ตอนที่ 27 หายนะด้านตะวันออก กองทหารแบ่งกลุ่ม!
ตอนที่ 27 หายนะด้านตะวันออก กองทหารแบ่งกลุ่ม!
“โฮสต์ ส่งลิ้นนั้นให้เขาไปเถอะ!”
ในขณะที่ฮวางซางกำลังลังเลอยู่ว่าจะส่งลิ้นนี้ให้กับเขาดีไหมนั้น เสียงของระบบก็ดังขึ้นมาในหัวของเขาอีกครั้ง
“ระบบสัมผัสได้ว่าเจ้าลิกเกอร์ตัวนั้นกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ถึงตอนนั้นถ้ามันได้กลิ่นอายของลิ้นนี้ มันจะโจมตีโฮสต์เป็นเป้าหมายแรกแน่นอน ดังนั้นลิ้นนี้จึงไม่ใช่สิ่งที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว!”
“บัดซบเอ๊ย!”
เมื่อได้ยินพำพูดของระบบ ฮวางซางก็รีบดึงสติกลับมาทันที
จริงสิ ลิ้นอันนี้เขาได้มันมาจากเจ้าลิกเกอร์ตัวนั้น ถ้าต้องรับมือกับซอมบี้ทั่วไปในเวลาปกติย่อมเป็นยันต์ปกป้องชีวิตของตัวเอง แต่ตอนนี้เจ้าลิกเกอร์เจ้าของมันได้มาถึงแล้ว ดังนั้นยันต์ปกป้องชีวิตก็คงต้องกลายเป็นยันต์คร่าชีวิตทันที!
หลังจากที่ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ ฮวางซางจึงรีบทิ้งลิ้นอันนั้นให้กับเจ้าจมูกงอนนั้นแทบจะในทันที แต่เพื่อไม่ให้เจ้าจมูกงอนนั้นเกิดความสงสัย ในที่สุดเขาจึงสูดลมหายเข้าลึกๆ ก่อนจะแสดงสีหน้าขุ่นเคืองออกมาด้วยความไม่เต็มใจ กัดฟันกรอดแล้วพูดขึ้นว่า
“ได้ นายชนะแล้ว เอาลิ้นแล้วรีบไสหัวออกไปซะ!”
เมื่อพูดจบ เข้าจึงโยนลิ้นนั้นออกไปข้างกายของเจ้าจมูกงอนนั้นอย่างแรง
“ฮ่าฮ่า ขอบใจมาก!”
เมื่อเห็นฮวางซางส่งลิ้นอันนั้นมาให้ ใบหน้าของเจ้าจมูกงอนก็ปรากฏรอยยิ้มแห่งความดีใจขึ้นมาทันที แต่ก็ยังไม่วายจ้องมองฮวางซางและหลิวซินด้วยความระมัดระวังอยู่ดี เพราะกลัวว่าพวกเขาจะหักหลัง ก่อนจะก้มลงช้าๆ แล้วเก็บลิ้นนั้นขึ้นมาด้วยมือขวาข้างที่บาดเจ็บ
“พวกเราไปกันเถอะ!”
หลังจากเก็บลิ้นนั้นมาแล้ว ฮวางซางก็ถอยออกไปทางประตูอย่างช้าๆ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับทหารลูกน้องของเขาสองสามคนนั้นได้ทำการเปิดล๊อกประตูนั้นไว้เรียบร้อยแล้ว
“อย่าเปิดประตู!”
“รอพวกเราด้วย!”
“พวกเราต้องไปด้วยกัน หวางชาว!”
……
เมื่อเห็นเจ้าจมูกงอนนั้นจะหนีไปเพียงคนเดียวอย่างคาดไม่ถึง ใบหน้าของทุกคนจึงค่อยๆเปลี่ยนสีลงทันที แต่ด้วยความหวาดกลัวระเบิดมือที่อยู่ในมือของเจ้าจมูกงอน พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
“ทุกท่าน เวลามีขีดจำกัด ฉันจะไปเปิดทางให้พวกนายก่อน .... เปิดประตู!”
