ตอนที่ 63 ผู้รอดชีวิตในโรงยิม
ตอนที่ 63 ผู้รอดชีวิตในโรงยิม
“ทิศทาง 3 นาฬิกา ระยะห่าง 150 เมตร ร้านสะดวกซื้อชั้นสอง!”
ในฐานะที่เป็นนักฆ่าในระดับหนึ่ง ตั้วลั่วนั้นมีประสบการณ์ ด้านสนามรบมากกว่าฮวางซางและหลิวซิน ดังนั้นแทบจะพริบตาเดียวที่ฮวางซางถูกยิง ตั้วลั่วก็สามารถหาตำแหน่งของศัตรูคนนั้นได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ตะโกนออกมาสุดเสียง แล้วชักปืนยาวจู่โจมขึ้นมา จากนั้นก็ยิงกราดใส่ร้านสะดวกซื้อชั้นหนึ่งจากตำแหน่งไกล และชั้นสองสามที่เป็นบ้านพักอาศัยทันที !
ตึงตึงตึงตึงตึง!
พริบตาเดียว เสียงปืนที่ดังราวกับประทัดแตกก็ดังขึ้นมา หน้าต่างบานหนึ่งบนชั้นสองของที่พักอาศัยนั้นถูกกระสุนยิงใส่จนแตกกระจาย เศษกระจกจำนวนมากร่วงหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้น พร้อมกับเลือดสีแดงสด กระจายออกมาจากหน้าต่างบานนั้น
“แม่งเอ๊ย!”
แต่ในตอนนั้นเอง ฮวางซางก็ได้สติกลับมา เมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ขยายออกมาจากหน้าอก แววตาของเขาก็ฉายความหวาดกลัวขึ้นมา จากนั้นก็ตะโกนออกไปด้วยความโกรธเคือง ก่อนจะหยิบปืนกลยิงกราดใส่หน้าต่างบานนั้นอย่างบ้าคลั่งเช่นเดียวกัน
เมื่อรู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะสัญญาณระวังภัยที่เขาสัมผัสได้ จนต้องขยับไปด้านข้างอย่างไม่รู้ตัวราวกับถูกผีอำแล้วละก็ กระสุนลูกนั้นก็คงจะไม่ได้ยิงมาที่เสื้อเกราะกันกระสุนเท่านั้น แต่มันจะยิงมายังคอหรือไม่ก็ใบหน้าของเขาเลยโดยตรง!
แต่ถ้าในกรณีที่ กระสุนลูกนั้นถูกยิงมาที่คอ หรือใบหน้าที่ไม่มีการป้องกันแต่อย่างใด จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งแค่ไหน แต่เมื่อโดนเช่นนี้ ก็สามารถจบชีวิตได้เหมือนกัน!
แล้วไม่ทำให้เขากลัว? ไม่ทำให้โกรธได้ยังไงละ?
บึมบึมบึมบึมบึมบึม!
อานุภาพของปืนกลนั้นน่ากลัวถึงขีดสุด บวกกับกระสุนส่องวิถีภายในกล่องกระสุนที่แสดงให้เห็นถึงวิถีของกระสุนที่ช่วยในการเล็งเป้าหมาย ดังนั้นหลังจากที่ยิงกระสุนออกไปเพียงแค่ไม่กี่ลูก กระสุนเพลิงที่มีอานุภาพเจาะเกราะก็โจมตีใส่หน้าต่างนั้นจนแตกกระจาย ก่อนจะตามมาด้วยเสียงระเบิดที่ดังขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้อาคารทั้งหลังตกอยู่ในทะเลเพลิงไปโดยปริยาย!
“เอาละ ไปโรงยิมก่อนเถอะ!”
เมื่อเห็นท่าทางที่โกรธเคืองของฮวางซาง ตั้วลั่วก็รีบพูดโน้มน้าวเขาประโยคหนึ่งทันที
เขารู้ว่าซอมบี้ ที่ทะลักออกมจากทั่วสารทิศ ในตอนนี้ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าฮวางซางยังคงใช้กระสุน อย่างสิ้นเปลืองยิงออกไปยังร้านสะดวกซื้อร้านนั้นต่อไปเรื่อยๆอีกละก็ การใช้ปืนยาวจู่โจมทั้งสองกระบอกของเขา และหลิวซินก็คงยากที่จะโจมตีซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาเหล่านั้นได้
“อื้อ!”
