ตอนที่ 43 จุดมุ่งหมายเมืองเหลียน
ตอนที่ 43 จุดมุ่งหมายเมืองเหลียน
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า พวกเราหนีออกมาได้แล้ว!”
บนเฮลิคอปเตอร์ หลังจากที่ดึงฮวางซางขึ้นมาได้แล้ว หลิวซินก็อดที่จะโห่ร้องด้วยความดีใจไม่ได้ พร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ใช่ ในที่สุดก็หนีออกมาได้แล้ว”
เช่นเดียวกับหลิวซิน ฮวางซางที่เพิ่งจะหนีรอดจากความตายมาได้เมื่อสักครู่ ก็ได้ถอนหายใจยาวๆออกมาอย่างผ่อนคลาย จากนั้นก็เช็ดเลือด ฝุ่นละอองและเหงื่อที่ผสมปนเป จนกลายเป็นคราบสกปรกออกจากบนใบหน้า แล้วถามขึ้นว่า
“จริงสิ แล้วเราจะไปไหนกันต่อละ?”
“เนื่องจากบินขึ้นมากะทันหัน เชื้อเพลิงสำหรับการบินจึงมีไม่เยอะมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเราคงจะบินไปไม่ได้ไม่ไกลนัก จากที่ประเมินได้ เราต้องหาวิธีการรับมือกับเชื้อเพลิงก่อน พร้อมกับติดต่อฝั่งทหาร ดูว่าสามารถหาห้องวิจัยที่ปลอดภัย สำหรับทำการวิเคราะห์ และกู้คืนของเซรุ่มไวรัสได้สักห้องไหม”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง หลิวชิงก็ส่ายหน้า แล้วพูดว่า
“ฉันคิดไว้แล้ว ตอนนี้เมือง C ได้ถูกเหล่าซอมบี้ยึดไปเกือบจะหมดแล้ว ดังนั้นเมือง C จึงไม่สามารถอยู่ต่อไปได้อย่างแน่นอน ฉันแนะนำให้ไปหากองกำลังสนับสนุนของเมื่องหยาง ดูว่าสามารถหากองกำลังที่รอดชีวิตได้ไหม”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวชิงก็หยุดไปสักพัก จากนั้นก็พูดต่อว่า
“ถึงอย่างไรกองกำลังสุนบสนุนของเมืองหยาง ก็มีกองกำลังทหารเป็นกองทัพอยู่แล้ว ซึ่งนักเรียนทหารและทหารกองหนุน ภายในเขตกองกำลังป้องกันประเทศ ก็ยังไม่อาจเทียบได้ บวกกับที่พวกเขาได้เร่งเดินทัพเข้ามาแล้วด้วย ปืนและกระสุนก็น่าจะถูกเตรียมพร้อมไว้ครบครัน อีกอย่างก็ยังมีอุปกรณ์ ที่ติดตั้งขนวนระเบิดไว้เป็นจำนวนมากอีกด้วย ดังนั้นถึงแม้จะมีกองทัพซอมบี้โอบล้อมเข้ามาก็ตาม แต่พวกมันก็ไม่สามารถ ทำลายกองทัพทหารได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ!”
