ตอนที่ 24 ทะเลาะ สถานการณ์ยากลำบาก!
ตอนที่ 24 ทะเลาะ สถานการณ์ยากลำบาก!
"พวกนายจะทำอะไร?"
เมื่อเห็นทหารเหล่านั้นเล็งปากกระบอกปืนมาที่ตัวเอง หลิวซินจึงอดที่จะตะโกนออกมาด้วยความโกรธไม่ได้ว่า
"หันปืนมาทางพวกเราทำไม?"
"เพียงแค่ทำตามหน้าที่ก็เท่านั้น"
แต่ทว่ายังไม่ทันที่ทหารคนนั้นจะเอ่ยปากพูด น้ำเสียงเรียบๆเสียงหนึ่งก็ดังออกมาจากบันไดของชั้นสอง หลังจากมองขึ้นไปก็เห็นผู้ชายที่สวมเครื่องแบบนายทหารคนหนึ่งเดินลงมาพร้อมกับทหารติดตามอีกสองสามคน
ดูเหมือนผู้ชายคนนี้จะอายุราวๆ 27 ปี ใบหน้ายังนับว่าหล่อเหลาเอาการ เพียงแต่จมูกที่งอนเรียวราวกับนกอินทรีย์และปากที่บางเข้ากันดีกับดวงตาที่เคร่งขรึมนั้น กลับทำให้สัมผัสถึงความเย็นชาดุร้ายยากที่คบหาได้
ในเวลานี้ ผู้ชายที่เดินลงมาด้วย พร้อมกับกวาดสายตามองไปทางฮวางซางและหลิวซินราวกับเหยื่อที่ถูกล่าอย่างละเอียดถี่ถ้วนไปด้วย หลังจากนั้นก็ยิ้มบางๆออกมา ก่อนพูดขึ้นว่า
" ซอมบี้ที่อยู่ด้านนอกมากมายขนาดนั้น ไม่มีใครรู้ว่าพวกนายจะโดนมันกัดหรือไม่ ?ดังนั้นขอให้ทั้งสองคนให้ความร่วมมือเป็นดีที่สุด ไม่อย่างนั้น....."
เมื่อพูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของผู้ชายคนนั้นก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที
"เพื่อรับรองความปลอดภัยของทุกคน พวกเราก็คงต้องฆ่าเท่านั้น ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้!"
"นาย...."
เมื่อเห็นท่าทางที่ทั้งเย็นชาและเย่อหยิ่งของผู้ชายคนนั้น หลิวซินก็ร้อนใจขึ้นมาทันที เตรียมพร้อมที่จะโต้เถียงกลับไปสักสองประโยค
แต่ในเวลานี้ ฮวางซางกลับดึงเขาไว้ หลังจากนั้นก็ส่ายหน้า แล้วพูดว่า
" ให้พวกเขาตรวจเถอะ ไม่จำเป็นต้องไปต้องทะเลาะกับพวกเขา"
ฮวางซางรับรู้ได้ภายในใจ คนที่มีผู้ติดตามป้องกันรักษาความปลอดภัยข้างกายได้ในเวลานี้ ภูมิหลังของผู้ชายคนนี้ต้องไม่ใช่เล็กๆอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าท่าทางของเจ้านี่จะดูเย่อหยิ่งก็ตาม แต่บอกได้ว่าไม่ผิดแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปทะเลาะกับเขาด้วย
"ก็ได้..."
หลิวซินเชื่อฟังฮวางซางมาก ดังนั้นถึงแม้ว่าในใจของเขาจะไม่สบอารมณ์นักก็ตาม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
หลังจากนั้น ทหารสองสามคนก็รีบเข้ามาตรวจสอบฮวางซางและหลิวซินทันที เมื่อมั่นใจว่าพวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด และหลังจากไม่มีร่องรอยการติดเชื้อใดๆด้วย เหล่าทหารก็ลดปากกระบอกปืนลง พวกเขาจึงได้ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่ไม่ได้หมายความว่าลักษณะอาการเย็นชาของพวกเขาจะหมดลงไป
"บอกฉันมา พวกนายฝ่ากลุ่มซอมบี้มาได้ยังไง อีกทั้งยังไม่บาดเจ็บสักนิดเดียว ?"
ภาพที่ฮวางซางและหลิวซินฝ่ากลุ่มซอมบี้เข้ามาเมื่อสักครู่มีคนไม่น้อยที่เห็น เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ชายจมูกงอนเหมือนนกอินทรีย์จึงได้เข้ามาขวางด้านหน้าของพวกเขาไว้ และยังมองลงมา ด้วยท่าทางนิ่งเฉยไม่พูดไม่จาก่อนถามขึ้น
“เกี่ยวอะไรกับนายไม่ทราบ!”
