ตอนที่ 23 พลังเหนือมนุษย์ที่ฟื้นตื่นขึ้น
ตอนที่ 23 พลังเหนือมนุษย์ที่ฟื้นตื่นขึ้น
“หลิวซิน !”
เมื่อเห็นหลิวซินถูกสุนัขตัวนั้นพุ่งเข้าใส่ ฮวางซางที่กำลังจ้องเขม็งจนปวดหัวอย่างรุนแรง ก็ได้ตะโกนออกมาด้วยความโกรธเคือง เพราะอยากออกไปช่วย แต่มันก็สายเกินไปซะแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะมีพละกำลังและปฏิกิริยาตอบสนองเร็วกว่านี้ก็ตาม แต่เขาก็ไปช่วยคนที่อยู่ภายใต้ปากของสุนัขยักษ์ตัวนั้นไม่ทัน
ความตายของหลิวซิน ดูเหมือนจะมาถึงวาระแล้ว!
“อ่า!!!!”
และในเวลาเดียวกัน ปากใหญ่ๆของสุนัขยักษ์ที่อยู่เบื้องหน้าของหลิวซินตัวนั้น ใกล้มากจนขนาดที่หลิวซินเห็นเศษเนื้อที่ติดอยู่ในฟันแหลม ๆของสุนัขยักษ์ตัวนั้น ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งลมหายใจเหม็นคาวที่พวยพุ่งออกมาจากปากของมันยังส่งกลิ่นเหม็นจนอยากจะอาเจียนอีกด้วย!
หลิวซินที่ไม่เคยใกล้ความตายเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้เขาเหมือนกับเห็นเคียวแหลม ๆของพญายมกำลังโบกไปมาต่อหน้าต่อตาเขา การเผชิญหน้ากับความตายที่น่ากลัวเช่นนี้ ทำให้ร่างกายของเขายิ่งอยู่ยิ่งเย็นขึ้นเรื่อย ๆ เย็นขึ้นเรื่อย ๆ!
สุดท้าย ความเย็นยะเยือกแบบนี้ก็ถึงขีดสุด ในที่สุดหลิวซินก็กรีดร้องอย่างหวาดกลัวอย่างบ้าคลั่งออกมา!
และในเวลานี้ การกลายพันธุ์ก็เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด!
หวือ!
ในขณะที่หลิวซินกำลังตะโกนกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งนั้น ดูเหมือนบางอย่างที่พันธนาการร่างกายของเขาไว้ได้ฉีกขาดออกอย่างโหดเหี้ยม หลังจากนั้นแสงอันเย็นยะเยือกสีฟ้าสลัวๆก็ได้ระเบิดออกมาจากตัวของเขา ลมหนาวดังอยู่ในเขตขั้วโลกเหนือก็ได้พุ่งไปกลืนสุนัขที่ดุร้ายตัวนั้นโดยตรง
พริบตาเดียว ภาพที่หาดูได้ยากยิ่งภาพนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว!
ซู่ ซู่ ซู่!
ตามมาด้วยเสียงของเหลวที่ถูกแช่แข็งอย่างฉับพลันก็ดังขึ้น เมื่อมองไปแล้วก็เห็นแค่เพียงสุนัขยักษ์ที่ต้องการคร่าชีวิตของหลิวซินได้ถูกแสงสีฟ้านั้นปกคลุมจนตัวแข็งไป หลังจากนั้นพื้นผิวภายนอกร่างกายก็ปรากฏผลึกน้ำแข็งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันถูกแช่แข็งอย่างแน่นหนา จนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไปโดยปริยาย!
และในเวลานี้ เสียงกรีดร้องของหลิวซินไม่ได้หายไปแต่อย่างใด!
เมื่อเห็นภาพนั้น ไม่ว่าฮวางซางหรือว่าหลิวซินก็อึ้งตกใจไปเช่นกัน
“อ่า!”