ในตอนนี้เจ้าจมูกงอนไม่สามารถขวางคนเหล่านั้นไว้ทัน จึงยอมให้พวกเขามาด้วย ก่อนจะออกคำสั่ง ให้ลูกน้องของเขาเปิดประตู หลังจากนั้นก็ถือลิ้นนั้นไว้แน่น พร้อมกับเดินขึ้นมาอยู่แนวหน้า โดยยังอยู่ภายใต้การปกป้องของหน่วยรักษาความปลอดภัยอีกสองสามคนก่อนจะพุ่งตรงออกจากประตูใหญ่ไปในทันที!
ในเวลานี้ บางทีอาจเป็นเพราะการดึงดูดของสารละลายเชื้อไวรัสก็เป็นได้ ซอมบี้จำนวนมากที่หวาดกลัวอยู่ด้านนอกได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งสามารถล้อมกองบัญชาการเอาไว้ได้ทั้งหลัง เพียงแต่เป็นเพราะว่าความหวาดกลัวกลิ่นอายของลิ้นนั้น ซอมบี้ในตอนนี้จึงไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวแต่อย่างใด จึงทำให้เจ้าจมูกงอนนั้นฝ่าวงล้อมหนาๆนั้นออกไป
“ไปกัน!”
“ฆ่าออกไปด้วยกัน!”
“อยู่ต่อก็ต้องตาย ดังนั้นจงสู้!”
……
เมื่อเห็นเจ้าจมูกงอนนั้นฆ่าเปิดทางออกไปแล้ว คนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ภายในอาคารก็เริ่มทยอยถืออาวุธในมือไว้แน่น แล้วฝ่าตามหลังเจ้าจมูกนั้นออกไป
พวกเขาคิดว่า ถ้าหากตามหลังเจ้าจมูกงอนนั้นไปติดๆละก็ บางทีอาจจะถือโอกาสที่ซอมบี้ที่อยู่ในอาการหวาดกลัวจนไม่ไหวติงเหล่านี้ฆ่าจนทางเป็นสายเลือดออกไปก็ได้ แต่ถ้าเกิดในกรณีที่อยู่ห่างจากเจ้าจมูกงอนนั้นไกลเกินไป ซอมบี้ก็จะได้สติกลับมา เกรงว่าตอนนั้นพวกเขาคงจะยากที่ฝ่าออกไปได้แล้ว
ในช่วงเวลานั้น การทะลักออกไปของคนเหล่านั้น ส่งผลให้ห้องโถงใหญ่ที่เดิมทีอยู่กันอย่างแออัดนั้นกลับมากว้างขวางมากขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับเสียงปืนที่ดังระงมขึ้นอย่างหนาแน่นด้านนอกประตู
ประตูที่เปิดกว้างจนผ่านไปได้นั้น สามารถทำให้มองเห็นการยิงโจมตีของทหารเหล่านี้ได้ ความหวาดกลัวของลิ้นนั้น ทำให้ซอมบี้ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวจนแทบจะเหมือนกลับเป็นเป้านิ่ง ที่ถูกฆ่าไปทีละตัวๆได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็ล้มลงไปกองกับพื้น ระดับความเร็วที่ดันออกไปของกลุ่มคนเหล่านั้นก็ยิ่งเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
การไม่มีม่านหมอกมารบกวน บวกกับการช่วยเหลือของลิ้นอันนั้น ดูเหมือนกลุ่มคนเหล่านั้นจะสามารถฆ่ากองทัพซอมบี้ได้มากพอจนสามารถหลบหนีออกไปได้
“พี่ พวกเราก็ฝ่าออกไปกันเถอะ!”
เมื่อเห็นภาพนั้น หลิวซินก็หันหน้ากลับมาทันที เพื่อดึงฮวางซางและคนที่เหลือฝ่าออกไปด้วยกัน
แต่ตอนที่เขาหันกลับไปมองตัวของฮวางซาง เขากลับอึ้งงันไป
เพราะเขาพบว่า ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายขนาดนี้ ฮวางซางกลับเปิดก๊อกน้ำในห้องโถงใหญ่...ล้างมือ?