เมื่อเผชิญหน้ากับจมูกงอนเหมือนกับนกอินทรีย์ของผู้ที่มีภูมิหลังไม่ธรรมดาคนนี้ หลิวซินกลับกล้าที่จะไม่ไว้หน้า
ถึงอย่างไรมังกรเข้มแข็งย่อมไม่กดขี่งูเจ้าถิ่น ที่นี่คือเขตกองกำลังป้องกันประเทศ พ่อของเขาก็ยังเป็นข้าราชการชั้นสูงด้วย บวกกับตอนนี้ตัวเขาเองก็มีพลังเหนือมนุษย์แล้ว จึงย่อมไม่กลัวเจ้าจมูกงอนคนนี้
“รนหาที่ตาย!”
ฐานะของเจ้าจมูกงอนคนนี้ดูมีอำนาจมาก น้อยคนนักที่จะกล้าไม่ไว้หน้าเขาขนาดนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ตอนที่ได้ยินคำพูดของหลิวซิน เจ้าจมูกงอนคนนี้จึงได้แสดงความโกรธออกมาทางสีหน้า ก่อนจะหันไปตะโกนบอกทหารสองสามนายที่อยู่ข้างกายว่า
“ฉันสงสัยว่าร่างกายของพวกเขา มีความลับบางอย่าง ที่สามารถรับมือกับซอบบี้ได้ ไปจับพวกเขา มาสอบสวนอย่างเข้มงวด!”
“รับทราบ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าจมูกงอน ทหารสามนายที่อยู่ข้างกายเขาก็ทยอยเข้ามาหาฮวางซางและหลิวซิน
บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขารู้สึกว่าฮวางซางและหลิวซินเป็น “พวกไก่อ่อน” จึงได้กล้าต่อกร และก็อาจจะเป็นเพราะอยากจับพยานปากเอกที่รอดตายจากการถูกสังหารไว้ สุดท้ายแล้วทหารสามนายนี้ก็ไม่ได้ใช้ปืนแต่อย่างใด แต่เลือกที่จะเข้ามาต่อสู้ด้วยมือเปล่าแทน
พวกเขารนหาที่ตายแท้ๆ!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮวางซางที่มีสมรรถภาพที่เหนือกว่าคนทั่วไป 5 เท่าเลย ส่วนหลิวซิน หลังจากที่พลังเหนือมนุษย์ฟื้นตื่นขึ้นมา เขาเองก็มีสมรรถภาพที่เหนือกว่าคนทั่วไปไม่น้อยเช่นกัน บวกกับพลังงานความเย็นที่มีอยู่ในร่างกายด้วยแล้ว หากทหารสองสามคนนี้คิดจะปราบเขาด้วยมือเปล่า นี่ก็ไม่แตกต่างจากคนที่โง่เขลาแล้วละ
“เหี้ย!”
นิสัยของฮวางซางไม่ได้ถือว่าดีมาก ก่อนหน้านั้นเข้ายังพออดทนได้ เพื่อคำนึงถึงสถานการณ์ที่เลวร้าย แต่ตอนนี้เจ้าหนุ่มคนนี้กลับทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงได้สบถออกมา ก่อนจะจับคนที่พุ่งเข้ามาด้านหน้า พยายามควบคุมกระบวนท่าของทหารคนนั้น หลังจากนั้นก็โยนออกไป
ผละ!
ถึงแม้ว่าฮวางซางจะเก็บพลังส่วนหนึ่งเอาไว้แล้วก็ตาม แต่ทหารคนนั้นในเวลานนี้กลับถูกเขาโยนออกไปราวกับถุงทราย ก่อนจะไปกระแทกกับทหารอีกคนหนึ่ง
ภายใต้การปะทะที่รุนแรงเช่นนี้ ทหารทั้งสองคนก็ล้มลงไปกับพื้น หลังจากนั้นก็กลิ้งไปหลายตลบราวกับน้ำเต้าก่อนจะหยุดลง เหลือเพียงแรงเอาไว้ร้องครวญครางเท่านั้น
แต่อีกด้าน ทหารที่พุ่งเข้าหาหลิวซินคนนั้นยังไม่ได้ไปไหน มือของเขาจับไปบนตัวของหลิวซินได้สำเร็จ แต่ยังไม่ทันรอที่เขาจะได้แสดงฝีมือแต่อย่างใด ความเย็นยะเยือกที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อน ก็ได้ทะลักเข้าไปในตัวเขา ทำให้เขาหนาวจนตัวแข็ง ก่อนถูกหลิวซินจับไว้แทน หลังจากนั้นก็ผลักจนล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง แล้วสลบไป
“อะไรกัน?”
