ตอนที่แล้วตอนที่ 2 ซอมบี้ !ซอมบี้!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 4 เทพแห่งสงคราม!

ตอนที่ 3 จุดจบของโลก & ระบบ !


ตอนที่ 3 จุดจบของโลก & ระบบ !

  

“ได้รับการเพิ่มพลังวิญญาณ จุดเชื่อมต่อระบบการสืบทอดได้เปิดออกแล้ว!” ไม่รู้ว่าสลบไสลไปนานแค่ไหน น้ำเสียงเย็นชาของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาในหัวของฮวางซาง จนทำให้เขาตื่นขึ้นมา

หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมากลับพบว่าตัวเองนั้นได้มาอยู่ในความว่างเปล่าของความมืดที่ไร้ขอบเขตอย่างคาดไม่ถึง ราวกับอยู่ในเหวลึกที่ไม่มีจุดสิ้นสุดอย่างไรอย่างนั้น ความว่างเปล่านี้ดูเหมือนจะไร้ท้องฟ้าไร้พื้นดิน  และเงียบสงัดในเวลาเดียวกัน นอกจากฮวางซางกับแสงสีฟ้าที่มองเห็นได้ลางๆจากที่ไกลๆนั้นแล้ว ก็มีไม่มีสิ่งอื่นใดอีก

“นี่มันที่ไหน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เมื่อนึกย้อนกลับไปเรื่องราวทั้งหมดก่อนที่จะสลบไสล รวมทั้งเสียงที่เพิ่งจะได้ยินเมื่อสักครู่ ในใจของฮวางซางก็อดที่จะเกิดความสงสัยขึ้นมาไม่ได้ งุนงงและตื่นตระหนก

“โฮสต์ไม่ต้องตื่นตระหนกไป  ที่ๆเจ้าอยู่ในตอนนี้คือมหาสมุทรไม่สิ้นหวัง  แล้วก็เป็นจุดเชื่อมต่อของระบบนี้ด้วย”

ความคิดนั้นของฮวางซางแทบจะผุดขึ้นมาในชั่วพริบตา เสียงของเครื่องจักรก่อนหน้านั้นก็ดังขึ้นมาจากแสงสีฟ้าของหยกเม็ดนั้นอีกครั้ง :“ระบบเดิมทีถูกเรียกขานว่าระบบจุติเทพ  ในช่วงที่มหายุค(กัลป์)ถึงกาลเสื่อมสลาย  องค์กรแห่งนี้เป็นเครื่องมือแห่งการสืบทอดที่หลอมรวมการสืบทอดแห่งอารยะธรรมและความช่วยเหลือของอาณาประชาราษฎร์เข้าไว้ด้วยกัน”

“ระบบ? โฮสต์?เดี๋ยวนะ ให้ฉันค่อยๆ....” เมื่อได้ยินเสียงที่แผ่ขยายออกมาจากแสงสีฟ้านั้น  ฮวางซางก็รู้สึกว่าสมองของตัวเองนั้นเกิดอาการใช้งานไม่ได้ขึ้นมาเล็กน้อย

โดยปกติแล้วเขาจะอ่านนิยายเป็นบางครั้ง ดังนั้นสำหรับเรื่องระบบและโฮสต์เหล่านี้จึงไม่ได้แปลกหูมากนัก แต่ที่แปลกคือระบบจุติเทพนั้นต่างหาก?  องค์กรจากโบราณกาลเช่นนี้กับระบบทางด้านวิทยาศาสตร์มันไปเกี่ยวข้องกันตอนไหนเหรอ?

“ความโบราณก็ใช่จะล้าสมัยจนไม่มีความหมายนะ  ความจริงแล้วอารยธรรมขององค์กรนั้นก้าวหน้ามากกว่าอารยะธรรมสมัยใหม่ในโลกของโฮสต์ซะอีก  เพียงแค่ว่าแตกต่างกันที่รูปลักษณ์เท่านั้น”

“อีกทั้งวิธีการสืบทอดก็เป็นเพียงแค่ภาพที่ปรากฎขึ้นมาในใจของโฮสต์เท่านั้น เนื้อหาของการสืบทอดต่างหากถึงจะเป็นหัวใจสำคัญ ถ้าโฮสต์ไม่คุ้นเคยกับระบบสืบทอด ระบบสามารถเปลี่ยนเป็นรูปแบบของจิตวิญญาณ พลังเวทย์ ข้อมูลดิจิตอลหรือรูปแบบใด ๆก็ได้ที่ง่ายต่อการสืบทอด” แสงสีฟ้านี้ดูเหมือนจะเข้าใจความคิดทั้งหมดในใจของฮวางซาง ดังนั้นฮวางซางจึงไม่พูดอะไรออกมา เพราะแสงสีฟ้านั้นได้ไขข้อสงสัยให้กับเขาแล้ว

“แล้วหยกชิ้นนั้นของคุณละ? ทำไมถึงเลือกฉัน?”