ไม่เพียงแต่ล้างมือเท่านั้น อีกทั้งยังออกแรงล้างถูมันอีกด้วย ราวกับกลัวว่ามือนั้นจะทิ้งคราบสกปรกเอาไว้
“ฮ่องเต้ พี่ทำอะไร มันใช่เวลาล้างมือไหม ไม่ออกไปตอนนี้เราจะไม่ทันการณ์แล้วนะ!”
หลิวซินร้อนใจอย่างมาก เมื่อรู้ว่าระยะห่างของเจ้าจมูกงอนนั้นยิ่งห่างออกไปจากที่นี่เรื่อย ๆ ซอมบี้ที่ถูกพวกเขาฆ่าก็กลับขึ้นมารวมตัวกันอีกครั้ง จนกระทั่งซอมบี้จำนวนไม่น้อยในตอนนี้ก็เริ่มรวมตัวกันเข้ามาทางกองบัญชาการที่พวกเขาอยู่แล้วด้วย ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาก็คงจะถูกซอมบี้เหล่านั้นขวางไว้อย่างแน่นอน!
“”ลูกหลิว แกยังจะพูดอะไรอีก ทำไมยังไม่รีบออกไป?
ในเวลาเดียวกัน พ่อของหลิวซินที่ถือปืนพกไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว ได้หันมากระตุ้นหลิวซินอีกครั้ง
“แกยังอยากจะตายที่นี่เป็นเพื่อนเขาเหรอ?”
ในตอนนี้แม่ของหลิวซินก็ได้รีบร้อนลงมาจากชั้นบนแล้ว คาดว่าเธอน่าจะอายุราว ๆ 30 -40 ปีได้ เห็นได้ชัดว่าอ่อนกว่าหลิวชิงไม่น้อย ในมือของเธอถือกล่องโลหะไว้กล่องหนึ่ง โดยไม่รู้ว่าในกล่องใบนั้นมีอะไรอยู่
“ถ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ก็มากับฉัน หรือยังอยากจะเป็นอาหารให้กับเจ้าลิกเกอร์กับเจ้าบ้านั้นละ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อหลิวซิน และตัวเองที่มั่นใจว่าล้างมือคู่นั้นสะอาดจนไม่หลงเหลือกลิ่นของลิ้นใด ๆ ไว้ ฮวางซางก็ยิ้มอย่างเย็นชาออกมา
“พวกคุณไม่ได้บีบบังคับให้ฉันต้องส่งลิ้นนั้นออกไปใช่ไหม? งั้นฉันจะขอบอกความจริงกับคุณละกัน เจ้าของลิ้นนั้นอยู่ในละแวกนี้แล้ว พวกคุณลองใช้สมองคิดดูสิ ถ้าคุณเป็นลิกเกอร์ แล้วเห็นอาหารนั้นถือลิ้นของตัวเองวิ่งหนีไป คุณจะเป็นยังไง?”
“อะไรนะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง ไม่ว่าจะเป็นหลิวซิน หรือพ่อของหลิวซิน ต่างก็พากันตื่นตกใจขึ้นมาทันที
“ดังนั้น ถ้าพวกคุณไม่อยากตายก็ฝ่าออกไปอีกด้านหนึ่งกับฉัน คนเหล่านั้น.....เหอ คิดว่าการวิ่งไปถึงลานจอดอากาศยานนั้นได้ ก็คิดว่าฉันแพ้แล้วรึ!”
ฮวางซางเองก็ขี้เกียจเกินกว่าจะพูดจาไร้สาระกับคนเหล่านี้แล้ว เขาถือขวานในมือไว้แน่น ก่อนจะหันหน้าพูดกับหลิวซิน
“หลิวซิน นายนำทาง พวกเราจะฆ่าออกไปด้วยกัน!”
“ครับ พี่!”