ไม่นาน หลิวซินที่กระโดดหนีจากความตายมาได้ก็กลับมามีสติอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ร้องจะโกนออกไป ก่อนที่มือขวาจะผลักสุนัขยักษ์ที่กลายร่างเป็นรูปปั้นแช่แข็งตัวนั้นออกไป
หลังจากนั้น สุนัขที่ถูกแช่แข็งจนเป็นรูปปั้นตัวนั้นก็ล้มลงไปบนพื้น แล้วแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นซากปรักหักพังที่ถูกแช่แข็งเศษเล็กเศษน้อยไป ในเวลาเดียวกันกับที่แสงสีฟ้าอ่อนๆนั้นได้พุ่งออกมาจากซากปรักหักพังนั้น ผสานเข้าไปในร่างกายของหลิวซิน
ภาพนี้ แทบจะเหมือนกับตอนที่ที่ฮวางซาเก็บพลังเหนือธรรมชาติได้หลังจากฆ่าซอมบี้อย่างไรอย่างนั้น!
“ฮ่อง....ฮ่องเต้....”
ในขณะที่มองสุนัขยักษ์ตัวนั้นกลายเป็นซากศพชิ้นเล็กชิ้นน้อย หลิวซินที่สัมผัสได้ถึงพลังที่ทั้งเย็นและแปลกประหลาดที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกาย ได้เผยสีหน้าแห่งความสงสัยออกมาในเวลาเดียวกัน
“นี่....นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? !”
“ยินดีด้วย ถ้าฉันเดาไม่ผิดละก็ พลังเหนือมนุษย์ของนายได้ฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว!”
และในเวลาเดียวกัน ในที่สุดฮวางซางก็เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหลิวซิน หลังจากนั้นก็เผยรอยยิ้มบางๆออกมา ก่อนจะออกแรงที่มือขวาอย่างแรงและเร็ว กวัดแกว่งสุนัขที่อยู่ในมือตัวนั้นไปมา แล้วใช้สุนัขที่ถูกเขาทุบด้วยซอมบี้ไปก่อนหน้านั้นทุบเข้าไปบนหัวอย่างโหดเหี้ยม
แผละ!
หลังสิ้นเสียงที่ดังขึ้น สุนัขที่พยายามโจมตีและลุกขึ้นมาอีกครั้งได้ถูกฮวางซางทุบลงไปบนหัวจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เป็นเวลาเดียวกับที่มันสมองของสุนัขตัวนั้นที่อยู่ในมือของเขาได้ทะลักออกมาตามรอยแตกนั้น ก่อนจะแน่นิ่งไป
หลังจากจัดการเจ้าตัวปัญหาสองตัวนี้ได้แล้ว ฮวางซางจึงได้หันมาพูดกับหลิวซินว่า
“ก่อนหน้านั้นฉันเคยอ่านโพสต์อีกโพสต์หนึ่งบนเว็บไซต์ ในโพสต์นั้นได้เขียนไว้ว่า ถึงแม้ว่าพลังเหนือฟ้าดินในตอนนี้จะกำเนิดสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวขึ้นมา และนำพาภัยพิบัติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มาสู่ตัวมนุษย์ก็ตาม แต่ในเวลาเดียวกันก็นำมาซึ่งโอกาสที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแก่มนุษยชาติเช่นกัน คนที่มีคุณสมบัติที่ดีส่วนหนึ่ง จะสามารถใช้โอกาสนี้มาเปิดความสามารถซ่อนเร้นที่อยู่ภายในของตัวเอง ดังนั้นจึงได้ความสามารถที่แข็งแกร่งหลากหลายรูปแบบเกิดขึ้นมา”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ฮวางซางก็อดมองไปทางหลิวซินด้วยแววตาอิจฉาไม่ได้
“เห็นได้ชัดเจนว่า นายคือหนึ่งในนั้น”
พลังเหนือมนุษย์ได้ฟื้นตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วทั้ง ๆ ที่หลิวซินไม่เคยบำเพ็ญฝึกฝนยุทธการจู่โจมใดๆมาก่อน ร่างกายนี่ก็ได้พิสูจน์ความน่ากลัวทางด้านสติปัญญาของเขาแล้ว คนประเภทนี้เกรงว่าคงจะเป็นอัจฉริยะหนึ่งในล้าน ที่มีในยุคเทพเจ้าและภูตผีในโบราณกาล
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับการบำเพ็ญฝึกฝนวิชาหลอมรวมเป็นหนึ่งขั้นบรรลุแล้ว มันกลับเทียบไม่ได้กับคนที่ยังค้นพบพลังเหนือธรรมชาติของตัวเองไม่เจอมากทีเดียว
จนกระทั่ง หากไม่ใช่เพราะได้รับโอกาสการสืบทอดจากระบบแล้ว ก็คงจะต้านทานภัยพิบัติครั้งแรกด้วยคุณสมบัติของตัวเองไม่ได้อย่างแน่นอน
“พลัง...พลังเหนือมนุษย์?”
