ตอนที่ 66 ซอมบี้ล้อมโรงยิม
ตอนที่ 66 ซอมบี้ล้อมโรงยิม
ณ ห้องแต่งตัวผู้ชาย ในโรงยิม
ในขณะที่ฮวางซางกำลังหลอมคริสตัลพลังของเจ้าลิกเกอร์อยู่นั้น เขาได้พยายามใช้พลังมาทำลายสภาวะคอขวด เพื่อต้องการให้วิชาหลอมรวมเป็นหนึ่งบรรลุขั้นมหายาน
ซึ่งมันแตกต่างจากเหตุการณ์ในตอนที่ เขาใช้พู่กันพิพากษาดูดซับพลังของโกว๋หวางหลุนอย่างสิ้นเชิง ครั้งนี้ฮวางซางใช้ร่างกายของตัวเองมาดูดซับพลังของคริสตัลโดยตรง ดังนั้นยิ่งขั้นตอนยุ่งยากมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
ในตอนนี้ ฮวางซางได้ทำตามคำแนะนำของระบบ โดยการกลืนกินคริสตัลเม็ดนั้นลงไป หลังจากนั้นก็เริ่มเร่งการโคจรวิชาหลอมรวมเป็นหนึ่ง ใช้พลังของตัวเองมาทำให้“เปลือกนอก”ของคริสตัลนี้ละลายลงทีละนิดๆ เพื่อต้องการให้เปลือกภายนอกของคริสตัลเม็ดนี้ที่ดูเหมือนกับผลึกหินหายไป จากนั้นพลังงานภายในคริสตัลก็จะถูกปลดปล่อยออกมา ถึงตอนนั้นเขาก็จะเริ่มดูดซับพลังงานเหล่านี้ จนนำไปสู่การบรรลุได้ในที่สุด
กรอบ!
ในที่สุด หลังจากที่ทำการละลายเปลือกนอกคริสตัลเกือบ 40 นาที ผิวคริสตัลเม็ดนั้นก็ปรากฏรอยแตกร้าว จากนั้นแสงสีฟ้าอ่อนก็ได้เปล่งประกายออกมาจากรอยแตกร้าวนั้น แล้วก็ผสานเข้าไปในตัวของของฮวางซาง
ถึงแม้ว่าการผสานพลังครั้งนี้จะมีแค่เพียงแสงสีฟ้ากลุ่มเดียวก็ตาม แต่ฮวางซางกลับสัมผัสได้ถึงคลื่นแห่งพลังอันบริสุทธิ์ที่ซัดถาโถมทะลักเข้ามาในร่างกายของเขา พลังงานทีทั้งอบอุ่นและทั้งใสสะอาด ได้ไหลเวียนอยู่ในตัวของเขาอย่างรวดเร็ว ทำให้เขารู้สึกถึงความกระปรี้กระเปร่า สัมผัสได้ถึงเลือดเนื้อและกระดูก ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเซลล์ ดูเหมือนจะถูกเสริมสร้างให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น
นี่ยังเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น!
สรรพสิ่งยากที่การเริ่มต้น แต่ถ้าเริ่มต้นดีตั้งแต่เริ่มแรก ต่อไปก็จะพบแต่ความราบรื่น
บึมบึม!
ไม่นาน รอยแตกร้าวบนผิวนอกของคริสตัลเม็ดนี้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น พลังงานที่ทะลักเข้ามาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆเช่นกัน จนสุดท้ายคริสตัลที่มีรอยแตกร้าวนั้นก็ระเบิดออก กลายเป็นแสงสีฟ้าที่มีพลังมหาศาลและสุกใสแววววาวปรากฏขึ้นภายในร่างกายของฮวางซาง!
พริบตาเดียว ฮวางซางก็สัมผัสได้ถึงพลัง ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และบ้าคลั่งภายในร่างกาย ราวกับพายุขนาดใหญ่อย่างไรอย่างนั้น!
