ตอนที่ 58 อันตรายใต้น้ำ
ตอนที่ 58 อันตรายใต้น้ำ
หลังจากที่ฮวางซางและพรรคพวก ได้เข้าไปในสวนลึกอย่างต่อเนื่อง ความอึดอัดและภัยอันตรายก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ น่ากลัวกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่
"พวกนายไม่สังเกตบ้างเหรอว่าที่นี่มันเงียบเกินไป
แต่ทว่า ดูเหมือนหลิวซินจะค้นพบอะไรบางอย่าง เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ จากนั้นก็พูดอย่างระมัดระวังว่า
“อย่าบอกนะว่าเป็นซอมบี้และสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ ขนาดยุงเหล่านั้นก็ไม่มีให้เห็นแล้ว....”
“ผิดปกติแบบนี้มันต้องมีบางอย่างแปลกๆแน่นอน ในสวนแห่งนี้ต้องมีปัญหาซะแล้ว”
จริงๆไม่ต้องให้หลิวซินพูด ฮวางซางเองก็สังเกตเห็นนานแล้วว่า มันมีบางอย่างแปลกไป ดังนั้นเขาจึงได้ทำการปลดล๊อค ปืนกลรุ่น 89 ไว้ก่อนแล้ว ก่อนใช้นิ้วชี้วางไว้ที่ตัวไกปืน เตรียมพร้อมยิงตลอดเวลา
“หึ ตอนนี้ละจะมาจริงจัง คุณแมลงสาบ คุณคิดว่าตัวเองนั้นมีความรู้สึกคนเดียวหรือไง?”
เมื่อได้เห็นยินคำพูดของฮวางซาง ตั้วลั่วก็หัวเราะเยาะออกมาหนึ่งเสียง แต่ในเวลาเดียวกัน สายตาของเขาก็กลับเย็นชาขึ้นมาทันใด พร้อมกับจับปืนยาวจู่โจมที่อยู่ในมือไว้แน่น เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็สังเกตเห็นภัยอันตรายที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดนั้นเช่นเดียวกัน
“เดินทางต่อเถอะ ระวังตัวด้วย!”
ฮวางซางไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของตั้วลั่วนัก แต่กลับสูดลมหายใจลึกๆแทน จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง
ถ้าหากมีความเป็นไปได้ พวกเขาไม่ควรเดินไปข้างหน้าด้วยซ้ำ แต่ปัญหาคือในตอนนี้ เส้นทางด้านหลังของพวกเขานั้น ถูกซอมบี้อุดทางไว้แล้ว การย้อนกลับไปยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม้แต่จะพักผ่อนเพียงชั่วครู่ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย ไม่งั้นละก็ อีกไม่นานซอมบี้เหล่านั้น จะต้องบุกตามพวกเขามาทันอย่างแน่นอน
ดังนั้นในเวลานี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสังเกตเห็น ถึงอันตรายบางอย่าง แต่ก็ทำได้เพียงฝืนเดินต่อไปเท่านั้น!