“แล้วท่านรู้ไหมครับความกองกำลังสนับสนุนของเมืองหยางอยู่ที่ไหน?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวชิง ฮววงซางก็พยักหน้า แล้วถามขึ้นในทันที
“ก่อนที่ซอมบี้จะเกิดขึ้นมาในกองกำลังของพวกเรา ฉันเคยติดต่อกองกำลังทหารสนับสนุนของเมืองหยางไปแล้ว ตอนนั้นพวกเขากำลังพักผ่อนอยู่ที่เมืองเหลียน เตรียมพร้อมบุกเข้ามาในเมือง C”
หลิวชิงพยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า
“ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาจึงไม่สามารถออกไปจากเมืองเหลียนได้ในช่วงเวลาสั้นๆแน่ ดังนั้นพวกเราทำได้เพียง ไปหาพวกเขาที่เมืองเหลียน หรือถ้าแย่หน่อย ถึงแม้ว่ากองกำลังทหารจะล่มสลายไปแล้วก็ตาม แต่พวกเราก็ยังสามารถ หาเชื้อเพลิงและอาวุธที่จำเป็นได้จากพวกเขา”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ดูเหมือนหลิวชิงจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงได้หันกลับไปทางตั้วลั่วที่กำลังขับเฮลิคอปเตอร์ ก่อนถามขึ้นว่า
“จริงสิ ลองใช้เครื่องมือสื่อสาร บนเฮลิคอปเตอร์ติดต่อไปทางเมืองหยางดูสิ ดูว่าเขาจะตอบกลับมาหรือไม่ สัญญาณโทรศัพท์ของฉัน ดูเหมือนจะถูกรบกวนไปแล้ว โทรศัพท์จึงโทรออกไม่ได้”
ก่อนจะขึ้นเครื่องมา หลิวชิงเคยลองติดต่อกองกำลังทหารสนับสนุน ของเมืองหยางไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด สัญญาณโทรศัพท์ของเขาได้หายไป แล้วก็โทรออกไม่ได้อีกเลย
“เคยลองดูแล้ว ไม่มีประโยชน์”
แต่ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของหลิวชิง ตั้วลั่วก็ส่ายหน้าทันที แล้วพูดว่า
“คิดมากทำไม เมืองนั้นอยู่ห่างจากเมือง C เพียงไม่กี่สิบกิโลเมตร ความเร็วของเฮลิคอปเตอร์จื่อ-9 ใช้เวลามากสุดแค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่หมายแล้ว ถึงตอนนั้นก็รู้เองแหละ”
“ก็ใช่....”
เมื่อได้ยินคำพูดของตั้วลั่ว หลิวชิงก็พยักหน้า จากนั้นก็เงียบไป
ในเวลานี้ ภายในเครื่องบินทั้งลำได้ตกอยู่ในความเงียบ ราวกับว่าไม่มีใครอยากพูดอะไรอีกแล้ว
แต่เมื่อคิดๆดูแล้วก็ใช่ ถึงแม้ว่าเวลาที่ฝนตกกระหน่ำลงมา จนถึงตอนนี้จะเพิ่งผ่านไปเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ภายใน 1 ชั่วโมงนี้ กลับทำให้พวกเขาเกือบตายไปแล้วหลายครั้ง พูดได้ว่าจิตวิญญาณ และพละกำลังอ่อนแอลงไปมากเลยทีเดียว ในที่สุดก็ได้ปลอดภัยไปได้ระยะหนึ่ง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงอยากมีเวลาพักผ่อน ได้อย่างเต็มที่สักพัก
บึม!
แต่ในเวลานั้นเอง เสียงระเบิดที่รุนแรงก็ดังแผ่ขยายออกมาจากที่ไกล ๆ พร้อมแสงสว่างของเปลวไฟที่สาดส่องออกมาในค่ำคืนที่ฝนตกกระหน่ำเช่นนี้
“หือ?”
เมื่อได้ยินเสียงระเบิด ที่รุนแรงเสียงนั้น ฮวางซางก็ตื่นตกใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน จากนั้นก็มองลงไปทางหน้าต่างของเฮิลคอปเตอร์ลำนี้
เขาเห็นแค่เพียงการระเบิด ภายในคอนโดหลังหนึ่งเท่านั้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันระเบิดสิ่งใด คอนโดในเวลานี้เริ่มถูกไฟลุกลามปกคลุมไปทั่วทั้งหลัง เขาใช้ความสามารถในการมองเห็น ที่เหนือกว่าบุคคลทั่วไปมองลงไป แล้วก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งในเปลวไฟนั้นกำลังดิ้นพล่านพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง โดยที่ไม่รู้ว่านั่นคือซอมบี้หรือผู้ที่รอดชีวิต..........