เมื่อเห็นศักยภาพของฮวางซางและหลิวที่แสดงออกมานี้ เจ้าจมูกงอนคนนั้นก็อึ้งงันไปทันที
เขารู้ว่าทหารทั้งสามคนนั้นเป็นทหารที่เก่งที่สุดในกองทัพนี้ สามารถจัดการกับชายฉกรรจ์ 3-5 คนได้อย่างสบายๆ แต่ทำไมผลสุดท้าย ถึงถูกเจ้าเด็กหนุ่มสองคนนี้เก็บกวาดได้อย่างง่ายดายละ?
แต่ถึงแม้ว่าจะยังรู้สึกตกตะลึงอยู่ภายในใจก็ตาม แต่ปฏิกิริยาของเจ้าจมูกงอนคนนี้กลับเร็วกว่า ช่วงเวลาต่อจากนั้น เขาได้หยิบปืนพกที่คาดอยู่บนเอวของตัวเองขึ้นมาอย่างฉับพลัน แล้วเล็งปืนไปที่ฮวางซางและหลิวซิน ก่อนพูดอย่างเย็นชาว่า
“อย่าขยับ ไม่งั้นฉันจะ....”
“ไม่งั้นนายจะทำอะไรเหรอ?”
แต่ยังไม่ทันที่เจ้าจมูกงอนคนนั้นจะพูดจบ เสียงที่เคร่งขรึมของคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากที่ชั้นสอง จากนั้นนายทหารที่อาวุโสในเครื่องแบบ ผมสีขาวเล็กน้อย ใบหน้าเคร่งขรึม ใบหน้าไม่ได้แสดงอาการโกรธเคืองแต่อย่างใด ก็ปรากฏขึ้นกายมาตรงบันได อีกทั้งยังจ้องเขม็งไปที่เจ้าจมูกงอนคนนั้นด้วย ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ไม่รู้ว่าลูกชายที่ไม่ได้เรื่องของฉัน ไปล่วงเกินหวางชาวอะไรขนาดนั้น ถึงได้เอาปืนมาใช้ข่มขู่กันอย่าง ช่างเก่งกล้ากันมากจริงๆ !”
“พ่อ!”
เมื่อเห็นผู้อาวุโสคนนั้นปรากฏตัว ใบหน้าของหลิวซินก็แสดงออกถึงความดีอกดีใจขึ้นมาทันที
ผู้อาวุโสคนนี้ ที่แท้ก็คือพ่อของหลิวซินนั้นเอง เป็นผู้บังคับการของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีกลาโหมกองกำลังการป้องกันประเทศแห่งชาติ พลโทหลิวชิง!
“แม่งเอ๊ย!”
เจ้าจมูกงอนเองก็คิดไม่ถึง เด็กหนุ่มที่เย่อหยิ่งคนนี้นั้นคือลูกชายของหลิวชิง เขาตอนนี้จึงเงียบขรึมไปในทันที
มีเพียงคนที่อยู่ในองค์กรของพวกเขาเท่านั้นถึงจะรู้ คนที่เป็นใหญ่ที่สุด ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีกลาโหมกองกำลังการป้องกันประเทศแห่งชาติ ไม่ใช่อาจารย์ใหญ่ที่มียศทหารพลตรี แต่เป็นผู้บังคับการที่ยศทหารพลโท ที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ต่างหาก!