หลิวซินเชื่อใจต่อฮวางซางอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซางในเวลานี้ เขาจึงตอบตกลงแทบจะไม่ลังเลเลย ก่อนจะหันหน้ากลับมา แล้วพูดโน้มน้าวพ่อแม่ของตัวเอง
“พ่อ แม่ เชื่อใจฮวางซางเถอะ เขาต้องพาเราออกไปจากที่นี่ได้อย่างแน่นอน”
“แกจะเชื่อเขาได้ยังไง!”
หลิวชิงพยายามกดเปลวไฟแห่งความโกรธไว้ ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ถ้าออกไปกับกองทัพใหญ่ละก็ บางทีอาจจะยืมกำลังของพวกเขาเหล่านั้นในการต่อสู้ ถึงแม้ว่าจะเจอเข้ากับเจ้าลิกเกอร์นั้นก็อาจจะไม่ตายก็ได้ แต่ตอนนี้เกรงว่าพวกเราที่เหลือน้อยนิดจะถูกซอมบี้กินจนไม่เหลือซากตั้งแต่ก้าวออกไป!”
คนที่เหลือรอดอยู่ในห้องโถงนี้มีไม่ถึง 10 คนด้วยซ้ำ อีกอย่างยังมีอีกบางส่วนไม่มีอาวุธอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้หลิวชิงจึงได้เสียใจและสิ้นหวังอย่างมาก
“งั้นพวกคุณก็ประเมินฉันกับหลิวซินต่ำเกินไป!”
แต่ทว่าในเวลานี้ ฮวางซางจึงได้โต้แย้งหลิวชิงกลับไปอย่างหมดความอดทน หลังจากนั้นก็กวัดแกว่งขวานในมือขึ้นมา แล้วสับไปที่หัวของซอมบี้ที่พยายามบุกเข้ามาในประตูใหญ่นั้นอย่างโหดเหี้ยม
กรอบ !
ขวานที่ใช้ในเขตป้องกันประเทศนั้นเป็นอุปกรณ์ของทหาร ระดับความแข็งและคมนั้นมากกว่าขวานของประชาชนทั่วไปใช้หลายเท่า บวกกับพลังมหาศาลของฮวางซางอีก ซอมบี้ที่เพิ่งจะข้ามประตูใหญ่เข้ามาได้ตัวนั้น ได้ถูกฮวางซางสับไปบนหัวของมันจนแตกออก จนกระทั่งด้ามแหลมของขวานสับทะลุเข้าไปในหัวของมันครึ่งหนึ่ง ถ้าไม่ใช้เพราะฮวางเก็บแรงไว้ส่วนหนึ่ง เกรงว่าซอมบี้ตัวนั้นก็คงจะขาดออกไปเป็นสองท่อนไปแล้ว
หลังจากที่ฆ่าซอมบี้ตัวนี้ได้แล้ว ฮวางซางก็ชักขวานนั้นกลับมา มันสมองและสิ่งสกปรกที่ปะปนกับเลือดเป็นจำนวนมากได้ทะลักออกมาจากซากของซอมบี้ สาดกระจายเต็มพื้น กลิ่นเลือดอันเข้มข้นและกลิ่นเหม็นคาวได้ส่งกลิ่นตลบอบอวนไปทั้งห้องอย่างรวดเร็ว
และในเวลาเดียวกัน ฮวางซางก็ได้ข้ามประตูนั้นออกไป ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหมดความอดทนว่า
“ไทแรนท์ใกล้มาถึงแล้ว ฉันไม่มีเวลาพูดเรื่องไร้สาระกับคุณอีกแล้ว จะไปหรือไม่ไป แล้วแต่การตัดสินใจของพวกคุณ!”
เมื่อพูดจบ ฮวางซางก็กวัดแกว่งขวานนั้นอีกครั้ง ซอมบี้ส่วนใหญ่ที่เพิ่งถูกเจ้าจมูกงอนนั้นดึงดูดไปเมื่อสักครู่ได้กลับขึ้นมารวมตัวกันอีกครั้งเบื้องหน้า ดังนั้นเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจฆ่าซอมบี้เหล่านั้นอย่างจริงจัง
“พี่ รอฉันด้วย!”