ตอนนี้หลิวซินรู้สึกงุนงงอยู่ไม่น้อย เขามองไปที่มือทั้งสองของตัวเอง หลังจากนั้นก็ออกแรงกวัดแกว่งไปมาภายใต้จิตสำนึก
หวือ!
พริบตาเดียว แสงสีฟ้าอ่อนๆก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือของเขาอีกครั้ง ไม่เพียงแต่อุณภูมิในอากาศที่ต่ำลงไม่น้อยเท่านั้น แม้กระทั้งหยดน้ำที่ร่วงหล่นมาบนมือของเขาก็แข็งตัวจนกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง ก่อนจะร่วงหล่นลงพื้นไป
“พระเจ้า นี่มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย!”
เมื่อเห็นภาพนี้ ในที่สุดหลิวซินก็มั่นใจกับเรื่องที่ตัวเองพบเจอเมื่อสักครู่ ว่าทุกภาพที่เขาสัมผัสได้นั้นไม่ใช่เรื่องโกหก พลังความเย็นที่อยู่ในร่างกายของเขาก็ยังคงดำรงอยู่อย่างแท้จริง หลังจากนั้นเขาก็อดที่จะหัวเราะออกมาในที่สุดไม่ได้
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฉันมีพลังเหนือมนุษย์แล้ว นี่มันโครตเจ๋งไปเลย!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวซินก็หันหน้ากลับมามองฮวางซางอย่างฉับพลัน ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแห่งความตื่นเต้นและจริงจังว่า
“พี่ ตอนนี้เป็นตาของผมที่จะปกป้องพี่แล้ว!”
“หือ นายคิดว่าแสงที่อยู่ในตัวนายตอนนี้จะทำให้นายเก่งขึ้นแล้วอย่างนั้นเหรอ? งั้นนายลองไปปราบเจ้าไทแรนท์กับเจ้าลิกเกอร์ดูไหมละ?”
เมื่อเผชิญหน้ากับหลิวซินที่กำลังรู้สึกประหลาดใจและฮึกเหิมนี้ ฮวางซางกลับราดน้ำเย็นใส่เขาเพื่อดึงสติ
“บอกอีกครั้ง ถึงนายจะมีพลังเหนือมนุษย์ก็จริงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่านายจะไม่ตายนะ ตอนนี้นายยังมีเลือดเนื้อ ไม่ว่าจะถูกซอมบี้กัดจนบาดเจ็บ หรือถูกปืนยิง นายก็ตายได้เหมือนกัน”
“เอ่อ......”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง หลิวซินนิ่งไปในทันที หลังจากนั้นก็เผยสีหน้าลำบากใจออกมา ก่อนพูดขึ้นว่า
“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น.....”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวซินกลับเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หลังจากนั้นก็มองไปทางฮวางซาง แล้วถามขึ้นว่า
“พี่ พี่ก็เปิดพลังเหนือมนุษย์ออกมาแล้วใช่ไหม ไม่งั้นพี่คงไม่สามารถใจเย็นได้แบบนี้หรอก อีกอย่างฝีมือที่แสดงออกมาเมื่อสักครู่ก็ไม่ใช่คนทั่วไปที่จะทำมันได้ แม้กระทั่งผู้รักษาความปลอดภัยของพ่อฉันก็ยังสู้พี่ไม่ได้”
“ฉันก็มีพลังเหนือมนุษย์มั้งไม่ได้เหรอ?”
