ตอนที่ 18 หมอกสลาย ฝนตกหนัก !
ตอนที่ 18 หมอกสลาย ฝนตกหนัก !
เป็นอย่างที่ฮวางซางคาดการณ์ไว้จริง ๆ ตำแหน่งที่ทหารตั้งด่านสกัดกั้นอยู่ด้านนอกนั้น ก็ไม่สามารถต้านทานไทแรนท์ตัวนี้ไว้ได้ เพราะต่อให้มีเพียงไทแรนท์ที่พิการแค่เพียงตัวเดียว แต่นั่นก็ไม่ใช่อาวุธมาตรฐานทั่วไปที่จะสามารถรับมือกับมันได้ บวกกับอาวุธหนักประเภทปืนจรวดของทหารได้รับการรบกวนจากม่านหมอก จึงยากที่จะเล็งเป้าได้ ดังนั้นหลังจากที่ไทแรนท์ได้ทำลายด่านสกัดกั้นจนทหารล้มตายไปราว 10 กว่าคนแล้ว มันก็หนีหายเข้าไปในม่านหมอกทันที
“พวกเขาน่าจะฝังระเบิดไว้นอกด่าน....” เมื่อรู้ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นนี้ หลิวซินก็เงียบขรึมขึ้นมาทันใด หลังจากนั้นก็กัดฟันกรอดแล้วพูดขึ้นว่า
“พลีชีพมากมายขนาดนี้ แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้มันหนีรอดไปจนได้....เหี้ย!”
“หรือเป็นเพราะว่าความแข็งแกร่งของไทแรนท์นั้นมากเกินกว่าที่ทุกคนคาดการณ์เอาไว้”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวซิน ฮวางซางก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
“ใครจะไปคิดละ ทหารที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีและติดอาวุธครบมือสุดท้ายก็ไม่สามารถขวางเจ้านี่ไว้ได้ แล้วไหนจะม่านหมอกบ้าๆนี้อีก ฮึย.....”
การทำสงครามในสภาพแวดล้อมม่านหมอกหนาทึบนี้ ความจริงแล้วมันไม่เอื้ออำนวยต่อพวกทหารเหล่านี้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนที่ใช้การไม่ได้ เนื่องจากอุณหภูมิภายในร่างกายของซอมบี้นั้นต่ำเกินไป ยิ่งทำให้พวกเขาแทบจะกลายเป็น “คนตาบอด” ไปโดยปริยาย ดังนั้น “ไทแรนท์”ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกครั้งตัวนั้น จึงได้มีความคิดที่จะหลบหนีจากการถูกห้อมล้อมของทหารเหล่านี้
ครืน!
หลิวซินที่กำลังคิดจะพูดเรื่องเหล่านี้ แต่แล้วโทรศัพท์ของเขาก็ได้รับข้อความหนึ่ง หลังจากที่ได้อ่านข้อความนั้นแล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดขึ้นมาทันใด
“ทำไมเหรอ?” เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูเปลี่ยนไปของหลิวซิน ฮวางซางก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมาทันใด ก่อนจะถามขึ้นว่า
“เรื่องที่นายใช้รหัสของพ่อรึเปล่า?” ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนของฝ่ายทหารก็ตาม แต่เขารู้ได้อย่างชัดเจนว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ย่อมไม่อนุญาตให้ใช้รหัสเข้าระบบได้ การใช้รหัสส่วนตัวเข้าระบบทหารจึงถือว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆเลย!
“ไม่มีอะไร ฉันถูกพ่อด่าสองสามคำเท่านั้น ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่พอดีเลย” หลิวซินส่ายหน้า ก่อนจะตอบข้อความไป และพูดกับฮวางซางไป
“ฉันได้บอกเรื่องที่พี่เจอกับลิกเกอร์กับพ่อแล้ว เพื่อที่เขาจะได้ระวังตัวมากขึ้น จริงสิ แล้วเรื่องสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆที่จะปรากฏตัว...ฉันสามารถบอกพ่อได้ไหม?”