เมื่อเห็นฮวางซางเคลื่อนไหว หลิวซินก็ร้อนใจขึ้นมาทันมี ก่อนจะรีบตามออกไป พร้อมกับหันมาพูดกับหลิวชิงว่า
“พ่อ แม่ พวกท่านก็อย่ามัวแต่ยืนพิรี้พิไรอยู่เลย ถ้าขืนจะยื้อเวลาออกไปได้ตายกันหมดแน่!”
“ไป ไปกันเถอะ!”
เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว หลิวชิงจึงไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว ดังนั้นจึงทำได้พียงกัดฟันกรอด แล้วพาคนอื่นๆไปด้วยกัน ก่อนจะตามหลังฮวางซางและหลิวซินไปติดๆ พุ่งออกจากประตูใหญ่ไป
เพียงแค่ช่วงเวลาต่อจากนั้น กลุ่มคนที่ตามมาก็ต้องตกตะลึงกับการแสดงออกของหลิวซินและฮวางซางทันที!
ตอนนี้ฮวางซางและหลิวซินกลายเป็นเหมือนนักฆ่าอมตะที่ไร้ผู้ใดเทียมทานได้ คนหนึ่งถือขวาน อีกคนถือปืน คนหนึ่งสับ อีกคนยิง ภายใต้การร่วมมือของพวกเขา ซอมบี้ที่รวมตัวขึ้นมาอีกครั้งกลุ่มนั้นไม่ถูกฮวางซางใช้ขวานสับ ก็ถูกหลิวซินยิงไปที่หัว แทบจะไม่มีซอมบี้ตัวไหนพุ่งเข้ามาในเขตพื้นที่ของพวกเขา ไม่สามารถรุกล้ำเข้ามาถึงตัวหลิวชิงได้เลย
“ทักษะการยิงปืนของลูกหลิวแม่นยำขนาดนี้ตอนไหน?”
ขณะที่มองทักษะการยิงปืนที่แทบจะไม่พลาดแม้แต่ครั้งเดียวของหลิวซิน ทำให้ใบหน้าของของหลิวชิงปรากฏสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา
แล้วไหนจะฮวางซางอีก ทำไมปฏิกิริยาตอบสนองของเจ้านี้ถึงได้เร็วขนาดนี้ แม้กระทั่งซอมบี้ 3 ตัวที่เข้ามาโจมตีเข้าเมื่อสักครู่ แต่แค่เพียงพริบตาเดียวซอมบี้ทั้งสามตัวนั้นก็ถูกสับหัวจนระเบิดล้มลงไปกองกับพื้น โดยที่ตัวเขานั้นไม่ได้บาดเจ็บแม้แต่น้อย
พละกำลังและการตอบสนองเช่นนี้ จะเทียบเท่ากับทหารที่เก่งกาจใน “กองทัพกลุ่มนั้น” เลยเหรอ?
แต่เขาเป็นเพียงหมอนิติเวชเท่านั้น ทำไมถึงได้มีฝีมือเช่นนี้ละ?
แต่ถึงอย่างไรหลิวชิงก็เป็นทหารผ่านศึกใหญ่ๆมาก่อน ดังนั้นเขาจึงได้เรียกสติกลับมาจากความตกตะลึงนั้น ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วใช้ปืนยิงซอมบี้ตัวหนึ่ง พร้อมกับหันไปออกคำสั่งกับหน่วยรักษาความปลอดภัยข้างกายเขาว่า
“จุดไฟได้เลย ปกป้องพวกเขาสองคนไว้ รักษาความปลอดภัยด้านข้างไว้!”