พลังที่มีอานุภาพรุนแรงชนิดนี้ มีความแข็งแกร่งมาก จนกระทั่งสามารถทำให้ร่างกายของเขา เริ่มปูดโปนขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับเติมแก๊สเข้าไปในร่างกาย และเป็นเวลาเดียวที่กระดูกเลือดเนื้อ และเส้นเอ็นภายในร่างกายเปล่งเสียงออกมาราวกับคั่วถั่ว เส้นเลือดภายในร่างกายของเขาก็เริ่มปูดขึ้นมาทีละเส้น ดูคล้ายกับตะขาบสีเขียวอย่างไรอย่างนั้น มันทั้งน่าตื่นเต้นและทั้งน่ากลัวอย่างเห็นได้ชัด!
แย่แล้ว พลังนี้แข็งแกร่งมากเกินไป !
ร่างกายของเขาต้านทานไว้ไม่อยู่แล้ว!
บึม!
แต่ในตอนนั้นเอง พลังความเป็นความตายหยินหยางภายในร่างกายของฮวางซาง ก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นภาพไท่จี๋สีดำขาว ที่หมุนไปมาอย่างรวดเร็วและบ้าคลั่ง ภาพไท่จี๋อันนี้ดูคล้ายกับฐานหินกลมขนาดใหญ่ และก็ดูคล้ายกับเตาไฟเผาไหม้เตาหนึ่ง ไม่ว่าพลังงานที่ทะลักเข้ามานั้น จะมากมายและแข็งแกร่งมากแค่ไหน สุดท้ายก็จะถูกภาพไท่จี๋อันนี้หลอมกลั่นจนแตก สุดท้ายก็กลายเป็นพลังที่นุ่มนวลและมีเสถียรภาพ แล้วผสานเข้ามาในร่ายกายของฮวางซางที่ใกล้จะระเบิดออก!
และหลังจากที่ผสานพลังงงานชนิดนี้แล้ว ดูเหมือนร่างกายที่ใกล้จะถึงขีดจำกัดนั้น จะถูกเสริมสร้างความแข็งแกร่งและทนทานต่อไปเรื่อยๆ และเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากขึ้น คงทีมากขึ้น เป็นเวลาเดียวกับที่ลมหายใจของเขาก็ค่อยๆเริ่มสงบลงมา!
ภายใต้การช่วยเหลือของพลังเหนือมนุษย์ ทำให้เขาสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด โดยที่ไม่เกิดอันตรายใดๆ ต่อจากนั้นพลังงานเหล่านี้ ก็ถูกดูดซับจนหมดสิ้น แล้วทำให้พลังงานหลอมรวมอยู่ภายในร่างกายของเขาอย่างช้าๆ ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
……
ในขณะที่ฮวางซาง กำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในการทะลวงขั้น และค่อยๆเริ่มคงที่อยู่นั้น จางเฟิ้งก็กำลังแนะนำที่มาที่ไปของตั้วลั่วและพรรคพวกให้กับจูเก๋อ โหย๋วหลงได้รับรู้
หลังจากรู้ว่าตั้วลั่วและพรรคพวก มีสถานะเป็น “ทหาร” และค้นพบว่าพวกเขา ก็มีพลังเหนือมนุษย์เช่นเดียวกัน จูเก๋อโหย๋วหลง ก็ตอบรับคำขอร้องของหลิวซินและตั้วลั่ว อย่างแทบจะไม่ลังเลแต่อย่างใด ยินยอมให้เข้ามาเป็นกองกำลังของพวกเขาด้วย
เพราะสำหรับเขาแล้ว นอกเหนือจากความชื่นชม และไว้ใจพวกทหารแล้ว หลิวซินและพรรคพวก ก็ยังมีกลิ่นอายบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกว่าเป็น “พวกเดียวกัน”อีกด้วย!
ที่แท้ในโลกใบนี้ ก็ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว ที่เป็นผู้มีพลังเหนือมนุษย์!
ที่แท้เขาก็ไม่ใช่สัตว์ประหลาด เขายังมีพวกที่เป็นเหมือนกัน!