ความจริงแล้วข่าวสารที่ฮวางซางเสนอมานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ถ้าพ่อของเขาเชื่อเรื่องข่าวสารนี้ ก็คงจะเตรียมการป้องกันไว้ก่อน ต่อไปหากเกิดเรื่องผิดปกติขึ้นอีก แล้วถ้าฝ่ายมนุษย์ยังไม่ได้เตรียมตัวรับมือ ก็คงจะตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเป็นแน่
“แน่นอนสิ ฉันเองก็เห็นมาจากโพสต์ของบทความวิจารณ์นั้นแหละ เดี๋ยวฉันส่งเว็บไซต์ของโพสต์นี้ให้ นายอ่านแล้วก็จะเข้าใจแล้วละ”
“แต่อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ ข่าวสารนี้พ่อของนายคงจะไม่เชื่อ.....ความจริงแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉันเห็นเจ้าลิกเกอร์แล้วละก็ ฉันเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน” โพสต์ที่อยู่บนบทวิจารณ์นั้นได้ปกป้องฮวางซางไว้ได้ เขาไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะสงสัยในตัวเอง อีกทั้งฮวางซางเองก็ไม่อยากเห็นเรื่องภัยพิบัติที่นำพาความเดือดร้อนมาสู่ประชาชนจะเกิดขึ้นด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธหลิวซิน
“ดี!” หลิวซินพยักหน้า หลังจากนั้นก็นำข่าวสารนี้ส่งไปบอกพ่อของเขาอีกครั้ง
ข่าวที่ว่ามีซอมบี้กลายพันธุ์อีกชนิดได้ปรากฏตัวขึ้นภายในเมือง และก็เรื่องการคาดเดาว่าจะมีสัตว์ประหลาดตัวอื่น ๆปรากฏตัวขึ้นอีกในอนาคต ได้ดึงดูดความสนใจของพ่อหลิวซินได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้นไม่นานหลิวซินก็ได้รับข้อความอีกหลายฉบับกลับมาอีกครั้ง
เมื่อเห็นข่าวสารนี้ และหลังจากได้รับข้อความตอบกลับมาอีกหลายฉบับ หลิวซินจึงหันไปพูดกับฮวางซางว่า
“พ่อของฉันบอกว่ากำลังตามล่ารองร่อยของไทแรนท์อยู่ และก็ค้นหาร่องรอยของลิกเกอร์ในเวลาเดียวกันด้วย อีกทั้งทหารในตอนนี้ก็ยังคงจัดวางกำลังการป้องกันไปทั่วทุกพื้นที่และเข้าปฏิบัติการควบคุมสถานการณ์อยู่ หวังว่าคงจะกวาดล้างซอมบี้ที่อยู่ในเมือง C ได้โดยเร็ว และนำพาเมือง C กลับสู่ระบบความสงบสุขอีกครั้ง ”
“ส่วนเรื่องโพสต์นั้น...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวซินก็อดที่จะแสดงสีหน้าอับจนปัญญาออกมาไม่ได้
“พ่อของฉันบอกให้ฉันอย่าเชื่อเรื่องในเว็บไซต์นั้น เขาคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไร้สาระ....”
“ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ ฉันเองก็หวังว่าให้เป็นเรื่องโกหกเหมือนกัน แต่ยังไงก็ต้องป้องกันไว้ก่อน ฉันยังต้องการหาข้อมูลเหล่านั้นต่อ” เดิมทีฮวางซางนั้นก็ไม่ได้หวังอะไรมากอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกว่าผิดหวังมากนัก เขามองเวลาที่อยู่บนคอมพิวเตอร์ จึงรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลา 4 ทุ่มกว่าแล้ว การฟื้นตัวของระบบนั้นเหลือเวลาเพียง 1 วันสุดท้ายแล้ว เมื่อคิดได้ ฮวางซางก็ยิ่งเกิดความรู้สึกเร่งรีบขึ้นมาในใจมากเข้าไปอีก หลังจากนั้นก็หันไปพูดกับหลิวซินว่า
“จะเป็นไรไหม ถ้าฉันขอให้นายช่วยฉันหน่อย?”
