก่อนล้มลงไปกองกับพื้น จากนั้นก็หันไปตะโกนใส่ตั้วลั่วด้วยเสียงอันดัง
“รับ!”
ตั้วลั่วใช้เท้าข้างหนึ่งเตะซอมบี้ตัวหนึ่งที่พุ่งเข้ามา จากนั้นก็กวัดแกว่งมือขวา เพื่อโยนกริชไปให้กับฮวางซาง
“ตายซะเถอะ!”
ถึงแม้ว่ากริชนั้นจะถูกส่งมาอย่างรวดเร็วมากก็ตาม แต่การตอบสนองของฮวางซางในตอนนี้ กลับไม่ได้เป็นผลกระทบแต่อย่างใด วินาทีต่อจากนั้น ฮวางซางก็ยืดมือขวาออกไป แล้วรับกริชด้ามนั้นมาไว้ในมือของตัวเอง หลังจากนั้นก็ตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง แล้วใช้กริชเสียบลงไปบนหัวของเจ้าไทแรนท์อย่างโหดเหี้ยม
กรอบ!
กรอบ!
ถึงแม้ว่าเจ้าไทแรนท์ตัวนี้ จะกลืนกินพลังของลิกเกอร์ไปหนึ่งตัว และสุนัขกลายพันธุ์ไปหนึ่งตัวแล้วก็ตาม แต่ศักยภาพก็ไม่ได้เหนือกว่าเจ้าไทแรนท์ในเมือง C ตัวแรกมากเท่าไหร่นัก การคิดจะขัดขวางอาวุธและกริชทั่วไป ย่อมไม่เกิดปัญหาแต่อย่างใด แต่กลับไม่สามารถต้านทานกริช ที่ถูก “บริษัท” สร้างขึ้นมาอย่างพิเศษด้ามนี้ได้
วินาทีต่อจากนั้น ภายใต้การใช้พลังอันน่ากลัวของฮวางซาง กริชสีดำด้ามนั้นก็เสียบทะลุกะโหลกแข็งๆของเจ้าไทแรนท์ลงไปอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นเมื่อกริชด้ามนั้น เจาะลึกลงไปกลางกะโหลกแล้ว ก็เกิดเสียงแตกหักอย่างรุนแรงดังขึ้น
หลังจากนั้น ฮวางซางก็ออกแรงบิดกริชนั้น จนมันสมองของเจ้าไทแรนท์ ไหลออกมาจากรอยแตกนั้น สุดท้ายก็กรีดให้แยกออกอย่างรุนแรง จนหัวกะโหลกของเจ้าไทแรนท์เปิดออกทันใด !
ติ้ง!
เมื่อหัวกะโหลกของเจ้าไทแรนท์ถูกเปิดออก คริสตัลสีฟ้าเม็ดหนึ่ง ก็หลุดร่วงลงมาจากมันสมอง ที่ไหลออกมาจากหัวที่แตกออกราวกับถั่วปากอ้านั้น จนเกิดดังขึ้นเบาๆ
แกนพลัง!
นี่คือแกนพลังที่เจ้าไทแรนท์หลอมรวมเอาไว้จริงๆด้วย!
“ของดี!”
เมื่อเห็นแกนพลังเม็ดนี้ ดวงตาของฮวางซางก็เปล่งประกายออกมาทันใด หลังจากนั้นก็ถือมันไว้ในมือ พร้อมกับหันไปพูดกับตั้วลั่วและพรรคพวกว่า
“เราค่อยแบ่งคริสตัลเม็ดนี้ทีหลัง ตอนนี้พวกเราพาคนออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ!”
บัดนี้ วิชาหลอมรวมเป็นหนึ่งก็ได้บรรลุถึงขั้นมหายานแล้ว รากฐานหลักสำคัญก็เสร็จสมบูรณ์แบบแล้วด้วย หากคิดจะเพิ่มพลังขึ้นไปอีกขั้น จำเป็นต้องฝึกฝนบำเพ็ญยุทธการจู่โจม และเวทมนต์คาถา และเมื่อถึงตอนนั้นก็ต้องใช้พลังจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ และมีพลังมหาศาล มาใช้ช่วยในการฝึกฝนบำเพ็ญ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แกนพลังที่มาจากร่างกายที่แข็งแรง ของเจ้าไทแรนท์ จึงไม่ได้มีความหมายต่อเขามากนัก ดังนั้นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดคือการส่งมอบให้กับตั้วลั่ว หลิวซิน หรือไม่ก็จูเก๋อโหย๋วหลง เพื่อช่วยเหลือพวกเขาทำลายสภาวะคอขวด และเพิ่มพลังเหนือมนุษย์ของพวกเขา
ถึงตอนนั้นไม่ว่าใคร จะมีพลังเหนือมนุษย์ก้าวหน้าก็ตาม แต่ศักยภาพของพวกเขาทั้งกลุ่ม ก็จะแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งแบบนี้ถึงจะสามารถต่อกร กับภัยอันตรายที่มาจากเมืองเหลียนได้!