สวนสาธารณะยู่วหู คือสวนสาธารณะที่มีทิวทัศน์ ทะเลสาบเป็นศูนย์กลาง มีพื้นที่ครอบคลุม 12 เฮกเตอร์ ทะเลสาบศูนย์กลางนั้นมีชื่อเรียกว่า “หยู่หู” หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “หลิวหู” ทะเลสาบแห่งนี้เชื่อมต่อกับ แม่น้ำเซียงเจียง ซึ่งแบ่งออกเป็นต้นน้ำ กลาง และปลายน้ำ มีพื้นที่ผิวน้ำอยู่ที่ 360 เอเคอร์ เป็นหนึ่งในแม่น้ำที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเหลียน
หลังจากเดินต่อไปด้านหน้ามากว่า 10 นาที ในที่สุดฮวางซางและพรรคพวกก็มาถึงริมของทะเลสาบ
เมื่อมาถึงก็จะเห็นรูปปั้นหินหญิงสาวทั้งสองคนตั้งอยู่ที่ริมทะเลสาบ บริเวณใกล้เคียงนั้นมีซุ้มประตูที่ก่อสร้างขึ้นมาใกล้กับรูปปั้นหิน บนซุ่มประตูนั้นสลักตัวอักษรไว้ว่า “ชวาง ปี้ อู๋ เสีย” นอกจากนี้ยังมีอนุสรณ์คู่บนเสาที่อยู่ด้านข้างอีกด้วย
“แม้น้ำพุใต้ธรณีไม่อาจเลี่ยง ดุจดั่งเพียงน้ำเปล่าใสรวมเป็นหนึ่ง”
“ตั้งสุสานร่วมอาลัยคุณความดี คลื่นสีขาวกลางแสงจันทร์ส่องโฉมตรู”
เมื่ออ่านอนุสรณ์คู่นั้นแล้ว ฮวางซางก็ส่ายหน้า แล้วเดินทางต่อ
ถึงแม้ว่าทิวทัศน์ที่นี่จะไม่เลวเลยก็ตาม แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์มานั่งชื่นชมทิวทัศน์เหล่านี้
เนื่องจากสวนสาธารณะหยู่หู คือสวนสาธารณะที่มีน้ำพุเป็นเอกลักษณ์ ดังนั้นสวนสาธารณะหยู่หู จึงเหมือนกับสวนสาธารณะน้ำพุแห่งอื่น โครงสร้าง ทิวทัศน์ และการตกแต่งทั้งหมด ล้วนแล้วแต่มีทะเลสาบเป็นศูนย์กลางทั้งสิ้น ระเบียงทางเดินยาวๆ สะพานแขวน ภูเขาจำลอง แทบจะมองเห็นพื้นครอบคลุมส่วนหลักของสวนสาธารณะทั้งหมดเลยก็ว่าได้
เนื่องจากเป็นเช่นนี้ ภายใต้สถานการณ์ปกติ ถ้าอยากเข้าไปในสวนสาธารณะ ก็มีเพียงสองเส้นทางให้เลือก เส้นทางแรกคือเดินข้ามสะพานแขวน และระเบียงทางเดินบนสะพานเข้าไป และอีกเส้นทางหนึ่งคือพายเรือทะเลสาบข้ามไป
แต่ปัญหาก็คือ ตอนนี้ด้านหน้าของฮวางซางและพรรคพวก กลับเหลือเส้นทางพายเรือเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้น
“ให้ตายเถอะแล้วจะทำยังไงละ?”
เมื่อผ่านซุ้มประตูเข้าไป ก็เห็นพื้นที่ราวกับถูกสิ่งที่ทรงพลัง ที่น่ากลัวบางอย่างโจมตีใส่ จนแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปทั่ว หรือบางทีก็ถูกตัดการเชื่อมต่อ สะพานไม้และสะพานแขวนก็จมอยู่ในทะเลสาบ และเต็มไปด้วยร่องรอยการถูกโจมตี จนกลายเป็นสะพานที่กระจัดกระจาย ระเกะระกะอยู่บนพื้นผิวน้ำ ใบหน้าของฮวางซางและพรรคพวก ก็แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าปั้นยากขึ้นมาทันที
พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเส้นทางด้านหน้าของพวกเขาได้ถูกตัดขาดไปแล้ว!
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ไม่ว่าทั้งหมดนี้มันจะเกิดขึ้นจากสิ่งใดก็ตาม แต่มันจะต้องมีพละกำลัง ที่น่ากลัวถึงขีดสุดอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้น ไม่มีทางที่จะทำลายสะพานแขวน และสะพานไม้ที่แข็งแกร่งเหล่านั้นได้แน่ แม้แต่ระเบียงทางเดินบนผิวน้ำ ที่สร้างขึ้นมาจากการหลอมโลหะก็ถูกพังทลาย กระจัดกระจายจนไม่เหลือชิ้นดีเช่นกัน!
“ไม่มีร่องรอยของปลอกกระสุนและระเบิดเลย....”