ฮวางซางไม่ได้ตอบคำถามของหลิวซินโดยตรง อีกทั้งยังมองไปทางซอมบี้ที่ยิ่งเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆที่อยู่ห่างออกไปอีกด้วย ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“เอาละ อย่ามัวเสียเวลาเลย เดินทางต่อเถอะ ตอนนี้สุนัขกลายพันธุ์แบบนี้ก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว ต่อไปไม่รู้ว่าจะมีอะไรปรากฏตัวขึ้นมาอีก”
“อื้อ”
เมื่อนึกถึงความเร็วอันน่ากลัวที่ปรากฏขึ้นมาของสุนัขยักษ์เมื่อสักครู่ หลิวซินก็รู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมาในใจ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นถือปืนพก สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้ววิ่งตามฮวางซางออกไปยังทิศทางของกองบัญชาการนั้นต่อไป
หลังจากที่พลังเหนือมนุษย์ฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว ร่างกายของหลิวซินก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความเร็วก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก บวกกับเขายังสามารถดูดซับพลังของฝนที่ตกกระหน่ำลงมาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในกับตัวเอง แม้กระทั่งยังสามารถเก็บพลังจากการฆ่าซอมบี้เหมือนกับฮวาวซางได้อีกด้วย ดังนั้น ตลอดทางที่พุ่งออกไป เขาไม่เพียงแต่จะไม่มีอาการอ่อนเพลียแม้แต่น้อย กลับยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาแทนอีกด้วย
เมื่อเป็นอย่างนี้ ท่างกลางสายฝนที่ทั้งสองคนมุ่งหน้าออกไป พวกเขาพยายามหลบหลีกซอมบี้เหล่านั้นอย่างเต็มที่ แต่ถ้าเกิดหลบหลีกไม่ได้จริง ๆก็จะลงมือฆ่าราวกับสายฟ้าฟาดทันที สุดท้ายพวกเขาก็มองเห็นอาคารกองกำลังทหารสนับสนุนที่อยู่ด้านหน้าในที่สุด
แต่สิ่งที่ทำให้ในใจของพวกเขาเคร่งขรึมขึ้นมาคือ ภายนอกของอาคารกองบัญชาการนั้นมีซอมบี้หลายร้อยตัวรวมตัวกันอยู่ด้านนอก อีกทั้งยังมีซอมบี้อีกจำนวนมากกำลังห้อมล้อมอาคารกองบัญชาการไปทั่วทุกทิศทางอีกด้วย ดูเหมือนว่าภายในของอาคารหลังนี้กำลังมีอะไรบางอย่างดึงดูดพวกมันไว้!
“เหี้ย ทำไมซอมบี้ถึงได้เยอะขนาดนี้!”
ถึงแม้หลิวซินจะทีพลังที่แข็งแกร่งขึ้นก็ตาม แต่เมื่อเห็นกองทัพซอมบี้ที่หนาแน่นแบบนั้น เขากลับอดที่จะรู้สึกชาที่หัวขึ้นมาไม่ได้
“พี่ พวกเราจะเข้าไปข้างในได้ยังไง?”
“บุกเข้าไป!”
ฮวางซางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นก็หยิบลิ้นขาดที่ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกอีกชั้น ภายในกระเป๋าโน้ตบุคขึ้นมา เขาเปิดถุงนั้นขึ้นมา พร้อมกับหันไปพูดกับหลิวซินว่า
“จริงๆแล้วก่อนหน้าฉันโกหกนายไปเรื่องหนึ่ง ฉันไม่เพียงแต่เห็นลิกเกอร์เท่านั้น แต่ฉันยังได้สู้กับมันไปรอบหนึ่ง ....นี่คือลิ้นของมัน?”