“ได้!”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง ตั้วลั่วและพรรคพวกก็รีบพยักหน้า หลังจากนั้นก็ก็เร่งจัดการซอมบี้ที่ทะลักกันเข้า มาอย่างต่อเนื่องด้วยความรวดเร็ว
และในเวลาเดียวกัน ฮวางซางก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นก็กวัดแกว่งกริชอีกครั้ง แล้วฟันลงไปบนหัวของเจ้าไทแรนท์จนขาดสะบั้น แล้วกรีดเสื้อของซอมบี้ตัวหนึ่งออก แล้วนำมาห่อเอาไว้ก่อนผูกไว้บนเอวของตัวเอง
กลิ่นอายของซอมบี้ขั้นสูง ยังสามารถสร้างความหวาดกลัวอย่างรุนแรง ต่อซอมบี้ทั่วไปได้อยู่ อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อการวิจัยเซรุ่มไวรัสอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสิ่งมีค่ามากทีเดียว ดังนั้นเขาจึงย่อมไม่ยอมสูญเสียมันไปเด็ดขาด
และก็เป็นดั่งเช่นนั้น หลังจากที่ฮวางซางผูกหัวของเจ้าไทแรนท์ไว้บนเอวของตัวเองแล้ว ซอมบี้ที่อยู่ในบริเวณนั้น ก็ดูเหมือนเกิดความหวาดกลัวบางอย่าง พากันสั่นเทางันงก ไม่กล้าเข้ามาโจมตีพวกเขาแต่อย่างใด
“ทุกคนเอาเลือดของเจ้าไทแรนท์ไปทาบนตัวของตัวเอง หรือเอาอะไรไปติดไว้บนตัวก็ได้ แบบนี้ซอมบี้เหล่านั้นจะไม่กล้าโจมตีพวกนาย”
หลังจากที่เอาหัวของเจ้าไทแรนท์ผูกไว้บนเอวเรียบร้อยแล้ว ฮวางซางก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าจริงจังว่า
“เดี๋ยวให้เด็กเหล่านั้นทำแบบนี้ด้วย แต่จงจำไว้ว่า ต้องเอาเลือดศพนั้นออกจากตัวพวกเขาด้วย อย่าให้เลือดศพเหล่านั้นแพร่เชื้อใส่พวกเขาเด็ดขาด!”
“เข้าใจแล้ว พี่!”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง หลิวซินและพรรคพวก ก็รีบดำเนินการทันที ต่างทยอยกันมาเอาเลือดจากร่างที่ไร้หัวของเจ้าไทแรนท์ มาทาบนตัวของตัวเอง
และในเวลาเดียวกัน ฮวางซางก็เข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าชายอีกครั้ง แล้วนำปืนกลออกมา กราดยิงใส่กองทัพซอมบี้ พริบตาเดียวซอมบี้ ที่อยู่ในโรงยิมก็ถูกกำจัดลดลงไปกว่าครึ่ง!
เมื่อซอมบี้ที่อยู่ในโรงยิม ถูกจัดการไปกว่าครึ่งแล้ว จางเฟิ้งจึงได้นำเด็กๆออกมา แล้วก็ได้รับการช่วยเหลือจากหลิวซิน และพรรคพวกช่วยกันทาเลือดลงบนตัวของเด็กๆและตัวเอง
แต่เนื่องจากพวกเขาไม่ใช่ผู้มีพลังเหนือมนุษย์ หากเลือดไวรัสอันแข็งแกร่งของเจ้าไทแรนท์ เข้าไปภายในตัวก็จะกลายร่างเป็นผีดิบทันที ดังนั้นหลิวซินและพรรคพวกจึงทาเลือดศพ ลงไปบนเสื้อผ้าของเด็กๆเหล่านี้เท่านั้น เพียงแค่ต้องระวังนิดหน่อย น่าจะไม่ทำให้พวกเขาติดเชื้อได้
หลังจากที่ทุกคนได้ถูกทาเลือดหมดแล้ว เลือดที่มีกลิ่นอายของเจ้าไทแรนท์ ก็ได้ปกคลุมไปทั่วร่างของพวกเขา หลังจากนั้นซอมบี้เหล่านั้น ก็เกิดอาการสั่นงันงกจากความหวดกลัวบางอย่าง ไม่กล้าเข้าใกล้พวกเขาแต่อย่างใด
“เอาละ นำอาหารและน้ำส่วนหนึ่งไปด้วย พวกเราต้องออกเดินทางกันแล้ว”
เมื่อเห็นซอมบี้ในบริเวณนั้น เกิดอาการหวาดกลัวกลิ่นอายเลือดของเจ้าไทแรนท์ ฮวางซางก็เก็บเลือดศพใส่ขวดเปล่าจนเต็มขวดหลายขวด เผื่อไว้ใช้ในภายภาคหน้าไปพลาง ก็หันไปพูดกับจางเฟิ้ง หลิวซินและพรรคพวกไปพลาง
“ครับ!”
การป้องกันของโรงยิม ดูเหมือนจะถูกพังทลายลงจนหมดสิ้นแล้ว ขืนอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไร้ความหมาย บางทีอาจจะเจอภัยอันตรายที่มากขึ้นกว่านี้ก็เป็นได้ ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง หลิวซินและพรรคพวกก็เริ่มเคลื่อนไหว เก็บข้าวของอย่างอาหารและน้ำที่จำเป็น เตรียมพร้อมออกเดินทาง
ไม่นาน ทุกคนก็เตรียมพร้อมกันเรียบร้อย หลังจากนั้นก็เปิดประตูหลังที่ถูกพังทลายลง แล้วก็ฝ่ากองทัพออกไปทางโรงพยาบาลในเมืองทันที
เพียงแค่พวกเขาไม่รู้ว่า ตอนที่พวกเขาออกจากโรงยิมนั้น ชายหัวล้านและพรรคพวกที่หลบซ่อนตัว อยู่อีกห้องหนึ่งได้จ้องมองพวกเขาอยู่!