“เมื่อดูจากตำแหน่งที่ถูกตัดการเชื่อมต่อ ของสะพานเหล่านั้น รวมไปถึงร่องรอยพังทลายของระเบียงทางเดิน การโจมตีแบบนี้น่าจะมาจากด้านนอก....”
“ริมทะเลสาบนี้ กลับไม่เห็นร่องรอยการเคลื่อนไหว ของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่อะไรด้วย...”
ในฐานะที่เป็นหมอนิติเวช ฮวางซางไม่เพียงแต่จะรู้เรื่องโครงสร้างของร่างกายคนเท่านั้น อีกทั้งยังมีความรู้ในการตรวจสอบร่องรอยอย่างลึกซึ้งอีกด้วย ในตอนนี้หลังจากที่ได้ทำการสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ดวงตาของเขาก็ฉายแววเคร่งขรึมขึ้นมาอย่างฉับพลัน จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“แบบนี้ จากการวิเคราะห์เบื้องต้นทิศทางการโจมตีนั้นไม่มาจากบนฟ้าก็มาจาก...ใต้น้ำ!”
“เหี้ยแล้วไง คงจะไม่ใช่อีแร้งที่น่าหวาดกลัวเหล่านั้นหรอกนะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง ใบหน้าของหลิวซินก็เปลี่ยนสีที่ดูลำบากใจยิ่งกว่าเดิมอีก
เฮลิคอปเตอร์ที่พวกเขานั่งมาก่อนหน้านั้น ก็ถูกไซโครวอลเจอร์โจมตีจนตกลงมา และตอนนี้ที่ริมทะเลสาบก็ไม่มีแม้แต่ที่กำบังให้หลบซ่อนตัว ถ้าหากพบกับไซโครวอลเจอร์อีกครั้งละก็ พวกเขาก็อาจจะไม่สามารถหนีพ้นจากปากของนักล่าที่บ้าคลั่งเหล่านั้นได้
“ไม่น่าใช่ ถึงแม้ว่าไซโครวอลเจอร์จะบ้าคลั่งมาก็ตาม แต่กำลังของพวกมันถือว่าน้อยมาก ไม่มีทางทำลายระเบียงทางเดินที่มีน้ำหนักขนาดนี้ให้แตกกระจายได้หรอก”
ฮวางซางส่ายหน้า
“สิ่งที่ทำเรื่องพวกนี้ได้ น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต ที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ ถึงจะมีความเป็นไปได้มากว่า”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ แววตาของฮวางซาวก็ยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น
“แต่ไม่ว่ามันจะคือตัวอะไร ฉันคิดว่าเราก็ต้องเลือกเส้นทางอื่น เพื่อข้ามสวนสาธารณะออกไป พูดจริงๆนะ ฉันยอมเดินอ้อมไกลหน่อย เพราะไม่อยากพบเจอกับการโจมตีที่มาจากใต้น้ำหรือว่าท้องฟ้าในขณะตอนข้ามทะเลสาบนะ”
“โอเคๆๆ ฉันเห็นด้วยที่จะเปลี่ยนเส้นทาง!”
หลิวซินเองก็เคยดูหนังเรื่อง คอง มหาภัย เกาะกะโหลกมาก่อน ทำให้เขามีความหวาดกลัวลึกๆ ต่อสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ประหลาดบนเกาะกะโหลกอยู่ไม่น้อย ดังนั้นในตอนที่ได้ยินคำพูดของฮวางซาง เขาก็พยักหน้าตามทันที
แต่ทว่าในเวลานั้นเอง ตั้วลั่วกลับส่ายหน้า แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“แต่ฉันมีเรื่องโชคร้ายๆมาก อยากบอกพวกนายก่อน ฉันคิดว่าการเปลี่ยนเส้นทางในตอนนี้ คงจะไม่ทันการณ์ซะแล้ว ไม่เชื่อนายก็ดูด้านหลังสิ...”