“อะ....อะไรนะ?”
หลิวซินมองไปที่ลิ้นขาดที่อยู่ในมือของฮวางซางด้วยความตกตะลึงอ้าปากค้าง ซึ่งในตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี
มิน่าหล่ะ...ก่อนหน้านั้นที่ฮวางซาง เห็นพลังเหนือมนุษย์ของตัวเองฟื้นตื่นขึ้นมา เขายังคงดูสงบได้อยู่ ที่แท้พลังของเจ้าหนุ่มนี้ก็มีความเข้มแข็งเพียงพอที่จะต่อสู้กับเจ้าลิกเกอร์ได้แล้ว!
“เอาละ ตอนนี้ไม่มีเวลามาอธิบายแล้ว แค่นายต้องอยู่ประชิดตัวฉันไว้ก็พอ!”
เมื่อเห็นหลิวซินอยู่ในอาการตื่นตกใจ ฮวางซางก็ส่ายหน้า ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“กลิ่นอายของเจ้าลิกเกอร์ยังมีอยู่ในลิ้นขาดนี้ เพียงพอที่จะสามารถทำให้ซอมบี้เหล่านั้นเหวาดกลัว ไม่กล้าโจมตีเข้ามา แต่ประสิทธิภาพของมันมีขีดจำกัดเพียงแค่ 5 เมตรเท่านั้น ดังนั้นนายห้ามออกห่างจากฉันเกิน 5 เมตรเด็ดขาด ไม่งั้นฉันก็ช่วยนายไม่ได้นะ!”
เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ฮวางซางก็หยิบลิ้นขาดนี้ออกมา ถึงอย่างไรในเมือง C ตอนนี้ก็ถูกเหล่าซอมบี้ยึดครองไปแล้ว ถ้าหากว่าไม่พึ่งกำลังของทหาร ถึงแม้ว่าจะมีลิ้นขาดๆอันนี้ก็ตาม เขาเพียงคนเดียวก็คงจะไม่สามารถฆ่าซอมบี้ที่ล้อมเมือง C หลายร้อยตัวนี้ได้หมดหรอก
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลิวซิน....
“ฉันรู้แล้ว พี่!”
ในขณะที่ฮวางซางกำลังแสดงท่าทางเคร่งเครียดแบบนั้น หลิวซินก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะพยักหน้า
“ไป!”
ต่อจากนั้น ฮวางซางก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับถือลิ้นที่อยู่ในมือข้างหนึ่งไว้แน่น และกระโดดพุ่งออกไปด้านหน้า พุ่งตรงไปยังอาคารกองบัญาการทันที
ส่วนหลิวซินเองก็ไม่กล้าลังเลสิ่งใดอีก ได้วิ่งตามฮวางซางไปติดๆ ไม่ห่างแม้เพียงนิ้วเดียว !
โฮก โฮก โฮก!
ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมานั้น ประสาทรับกลิ่น ประสาทได้ยิน แม้กระทั่งประสาทการมองเห็นของซอมบี้ก็แข็งแกร่งมากขึ้น ดังนั้นเมื่อฮวางซางและหลิวซินวิ่งพุ่งออกไปบนถนนใหญ่ ซอมบี้ที่ล้อมอาคารกองบัญชาการไว้เหล่านั้นก็เห็นร่องรอยของพวกเขาทั้งสองคน หลังจากนั้นก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขา พร้อมกับส่งเสียงคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับกลุ่มสุนัขบ้าคลั่งที่กระหายเลือด!
“ลุย!”