แต่คอนโดหลังนี้เป็นเพียงส่วนย่อยเล็ก ๆของเมือง C เท่านั้น เมื่อมองเมือง C ลงไปจากท้องฟ้า ก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เมืองที่มีอายุหลายพันปีแห่งนี้ ได้ตกไปอยู่ในท่ามกลางความมืดแห่งความโกลาหล และการล้มตายไปหมดสิ้น ทั่วทุกหนทุกแห่งได้กลายเป็นเปลวไฟที่ลุกโชน
เขม่าควันของดินปืนที่หนาแน่น และเหล่าซอมบี้ที่เดินโซซัดเซไปมา ถึงแม้ว่าบางครั้งจะเห็นผู้รอดชีวิตบางส่วนที่หนีตายออกมาบนถนน หรือบางทีก็ได้ยินเสียงปืน และเสียงร้องอย่างน่าเวทนาประปรายก็ตาม แต่ที่เหลือกลับเป็นความเงียบสงัดที่แปลกประหลาด!
มันกำลังแสดงให้เห็นว่านี่ความเงียบสงัดแห่งความตาย!
ทันใดนั้น ดูเหมือนผู้รอดชีวิตส่วนหนึ่ง จะเห็นเข้ากับเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธครบครัน ที่มีฮวางซางและคนอื่นๆเป็นผู้โดยสาร จากนั้นเงาของผู้รอดชีวิตส่วนหนึ่ง ก็ปรากฏออกมาให้เห็นตามยอดตึกอีกหลายหลัง พวกเขาขอความช่วยเหลืออย่างบ้าคลั่ง ทั้งโบกมือ หรือแม้กระทั่งใช้สิ่งของบางอย่างจุดไฟ เพื่อสร้างแสงสว่างในความืด เห็นได้ชัดว่าเฮลิคอปเตอร์ของฮวางซางและพรรคพวก กลายเป็นฟางชีวิตเส้นสุดท้ายของพวกเขา
แต่ทว่า ความสามารถในการบรรจุ ของเฮลิคอปเตอร์ติดตั้งอาวุธครบครันจื่อ -9 ลำนี้ สามารถบรรทุกคนได้ไม่เกิน 10 คนเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะอยากช่วยชีวิตก็ตาม แต่จะช่วยได้สักกี่คนละ ยิ่งไปกว่านั้นคนขับเฮลิคอปเตอร์ในตอนนี้ก็คือตั้วลั่ว ที่เห็นชีวิตคนเป็นเหมือนสิ่งของไร้ค่าเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะให้เขาพาตัวเองไปเสี่ยง ช่วยชีวิตคนท่ามกลางอันตราย ของพายุและฝนที่ตกกระหน่ำเช่นนี้
ดังนั้น ไม่ว่าคนเหล่นั้น จะร้องเรียกกขอความช่วยเหลือยังไง ตั้วลั่วก็ไม่สนใจ แม้กระทั้งใบหน้าของเขาก็ยังไม่เปลี่ยนสีแต่อย่างใด ขับเฮลิคอปเตอร์ตรงไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
แต่เมื่อผู้รอดชีวิตที่ขอความช่วยเหลือ เห็นว่าเฮลิคอปเตอร์นั้น ไม่มีทีท่าว่าจะลงมาช่วยพวกเขา พวกเขาจึงค่อยๆทยอยด่าทอด้วยความโกรธ กรีดร้องหรือบางทีก็ร้องไห้ออกมา แม้กระทั้งบางส่วนก็ยังหยิบปืนขึ้นมา ยิงใส่เฮลิคอปเตอร์เลยก็มี ดูเหมือนว่า ต้องการให้เฮลิคอปเตอร์นั้นตกลงมา ตายพร้อมไปกับพวกเขา
แต่ถึงแม้ว่าเฮลิคอปเตอร์จื่อ-9 จะเทียบกับเจ้าแห่งการรบบนเวหา อย่างเอเอช-64 อาพาชี และยูเอช-60 แบล็กฮอว์กก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่อาวุธเล็กๆเหล่านี้ สามารถคุกคามได้ ดังนั้นการยิงปืนของคนเหล่านั้น ไม่เพียงแต่จะไม่ถึงเฮลิคอปเตอร์แล้ว อีกทั้งเสียงปืนอันรุนแรงนั้น และเสียงร้องของพวกเขา ยังดึงดูดซอมบี้จำนวนมาก ให้เข้าไปหาอีกด้วย
ไม่นาน เงาที่เดินโซซัดโซเซนับไม่ถ้วน ก็พุ่งไปทางดาดฟ้า จากนั้นก็พุ่งใส่ผู้รอดชีวิตที่ขอความช่วยเหลือเหล่านั้น และหลังจากนั้น เสียงเพลงซิมโฟนีของเสียงร้องโหยหวนและความตาย ก็ดังขึ้นมาในที่แห่งนี้.......