ถึงอย่างไร จูเก๋อโหย๋วหลง ก็เป็นเพียงเด็กนักเรียนที่มีอายุเพียงแค่16 ปีคนหนึ่ง ดังนั้นต่อให้เขามีศักยภาพที่แข็งแกร่งกว่า ต่อให้เขาจะสามารถแบกรับหน้าที่อันหนักอึ้งเอาไว้บนไหล่ได้อย่างเข้มแข็ง ต่อสู้ทำสงครามกับซอมบี้จนตัวตาย เพื่อพาจางเฟิ้งและคนอื่นๆไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยก็ตาม แต่เขาเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น
ในวันนี้ เขาเหนื่อยเกินกว่าที่จะแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้คนเดียวอีกแล้ว!
ในที่สุดวันที่เขาก็มีที่พึ่ง มีพวก เขาไม่มีทางไล่พวกเขาออกไปอย่างแน่นอน และอยากจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับฮวางซางและพรรคพวกจนแทบรอไม่ไหว!
และในเวลาเดียวกัน หลังจากที่ผ่านการพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในระดับหนึ่งแล้ว ตั้วลั่วและหลิวซินก็ได้เข้าใจถึงพลังเหนือมนุษย์ของจูเก๋อ โหย๋วหลง
แรกเริ่ม จูเก๋อ โหย๋วหลงนั้น สามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ความรู้สึก ของสัตว์กลายพันธุ์เหล่านี้ จนกระทั้งสามารถสร้างความสัมพันธ์ให้กับพวกเขาได้ในระดับหนึ่ง แต่ขอบเขตของผลกระทบนี้กลับได้รับผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ระหว่างพลังความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่าย ดังนั้นสำหรับสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ที่อ่อนแอ เขาจะสามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้ ทำให้มันช่วยเราต่อสู้ แต่ถ้าพลังความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งกว่า อย่างมากก็ทำให้อีกฝ่ายนั้นถูกชะตากับคุณ ไม่ลงมือฆ่าคุณก็เท่านั้น
แต่ทว่า จูเก๋อ โหย๋วหลงนั้น ไม่สามารถควบคุมสุนัขกลายพันธุ์จำนวนมาก ได้เหมือนกับโกว๋หวางหลุน เขาทำได้เพียงทำสัญญากับสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์แค่หนึ่งตัว และทำให้สิ่งมีชีวิตตัวนั้นกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา และในเวลาเดียวกัน เขาก็สามารถใช้พลังของตัวเอง เสริมพลังการต่อสู้ของสัตว์เลี้ยงตัวนั้นได้ ดังนั้น สุนัขกลายพันธุ์ข้างกายเขาจึงแข็งแกร่งกว่าสุนัขกลายพันธุ์ทั่วไป
ถึงจะพูดว่าความสามารถประเภทนี้ ดูอ่อนด้อยกว่าความสามารถของโกว๋หวางหลุน ก็คงจะพูดได้ไม่เต็มที่นัก จึงทำได้เพียงพูดว่า ความสามารถที่เจาะจงกว่า และก็มีคุณภาพมากกว่าอีกประเภทหนึ่งเท่านั้น
“พี่ตั้วลั่ว พี่หลิวซิน ผมจะทำมันให้ดีที่สุด ไม่ทำให้พวกพี่ผิดหวังอย่างแน่นอน”
หลังจากดื่มน้ำกระป๋องอย่างหิวกระหายแล้ว จูเก๋อโหย๋วหลงก็พยักหน้า ก่อนจะพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“อย่าเป็นตัวถ่วงก็แล้วกัน........”
เมื่อได้ยินคำพูดของจูเก๋อโหย๋วหลง ตั้วลั่วก็กระตุกยิ้มมุมปาก จากนั้นก็มองทางห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้ชาย ก่อนพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นชายหนุ่มที่อยู่ในห้องคนนั้น ได้สั่งสอนนายอย่างโหดเหี้ยมแน่ ฉันจะบอกอะไรให้นายรู้ไว้ว่า เจ้านั้นน่ะคือแมลงสาบ ที่น่ากลัวมากๆ!”