“ช่วยได้แน่นอน ถ้าหากโพสต์นั้นเป็นความจริงขึ้นมา ถึงตอนนั้นข้อมูลเหล่านี้ก็คงจะมีประโยชน์มาก”
ถึงอย่างไรหลิวซินเองก็ว่างอยู่แล้ว บวกกับเขาเองก็อยากทำเรื่องเหล่านี้ด้วย ดังนั้นถึงแม้ว่าท้องฟ้านั้นจะมืดลงแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังตอบรับกลับไปอย่างตรงไปตรงมาอยู่ดี หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็เริ่มทำการรวบรวมข้อมูลเหล่านี้อีกครั้ง
และในช่วงเวลาเดียวกัน ภายในเมือง C ถึงแม้ว่ากองกำลังทหารสนับสนุนจากเมืองหยางจะพบกับอุปสรรคในการปราบเจ้าไทแรนท์ก็ตาม แต่เรื่องที่สมควรทำยังไงก็ยังต้องทำ ไม่นานนักกองทัพกลุ่มนี้ที่อยู่ในเมือง C ก็เริ่มเคลื่อนไหว
เริ่มตั้งแต่ช่วงเวลานี้ เมือง C จะเข้าสู่สถานการณ์การควบคุมโดยทางทหารอย่างแท้จริง ภายใต้การควบคุมของเหล่าทหาร ระบบเคอร์ฟิวและการปิดล้อมถนนในเมือง C จะแปรเปลี่ยนเป็นเข้มงวดมากยิ่งขึ้น ทุกพื้นที่และถนนทุกสายจะมีกองกำลังทหารและตำรวจรักษาการณ์ไว้ ไม่อนุญาติให้ทุกคนออกมาจากบ้านเด็ดขาด ในเวลาเดียวกันกองกำลังทหารก็เริ่มเข้ามาควบคุมทรัพยากรที่จำเป็นในการดำรงชีวิตต่าง ๆ ทุกครัวเรือนทุกชีวิตจะได้รับการแจกจ่ายของใช้วัตถุดิบที่จำเป็นผ่านทางทหารทุกวัน เพื่อระงับการเกิดเหตุจราจลขึ้น
อีกด้านหนึ่ง ทหารจำนวนมากจะเริ่มกวาดล้างถนนทุกสายโดยได้รับการคุ้มกันจากรถถังและรถหุ้มเกราะ ดังนั้นวันถัดไป เสียงปืนภายในเมือง C ก็แทบจะไม่มีวันหยุดลง ซอมบี้ที่ระเห่เร่อนอยู่ในม่านหมอกจำนวนมากจะถูกทหารโจมตี หลังจากนั้นก็จะรวบรวมซากศพนำไปจัดการเผาทิ้งไม่ให้เหลือซาก ทั้งหมดดูเหมือนจะเริ่มดำนินการไปด้วยดี
และถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่แน่ว่าภายในเวลาอีก1-2 วันนี้ ซอมบี้ที่อยู่ในเมือง C ก็คงจะถูกเก็บกวาดจนหมดสิ้น ถึงตอนนั้นผู้ป่วยหนักเหล่านั้นก็จะถูกควบคุมตัวไว้ เพื่อป้องกันพวกเขากลายร่าง ภัยอันตรายอย่างซอมบี้ที่อยู่ในเมือง C ก็อาจจะถูกควบคุมไว้ได้อย่างสมบูรณ์
แต่ความจริงแล้วเรื่องมันจะง่ายขนาดนั้นเหรอ?
……
“ฮ่องเต้ ฉันรู้สึกว่าดวงตาของฉันเริ่มล้าลงแล้ว....”
หลังจากรวบรวมสถิติข้อมูลไปสักพัก หลิวซินก็ได้ขยี้ดวงตาเล็กน้อย ก่อนพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่อ่อนล้าลงเต็มที่
“สองวันนี้ฉันได้นอนไม่ถึง 6 ชั่วโมง ก่อนหน้ายังถูกพ่อด่าไปยกใหญ่ด้วย ฉันแทบจะทรงตัวไม่ได้แล้ว ฉันขอนอนหลับสักตื่นนะ” เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวซินก็อดที่จะมองไปทางฮวางซางที่ยังคงมีท่าทางกระฉับกระเฉงกระปรี้กระเปร่า หลังจากนั้นก็ถามขึ้นด้วยความอยากรู้ว่า
“แต่ฮ่องเต้ได้พักผ่อนน้อยกว่าฉันอีก ทำไมตอนนี้ยังดูมีเรี่ยวแรงขนาดนนี้ละ พี่เป็นสัตว์ประหลาดหรือเปล่าเนี่ย?”