ประสบการณ์ชีวิตที่พิเศษในวัยเด็กและอาชีพหมอนิติเวชที่ทำงานหลายปีมานี้ทำให้ฮวางซางมีระบบประสาทที่แข็งแรงและอดทนมากกว่าคนปกติทั่วไป ดังนั้นถึงแม้ว่าในใจของเขาในเวลานี้จะเต็มไปด้วยความตื่นตกใจและความสงสัยก็ตาม แต่สุดท้ายก็ยังสามารถระงับสติให้ตัวเองสงบลงได้ ก่อนที่จะถามขึ้นด้วยความสงสัย

“โชคชะตาได้ถูกกำหนดแล้ว!”

บางทีอาจเป็นเพราะว่าเรื่องราวได้ดำเนินมาถึงประเด็นที่สำคัญที่สุดก็ได้  แสงสีฟ้าที่เรียกว่าระบบนั้นจึงได้เปล่งประกายระยิบระยับขึ้นมาในทันใด:“มหายุคของเทพเจ้ามากมายได้สูญสลายไปจนถึงบัดนี้ก็เป็นเวลาที่ล่วงเลยมาหลายยุคหลายกัลป์แล้ว ระบบก็คงจะเคยโดนใช้มานับไม่ถ้วนเช่นกัน  เพียงแค่มหายุคในเวลานี้ที่อยู่ในสมัยของโฮสต์เพิ่งจะเสื่อมสลายไป  กระแสพลังเหนือธรรมชาตินั้นจึงเริ่มปรากฏออกมา ดังนั้นระบบจึงได้ตื่นขึ้นมาเพื่อเลือกผู้ที่จะสืบทอดต่อไปยังไงละ”

“อะไรคือมหายุคเสื่อม กระแสพลังเหนือธรรมชาติ แล้วก็เทพเจ้ามากมายมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่?” เมื่อได้ยินคำพูดของระบบ ความสงสัยในใจของฮวางซางก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

“มหายุคเสื่อม มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เมื่อพลังวิญญาณนั้นได้สูญสิ้นไปจากฟ้าและดิน ดังนั้นการดำรงอยู่ของจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่จึงไม่ได้รับการเสริมพลังแต่อย่างใด เคราะห์หามยามร้ายจิตวิญญาณนั้นจึงค่อยๆมลายหายไปเท่านั้น”

ระบบได้ให้คำตอบอีกครั้ง : “ในความเป็นจริง  โฮสต์นั้นก็เชื่อในเรื่องของเทพเจ้าเซียน ภูตผีปีศาจอยู่แล้ว สิ่งเหล่านั้นก็คือการดำรงอยู่ของจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ประเภทหนึ่ง”

“เดี๋ยวนะ ให้ฉันจัดการความคิดสักหน่อย สมองของฉันตีกันมั่วไปหมดแล้ว คุณหมายความว่า  เรื่องเทพเจ้า เซียน ภูตผีปีศาจเหล่านี้ ที่พวกเราเชื่อนั้นมีอยู่จริงอย่างนั้นเหรอ? เพียงแค่มันสูญสิ้นไปแล้วเท่านั้นเหรอ?” ฮวางซางได้ค้นพบในสิ่งที่ที่ไม่เข้าใจอย่างรวดเร็ว

“แต่นี่มันไร้เหตุผลชัดๆ คุณพูดว่ามหายุคเสื่อมนั้นได้ทำลายเทพเจ้าเซียนไปจนสูญสิ้น และยังห่างจากตอนนี้หลายช่วงอายุอีก แล้วทำไมตอนนี้ยังมีตำนานเรื่องเทพเจ้าหรือแม้กระทั่งเซียน ปีศาจอยู่อีกล่ะ?”