“ตั้วลั่ว นายพูดถึงพี่ฮวางซางไม่ดีอีกแล้วนะ!”
ในขณะที่มองไปทางตั้วลั่ว ที่ถือโอกาสที่ฮวางซางไม่อยู่พูดใส่ไฟให้เด็กน้อยฟัง หลิวซินจึงอดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ว่า
“ฉันละไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมนายถึงได้ชอบพุ่งเป้าไปที่พี่เขานัก? ”
“ใครจะไปรู้ บางทีเราอาจจจะเป็นคู่เวรคู่กรรมมาตั้งแต่ชาติก่อนก็ได้......”
ตั้วลั่วยักไหล่ จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
จริงๆแล้วเขาก็รู้สึกแปลกใจมากว่า ที่จริงแล้วฮวางซางนั้นเป็นเพื่อนที่พึ่งพิงได้คนหนึ่งเลย พูดตามหลักเหตุผลก็คือ หลังจากร่วมเป็นร่วมตายต่อสู้มาด้วยกันในหลายวันมานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นดีขึ้น แต่ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงได้เชื่อใจและไว้ใจฮวางซางมากขนาดนี้ จนยินยอมอยู่ด้านหลังฮวางซาง ทั้งๆที่ในความเป็นจริง เมื่อเขาเจอฮวางซางเขากลับอดที่จะโกรธเคืองฮวางซางไม่ได้
หรือบางทีก็อาจเป็นเพราะ ท่าทางที่แสนเย็นชาแบบนั้นของเจ้านั่น ที่ทำให้ตัวเองคิดอยากจะแกล้งเขา...
บึม!
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง การระเบิดอันรุนแรงที่ดังขึ้นจากด้านนอก ก็ทำให้ตัดบทสนทนาของตั้วลั่วและหลิวซินลงทันที
“เสียงระเบิดมือ มาจากประตูใหญ่ของโรงยิม!”
เมื่อได้ยินเสียงระเบิดอันรุนแรงนี้ ใบหน้าของตั้วลั่วก็เปลี่ยนสีทันใด จากนั้นก็กระโดดออกไป แล้ววิ่งพุ่งตรงไปยังด้านข้างประตูเหล็กอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมองออกไปด้านนอก
หลังจากนั้น ในม่านตาของเขาก็ปรากฏภาพกองทัพซอมบี้จำนวนมหาศาลขึ้น!
“บัดซบแล้ว!”
ในขณะที่มองไปทางกองทัพซอมบี้ที่แห่แหนเข้ามานั้น รูม่านตาของตั้วลั่วก็หดลง จากนั้นก็ตะโกนออกไปสุดเสียงว่า
“ซอมบี้บุกเข้ามาแล้ว ทุกคนระวังตัวด้วย!”
“อะไรนะ?”
“อ่า!!!!!”
“ซอมบี้ ซอมบี้มาแล้ว ครูจาง พวกเราจะทำยังไงกันดี!”
……
เมื่อได้ยินคำพูดของตั้วลั่ว ใบหน้าของหลิวซินและจูเก๋อ โหย๋วหลงก็เปลี่ยนสีทันที ใบหน้าของจางเฟิ้งก็แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดด้วยเช่นกัน รวมไปถึงเด็กนักเรียนเหล่านั้น ที่ต่างก็กรีดร้องและตื่นตกใจ ทุกคนกำลังตกอยู่ในอาการหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
โศกนาฏกรรมของซอมบี้เมื่อคืนนั้น ได้สร้างเงามืดขนาดใหญ่ไว้ในใจให้กับเด็กๆเหล่านี้ ดังนั้นเมื่อได้ยินว่ามีซอมบี้อีกครั้ง เด็กๆที่อายุไม่ถึง 10 ขวบ ก็ย่อมไม่สามารถสงบนิ่งเหมือนกับตั้วลั่วและพรรคพวกได้!