ถ้าหากอยู่ในเมืองหลวงจักรวรรดิ เขาก็คงสามารถใช้อำนาจของครอบครัวมาต่อต้านหลิวชิงได้ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในเขตควบคุมของคนอื่น มังกรเข้มแข็งย่อมไม่กดขี่งูเจ้าถิ่น ดังนั้นเขาจึงไม่อาจแสดงปฏิกิริยาเย่อหยิ่งออกมาได้
ถึงแม้ว่าเจ้าจมูกงอนคนนี้จะเป็นลูกผู้มีอำนาจแต่ก็เป็นผู้มีสมองที่ชาญฉลาดอยู่บ้าง ดังนั้นหลังจากที่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าอย่างชัดเจนแล้ว เข้าจึงได้หัวเราะออกมาทันที
“ฮ่าฮ่าฮ่า คิดไม่ถึงว่านี้จะเป็นลูกชายของท่านผู้นำ พ่อเป็นพยัคฆ์ไม่มีลูกเป็นสุนัขจริงๆ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เจ้าจมูกงอนคนนี้ก็เปลี่ยนหัวข้อขึ้นมาทันที
“แต่ผมหวังว่านายพลหลิวจะไม่เข้าใจผิดนะครับ การปฏิบัติก่อนหน้านั้นของผมไม่ได้หมายความว่าจะต่อต้านกับลูกชายผู้นำนะครับ เพียงแค่เห็นว่าลูกชายผู้นำสามารถฝ่ากลุ่มซอมบี้เหล่านั้น โดยไม่บาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว จึงคิดว่าบนตัวของพวกเขาคงจะมีสิ่งของบางอย่าง ที่สามารถต่อต้านซอมบี้ได้ ดังนั้นจึงร้อนใจ จนได้ปะทะกับลูกชายของผู้นำไปครับ”
เจ้าจมูกงอนคนนี้ฉลาดมาก สามารถหาเหตุผล ที่เขาลงไม้ลงมือกับฮวางซางและหลิวซินออกมาได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีท่าทางเย่อหยิ่งเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีใครกล้าปริปากออกมา
“เรื่องนี้เหรอ?”
ก่อนหน้าหลิวชิงกำลังปรึกษาหารือเรื่องสำคัญ อยู่กับข้าราชการชั้นสูงที่รอดตายมาได้สองสามคน อยู่ภายในเขตป้องกันประเทศ ดังนั้นจึงไม่ได้เห็นภาพ ที่หลิวซินแล้วฮวางซางฝ่ากลุ่มซอมบี้เข้ามาแต่อย่างใด และเขาจึงได้ตระหนักถึง ความสำคัญของเรื่องนี้ขึ้นมาทันที จากนั้นก็หันไปถามหลิวซินว่า
“ลูกหลิว เรื่องนี้เป็นความจริงไหม?”
“นี่....”
เนื่องจากลิ้นขาดอันนั้นเป็นของฮวางซาง ดังนั้นในเวลานี้หลิวซินจึงเกิดความลังใจ ไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือไม่พูดดี
“ไม่ผิดครับ พวกเราสามารถฆ่าซอมบี้ ที่อยู่ด้านนอกโดยไม่มีอาการบาดเจ็บ แม้แต่นิดเดียวจริงๆครับ”
แต่ทว่าในเวลานั้น ฮวางซางกลับเป็นคนเอ่ยปากออกมาเองว่า
“สำหรับพวกเราใช้วิธีการไหนถึงทำได้ จริง ๆเป็นเพราะเจ้านี้คับ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮวางซางก็ชูลิ้นที่อยู่ในมือขึ้นมา หลังจากนั้นก็พูดต่อว่า
“ลิ้นอันนี้มาจากซอมบี้ที่กลายพันธุ์ขั้นสูงตัวหนึ่ง เนื่องจากกลิ่นอายของซอมบี้ตัวนั้นยังคงหลงเหลืออยู่บนลิ้นอันนี้ จึงสร้างความหวาดกลัวให้กับซอมบี้ทั่วไปได้ครับ พวกมันไม่กล้าจะขยับตัว ดังนั้นพวกเราจึงได้มาถึงนี้ได้อย่างปลอดภัยครับ”
ฮวางซางรู้ว่าความลับของลิ้นอันนี้ปิดไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ดังนั้นจึงได้พูดความจริงออกมาซะเอง
“อะไรกัน?”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง นอกจากหลิวซินที่รู้เรื่องการใช้ลิ้นอันนี้แล้ว คนอื่นๆก็ได้แสดงสีหน้าตื่นตกใจออกมาตามๆกัน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับดวงตาเคร่งขรึมของเจ้าจมูกงอนได้ฉายแววความโลภและกระหายอย่างรุนแรงขึ้นมา
ถ้าเจ้าลิ้นขาดอันนี้สร้างความหวาดกลัวให้กับซอมบี้จริง ๆ งั้นนี่ก็เท่ากับว่าไม่แตกต่างอะไร กับป้ายทองช่วยชีวิตสำหรับพวกเขาเลย!
“คิดไม่ถึงว่าซากศพของซอมบี้ขั้นสูงจะมีประโยชน์เช่นนี้ งั้นแขนที่ขาดอันนั้นก็.....”