ฮวางซางเองก็ไม่ใช่คนบุ่มบ่ามขนาดนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของตั้วลั่ว เขาก็รีบใจเย็นลง จากนั้นก็จัดการเปลี่ยนทิศทางปากกระบอกปืน แล้วยิงกราดใส่ซอมบี้เหล่านั้น ส่วนหลิวซินและตั้วลั่วก็ช่วยยิงประกบอยู่ด้านข้าง ภายในสถานการณ์นี้พวกเขาทั้งสามคนเพิ่มความระมัดระวังตัวอีกไม่น้อย ด้วยการเตรียมการป้องกันจากการถูกลอบยิงมาจากด้านหลังอีกครั้ง
ภายใต้การร่วมมือช่วยกันเปิดทางของทั้งสามคน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงด้านหน้าของประตูเปิดปิดอัตโนมัติด้านนอกสุดหลังจากที่กระสุนกล่องที่สองของฮวางซางได้หมดลง!
ประตูพับอัตโนมัติบานนี้ยังคงปิดสนิท แต่ระดับความสูงราว ๆ 1.5 เมตรกลับไม่ได้สร้างปัญหาอะไรต่อฮวางซางที่มีสมรรถภาพเหนือกว่าคนทั่วไปเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นวินาทีต่อจากนั้นพวกเขาก็กระโดดพุ่งพรวดไปด้านหน้า จากนั้นก็ออกแรงดันประตูอัตโนมัติบานนั้น จนสุดท้ายทั้งสามคนก็สามารถดันประตูอัตโนมัติออกไป แล้วเข้าไปข้างในโรงยิมได้ในที่สุด
เพียงแค่ว่าตอนที่ผ่านประตูเปิดปิดอัตโนมัตินี้เข้ามานั้น ฮวางซางก็สังเกตเห็นได้ในทันทีว่ามีซากศพของซอมบี้ที่แตกกระจายอยู่เป็นจำนวนมากและอยู่ไม่ไกลจากประตูบานนี้มาก อีกทั้งด้านข้างของซากศพเหล่านี้ก็ยังมีสุนัขกลายพันธุ์รูปร่างใหญ่ แต่ร่างกายของพวกมันกลับเหี่ยวแห้ง ดูแล้วเหมือนกับถูกบางสิ่งบางอย่างดูดเลือดออกไปจนหมดตัวอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเห็นซากศพของซอมบี้และสุนัขกลายพันธุ์ที่แตกกระจายเหล่านั้นแล้ว ดวงตาของฮวางวางก็ฉายแววเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
ซากศพซอมบี้เหล่านี้และซากศพที่เหี่ยวแห้งของสุนัขกลายพันธุ์เหล่านั้นมาจากไหนกัน?
หรือว่าในละแวกนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์หรือซอมบี้หลายพันธุ์อีกอย่างนั้นเหรอ?
บึมบึมบึมบึมบึม!
แต่ในตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องนี้ เพราะตอนนี้ซอมบี้ที่ตามมาอยู่ด้านหลังเหล่านั้นได้พุ่งเข้ามาถึงด้านหน้า ของประตูเปิดปิดอัตโนมัติบานนี้แล้ว แล้วก็โจมตีเข้ามาอย่างรุนแรง
ยังดีที่ประตูอัตโนมัติบานนี้ ทำขึ้นมาจากโลหะผสมอลูมิเนียมและสังกะสี ถึงแม้ว่าจะมีระดับความแข็งที่ธรรมดาก็ตาม แต่ความเหนียวแน่นของมันไม่เลวเลยทีเดียว นอกเหนือจากนี้ประตูอัตโนมัติบานนี้ ยังถูกสร้างขึ้นด้วยโครงสร้างที่หลากหลาย จึงช่วยผ่อนแรง จากพลังการโจมตีภายนอกได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้นถึงแม้ว่าซอมบี้เหล่านี้ จะพุ่งใส่ประตูบานนี้จนเกิดเสียงระเบิดขึ้น อีกทั้งยังทำให้ประตูบานนี้กวัดแกว่งไปมา อย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่มันก็ไม่สามารถโจมตีใส่ประตู ให้พังทลายลงในเพียงชั่วเวลาสั้นๆเพื่อเข้ามาในโรงยิมนี้ได้