แต่สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือ เสียงกรีดร้องที่แสบแก้วหูของเด็กๆเหล่านี้ กลับกลายเป็นสัญญาณการล่าชั้นดี สำหรับซอมบี้เหล่านั้น ดังนั้นวินาทีต่อมา ซอมบี้เหล่านั้นก็เพิ่มความเร็วพุ่งตรงเข้ามาถึงหน้าประตูโรงยิมทันที หลังจากนั้นก็เริ่มกระแทกใส่ประตูอย่างรุนแรง
บึมบึมบึมบึม!
ซอมบี้ทั่วไปเหล่านี้ ไม่เพียงแต่จะบ้าคลั่งแล้วเท่านั้น อีกทั้งยังไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด และจิตสำนึกในการป้องกันตัวเองอีกด้วย ดังนั้นพวกมันจึงได้กระแทกเข้าใส่ประตูอย่างเต็มแรง ต่อให้กระแทกจนหัวแตกเลือดสาดกระจาย พวกมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ไม่นานเสียงระเบิดจากการกระแทกประตูเหล็กก็ดังขึ้น พร้อมกับประตูที่สั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง!
การโจมตีของซอมบี้เหล่านี้ ทำให้เสียงกรีดร้องของเด็กๆเหล่านั้น ทวีความรุนแรงขึ้น เสียงกรีดร้องและเสียงกระแทกประตูอย่างรุนแรงนี้ส่งผลให้ซอมบี้จำนวนมาก ได้พุ่งตรงเข้ามาโอบล้อมโรงยิมแห่งนี้ในที่สุด!
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่แย่ที่สุด!
เมื่อเปรียบเทียบกับประตูใหญ่โลหะแล้ว หน้าต่างที่อยู่ด้านข้างประตูใหญ่เหล่านี้ กลับอ่อนแอกว่ามาก ถึงแม้ว่าจะขัดขวางการมองเห็นของซอมบี้ เพราะจางเฟิ้งได้นำกระดาษหนังสือพิมพ์ และกระดาษทิชชูมาปิดไว้จนดูเลือนลาง ไม่ให้เห็นสถานการณ์ภายในของพวกเขาแล้วก็ตาม แต่ซอมบี้ที่อยู่ด้านนอกนั้น มีจำนวนมากเกินไป ต่อให้เป้าหมายสำคัญของซอมบี้เหล่านั้นจะไม่ใช่หน้าต่างเหล่านี้ แต่ภายใต้การดันการกระแทกของพวกมัน ก็ทำให้หน้าต่างเหล่านี้ ได้รับผลกระทบจนยากที่จะหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน!
บึม---แควก!
ในที่สุด เสียงระเบิดอย่างรุนแรงก็ดังขึ้น หน้าต่างที่ดูอ่อนแอเหล่านั้น ก็ระเบิดแตกกระจาย เศษกระจกที่แตกกระจายจำนวนมาก ได้กรีดกระดาษหนังสือพิมพ์และกระดาษทิชชูเหล่านั้น จนร่วงหล่นกระจายเต็มพื้น และเป็นเวลาเดียวกับที่ซอมบี้ตรงบริเวณหน้าต่าง ก็ได้เห็นอาหารรสเลิศภายในโรงยิมเหล่านี้ในที่สุด!
โฮก!
โฮก!
โฮก!
ความกระหายเนื้อและเลือดสดๆ ทำให้ซอมบี้เหล่านั้นยิ่งบ้างคลั่งหนักขึ้นไปอีก ต่อให้ร่างกายของพวกมันจะสูญเสียสมดุล จนต้องคลานมาอย่างทุลักทุเลก็ตาม แต่สุดท้ายกลับเบียดตัวเข้ามา ได้แค่ครั้งละตัวต่อหน้าต่างหนึ่งบานเท่านั้น และต่อให้บนหน้าต่าง จะมีเศษกระจกกรีดเนื้อหนังของพวกมัน จนเหวอะหวะไม่มีชิ้นดี พวกมันก็ไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว
ตอนนี้ ในหัวของพวกมันไร้ซึ่งสติปัญญาหมดสิ้นแล้ว หลงเหลือทิ้งไว้แค่เพียงความนึกคิดเดียว ก็คือ ----กิน!