เมื่อได้ยินคำพูดของตั้วลั่ว ฮวางซางและหลิวซิน ก็หันไปมองด้านหลังทันที แล้วก็เห็นซอมบี้จำนวนมาก ปรากฏขึ้นด้านหลังของพวกเขา อีกทั้งยังรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่อีกด้วย เมื่อมองดูแล้ว คาดว่าซอมบี้เหล่านั้น กำลังพุ่งตรงมายังริมน้ำที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้!
“เหี้ย ทำไมซอมบี้ถึงได้เยอะขนาดนี้เนี่ย?”
ในขณะที่กำลังมองไปทางซอมบี้ ที่ดูเหมือนจะไม่มีวันหมดสิ้น ได้ทะลักออกมาจากทั่วทุกทิศทางนั้น หลิวซินก็อดพูดด้วยความตื่นตกใจขึ้นมาไม่ได้
“เราทำลายประตูใหญ่ จนพังลงมาแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ประตูใหญ่ของสวนสาธารณะแห่งนี้ มันต้านทานไม่อยู่หรอก พวกเราเคลื่อนไหวเข้ามาที่นี่ดังซะขนาดนี้ ย่อมดึงดูดซอมบี้เข้ามาหาไม่น้อยแหละ....”
ฮวางซางส่ายหน้า สายตาเคร่งขรึม แต่กลับพูดขึ้นด้วยความสงสัยว่า
“แต่ซอมบี้เหล่านี้มากกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีกนะ หรือว่าพวกมันลอยไปลอยมาอยู่ในสวนสาธารณะแห่งนี้อยู่แล้ว ถึงได้มาเร็วขนาดนี้?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ความสงสัยภายในใจ และความรู้สึกไม่ดีของฮวางซาง ได้ทวีความรุนแรงขึ้น
“แต่ในนี้ไม่ใครเลยนะ ทำไมซอมบี้เหล่านั้นถึงได้รุกล้ำเข้ามาในนี้อย่างไม่มีสาเหตุละ? หรือว่ามีบางสิ่งบางอย่างดึงดูดพวกมันเข้ามา?”
“ตอนนี้ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว รีบขึ้นเรือออกจากที่นี่ก่อนเถอะ!”
ในตอนนั้นเอง ตั้วลั่วก็ได้ตัดบทของฮวางซางลง จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“ซอมบี้เยอะขนาดนี้ ถึงพวกเราจะฆ่ามันจนกระสุนหมด ก็ไม่มีทางฆ่าพวกมันได้หมดสิ้นอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นพวกเราก็คงจะถูกพวกมันฆ่าจนหมดสิ้นแทน!”
ซอมบี้ที่ทะลักออกมาทั่วสารทิศนั้นในตอนนี้ ถึงแม้ว่าฮวางซางและพรรคพวกจะมีพละกำลังที่แข็งแกร่งมาก มีระเบิดที่รุนแรงก็ตาม ยังไงก็ยากที่จะฝ่ากองทัพซอมบี้เหล่านี้ออกไปได้ ดังนั้นเบื้องหน้าของพวกเขา จึงเหลือแค่เพียงเส้นทางเดียวเท่านั้น นั่นก็คือนั่งเรือทะเลข้ามทะเลสาบออกไปจากที่นี่!
“คงทำได้แค่นี้เท่านั้น ทุกคนระวังตัวด้วย!”
เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็คงจะไม่มีทางเลือกแล้ว ดังนั้นฮวางซางจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนเรือที่จอดอยู่ริมทะเลสาบ ส่วนหลิวซินและตั้วลั่วก็กระโดดขึ้นเรือตามมา
ตึงตึงตึงตึง!