“ถึงแม้ว่าการดำรงอยู่ของจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นจะถูกทำลายล้างไปแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากพวกเขานั้นแข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นจิตใจที่แน่วแน่ของพวกเขาจึงยังมีอิทธิพลต่อฟ้าดินอย่างต่อเนื่องนะสิ”

“ด้วยเหตุนี้ ตอนที่ฟ้าและดินปรากฏอารยะธรรมทางสติปัญญาขึ้นมาใหม่ สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาเหล่านี้จึงได้รับผลกระทบโดยตรง  หลังจากนั้นก็ได้เล่าถึงตำนานที่ยังดำรงอยู่ในรูปแบบของตัวเอง แล้วก็แพร่ขยายต่อไป”

“ดังนั้น ถึงแม้ว่าการดำรงอยู่ของเทพเจ้ากับจิตวิญญาณอื่นๆจะผ่านมาหลายช่วงอายุขัยแล้วก็ตาม อีกทั้งเรื่องราวในนั้นก็ยังเคยมีเรื่องของการเฟื่องฟูและการทำลายล้างนับไม่ถ้วนรวมอยู่ด้วย แต่ไม่ว่าจะเป็นอารยะธรรมด้านสติปัญญาในสมัยไหน ก็เป็นเรื่องที่เล่าสืบต่อมาในรูปแบบของตำนานเทพเจ้าเท่านั้น  อารยะธรรมที่โฮสต์อยู่ในตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้”

ระบบได้ไขข้อสงสัยให้กับฮวางซางอีกครั้ง และก็ได้พูดเรื่องที่สำคัญที่สุดในเวลาเดียวกันอีกด้วย  “เพียงแค่มันแตกต่าง เมื่อโฮสต์ในอารยะธรรมของสมัยนี้ได้เผชิญหน้ากับกระแสพลังเหนือธรรมชาตินั้น  เทพเจ้ามากมายได้ตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง อีกทั้งโฮสต์จำเป็นต้องใช้องค์กรของฉันภายใต้การช่วยเหลือของระบบ  ในการสังหารภูตผีปีศาจ เพื่อนำมาซึ่งมหายุคใหม่ของการดำรงชีวิตของมนุษยชาติ”

“เดี๋ยวนะ!” เมื่อได้ยินคำว่า “มหายุค” ฮวางซางก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันใด

“คุณจะบอกว่ามหายุคเสื่อมนั้นได้ผ่านไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมไอ้มหายุคอะไรเนี่ยยังจะมาอีกละ?”

“มหายุคเสื่อมได้ผ่านไปแล้ว แต่พลังวิญญาณได้กลับทะลักเข้ามาแทนยังไงละ  นี่เป็นครั้งแรกที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติการณ์สำหรับมนุษย์ และก็เป็นมหายุคเสื่อมครั้งแรกที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติการณ์เช่นกัน”

“การทะลักเข้ามาของพลังเหนือธรรมชาต ทำให้โลกที่ไม่มีเรื่องของเทพเจ้า เซียน ภูตผีปีศาจ ได้กำเนิดจิตวิญญาณใหม่ขึ้นมา หรือพูดได้ว่าได้กำเนิดพลังของภูติผีขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ!”

“พูดง่ายๆก็คือ พลังเหนือธรรมชาติที่แข็งแกร่งยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่  ความเชื่อของมนุษยชาติ การเลื่อมใสศรัทธา ความน่ากลัวทั้งหมดรวมไปถึงภาพมายาทั้งหมด จะกลายเป็นความจริง!

“คำว่า”มหายุคเสื่อม“ระบบก็ให้ความสำคัญมากจนหาที่เปรียบไม่ได้”การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือการเปลี่ยนจากความอ่อนแอไปสู่ความแข็งแกร่ง จนกว่าจะมีเทพเจ้าหรือปีศาจที่ครอบครองได้ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ แต่วันนี้โฮสต์ที่ได้พบกับซอมบี้เหล่านั้นแล้ว  เพียงแค่ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นไม่หยุดยั้งของกระแสพลังเหนือธรรมชาตินั้นจะทำให้สิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดค่อยๆปรากฏออกมา!”