“เฮ้อ......”
หลังจากถอนหายใจยาวๆออกมาแล้ว ฮวางซางก็ละสายตาออกจากกระจกของเครื่อง ใบหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนเย็นชา แต่กลับไม่ได้เลือดเย็นแต่อย่างใด เมื่อเห็นคนจำนวนมากจบสิ้นชีวิตลง ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เขากลับไม่มีความสามารถมากพอ ดังนั้นเขาจึงเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมาภายในใจ
“ฟ้าดินไร้ปราณี ปฏิบัติคล้ายดั่งสรรพสิ่งเป็นหุ่นฟาง...”
“ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น...”
“หน้าที่ของเจ้า ก็คือช่วยชีวิตมนุษย์ ภายใต้การช่วยเหลือของระบบ คุ้มครองอาณาประชาราษฎร์....”
เมื่อนึกถึงคำพูดที่ระบบเคยบอกไว้ ฮวางซางจึงได้กำหมัดของตัวเองไว้แน่น
เขาไม่เคยคิดจะเป็นฮีโร่ หรือผู้ช่วยโลกอะไรแบบนี้มาก่อน แม้กระทั้งยังคิดว่า สิ่งที่เรียกว่าฮีโร่นั้นเป็นเรื่องโง่งม แต่เมื่อเห็นเมืองที่คุ้นเคย ได้ถูกทำลายวอดวายลง เมื่อเห็นผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นถูกฝังเป็นศพ ทัศนคติของเขาจึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ
เขาปรารถนาจะได้พบเจอ กับชีวิตที่สุขสบายทุกวัน แต่ไม่ได้ปรารถนาว่า จะพบกับการลาจากที่ยากเกินกว่าจะได้พบกันแบบนี้ทุกวัน!
เขาปรารถนา จะได้ดมกลิ่นดอกไม้หอมๆทุกวัน แต่ไม่ได้ปรารถนา ที่จะได้กลิ่นเหม็นคาวเลือดเล่นนี้!
เขาปรารถนาจะได้ฟังเพลงเพราะๆทุกวัน แต่ไม่ได้ปรารถนาจะฟังเสียงกรีดร้องโหยหวนเช่นนี้!
เขาปรารถนาจะได้เห็น หญิงสาวที่งดงามตามท้องถนน ที่เต็มไปด้วยความความสดใส และรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตทุกวัน แต่ไม่ได้ปรารถนา จะเห็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว และสะอิดสะเอียนหลายหลายรูปแบบทุกวัน!
เขาปรารถนาให้ทั้งหมดนี้กลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง ไม่ปรารถนาให้ถลำเข้าไปในวันจุดจบของโลกเช่นนี้!
เมื่อคิดได้ ดวงตาของฮวางซางก็ฉายแววหนักแน่นขึ้นมาทันใด
บางที เขาควรจะต้องทำอะไรสักอย่าง ด้วยความสามารถของตัวเอง