เรือที่ฮวางซางและพรรคพวกนั่งคือเรือสำหรับแปดคน ที่พบบ่อยที่สุดในสวนสาธารณะ ถึงแม้ว่าภายนอกของเรือลำนี้ จะดูเหมือนเรือแคนนูโบราณเหล่านั้นก็ตาม แต่ในความเป็นจริงกลับขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้า
หลังจากขึ้นมาบนเรือแล้ว ฮวางซางและพรรคพวกก็รีบสตาร์ทเรือลำนี้ทันที จากนั้นเรือลำนี้ก็ค่อยๆเริ่มเพิ่มความเร็วท่ามกลางเสียงเครื่องยนต์ ออกจากริมทะเลสาบ พุ่งตรงออกไปสู่ใจกลางทะเลสาบทันที
โฮก!
หลังจากที่พวกของฮวางซาง ขับเรืออกมาจากริมทะเลสาบได้เพียงไม่นาน ซอมบี้ที่ทะลักออกมาจากทั่วสารทิศเหล่านั้น ก็ได้มาถึงริมทะเลสาบพร้อมกัน และก็เป็นอย่างที่พวกฮวางซางคาดการณ์ไว้ ทะเลสาบแห่งนี้ไม่สามารถขัดขวางการเคลื่อนไหวของซอมบี้ได้ พวกมันจึงได้ตกลงไปในน้ำทีละตัวๆ จากนั้นก็จมลงไปในน้ำท่ามกลางฟองอากาศเหล่านั้น!
แต่ซอมบี้เหล่านั้น ไม่จำเป็นต้องหายใจ ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกมันจะจมลงไปใต้น้ำ แต่กลับไม่คร่าชีวิตพวกมันแต่อย่างใด ตรงกันข้าม มันกลับเดินกระโผลกกระเผลกบนดินเลนใต้น้ำ ตามพวกของฮวางซางมาอย่างต่อเนื่อง
“แม่งเอ๊ย พวกมันเดินใต้น้ำได้ คนตายต้องลอยขึ้นมาบนผิวน้ำไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อเห็นภาพนั้น ตั้วลั่วก็อดตกตะลึงไม่ได้
เขาเคยผ่านสนามรบมากแล้ว ดังนั้นจึงเคยเห็นศพคนตายจำนวนมากลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ แต่ทำไมซอมบี้เหล่านี้ถึงได้จมลงไปใต้น้ำราวกับถูกลูกตุ้มถ่วงน้ำละ?
“มีความรู้รอบตัวหน่อยได้ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดของตั้วลั่ว ฮวางซางก็กระตุกยิ้มมุมปาก จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยเสียงเรียบๆว่า
“ความหนาแน่นของร่างกายนั้นไม่ค่อยแตกต่างจากน้ำมากนัก แต่หลังจากที่คนเราสิ้นลมหายใจแล้ว อากาศในร่างกายของคนเราจะลดน้อยลง แรงในการลอยก็จะต่ำลง ศพก็จะจมลงไปใต้น้ำ จนกระทั่งมีการเจริญพันธุ์ของแบคทีเรียในร่างกายของศพ เมื่อศพเริ่มเน่า ก็จะเกิดก๊าซที่บูดเน่า ดังนั้นศพเหล่านี้จึงได้ลอยขึ้นมาอีกครั้ง”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮวางซางก็มองไปทางซอมบี้เหล่านั้น จากนั้นก็พูดขึ้นต่อว่า
“ซอมบี้เหล่านั้นเพิ่งจะลงไปในน้ำ อีกทั้งร่างกายของมันก็ยังมีการดำรงอยู่ของเชื้อไวรัสด้วย ผีสางเท่านั้นที่จะรู้ว่าตอนไหนถึงจะเริ่มเน่าและลอยขึ้นมาได้ แต่ไม่ต้องกังวลหรอก ในน้ำมีแรงต้านมาก ทำให้ความเร็วของพวกมันช้าลง ตามพวกเรามาไม่ทันหรอก”
“บัดซบ นี่นายเรียกว่าความรู้รอบตัวเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง ตั้วลั่วก็ชักสีหน้าใส่ทันที จากนั้นก็โต้แย้งกลับไปว่า
“งั้นก็ดี ฉันเองก็อยากถามความรู้รอบตัวของนายสักหนึ่งข้อ นายรู้วิธีการฆ่าคนด้วยตะเกียบรึเปล่า และยังฆ่าแบบเงียบเชียบด้วยนะ?”