“ซอมบี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นอย่างนั้นเหรอ?” เมื่อได้ยินคำพูดของระบบ ในใจของฮวางซางก็สั่นคลอนขึ้นมาทันใด

เขารู้เพียงว่าซอมบี้เป็นการดำรงอยู่ของการทำลายล้างที่น่ากลัวที่สุดในโลกนี้แล้ว แต่วันนี้ระบบกลับพูดว่าซอมบี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของทั้งหมด? หรือว่าถ้าหลังจากนนี้ดันเป็นจริงอย่างที่ระบบพูด ว่ายังมีการดำรงอยู่ของสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าเทพเจ้า เซียน ภูตผีปีศาจ ที่เป็นตำนานเกิดขึ้นจริงขึ้นมาละ? งั้นถ้าถึงตอนนั้น ความเชื่อที่ว่ามนุษยชาติเป็นผู้ชี้ขาดของโลกจะทำอย่างไรละ?

“ระบบ เทพเจ้าที่เคยแข็งแกร่งผู้นั้น ถ้ามันเป็นการตื่นตัวของพลังเหนือธรรมชาติจริงๆละก็ ถ้างั้นพวกเขาก็ควรตื่นตัวโดยเร็วที่สุดสิ?” ทันใดนั้น ฮวางซางก็คิดถึงปัญหาที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นทำไมองค์กรยังคงสร้างของใช้ต่างๆสืบทอดต่อๆกันมาละ?”

“มันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายตามที่โฮสต์คิดหรอก เทพเจ้ามีการดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง  แต่เพราะว่าพวกเขานั้นแข็งแกร่งมาก  การจะทำให้พลังของพวกเขาตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้งก็ต้องใช้สิ่งที่ยิ่งใหญ่มากเช่นกันมาปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาได้     ”

“แต่สิ่งที่ตรงกันข้ามคือ การดำรงอยู่ของความอ่อนแอทั้งหลายกลับสามารถมารวมพลังความอ่อนแอเล็กๆเหล่านั้นเข้าด้วยกัน  ต่อมา การดำรงอยู่ของความอ่อนแอก็ได้กลืนกินชีวิตของพวกเขาจนค่อยๆสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเองขึ้นมา จนกระทั่งแปรเปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งราวกับเทพเจ้าในที่สุด”

“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ พลังแห่งความชั่วร้ายของการดำรงอยู่เหล่านี้ที่ยังไม่รู้จำนวนที่แน่ชัดต่างหาก ถ้าทำให้การดำรงอยู่ของความชั่วร้ายนี้แปรเปลี่ยนไปจนหาที่เปรียบไม่ได้ งั้นนี่ก็จะเป็นตัวชี้ขาดของโลกใบนี้ ว่าได้ถึงวันสิ้นสุดของมนุษยชาติแล้ว”

“ดังนั้น ไม่ว่าจะเพื่อองค์กร เพื่ออาณาประชาราษฎร์ที่อยู่ใต้ฟ้านี้ หรือเพื่อโฮสต์เอง เจ้าจำเป็นต้องขัดขวางเรื่องนี้ให้ได้” น้ำเสียงของระบบยังคงหนักแน่นและเย็นชา และมันก็กดดันจิตใจของฮวางซางมากขึ้นไปอีกในเวลาเดียวกันอีกด้วย

ถ้าทั้งหมดนี้มันคือความจริง งั้นมนุษยชาติก็ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์นะสิ! แต่ในภัยพิบัติครั้งนี้  เขาจะไปทำอะไรได้อีกละ?

“ฉันจะไปขัดขวางทั้งหมดนี้ได้ยังไง?” ถึงฮวางซางจะไม่ใช่นักปราชญ์  แต่เขาก็รู้สัจธรรมที่เมื่อรังนกพลิกคว่ำย่อมปราศจากไข่ที่สมบูรณ์ ดังนั้นต่อให้ทำเพื่อตัวเองในเวลานี้ เขาจะไปขัดขวางเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดตามที่ระบบได้กล่าวไว้

“กระแสพลังเหนือธรรมชาติที่ทะลักเข้ามา ชีวิตทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้จะมีโอกาสที่จะแข็งแกร่งขึ้น โฮสต์ก็ต้องแข็งแกร่งกว่าการดำรงอยู่ของสิ่งใดๆภายใต้การช่วยเหลือของระบบ”

น้ำเสียงที่เย็นชาที่ดังขึ้นต่อมา แสงสีฟ้านั้นก็เปล่งขึ้นมา หลังจากนั้นก็มาหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าของฮวางซาง รวมตัวกันเป็นหนังสือโบราณเล็กๆเล่มหนึ่ง เพียงแต่ตัวอักษรจีนที่อยู่บนหน้าหนังสือเล่มนี้นั้นโบราณและลึกซึ้งมาก  ฮวางซางจึงไม่เข้าใจ

“นี่คือ วิชาการสร้างความแข็งแกร่ง ขององค์กรจุติเทพ – วิชาหลอมรวมเป็นหนึ่ง!”