“บัดซบ เข้ามาแล้ว!”
เมื่อเห็นซอมบี้เหล่านั้นพุ่งเข้ามา ตั้วลั่วก็รีบชักปืนยาวจู่โจมออกมา แล้วยิงใส่ซอมบี้ ที่ยังไม่ทันได้คลานขึ้นมาแต่อย่างใด เนื่องจากปีนเข้ามาทางหน้าต่างจนล้มลงไปกับพื้น หลังจากนั้นก็หันไปตะโกนเสียงดังใส่จางเฟิ้ง ที่กำลังปลอบโยนเด็กๆที่กำลังกรีดร้องอยู่ว่า
“ยังนิ่งทำซากอะไร ถ้าไม่อยากตายก็ถอยออกไปไกลๆ!”
“พี่ตั้วลั่ว เราออกไปทางด้านหลังของประตูได้ไหม?”
หน้าต่างที่แตกกระจาย ในขณะที่มองไปทางซอมบี้ที่ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด ใบหน้าของจูเก๋อ โหย๋วหลง ก็แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดขึ้น
“ตอนนี้ยังไม่ได้!”
เมื่อมองเวลา ตั้วลั่วก็อดที่จะสบถออกมาไม่ได้
“เจ้าแมลงสาบนั้นยังไม่ออกมาเลย อย่างน้อยก็ต้องรอสัก 10 นาที....”
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็ต้องยืนหยัดจนกว่าฮวางซางจะออกมา!”
เมื่อได้ยินคำพูดของตั้วลั่ว หลิวซินที่กำลังฆ่าซอมบี้ ไปกัดฟันไปนั้นก็พูดขึ้น
“นี่.....”
เมื่อได้ยินคำพูดของตั้วลั่วและหลิวซิน และมองไปทางใบหน้าของจางเฟิ้งและเด็กๆ ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด จูเก๋อ โหย๋วหลง จึงลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็กัดฟันกรอด แล้วพูดขึ้นว่า
“ได้ งั้นผมจะช่วยพวกพี่ สู้!”
เมื่อพูดจบ เขาก็กวัดแกว่งมีดโค้งในมือขึ้น แล้วพุ่งเข้าไปหาซอมบี้ ที่กำลังปีนเข้ามาจากหน้าต่างโรงยิม พร้อมกับเจ้าหมายักษ์สีดำทันที!
ภายใต้การร่วมมือกันของทั้งสามคนและหมาหนึ่งตัว ซอมบี้ที่ถลันเข้ามาทางหน้าต่าง ก็ค่อยๆทยอยถูกพวกเขาฆ่าตาย ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป ขอแค่อย่าให้ประตูใหญ่นั้นพังซะก่อนก็พอ อย่าว่าแต่แค่ 10 นาทีเลย จะครึ่งชั่วโมง หรือ 1 ชั่วโมงก็น่าจะไม่มีปัญหา
แต่ไม่นานตั้วลั่วและพรรคพวกก็ตระหนักได้ว่า พวกเขาได้มองข้ามเรื่องสำคัญที่สุดไป!
นั้นก็คือหน้าต่างของโรงยิม ไม่ได้มีแค่สองช่องเท่านั้น!
แควก แควก แควก!
หลังจากผ่านไปราว2-3นาที ซอมบี้เหล่านั้นก็ได้ล้อมโรมยิมแห่งนี้ไว้ทั้งหลังแล้ว หน้าต่างทั้งสี่ด้านของโรงยิมก็ทยอยแตกกระจาย จากนั้นซอมบี้เหล่านี้ ก็ได้ปีนเข้ามาทางหน้าต่างมากยิ่งขึ้น!
แต่สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าก็คือ เสียงคำรามและเสียงกระแทกประตูอย่างรุนแรง ได้ดังแผ่ออกมาจากประตูด้านหลังของโรงยิมเช่นเดียวกัน!
ตอนนี้ พวกเขาได้ตกอยู่ในวงล้อมของกองทัพซอมบี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!