“ไปกันเถอะ ไปยังด้านในของโรงยิม ในนั้นน่าจะมีสถานที่ปลอดภัย และก็น่าจะมีน้ำและอาหารบางส่วนด้วย”
เมื่อเห็นว่าซอมบี้เหล่านั้นได้ถูกประตูบานนั้นขวางกั้นเอาไว้ ฮวางซางก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นก็วิ่งเข้าไปยังภายในโรงยิมต่อ
รูปแบบของโรงยิมแห่งนี้ไม่ถือว่าใหญ่มากนัก แต่ก็ไม่ได้เล็กมากสักทีเดียว สิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่ที่สุดในนี้ก็คือห้องภายในสนาม ในนั้นไม่เพียงแต่จะมีทางเข้าออก ที่มีประตูล๊อกไว้อย่างแน่นหนา อีกทั้งภายในห้องนั้นก็ยังมีร้านสะดวกซื้อ และตู้หยอดเหรีญอัตโนมัติบางส่วนอีกด้วย เมื่อพวกเขาเข้ามาภายในแล้ว ซอมบี้ที่ไม่เห็นเป้าหมายในการล่าเหล่านั้น ก็ไม่ได้พุ่งชนประตูอย่างบ้าคลั่งอีกต่อไป นั่นทำให้พวกเขาได้พักผ่อนอย่างผ่อนคลายลงได้บ้าง
ไม่นาน ฮวางซางและพรรคพวก ก็มาถึงด้านหน้าของประตูส่วนกลางที่ปิดสนิทบานหนึ่ง
แต่ในตอนนั้นเอง ฮวางซางที่มีประสาทสัมผัสด้านการได้ยินที่เหนือกว่าคนอื่น เขาได้ยินเสียงพูดคุยและเสียงฝีเท้าบางส่วนอย่างชัดเจนดังออกมาจากภายในส่วนกลางแห่งนี้
“มีคนเหรอ?”
เมื่อได้ยินเสียงภายใน ฮวางซางก็อึ้งงั้นไปเล็กน้อย
คิดไม่ถึงว่าในโรงยิมแห่งนี้จะมีคนอยู่ด้วย
แต่เมื่อคิดๆดูแล้ว ถึงแม้ว่าหายนะในครั้งนี้จะน่ากลัวมากก็ตาม แต่ยังไงก็ไม่สามารถฆ่าทุกคนให้หมดได้ภายวันเดียว ในตึกที่ผ่านมายังมีคนเหลือรอดได้ ดังนั้นคนที่หนีเข้ามาในโรงยิมแห่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไม่ได้
ถึงอย่างไรที่นี่ก็มีประตูที่แข็งแรงอยู่ อีกทั้งก็ยังเป็นโรงยิมที่มีอาหารสำรองเหมาะแก่การหลบภัยได้ดีเลยทีเดียว
เมื่อคิดได้ดังนนี้ ฮวางซางจึงได้ทำการเคาะประตูเหล็กนั้น ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“ฉันรู้ว่าข้างในมีคน รบกวนให้พวกคุณช่วยเปิดประตูหน่อย ให้พวกเราเข้าไปหลบซ่อนตัวด้วย!”
“ไม่...ไม่....”
แต่ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง ก็เกิดความเงียบลงพักหนึ่ง จากนั้นไม่นานเสียงผู้หญิงที่ปนไปด้วยความลังเลและความหวาดกลัวก็ดังขึ้นมา
“ที่นี่คือที่ของเรา พวกนายไม่ต้องเข้ามา รีบไปที่อื่นเถอะ ไม่...ไม่งั้นละก็ ฉันจะ ฉันจะเปิดประตูใหญ่ให้ซอมบี้เข้ามาที่นี่!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ คนๆนั้นก็พูดเน้นย้ำอีกครั้งว่า
“ฉันไม่ได้ขู่พวกนายนะ ในมือของฉันมีรีโมทควบคุมประตูอัตโนมัติอยู่จริงๆ ถ้าพวกนายไม่ไปละก็ ฉันก็จะไปจากที่นี่ ถึงตอนนั้นพวกนายก็คงจะถูกซอมบี้เหล่านั้นกินไปจนไม่เหลือซากแน่ๆ!”