“ครับ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวชิง หน่วยรักษาความปลอดภัยข้างกายเขาก็ทยอยกันจุดไฟ แล้วเริ่มยิงใส่ซอมบี้ที่พยายามพุ่งเข้ามาจากทั้งสองด้าน
เมื่อเป็นเช่นนี้ กองกำลังเล็กจำนวน 10 กว่าคนนี้ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างและเป็นผู้ช่วยเหลือให้กับฮวางซางและหลิวซินแล้ว หลังจากนั้นหน่วยรักษาความปลอดภัยเหล่านี้ก็ได้ทำการจุดไฟกราดยิงป้องกันออกไป พุ่งใส่ซอมบี้ที่รวมตัวขึ้นมาอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างการเข่นฆ่าเช่นนี้ หลิวชิงก็เพิ่งตระหนักได้ว่า ฮวางซางและหลิวซินนั้นพูดไม่ผิด--- พวกเขาทั้งสองคนมีความสามารถปกป้องพวกเขาให้ปลอดภัยได้!
เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องเจ้าลิกเกอร์นั้น....
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ หลิวชิงก็รีบมองไปทางกองทัพที่ล่วงหน้าไปก่อนหน้านั้นกับเจ้าจมูกงอนที่อยู่ไกลๆนั้นทันที
กองทัพที่พึ่งความหวาดกลัวจากลิ้นนั้นที่อยู่ในมือของเจ้าจมูกงอนนั้น รวมถึงกองทัพที่ใช้ปืนกราดยิงจนก่อเกิดเป็นตาข่ายไฟขึ้นมา ยอมรับว่าพลังสังหารของสิ่งเหล่านี้มากกว่าซอมบี้ทั่วไป พวกเขาใช้เวลาเพียงสั้นๆก็สามารถฝ่าออกไปได้หลายร้อยเมตรแล้ว ต่อไปพวกเขาก็ต้องทะลุเข้าไปในสนามฟุตบอลอีกครั้ง พวกเขาถึงจะไปถึงลานจอดอากาศยานนั้นได้สำเร็จ!
แต่เรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น?
หวือ !
ทันใดนั้น หางตาของหลิวชิงก็กวาดไปเห็นเงาสีเลือดตัวหนึ่ง เพียงแค่ระดับความเร็วของเงาสีเลือดตัวนั้นก็เร็วมาก แม้กระทั่งยังไม่ทันได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่ามันคือตัวอะไร เงาสีเลือดตัวนั้นก็มลายหายไปในอาคารหลังหนึ่งแล้ว
ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นว่าเป็นสิ่งใดอย่างชัดเจนก็ตาม แต่ในใจของหลิวชิงก็ยังสามารถคาดการณ์ได้
เจ้าลิกเกอร์ มาถึงแล้วจริง ๆ!
แฮ่ แฮ่ แฮ่ !
แต่ทว่ากลุ่มที่ต้องพบเจอกับความยุ่งยากมากกว่านั้นก็คงจะเป็นกลุ่มของเจ้าจมูกงอน ในตอนที่ความสนใจของหลิวชิงมุ่งเน้นไปทางเจ้าจมูกงอนนั้น เสียงเห่าหอนของสุนัขอันรุนแรงนั้นก็ดังขึ้น มาจากกองทัพด้านหน้าของพวกเขา ก่อนที่สนุนัขตัวใหญ่อีก 7- 8 ตัวจะปรากฏตัวออกมา สุนัขตัวใหญ่ท่าทางดุร้ายนั้นได้พุ่งออกจามาจากพุ่มไม้ด้านหน้าของพวกเขา ขวางด้านหน้าของพวกเขาไว้
สุนัขกลายพันธุ์นั้น ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง อีกทั้งยังเพิ่มจำนวนมากขึ้นอีกด้วย!
แต่เรื่องที่น่าบัดซบมากกว่าก็คือ ครั้งนี้ไม่เพียงแต่สุนัขกลายพันธุ์เท่านั้นที่ปรากฏตัว!
ด้านหลังสุนัขกลายพันธุ์อีก 7 - 8 ตัวที่ขวางฮวางซางไว้ เงาดำรูปร่างบิดเบี้ยวตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ค่อยๆปรากฏตัวออกมาจากพุ่มไม้ที่สุนัขเหล่านั้นพุ่งออกมา!