ระบบ: “วิธีการบำเพ็ญฌานที่สามารถปรับสร้างโครงสร้างที่แข็งแกร่งให้กับถูกเลือกได้ เพื่อเป็นการวางรากฐานที่ดีในการฝึกฝนวิชาลับอีกมากมายในอนาคต และยังได้เพิ่มพลังความแข็งแกร่งให้กับโฮสต์ในเวลาเดียวกันอีกด้วย เพื่อให้โฮสต์ได้ใช้รับมือกับมหายุคเสื่อม”เมื่อสิ้นสุดเสียง หนังสือเล่านั้นก็แตกสลายดังสะเทือนเลือนลั่น กลายเป็นแสงสีฟ้าที่เข้ามาในตัวของฮวางซาง

ในเวลานี้ ฮวางซางรับรู้ได้ถึงเสียงอื้ออึงที่แผ่ขยายออกมาจากในหัวของเขา  ข้อมูลต่างๆที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนได้ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา

ข้อมูลเหล่านี้ลึกลับมาก แม้กระทั่งฮวางซางเองก็ยังไม่เคยได้สัมผัสรับรู้มาก่อน แต่ไม่รู้ว่าทำไม ข้อมูลเหล่านี้ที่ได้ทะลักเข้ามาในหัวของฮวางซางนี้ กลับค้นพบว่าตัวเองนั้นเข้าใจข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างคาดไม่ถึง

วิชาหล่อหลอมเป็นหนึ่ง คือการฝึกฝนอย่างหนึ่งที่น่ามหัศจรรย์ใจอย่างมาก หัวใจหลักก็คือตัวเองได้กลายเป็นเหมือนเสื้อผ้าชิ้นหนึ่ง  พลังเหนือธรรมชาติของฟ้าดินกลายเป็นเส้นไหม  จิตใจแน่วแน่ของตัวเองนั้นเป็นเหมือนเข็มที่จะช่วยถักทอความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง ทำให้ตัวเองนั้นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ

ถึงแม้ฮวางซางจะเข้าใจหลักการฝึกตนนี้แล้วก็ตาม แต่กลับไม่เข้าใจพลังเหนือธรรมชาติฟ้าดินทั้งหมดว่ามันคืออะไร

“ถ้ามหายุคเสื่อมสิ้นสุดลง พลังเหนือธรรมชาติที่มีอยู่ทุกที่นั้นหายไป   ผู้อาศัยย่อมสัมผัสรับรู้ได้ถึงการจากไปในมหาสมุทรไม่สิ้นหวัง  เพียงแต่ว่าถ้าไม่ได้พลังภายนอกมาช่วยกระตุ้นให้ การเข้าฌานของตัวเอง  วิชาหลอมรวมเป็นหนึ่งต่อให้มีพรสวรรค์เป็นเลิศมากแค่ไหนก็ยังต้องใช้เวลาถึง 30 ปี

มันเป็นปัญหาที่ฮวางซางไม่เข้าใจแต่ระบบเข้าใจ เพียงแค่ว่าคำพูดที่ระบบพูดออกมานั้นกลับทำให้ฮวางซางหวาดหวั่นราวกับถูกน้ำเย็นๆราดลงไปบนหัวอย่างไรอย่างนั้น

“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดรึเปล่า การเข้าฌานต้องใช้เวลาถึง 30 ปี งั้นการแข็งแกร่งที่ต้องครอบคลุมสรรพสิ่งได้ทุกอย่างไม่ต้องรอถึง 100 ปีเลยเหรอ หรือนี้เป็นเพียงแค่รากฐานเท่านั้น แม่งเอ๊ย  งั้นฉันจะบำเพ็ญทำขี้เกลืออะไรล่ะ ไม่สู้หาที่ตายดีๆไม่ดีกว่าเหรอ”