ไม่นาน หลิวชิงก็ได้สติกลับมา หลังจากนั้นก็ส่ายหน้า พร้อมกับแสดงออกถึงความคาดหวัง ก่อนพูดขึ้นว่า
“ช่างเถอะ พูดไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ในเมื่อลิ้นขาดนี้จะสร้างความหวาดกลัวให้กับซอมบี้จริง ๆ งั้นพวกเราก็อาจจะใช้ประโยชน์จาก ลิ้นขาดอันนี้ฝ่าออกไป เพื่อออกไปจากที่นี่?”
“เกรงว่าจะไม่ได้...”
แต่ทว่าฮวางซางกลับราดน้ำเย็นๆดับความหวังใส่หลิวชิงอย่างรวดเร็ว
“เจ้าลิ้นขาดนี้มีประสิทธิภาพเพียงแค่ 5 เมตรเท่านั้น จึงไม่สามารถพาคนมากมายขนาดนี้ออกไปได้อย่างแน่นอน”
“แค่ 5 เมตรเองเหรอ.... เม่งเอ๊ย!”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง สีหน้าของหลิวชิงก็เปลี่ยนสีทันที ก่อนกัดฟันกรอดแล้วพูดว่า
“ถึงแม้ว่าระยะทางจากที่นี่ จะอยู่ห่างจากลานจอดอากาศยานไม่ไกลก็ตาม การพึ่งพละกำลังและกระสุนสำรองของพวกเราในตอนนี้ เกรงว่าจะฝ่าออกไปไม่ได้”
“จริงๆ...ยังมีอีกวิธีการหนึ่งนะครับ”
ในตอนนี้ ดูเหมือนเจ้าจมูกงอนคนนี้จะนึกอะไรบางอย่างออกมาได้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดออกไปว่า
“ถ้ามีคนช่วยดึงดูดความสนใจของซอมบี้เหล่านี้มากพอ อัตราที่พวกเราจะไปถึงลานจอดอากาศยานได้ก็มีเยอะนะครับ ขอแค่เพียงไปถึงลานจอดอากาศยาน พวกเราก็สามารถออกจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยแล้วครับ”
“พูดมันง่าย ซอมบี้เยอะขนาดนนี้จะดึงดูดมันได้ยังไง?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าจมูกงอน หลิวซินก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ถึงแม้ว่าจะมีวิธีการดึงดูดซอมบี้เหล่านี้ แต่สำหรับคนที่เหลือ ไม่เท่ากับว่าส่งพวกเขาไปตายอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่แน่นอน!”
แต่ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของหลิวซิน เจ้าจมูกงอนคนนี้กลับพูดออกมาอย่างเด็ดขาดว่า
“น้องหลิว นายไม่รู้อะไร สองวันที่อยู่นี่ พ่อของนายให้พวกเขา ใช้ประโยชน์จากแขนที่หักของซอมบี้ยักษ์นั้น และซากศพโดยการหลอมเชื้อไวรัสส่วนหนึ่งออกมา ของเหลวที่ได้จากเชื้อไวรัสนี้ มีพลังดึงดูดที่แข็งแกร่งมาก สำหรับซอมบี้ ดังนั้นถึงจะมีซอมบี้ล้อมกองบัญชาชาการมากมายขนาดนนี้ แค่เพียงเราใช้ของเหลวจากเชื้อไวรัสนี้ให้ดี ๆ การดึงดูดซอมบี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เจ้าจมูกงอนก็นหยุดไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า
“เพียงแค่มีคนดึงดูดซอมบี้ เพื่อให้พวกเราสามารถไปถึงลานจอดอากาศยานนั้นจนสำเร็จ หลังจากนั้นพวกเราก็จะนำเฮลิคอปเตอร์มาช่วยคนเหล่านี้ออกไป แน่นอน ว่านี้เป็นวิธีการที่เสี่ยงไม่น้อยเลย แต่มันก็มีเพียงวิธีการนี้แล้วเท่านั้น”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าจมูกงอน เหมือนฮวางซางจะรู้สึกถึงความไม่สบายใจบางอย่าง จึงได้ขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น
“เป็นไปได้ไหม ที่จะให้คนถือลิ้นขาดนี้ ไปที่ลานจอดอากาศยาน หลังจากนั้นก็นำเฮลิคอปเตอร์มารับคนเหล่านี้?”