“น่าเบื่อ...”
เมื่อเผชิญกับคำโต้แย้งของตั้วลั่ว ฮวางซางจึงขี้เกียจเกินไปที่จะโต้ตอบ แต่กลับยกปืนกลรุ่น 89 ขึ้นมาเล็งไปรอบทิศทาง เป็นการเตรียมการไว้ล่วงหน้า
“ใช้ตะเกียบฆ่าคน อีกทั้งยังคงรักษาความเงียบในการฆ่าได้อีกด้วย?”
แต่ในเวลานั้นหลิวซินกลับให้ความสนใจขึ้นมาแทน จากนั้นก็ถามขึ้นว่า
“มันทำยังไงละ?”
“ง่ายมาก ก็แค่เอาตะเกียบแทงเข้าในรูจมูกของศัตรู ทะลุขึ้นไปถึงหัวสมองเท่านี้ก็ได้ละ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เพดานปาก หลอดอาหาร กล้ามเนื้อซุปปราไฮออยด์ กล้ามเนื้อแพลทิสมา กล้ามเนื้อไดแกสตริก กล้ามเนื้อลิ้นรับประสาทโดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นเสียงของร่างกายมนุษย์ จะหดตัวลงภายใต้การถูกกระตุ้นที่รุนแรงเช่นนี้ คนๆนั้นจึงไม่มีทางส่งเสียงออกมายังไงละ ”
ตั้วลั่วยักไหล่ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “แต่ยังไงพูดหน่ะมันง่าย ทำหน่ะมันยาก หลังจากที่ฉันล้มเหลวมา 7-8 ครั้ง ฉันเพิ่งจะประสบความสำเร็จแค่เพียง 1 ครั้ง อีกทั้งในกรณีที่ล้มเหลว เป้าหมายไม่เพียงแต่จะไม่ตาย แต่กลับยังคงดิ้นพล่านอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำมูกและเลือดไหลทะลักออกมา มันน่าสะอิดสะเอียนอย่างมาก ดังนั้นหลังจากที่สำเร็จไปแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจึงขี้เกียจฝึกต่อละ”
“พอแล้ว...หยุดพูดได้แล้ว...”
เมื่อได้ยินคำพูดของตั้วลั่ว ในสมองของหลิวซินก็ปรากฏภาพขึ้นมาอย่างชัดเจน จากนั้นก็ชักสีหน้าใส่ พร้อมกับความรู้สึกสะอิดสะเอียนปรากฏขึ้นมาในใจของเขา
“แค่นี้ก็สะอิดสะเอียนแล้วเหรอ? นายนี่มันอ่อนเกินไปจริงๆ ยังมีอันที่น่าสะอิดสะเอียนกว่านี้อีก ฉันจำได้ว่าครั้งหนึ่งในประเทศเกาหลี...”
เมื่อเห็นท่าทางสะอิดสะเอียนของหลิวซิน นิสัยไม่ดีเหล่านั้นของตั้วลั่ว ก็กำเริบออกมาให้เห็นอีกครั้ง และเตรียมพร้อมที่จะพูดแกล้งหลิวซินต่อ
“เงียบ!”
ในตอนนั้นเอง ฮวางซางกลับตัดบทของตั้วลั่วอย่างฉับพลัน จากนั้นก็มองลงไปใต้น้ำ ก่อนพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ใต้น้ำมีบางอย่าง....และยังเป็นบางอย่างที่มีขนาดใหญ่มากอีกด้วย!”
“อะไรนะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง สีหน้าของตั้วลั่วและหลิวซินก็เปลี่ยนไป จากนั้นจึงรีบหุบปาก เตรียมพร้อมการป้องกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ในตอนนั้นเอง บรรยากาศที่ทั้งตึงเครียด และอึดอัดก็เริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาหาเรือบนทะเลสาบลำนี้อย่างช้าๆ !