“เอาละ หยุดบ่นได้แล้ว เดี๋ยวขอหาข้อมูลชุดสุดท้ายได้ก็เสร็จแล้ว”
หลังจากที่วิชาหลอมรวมเป็นหนึ่งได้บรรลุ ไม่ว่าจะเป็นกำลังทางด้านร่างกายหรือพลังจิตของฮวางซางก็เหนือกว่าคนทั่วไปมาก ดังนั้นถึงแม้ว่าสองวันมานี้เขาแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลยก็ตาม อีกทั้งยังนั่งรวบรวมข้อมูลทั้งหมดนี้อีก แต่เขากลับไม่ได้มีอาการเหนื่อยล้าอ่อนเพลียแต่อย่างใด
ยิ่งไปกว่านั้น....
เมื่อมองไปทางเวลาที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เดิมทีฮวางซางที่มีอาการเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากลับไม่มีความคิดที่จะนอนพักแต่อย่างใด อีกไม่กี่สิบนาทีก็จะเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว วันที่ระบบได้แจ้งข้อมูลไว้กับเขาคือหลังจากเวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป ถึงตอนนั้นระบบก็คงจะฟื้นตื่นขึ้นมาได้ทุกเมื่อ สิ่งผิดปกติก็คงจะปรากฏขึ้นมาได้ทุกเมื่อเช่นกัน
ภายใต้สถานการณ์อันเลวร้ายเช่นนี้ เขาจะไปมีกระจิตกระใจพักผ่อนได้ยังไงละ?
“ฮ่องเต้ พี่ไม่ต้องกังวลเกินไป”
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของฮวางซาง หลิวซินที่ดื่มกาแฟไปอึกหนึ่งเพื่อเรียกสติกลับมา ก็ได้พูดว่า
“ตอนนี้ซอมบี้ในเมือง C ก็คงจะถูกเก็บกวาดจนแทบจะหมดสิ้นแล้ว อีกอย่างพ่อของฉันบอกว่ากองกำลังทหารสนับสนุนจากเมืองหยางน่าจะมาถึงเมืองเราตอนเที่ยง ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะมีไทแรนท์หรือลิกเกอร์มากมายแค่ไหนก็คงจะไม่มีทางสร้างสถานการร์ให้เลวร้ายลงไปมากกว่านี้ได้” เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวซินกลับอดที่จะถอนหายใจออกมาอีกครั้งไม่ได้
“แต่ยังไงม่านหมอกที่หนาทึบนี้ก็น่าหวาดกลัวเกินไป ถ้าไม่ใช่เพราะหมอก คาดว่าเจ้าลิกเกอร์และเจ้าไทแรนท์ก็คงจะถูกพบเจอตัวและถูกทำลายไปนานแล้ว ขนาดตอนนี้ยังไม่มีสักข่าวสารประกาศออกมาเลย”
“หวังว่าหลังจากที่กองกำลังทหารสนับสนุนของเมืองหยางมาถึงแล้วจะสามารถกระจายตัวกันค้นหาเป็นวงกว้างได้มากขึ้น แล้วก็ได้เจอกับเจ้าสองตัวนั้นนะ” ฮวางซางส่ายหน้า หลังจากนั้นก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ก่อนถามขึ้นว่า
“จริงสิ นายเคยบอกว่าระบบการค้นหาข้อมูลจากภาพตัวนั้นเพื่อนของนายเป็นคนทำมันขึ้นนี่ ตอนนี้เสร็จรึยังละ?”