“ทำแบบนี้ไม่ได้”
เจ้าจมูกงอนส่ายหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“เฮลิคอปเตอร์ไม่ใช่จะสตาร์ทแล้วสตาร์ทได้ง่ายนะ การขับเคลื่อนไปบนฟ้าจำเป็นต้องใช้เวลา ตอนนี้ในกองกำลังป้องกันประเทศก็มีซอมบี้อยู่โดยรอบ เพียงแค่พวกเราเคลื่อนไหวเฮลิคอปเตอร์ เสียงดังๆของเครื่องยนต์ก็จะดึงดูดซอมบี้เข้ามาเป็นจำนวนมากแล้ว ถึงตอนนั้นเครื่องก็คงร่วง จนไม่มีโอกาสขึ้นบินเป็นครั้งที่สองได้แน่”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของเจ้าจมูกงอนก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้น
“ดังนั้นมีเพียงวิธีการนี้เท่านั้นที่จะฝ่าวงล้อมออกไปยังลานจอดอากาศยานได้ หลังจากนั้นให้กลุ่มหนึ่งไปที่เครื่องบินลำเลียงประเภท 5 ที่จอดอยู่ลานจอดอากาศยาน ส่วนอีกกลุ่มก็นำเฮลิคอปเตอร์ออกไป สุดท้ายก็ให้เฮลิปคอปเตอร์บินต่ำลงมารับคนที่ทำหน้าที่ดึงดูดซอมบี้เหล่านี้ไป .... มีเพียงวิธีการนี้แล้วเท่านั้น!”
“พูดนะง่ายเนอะ การดึงดูดซอมบี้นั้นอันตรายมาก และใครจะไปรับหน้าที่นี้ละ?”
ถึงแม้ว่าหลิวซินจะเกลียดเจ้าจมูกงอนมากก็ตาม แต่เขากลับเข้าใจสิ่งที่เจ้าจมูกงอนพูด ซึ่งเจ้าคนนี้ก็พูดไม่ผิดแต่อย่างใด ดังนั้นจึงกัดฝันถามออกไป
“คนที่จะไปดึงดูดซอมบี้ไม่เพียงแต่มีความกล้าเท่านั้น อีกทั้งยังต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่ง กล้าหาญและพละกำลังมากอีกด้วย เพื่อที่จะสามารถยื้อเวลาให้พวกเราได้มากที่สุด”
แววตาที่เย็นยะเยือกก็ได้ปรากกฎออกมาในดวงตาของเจ้าจมูกงอน ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า
“เดิมทีคนหน่วยรักษาความปลอดภัยข้างกายฉันทั้ง 3 คน สามารถเอาชนะได้ทุกสิ่ง แต่น่าเสียดายที่พวกเขาถูกพวกนายทำให้บาดเจ็บไปแล้ว ดังนั้นความหวังเดียว ของพวกเราคือหนึ่งในพวกนายนั้นแหละ”
เมื่อพูดจบ สายตาของเจ้าจมูกงอนคนนี้ก็มองมาที่ฮวางซางทันที หลังจากนั้นจึงพูดต่อว่า
“ฉันคิดว่าคนนี้ก็ไม่เลวนะ ไม่เพียงแต่ร่างกายที่ไม่ธรรมดาแล้ว ยังสามารถโจมตีหน่วยรักษาความปลอดภัยที่เป็นลูกน้องของฉันทั้งสองคนในชั่วพริบตาอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถฝ่ากลุ่มซอมบี้ออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่สะทกสะท้าน คนที่กล้าหาญเช่นนี้ เป็นคนที่สมควรเลือกที่สุดในการปฏิบัติการครั้งนี้ ”
“ทำไมนายไม่ไปเองเล่า? !”
เมื่อเห็นเจ้าจมูกงอนที่มองมาทางฮวางซางแล้ว หลิวซินก็อดที่จะตะโกนออกไปด้วยความโกรธเคืองไม่ได้
“ฉันเห็นว่านายเองก็เหมาะกับหน้าที่นี่!”
“เพราะฉันเป็นคนเดียวในคนเหล่านี้ที่สามารถขับเครื่องบินลำเลียงประเภท 5 ได้นะสิ เหตุผลแค่นี้พอไหม?”
เจ้าจมูกงอนยิ้มออกมาบาง ๆ หลังจากนั้นน้ำเสียงก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา
“เรื่องที่ฉันควรจะพูดก็ได้พูดไปหมดแล้ว ต่อไปจะทำยังไง เลือกที่จะเสี่ยง หรือนั่งรอความตายต่อไป อยู่ที่แต่ละคนจะตัดสินใจเองแล้ว”