“ในมือเธอมีรีโมทประตูใหญ่ ในมือพวกเราก็มีระเบิดมือ ถ้าพวกเธอกล้าเปิดประตูไฟฟ้านั้น ฉันก็จะทิ้งระเบิดใส่ประตูเหล็กบานนี้ ถึงตอนนั้นทุกคนก็ต้องตายกันหมดเช่นเดียวกัน”
แต่ทว่าเมื่อได้ยินเสียงขู่ของหญิงคนนั้น ตั้วลั่วกลับหัวเราะอย่างเยือกเย็นออกมา
ในฐานะที่เป็นนักฆ่าคนหนึ่ง เขาไม่เพียงแต่จะมีความชำนาญในการฆ่าคนเท่านั้น แต่เขายังได้เข้าใจนิสัยของมนุษย์อย่างลึกซึ้งอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงฟังออกได้ในทันทีว่า คนที่อยู่หลังประตูบานนนี้ เป็นคนที่แข็งนอกอ่อนใน รู้ว่าคนๆนี้ไม่กล้าต่อสู้จนตายไปด้วยกันอย่างเด็ดขาด
ดังนั้นวินาทีต่อจากนั้น ตั้วลั่วก็พูดต่อว่า “งั้นเอาอย่างนี้ ฉันเองก็คิดว่าไหนๆทั่วทุกที่ ก็เต็มไปด้วยซอมบี้อยู่แล้ว มีชีวิตอยู่ไปก็ไร้ความหมาย งั้นพวกเรามานับ 123 ด้วยกันดีกว่า เธอเปิดประตู ฉันทิ้งระเบิด เป็นไง? ฉันจะเริ่มนับละนะ 1 2......”
“อย่า อย่าทิ้งระเบิดนะ!”
เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ตั้วลั่วเพิ่งจะนับเลขได้ไม่นาน น้ำเสียงที่ปนสะอื้นนั้นก็ดังขึ้นมาจาภายในประตู
“พวกเรา พวกเราจะเปิดประตูให้!”
กึก!
หลังจากนั้น เสียงเบาๆก็ดังขึ้น ประตูเหล็กของสนามนี้ก็ถูกเปิดออกในที่สุด พร้อมกับผู้หญิงที่มีสีหน้าตื่นตระหนก อายุก็น่าจะราวๆ 20 กว่าปี สวมชุดออกกำลังคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาหน้าประตู
แต่สิ่งที่ทำให้ฮวางซางและพรรคพวก ตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือ ด้านหลังของผู้หญิงคนนี้ยังมีเด็กๆอีกกว่า 10 ชีวิต!
ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน?
แล้วเด็กพวกนั้นเป็นใคร?
พวกเขาฝ่ากองทัพซอมบี้ หลบหลีกภัยพิบัติ มาถึงในโรงยิมแห่งนี้ได้ยังไง?
ตอนนั้นเอง ในใจของฮวางซางและพรรคพวกก็เกิดคำถามขึ้นเต็มไปหมด
“พวกนาย....พวกนายคือทหารเหรอ?”
และในเวลาเดียวกัน เมื่อเห็นชุดลายพรางที่ฮวางซางและพรรคพวกใส่ ผู้หญิงที่มีสีหน้าตื่นตระหนกคนนั้น ก็ปรากฏแววดีใจขึ้นในดวงตาคู่นั้นทันที จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะรีบพูดขึ้นว่า
“แล้วทำไมพวกนายไม่พูดให้เร็วกว่านี้ละ ฉันคิดว่าพวกนายเป็นคนชั่ว มาเร็ว รีบเข้ามาข้างในแล้วค่อยว่ากัน”
“อื้อ”
ในขณะที่มองไปยังท่าทางดีใจของหญิงสาวคนนั้น เด็ก ๆ หลาย 10 คนที่มีใบหน้าหวาดกลัว กลับแสดงความดีใจออกมาเช่นเดียวกันเมื่อเห็นทหาร ฮวางซางและพรรคพวกมองตากัน จากนั้นก็พยักหน้า แล้วตามเข้าไปด้านใน
หลังจากนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็รีบปิดประตูใหญ่ แล้วล็อคกลอนอย่างแน่นหนา ดูเหมือนจะกลัวว่าซอมบี้ด้านนอกจะพุ่งเข้ามาอย่างไรอย่างนั้น
……
และในเวลาเดียวกัน ภายในห้องหนึ่ง ที่อยู่ห่างจากโรงยิมไปหลายเมตร มีคนที่มีอาวุธครบครันอยู่ในมือ นอกจากนี้ยังร่องรอยของการเผาไหม้จนดำไปทั่วทั้งตัว เหมือนกับตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก่อน กำลังจ้องมองมาทางโรงยิมแห่งนี้
เมื่อเห็นฮวางซางและพรรคพวกเข้ามา คนหัวล้านที่มีแผลเป็นอยู่บนใบหน้าก็ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที ดวงตาฉายแววเคร่งขรึม
“พี่หู สามคนนั้นเข้ามาแล้ว...”
และในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มผมเหลืองที่ข้างกายของคนหัวล้านนั้น ก็พูดขึ้นว่า “ยุ่งยากเข้าไปอีกละ เจ้าหมอนั้นยังไม่กลับมาเลย ตอนนี้ยังมีตัวปัญหาเพิ่มเข้ามาอีกสาม งั้นเราก็ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้วป่ะ? ดูเหมือนคนที่มานี้น่าจะเป็นทหาร... ”
“ทหารแล้วยังไง ? พี่ใหญ่ของนายก็ใช่ว่าจะไม่เคยฆ่านิ?”
แต่ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของหนุ่มผมเหลืองนั้น ชายหัวล้านที่ถูกเรียกว่า “พี่หู” กลับยิ้มเย็นชาออกมา จากนั้นก็ยกปืนยาวจู่โจมขึ้นมา ก่อนพูดขึ้นว่า
“เห็นไหม? ฉันมีอาวุธ แล้วก็อาวุธเหล่านั้นในมือของพวกนายด้วย มีอันไหนที่ไม่ได้มาจากมือของทหารบ้าง?ถ้ากลัวละก็ งั้นก็ไสหัวออกไป ฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์แบบนาย!”
“ไม่ครับ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น.....”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหัวล้าน หนุ่มผมเหลืองก็รีบส่ายหน้าทันที
“ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่น้องสาวของแกที่ดูไม่เลว ข้าฆ่าแกไปนานละ หยุดบ่นได้แล้ว”
ชายหัวล้านวางฝ่ามือไปที่เด็กหนุ่มผมเหลืองนั้น จากนั้นก็มองไปทางโรงยิมที่อยู่ไกลๆ พร้อมกับฉายแววตาดุร้ายขึ้นมา
“พี่ใหญ่เคยพูดแล้วไง ความสามารถของเด็กในโรงยิมนั่นไม่เลวเลย ถ้าเขาสามารถมารับใช้พวกเราได้ นั่นก็จะเป็นการช่วยพวกเราไว้ได้มากเลยทีเดียว ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงครั้งนี้จะต้องช่วยพี่ใหญ่ปราบเด็กนั่นให้ได้!”
“ส่วนเจ้าหนุ่มสามคนนั้น.....”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของชายหัวล้านคนนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“เดิมทีข้าคิดอยากจะกำจัดพวกเขาทิ้งซะ หลังจากนั้นก็หาโอกาสชิงอาวุธในมือของพวกเขามา เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะกลับมามือเปล่าซะได้ อีกทั้งการโต้ตอบของพวกเขาก็เร็วมากด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะข้าวิ่งเร็ว เกรงว่าก็น่าจะถูกพวกเขายิงตายเหมือนกับหลิวซานไปแล้ว”
“ช่างเถอะ รอก่อนละกัน ดูว่าพวกเขาจะไปจากที่นี่ไหม ถ้าพวกเขาไปจากที่นี่ก็ดี เราค่อยหาโอกาจัดการพวกเขาก็ได้ แต่ถ้าพวกเขาไม่ไปละก็...หึ ข้าก็คงต้องเรียกอาป้าวออกมา ถึงตอนนั้นพวกเขาก็เหลือเพียงความตายเท่านั้นแหละ!”
เมื่อพูดจบ ชายหัวล้านคนนั้น ก็หันกลับไปมองเด็กผู้หญิงที่ถูกมัดอยู่บนพื้น อีกทั้งยังถูกสก๊อตเทปพันปิดปากด้วย ก่อนจะเลียริมฝีปาก พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงโหดร้ายว่า
“พวกนายเฝ้าโรงยิมนั้นไว้ดีๆ พี่ใหญ่คนนี้จะขอตัวไปขึ้นสวรรค์สักหน่อย รอให้ฉันเสร็จก่อนค่อยถึงตาพวกนาย ฮ่าฮ่า!”
เมื่อพูดจบ ชายหัวล้านคนนั้นก็จับมือข้างหนึ่งของผู้หญิงคนนั้น จากนั้นก็หัวเราะพร้อมกับเข้าไปยังอีกห้องหนึ่ง แล้วปิดประตูลง
หลังจากนั้น เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และเสียงกระแทกก็ดังออกมาจากห้องนอน ที่ปิดประตูไว้บานนั้น.....