ในระหว่างการรวบรวมข้อมมูลในสองวันมานี้ หลิวซินก็ได้เกิดความคิดขึ้นมาอย่างฉับพลัน จึงหาโปรแกรมการแปลงไฟล์จากภาพที่เพื่อนของเขาเป็นคนทำ โดยพวกเขาได้ทำการป้อนข้อมูลเข้าไปแล้วรวบรวมข้อมูลสัตว์ประหลาดเหล่านี้ไว้ในระบบ ถึงตอนนั้นถ้าสัตว์ประหลาดตัวไหนปรากฏตัวขึ้นมาจริง พวกเขาก็จะทำการคัดกรองรูปภาพ และจะสามารถหาข้อมูลของสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้อย่างรวดเร็ว
ดีละ ไม่เลวเลย แรงบันดาลใจนี้มาจากเกมส์และการ์ตูนที่หลิวซินชอบ อย่างเรื่องภาพประกอบโปรเกมอนในการ์ตูนเรื่อง โปเกมอนยังไงละ
“จริงสิ ถ้าพี่ไม่บอก ผมเกือบลืมไปแล้วนะ” เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง หลิวซินก็ตีไปที่หัวของตัวเอง หลังจากนั้นก็ส่งระบบนี้ให้กับฮวางซาง
“เพื่อนของผมทำเสร็จแล้ว เอาโปรแกรมนี้ไปติดตั้งในคอมพิวเตอร์ iPad หรือมือถือก็ได้ หลังจากนั้นก็ป้อนข้อมมูลเข้าไป ถึงตอนนั้นกล้องก็ทำการคัดกรองได้แล้ว”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวซินก็หยุดไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็พูดต่อว่า “นอกเหนือจากนี้ โปรแกรมนี้ยังมีระบบคัดกรองภาพเลือนลางได้ด้วย ดังนั้นสิ่งมีชีวิตมาตรฐานกับข้อมูลจะมีความแตกต่างกัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาที่ใหญ่มากนัก มันสามารถคัดกรองแยกแยะออกมาได้”
“อย่างนี้ก็สะดวกมากเลยอ่ะดิ” เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวซิน ฮวางซางก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่น้อย เริ่มทำการติดตั้งโปรแกรมกับหลิวซิน หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้นำข้อมูลที่รวบรวมได้ในสองวันนี้ป้อนเข้าไปในโปรแกรม ถึงตอนนั้นถ้าหากว่าสัตว์ประหลาดตัวอื่น ๆปรากฏตัวขึ้นมาจริง ๆ โปรกแกรมเล็ก ๆตัวนี้คงจะมีประโยชน์เป็นอย่างมาก
เมื่อเป็นอย่างนี้ หลิวงซินและฮวางซางก็ได้ทำการติดตั้งโปรแกรมและป้อนข้อมูล เวลาที่ผ่านไปช้าๆราวกับกระแสน้ำ ในที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้องก็ได้ตีบอกเวลาเที่ยงคืน !
ติ้ง ติ้ง ติ้ง
ถึงเวลาเที่ยงคืน แล้ว เสียงนาฬิกาที่ฮวางซางได้ทำการตั้งเวลาไว้ก็ดังขึ้น
เปรี้ยง !
สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ แทบจะในพริบตาเดียวกับที่นาฬิกาของฮวางซางดังขึ้น สายฟ้าที่แสบตานั้นก็ได้เปล่งแสงประกายไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่มืดมิด แม้กระทั่งหมอกหนานั้นก็ไม่สามารถขวางกั้นแสงบนท้องฟ้านั้นได้ หลังจากนั้น เสียงระเบิดก็ดังขึ้นอย่างรุนแรง!
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ฝนก็ได้เทกระหน่ำลงมาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น อย่างฉับพลัน หลังจากนั้นเสียงฟ้าร้องและฝนตกหนักที่ปรากฏ ก็ได้ทำให้ม่านหมอกที่ปกคลุมในเมือง C มาหลายวันได้มลายหายไปในที่สุด !
หมอกสลาย ฝนตกหนัก ฟ้าร้อง.....
ทั้งหมดนี้ ราวกับว่าเป็นลางสังหรณ์ ว่าวันจุดจบของโลกที่น่ากลัว บทใหม่ได้เริ่มเปิดออกแล้ว!