สนามที่มีซอมบี้รวมตัวอยู่หลายร้อยตัวนี้สร้างความรู้สึกบีบรัดกดดันอย่างมาก เมื่อเห็นกลุ่มแรกที่พุ่งเข้ามาราวกับกระแสน้ำที่ทะลักเข้ามา อีกทั้งกลุ่มซอมบี้เหล่านั้นยังส่งเสียงคำรามออกมาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ฮวางซางที่มีจิตใจเข้มแข็งและทรหดเกินกว่าจะหาสิ่งใดเปรียบได้ ก็ยังอดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้
แต่เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วเขาจะถอยหลังกลับไปอีกไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงกัดฟันกรอด ตัดสินใจ แล้วพุ่งเข้าไปหาซอมบี้กลุ่มนั้น!
สิ่งที่ยังถือว่าโชคดีคือ ถึงแม้ว่ากลิ่นอายของลิ้นที่เป็นของเจ้าลิกเกอร์จะไม่ได้สดใหม่และเข้มข้นแล้ว แต่ซอมบี้เหล่านั้นที่เข้าใกล้ลิ้นนี้ในระยะ 5 เมตรก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ยังหลงเหลืออยู่ในลิ้นอันนี้ แต่กลิ่นอายอันน้อยนิดนี้ยังคงสร้างความหวาดกลัวถึงขีดสุดให้กับซอมบี้ทั่วไปได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อ ไป ตอนที่ซอมบี้เหล่านั้นอยู่ห่างจากฮวางซางไม่ถึง 5 เมตร ดูเหมือนว่าพวกมันจะสัมผัสได้ถึงอันตรายที่น่ากลัวอย่างรุนแรง จนร่างกายแข็งทื่อไปทั้งตัว หลังจากนั้นก็หยุดลง ไม่แม้แต่จะกล้าขยับตัว
เมื่อเป็นอย่างนี้ ทำให้ซอมบี้ที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงฝั่งด้านหลังก็ได้ชนเข้ากับร่างกายของพวกมันอย่างรุนแรง ส่งผลให้ซอมบี้ที่ยืนเป็นระเบียบที่นำมาก่อนหน้านั้นเกิความวุ่นวายล้มระเนระนาดลงไปกองกับพื้น
ฮวางซางและหลิวซินจึงถือโอกาสนี้เพิ่มความเร็วขึ้น แทรกเข้าไปในกลุ่มของซอมบี้ที่กำลังวุ่นวายโกลาหลอยู่ พุ่งตรงไปยังปประตูใหญ่ของอาคารกองบัญชาการอย่างรวดเร็ว
เอี๊ยด !
สถานการณ์ด้านนอกได้สร้างจุดสนใจให้กับคนภายใน ดังนั้นเมื่อฮวางซางและหลิวซินมาถึงหน้าประตูใหญ่ ประตูใหญ่ที่ถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนาก็ถูกเปิดออกอย่างฉับพลัน ทหารที่ติดอาวุธครบมือ 4- 5 คนก็ออกมายืนอยู่ข้างประตู ก่อนเล็งปากกระบอกปืนไปที่ซอมบี้ที่ไม่ได้ล้อมอยู่ด้านนอก หนึ่งในนั้นได้ส่งเสียงตะโกนขึ้นมาเรียกพวกเขา
“เข้าไปข้างในเร็ว!”
เรื่องความเป็นความตาย หลิวซินและฮวางซางไม่กล้าแม้แต่จะลังเลแต่อย่างใด จึงได้พุ่งตรงเข้าไปในประตูใหญ่ หลังจากนั้นทหาร2 -3 คนนั้นก็รีบปิดประตูทันที แล้วล๊อกมันไว้อย่างแน่นหนา !
แต่ทว่า ยังไม่ทันที่ฮวางซางและหลิวซินจะได้ผ่อนคลายลง ทหารที่ทำการล็อกประตูใหญ่นั้น 2-3 คนก็ได้ยกอาวุธที่อยู่ในมือขึ้นมา แล้วเล็งปากกระบอกปืนไปที่ฮวางซางและหลิวซินทันที