ตอนแรกในใจของฮวางซางยังพอมีความคาดหวังอยู่บ้าง  แต่ในเวลานี้กลับเหลือเพียงความผิดหวัง

“30 ปีคือการไม่มีความช่วยเหลือของพลังภายนอก บัดนี้พลังเหนือธรรมชาติได้ทะลักเข้ามาแล้ว พลังเหนือธรรมชาติหลากหลายรูปแบบที่มีอำนาจของผู้อยู่เหนือสรรพสิ่งใดๆได้ปรากฏขึ้นมา  โฮสต์ต้องทำลายล้างพลังเหนือธรรมชาติที่มีอำนาจเหนือสรรพสิ่งนั้นเพื่อดูดพลังของพวกเขา  การบำเพ็ญของตัวเองก็จะเร่งความเร็วขึ้น”

โชคดีทีระบบไม่ได้ต้องการให้ฮวางซางตาย ไม่นานเขาก็สามารถหาวิธีการได้:”สิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่าซอมบี้เมื่อสักครู่นั้น ร่างกายของมันก็มีแค่พลังวิญญาณเพียงเล็กน้อย ถ้าผู้อาศัยสังหารมัน ก็เท่ากับว่าผู้อาศัยได้ทำการบำเพ็ญไปแล้ว 1 ปี ถ้าหากฆ่า 30 ตัว วิชาหลอมรวมเป็นหนึ่งก็จะเข้าสู่การเข้าฌาน

“เดิมทียังมีอีกวิธีการหนึ่ง นั่นคือการเลื่อนขั้นของพลังปีศาจ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของระบบ ฮวางซางก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา : “แต่พลังความสามารถของฉันตอนนี้จะฆ่าสักตัวก็ยังกินแรงไปมากเลย 30 ตัวจะไปฆ่าได้ยังไง ? อีกอย่างถ้าติดเชื้อล่ะจะทำยังไง?”

“เมื่อมีการเพิ่มพลังของวิชาหลอมรวมเป็นหนึ่ง พิษระดับอ่อนๆก็ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อโฮสต์ได้”

ระบบ: “อีกทั้งซอมบี้เหล่านี้ก็ไม่มีสติปัญญา รูปแบบการโจมตีก็เป็นเพียงอย่างเดียว เพียงแค่ให้โฮสต์ต้องระวัง ก็ไม่มีสิ่งไหนที่ยากเกินกว่าจะสำเร็จลุล่วงได้  สิ่งสำคัญที่สุดคือ ทุกครั้งที่ผู้อาศัยฆ่าซอมบี้ได้ 1 ตัว ความแข็งแกร่งก็จะเพิ่มขึ้น 1 ส่วน  เพียงแค่ผ่านด่านแรกไปได้ ซอมบี้ทั่วไปเหล่านี้ก็จะไม่คุกคามโฮสต์อีกแล้ว”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ แสงสีฟ้าของระบบดูเหมือนพลังจะเริ่มสูญสิ้น ค่อยๆเปลี่ยนเป็นอ่อนลง น้ำเสียงก็เริ่มที่จะไม่ต่อเนื่อง :“พลังของระบบใกล้จะสูญสิ้นแล้ว ต้องรีบส่งโฮสต์ออกไปจากมหาสมุทรไม่สิ้นหวังแล้ว ขอให้โฮสต์ใช้พลังความสามารถในการปกป้องตนเอง...ระบบ....ที่อยู่  ....หลังจากสามวัน...เกิด....ใหม่....”

เมื่อสิ้นเสียง ฮวางซางก็สัมผัสได้ถึงร่างกายที่สั่นสะท้านไปทั่งตัว ต่อมาก็มีแสงเปล่งประกายออกมา กลับไปยังเหตุการณ์อุบัติเหตุรถชนอันรุนแรงอีกครั้ง อีกทั้งซากของซอมบี้ตัวนั้นก็ยังคงอยู่ตรงหน้าเขา ราวกับทั้งหมดมันคือความฝัน

เพียงแค่ตอนนี้วิชาหลอมเป็นหนึ่งเได้ชัดเจนอยู่ในความคิดของเขา รวมทั้งหยกที่แผ่รังสีความร้อนออกมาอยู่ตรงหน้าอกของเขาทำให้ฮวางซางเข้าใจ ว่าทั้งหมดนั้นมันไม่ใช่ความฝัน!

จุดจบของโลกที่แท้จริง ได้มาถึงแล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด