GE444 ปีกปีศาจอสูรสวรรค์ [ฟรี]
เผ่าหกปีกจัดงานเฉลิมฉลองจากการที่รอดพ้นจากวิกฤติ และได้ที่คุ้มภัยภัยใหม่
แต่เพื่อแลกเปลี่ยนกับที่คุ้มภัย เผ่าต้องยอมเสียเฟินซื่อเพื่อให้หนิงฝานยอมเข้าร่วมและปกป้อง ทำให้ผู้เชี่ยวชาญภายในเผ่าสบายใจขึ้นมาก
ข่าวที่หนิงฝานเข้าร่วมเผ่าหกปีกแพร่สะพัดไปทั่ว ด้วยชื่อเสียงของเขา ต่อให้เป็นราชาสุสานบุบผา เผ่าเนตรปีศาจ และเผ่าเขาคู่ก็ต้องเกรงอยู่หลายส่วน และไม่กล้ามาบุกเผ่าหกปีก
แต่การกระทำเช่นนี้เท่ากับขายเฟินซื่อออกจากเผ่า ซึ่งไม่ยุติธรรมกับนาง
นางเป็นสตรีที่งดงามโดดเด่น เป็นผู้มีพรสวรรค์ อนาคตก้าวไกล แต่ด้วยสถานะของ ‘สนมปีศาจ’ ทำให้นางต้องตกไปเป็นของหนิงฝาน
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีผู้ใดในเผ่ากล้าคัดค้าน พวกมันต้องจำยอมยกนางให้กับหนิงฝานไป
ในค่ำคืนที่มืดสลัว เฟินซื่อนั่งอยู่เพียงลำพังในห้องด้วยแววตาสับสนและเสียใจ รอให้หนิงฝานมาหา
แม้นางจะชื่นชอบในตัวหนิงฝานอยู่บ้าง แต่การที่นางต้องถูกเลือกให้มาเป็นสนมปีศาจ นางไม่ชอบ
นางจะต้องกลายเป็นผู้บำบัดความใคร่เพื่อให้หนิงฝานยกระดับพลัง ไร้ซึ่งเกียรติ ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี นางย่อมเสียใจเป็นเรื่องธรรมดา
“สนมปีศาจ… ข้าเกิดมาเพื่อเป็นสนมปีศาจ… มิน่าทำไมข้าถึงไม่มีตราประทับปีศาจเหมือนคนอื่น มิน่าทำไมข้าถึงปลุกปีกปีศาจได้...”
“ทุกคนที่เกิดมาในเผ่าล้วนมีตราประทับปีศาจติดตัว เมื่อฝึกฝนจนมีอายุครบ 100 ปี ตราประทับปีศาจจะตื่นขึ้นและได้ปีก 3 คู่ของเผ่ามาครอง ทำให้คนของเผ่าเรารวดเร็วกว่าคนทั่วไป ส่วนข้าก็มีปีกที่พิเศษกว่าคนอื่นๆเขา...”
“สนมปีศาจก็ต้องเป็นของเผ่าปีศาจ… ผู้อาวุโสใหญ่ยกข้าให้ท่านซัวหมิง ทั้งยังมอบแผ่นหยกที่สลักวิธีกการใช้พลังของข้าให้...”
เฟินซื่อกล่าวกับตัวเอง ภาพของหนิงฝานค่อยๆปรากฏขึ้นในใจของนาง
“เขาเป็นคนไร้หัวใจ เขาไม่ได้รักข้า… ข้าเป็นได้เพียงเครื่องมือ… ชีวิตข้าคงเป็นได้เพียงเครื่องมือของเขา”
เฟินซื่อนั่งเหม่อลอยด้วยสีหน้าเศร้าหมอง นางยังจำวันที่หนิงฝานช่วยชีวิตนางได้ หนิงฝานไม่ได้รักนางเหมือนอย่างที่เขารักเยว่หลิงคง ในยามนั้นนางจึงดูราวกับไร้ตัวตน
แต่ในขณะที่นางกำลังเศร้าใจอยู่นั้น หนิงฝานกลับเปิดประตูห้องเข้ามาจนนางตกใจผุดลุกขึ้น
“คารวะคุณชายซัวหมิง… เอ่อ… สามีข้า” นางก้มหน้าด้วยความเขินอาย
หนิงฝานยิ้มพลางมองไปรอบๆห้อง ห้องแห่งนี้ถูกจัดเตรียมไว้เป็นห้องหอ ดูเหมือนเฉวียนยี่จะเตรียมสถานที่ไว้ให้เขาโดยเฉพาะ
หนิงฝานให้หลิงคงรออยู่ที่พัก ส่วนเขาก็มาหาเฟินซื่อ เขาไม่ได้มาเพราะอยากจะร่วมรักกับนาง แต่ถึงอย่างนั้น นางก็เอาแต่คิดว่าหนิงฝานจะครอบครองนางในคืนนี้ให้ได้ นางจึงทุกข์ใจอยู่เพียงลำพัง
นางยิ้มให้หนิงฝาน เดินไปปิดประตูห้อง รินสุราและร่วมดื่ม ไม่ได้แสดงสีหน้าเศร้าหมองอย่างเมื่อครู่
“สามีข้าดื่มให้หมดเถอะ นี่เป็นสุราชั้นดีของเผ่าเรา มันจะช่วยเพิ่มความสุขในค่ำคืนนี้” นางยิ้มพลางกล่าวอย่างเขินอาย
“สุราดี แต่เจ้าไม่มีความสุข... เจ้าไม่อยากเป็นสนมปีศาจของข้าเหรอ?” หนิงฝานยิ้มพลางกล่าวถาม
“ข้าไม่กล้า!” นางตกตะลึง แม้นางจะเก็บซ่อนความเศร้า แต่หนิงฝานกลับมองออก
นางไม่กล้ามองหนิงฝานเพราะกลัวว่าเขาจะไม่พอใจ นางเป็นผู้ที่ต้องเสียสละเพื่อช่วยเผ่า นางจึงไม่กล้ายั่วยุหนิงฝาน
หนิงฝานยิ้มพลางยกจอกสุราดื่มต่อ “เจ้าไม่ต้องกังวลไป ถ้าเจ้าไม่อยากเป็นสนมปีศาจข้าก็ไม่บังคับ อีกอย่างข้าก็จะยังปกป้องเผ่าของเจ้าต่อไป เพราะข้าได้รับปากไปแล้ว… เจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่าสามีก็ได้ ให้เรียกข้าว่าคุณชายซัวแทน อีกอย่าง ข้าจะไม่สัมผัสเจ้าแม้แต่ปลายนิ้ว… ข้าจะบอกความจริงเจ้า หากเทียบกับร่างกายเจ้าแล้ว ข้าสนใจในความเป็นสนมปีศาจของเจ้ามากกว่า เพราะตามแผ่นหยกที่สหายเต๋าเฉวียนให้มา ตัวเจ้าที่เป็นสนมปีศาจ มีความสามารถในการปลุกปีกปีศาจได้ใช่มั้ย?”
“ถูกต้อง… แต่ในเมื่อข้าได้ชื่อว่าเป็นสนมปีศาจของท่านแล้ว หากท่านเอ่ยปาก ข้าจะช่วยปลุกกองทัพปีกปีศาจให้กับท่าน ท่านจะสามารถฝึกฝนคนเหล่านั้น และมีกองทัพที่ทรงพลัง… นั่นคือสิ่งที่ข้าจะทำประโยชน์ให้ท่านได้”
เมื่อหนิงฝานกล่าวเช่นนั้น นางจึงสบายใจขึ้นมาก นางดีใจที่หนิงฝานไม่เอาความโกรธที่นางไม่เต็มใจเป็นสนมปีศาจไปทำลายเผ่าหกปีก นางดีใจที่อย่างน้อยๆหนิงฝานก็ยังเห็นค่าในตัวนาง
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกเสียใจคือ… หนิงฝานไม่ได้สนใจเรือนร่างของนาง
“เจ้าช่วยปลุกปีกปีศาจให้ข้าก่อนเถอะ ข้าอยากเห็นว่าเป็นยังไง ว่าแต่...เจ้ารู้จักวิชาประทับรอยสักบ้างหรือเปล่า?” หลังจากหนิงฝานดูดซับปราณปีศาจจากอนุสรณ์ปีศาจมา รอยสักปีศาจของเขาก็ยกระดับไป 1 ใน 4 ส่วน และรูปร่างของมันเปลี่ยนไปเป็นรูป 6 ปีก
รูป 6 ปีกคือรอยสักปีกปีศาจ หากปลุกรอยสักขึ้นได้ จะทำให้หนิงฝานมีปีกเหมือนกับคนของเผ่า 6 ปีก ซึ่งจะทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มพูนขึ้นมาก
แต่สิ่งที่เผ่าหกปีกและหนิงฝานต่างกันคือ ต่อให้คนของเผ่าปลุกปีกได้ แต่ปีกนั้นก็ไม่ใช่ปีกที่แท้จริง เพราะเป็นปีกที่เกิดขึ้นจากตราประทับปีศาจของโม๋หลัว
หากปลุกปีกของหนิงฝานได้สำเร็จ เขาจะได้ปีก3 คู่ เมื่อรวมกับปีกของฟู่ลี่ ความเร็วของเขาย่อมเพิ่มพูนมหาศาล นั่นเป็นเหตุผลให้หนิงฝานสนใจในสิ่งที่เฉวียนยี่หยิบยื่นให้
“ข้ารู้ แต่ไม่ได้เชี่ยวชาญมากนัก… ในบรรดาเผ่าทั้ง 4 ผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องวิชาที่เกี่ยวข้องกับรอยสักปีศาจ คือแม่นาง ‘ฟงฉุ่ยเยวียน’”
“ฟงฉุ่ยเยวียน...” หนิงฝานจำชื่อนางได้ นางคือคนของเผ่าปีศาจยักษ์ เป็นพี่สาวที่สู่ฉุ่ยหลิงนับถือ
“การจะปลุกปีกให้ท่านนั้นต้องทำสองขั้นตอน… หนึ่งท่านต้องประทับรอยสักของเผ่าเราก่อน จากนั้น ข้าจะต้องใช้เพลิงกระตุ้นให้รอยสักของท่านตื่น… เหตุที่ต้องประทับรอยสักให้ท่านก่อน เพราะท่านไม่เผ่าพันธุ์ปีศาจตั้งแต่เกิด จึงไม่อาจปลุกปีกได้โดยตรง แต่ด้วยผู้มากพรสวรรค์อย่างท่าน น่าจะประทับรอยสักที่ทรงพลังที่สุดของเราได้ แต่การประทับรอยสักนั้นเจ็บมาก ท่านต้องอดทน” เขานำเอากล่องหยกใบหนึ่งออกมา ในนั้นมีตราประทับรอยสักรูปปีกอยู่ ยิ่งรอยสักระดับสูง เข็มที่ใช้ก็ต้องมีระดับที่สูงตาม
“ดูท่าวิชาประทับรอยสักของเจ้าจะไม่ธรรมดา… ข้าเคยรู้จักคนผู้หนึ่งที่รู้วิชาประทับรอยสักเหมือนกัน แต่คนผู้นั้นทำได้เพียงรอยสักระดับล่าง ผิดกับแม่นางลิบลับ… แต่เหมือนยิ่งรอยสักระดับสูง ความเจ็บก็น่าจะเพิ่มขึ้นด้วย” หนิงฝานกล่าว เขายังจำทหารศิลาได้
“ขอบคุณคุณชายที่ชม” นางยิ้ม คำชมของหนิงฝานทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก
“ข้าเองก็มีรอยสักปีกปีศาจเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าอยู่ระดับไหน อาจต้องให้เจ้าเป็นช่วยปลุกให้”
หนิงฝานถอดอาภรณ์ออก เผยให้เห็นร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่า
นางคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะทำแบบนั้น ถึงแม้ว่านางจะเป็นสนมปีศาจ แต่นางก็เป็นสตรีที่ยังไม่เคยแต่งงาน ย่อมอายเป็นธรรมดา
แต่เมื่อนางเห็นร่างกายของหนิงฝาน นางกลับประหลาดใจ หนิงฝานผู้ทรงพลังมากพอที่จะสังหารลู่เจี่ยเฟินในพริบตา แต่กลับมีร่างกายที่ผอมบาง
แต่เมื่อนางเห็นรอยสักปีศาจที่ปรากฏบนแผ่นหลังหนิงฝาน นางกลับตกตะลึง
“รอยสักปีศาจพิภพทมิฬ! ไม่ใช่… นั่นมัน!”
รอยสักปีศาจพิภพทมิฬคือรอยสักปีศาจระดับสูง แต่ในหมู่เผ่าปีศาจทั้ง 4 ยังมีที่รอยสักปีศาจที่ระดับสูงกว่านั้น นั่นคือตราประทับทาส!
รอยสักปีศาจพิภพทมิฬแตกต่างจากตราประทับทาสทั่วไป เป็นตราประทับระดับสูงที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ตราประทับระดับนี้
ซึ่งหากนับในเผ่าปีศาจทั้ง 4 แล้ว มีเพียงปีศาจในสมัยโบราณเท่านั้นที่ได้ครอบครอง ดังนั้น รอยสักปีศาจที่หนิงฝานมีทำให้เขากลายเป็นคนสำคัญของเผ่า
ผู้ที่ครอบครองรอยสักปีศาจพิภพทมิฬ ในอนาคตจะกลายเป็นทาสระดับสูงของโม๋หลัว หากผู้ใดที่รอดพ้นจากการถูกโม๋หลัวยึดร่าง คนผู้นั้นจะกลายเป็นผู้ที่สามารถลบตราประทับปีศาจของ
โม๋หลัวได้
นางจ้องมองแผ่นหลังหนิงฝานด้วยความนับถือ คาดไม่ถึงว่าผู้ที่จะลบตราประทับปีศาจจะอยู่ตรงหน้า
ในอนาคตหนิงฝานจะกลายเป็นผู้ที่สามารถลบตราประทับได้ และเป็นผู้ที่ได้รับอิสระ
นอกจากนี้ นางยังสัมผัสได้ว่ารอยสักของหนิงฝานยกระดับไปถึง 1 ใน 4 ส่วนแล้ว
การที่เขาบรรลุ 1 ใน 4 ของรอยสักนี้ แสดงให้เห็นว่า โม๋หลัวจะไม่สามารถยึดครองร่างของเขาได้อีก
หากรอยสักของเขายกระดับโดยสมบูรณ์ เมื่อนั้นเขาคงคลายตราประทับทาสให้คนในเผ่าได้
“เจ้าเห็นรอยสักที่หลังข้าหรือเปล่า เป็นยังไงบ้าง?” หนิงฝานกล่าวถาม
“ข้าไม่กล้าพูด… มันเป็นความลับของเผ่าพันธุ์!” นางกล่าวด้วยสีหน้าตระหนก นางรู้ว่ารอยสักของหนิงฝานสำคัญมาก
หากเผ่าเนตรปีศาจหรือเผ่าเขาคู่รู้เข้าว่าหนิงฝานมีรอยสักระดับนี้ พวกมันอาจคิดสังหารเขา ดังนั้นนางจึงไม่อยากกล่าวเพราะกลัวหนิงฝานจะเป็นอันตราย
“เจ้าไม่ต้องกลัว บอกข้ามาเถอะ” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย เขาไม่ได้หวาดกลัวว่าผู้ใดจะรู้ว่าเขามีรอยสักที่ไม่ธรรมดา เพราะด้วยความแข็งแกร่งของเขายามนี้ เขาสามารถเอาตัวรอดได้ จึงไม่ได้กังวลกับศัตรูแม้แต่น้อย
“ข้า...” เมื่อนางตัดสินใจได้ นางจึงยื่นมือสัมผัสที่แผ่นหลังของหนิงฝานเบาๆ พลางสัมผัสถึงรอยสักอย่างใกล้ชิด
“รอยสักของท่านคือรอยสักปีศาจพิภพทมิฬ อีกไม่นานจะบรรลุ 1 ใน 4 ส่วนอย่างสมบูรณ์ แต่วิธีการที่จะยกระดับมันนั้นข้าเองก็ไม่รู้… รูปทรงของรอยสักท่านคล้ายกับของเผ่าหกปีกมาก แต่ระดับของมันต่างกันลิบลับ การยกระดับจึงไม่ใช่เรื่องง่าย”
“อืม… แล้วเจ้าปลุกปีกปีศาจจากรอยสักนี้ได้หรือเปล่า?”
“ได้แน่นอน” นางมั่นใจในการปลุกปีกปีศาจมาก
รอยสักปีศาจของหนิงฝานคือรอยสักระดับสูง นางต้องปลุกปีกที่ไม่ธรรมดาให้หนิงฝานให้ได้
ในโลกของผู้ฝึกตนนั้นมีผู้ที่ครอบครองปีกปีศาจอยู่มากมาย แต่ในบรรดาปีกเหล่านั้น แบ่งย่อยๆออกเป็น 3 ประเภท แต่ละประเภทมีความเร็วที่แตกต่างกัน
ผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรไปจนถึงแก่นทองคำ ระดับของปีกจะเป็นปีกทั่วไป เมื่อบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มและตัดวิญญาณ ปีกจะยกระดับเป็นปีกวิญญาณ และในขอบเขตไร้ดัดแปลงและไร้แบ่งแยก ปีกจะอยู่ในระดับปีกมิติ
สำหรับหนิงฝานแล้ว ปีกที่ปลุกได้ของเขาสมควรไม่ต่ำกว่าระดับปีกวิญญาณ อย่างน้อยต้องปีกระดับปีกมิติ
นางขบกัดปลายลิ้น หยดโลหิตที่ปลายลิ้นของตนลงไปที่แผ่นหลังหนิงฝาน จากนั้นร่ายเคล็ดความบางอย่างที่ฟังดูเก่าแก่โบราณ จนทำให้รอยสักของหนิงฝานเริ่มเกิดปฏิกริยา
นางขยับมือเป็นท่าทาง ที่แผ่นหลังปรากฏปีกที่ถูกปกคลุมด้วยขนสีแดง
ในหมู่ขนสีแดง มีอยู่บางส่วนที่ขนมีแดงเข้ม ราวกับแอบซ่อนความหมายบางอย่างไว้
นางขบฟัน ดึงเอาขนปีกสีแดงเข้มของตนออกมา 6 เส้น แต่แรงกดดันของนางกลับลดลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด
ขนปีกที่มีสีเข้มที่นางดึงออกมานั้น เกี่ยวพันกับดวงจิตของนางโดยตรง ทำให้ดวงจิตของนางบาดเจ็บเมื่อนางดึงขนเหล่านั้นออก
“เฟินซื่อ! เจ้ามาได้ขนาดนี้แล้ว แม้จะต้องดึงขนปีกที่สำคัญ ข้าก็ต้องทน ข้าจะต้องทำให้เขาพอใจให้ได้!”
นางกล่าวกับตัวเอง ขบฟันทนเจ็บ กระตุ้นขนทั้ง 6 จนมันลุกโหมด้วยเพลิง
นางขยับมือเป็นท่าทาง ก่อนที่ขนนกทั้ง 6 จะผสานเข้าไปในแผ่นหลังของฝาน ก่อนที่แผ่นหลังของเขาจะลุกโหมด้วยเพลิงสีดำ
หนิงฝานรู้สึกแสบร้อนจากเพลิงที่แผ่นหลัง แต่แล้วเงาลางๆของปีกขนาดทั้ง 3 คู่กลับปรากฏ การลุกโหมของเพลิงทำให้เงาลางๆนั้นกลายเป็นของจริง
เพลิงที่ลุกโหมที่แผ่นหลังของหนิงฝาน ราวกับเป็นเพลิงแห่งชีวิต เพลิงที่สร้างเลือดเนื้อขึ้นมาจากความว่างเปล่า
“มิน่าเจ้าถึงชื่อเฟินซื่อ ที่แปลว่าปีกเพลิง… ปีกเพลิงที่แผดเผาแลกกับการเกิดใหม่”
หนิงฝานสัมผัสได้ถึงว่าปีกที่แผ่นหลังของตนกำลังงอกขึ้นมา เขาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
นางมีความสามารถที่โดดเด่น น่ายกย่อง หากยังมีนาง เขาจะสามารถสร้างกองทัพของผู้ที่มีปีกปีศาจได้
“ขอบคุณคุณชายที่ชม” เม็ดเหงื่อปรากฏบนใบหน้าของนาง แต่นางยังคงตั้งใจช่วยหนิงฝานสร้างปีก เมื่อเห็นว่าปีกของหนิงฝานบรรลุถึงระดับปีกมิติ นางก็พึงพอใจ
ยิ่งนานไป เพลิงที่ลุกโหมที่แผ่นหลังของหนิงฝานก็ค่อยๆมอดดับ ปีกของหนิงฝานยังคงไม่สมบูรณ์ ยามนี้นับว่าสำเร็จมาเพียง 1 ใน 10 ส่วนเท่านั้น ที่เหลืออีก 9 ส่วนที่ยังเป็นเพียงเงาเลือนลาง
หากเป็นทั่วไป นางใช้ขนนกของนางไม่มากก็เพียงพอกับการปลุกปีกของคนในเผ่า แต่นางรู้ดีว่ายิ่งปีกที่จะปลุกนั้นทรงพลัง เพลิงที่ใช้ก็จะยิ่งมหาศาลตามไปด้วย
นางดูแคลนปีกของหนิฝานเกินไป ขนาดนางใช้ขนถึง 6 เส้น แต่กลับทำให้ปีกของหนิงฝานตื่นขึ้นเพียง 1 ใน 10 ส่วนเท่านั้น
นางตกตะลึงกับสิ่งที่ปรากฏ เพราะนั่นหมายความว่า ปีกของหนิงฝานทรงพลังยิ่งกว่าปีกมิติ
นางสงสัยว่าหากถอนขนนกของตนมาอีก 60 เส้น จะมากพอที่จะช่วยหนิงฝานได้หรือเปล่า?
ขนปีกแต่ละขนของเป็นเหมือนปราณในร่าง แต่สิ่งที่ต่างกัน ทุกครั้งที่ถอนขน นางจะได้รับบาดเจ็บ
หากเอาขนนกของนางออกไปจำนวนมากในคราวเดียว ก็ยากที่มันจะฟื้นฟูอีกครั้ง
นางลังเลอยู่ชั่วขณะก่อนจะตัดสินใจได้ นางไม่สนใจว่าตัวเองจะเป็นยังไง นางหวังแค่ทำให้หนิงฝานพึงพอใจเท่านั้น
นางขบฟันและเตรียมจะถอนขนนกเพิ่ม แต่แล้วหนิงฝานกลับรั้งนางไว้
“เจ้าช่วยข้าปลุกปีกปีศาจขึ้นมาได้ก็นับเป็นเรื่องดีมากแล้ว ข้าไม่อยากให้เจ้าบาดเจ็บ กินโอสถก่อนเถอะ ที่เหลือข้าจัดการเอง!”
เขาป้อนโอสถให้นางทันทีเพราะไม่อยากให้นางปฏิเสธ
นางนิ่งอึ้ง หนิงฝานเป็นห่วงนาง? กลัวว่านางจะบาดเจ็บ?
นิ้วของเขาที่สัมผัสริมฝีปากของนาง ทำให้นางหน้าแดงระเรื่อ นางไม่กล้าเถียงและเร่งดูดซับโอสถที่หนิงฝานให้
ในเมื่อนางไม่ถามว่าโอสถอะไร หนิงฝานก็ไม่บอก
ในขณะนั้นเอง หนิงฝานลุกยืนขึ้น ปีกอันเลือนลางที่แผ่นหลังของเขาลุกโหมด้วยเพลิงทมิฬที่ทรงพลัง
เพลิงของหนิงฝานเกิดจากการผสานรวมระหว่างเพลิงปีศาจและปราณเยือกแข็งสวรรค์
ตั้งแต่นางเกิดมา นางไม่เคยได้เห็นเพลิงที่ทรงพลังขนาดนี้มาก่อน
เปลวเพลิงที่แผดเผา ทำให้ปีกที่เลือนลางกำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้มันยกระดับอย่างรวดเร็ว
ในระหว่างนั้น หนิงฝานได้เผยปีกฟู่ลี่ของตน แล้วจุดเพลิงเผามันเช่นเดียวกัน
“นั่นมัน… ปีกอสูร! ปีกอสูรที่มีระดับเทียบเท่าปีกปีศาจมิติ!” นางตกตะลึงกับปีกของหนิงฝาน เขาครอบครองทั้งปีกอสูรและปีศาจ
นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดปีกของสองเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างถึงอยู่ร่วมกันได้
นางไม่เข้าใจว่าหนิงฝานมีปีกระดับนั้นได้ยังไง
สิ่งที่นางรู้ยามนี้คือ ปีกของหนิงฝานกำลังยกระดับอย่างต่อเนื่อง ปีกฟู่ลี่และปีกปีศาจกำลังผสานเข้าด้วยกันอย่างช้าๆ และระดับของพวกมันก็ขึ้นไปยังจุดสูงสุดของปีกมิติแล้ว
“8 ปี… ปีกอสูรและปีศาจผสานรวมในร่าง!”
แรงกดดันที่ทรงพลังแผ่ออกจากร่างหนิงฝาน ปกคลุมไปทั่วทั้งเผ่าหกปีก
ปีกที่ลุกโหมด้วยเพลิงทมิฬทั้ง 4 คู่กระพืออย่างองอาจ คนของเผ่าหกปีกสั่นสะท้านด้วยความกลัว เพราะปีกของพวกมันไม่ควรค่าให้กล่าวถึงเมื่ออยู่ต่อหน้าหนิงฝาน
แรงกดดันของปีกหนิงฝานกำลังเพิ่มพูนอย่างต่อเนื่อง จนระดับของมันเหนือล้ำยิ่งกว่าปีกมิติ อาจกล่าวได้ว่าเข้าไปอยู่ในระดับของปีกที่อยู่ในแดนสวรรค์แล้ว
สีหน้าเฉวียนยี่แปรเปลี่ยนใหญ่หลวง ชายชราหันมองไปยังทิศทางที่หนิงฝานอยู่ด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ หากจำไม่ผิด ชายชราสั่งให้เฟินซื่อปลุกปีกของหนิงฝานให้
แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจที่จะร่วมรักกับเฟินซื่อ ซ้ำยังบอกให้นางปลุกปีกให้ทันที
“ปีกปีศาจอสูรสวรรค์! ไม่ผิดแน่ เป็นปีกของสหายเต๋าซัว!”
“หากปีกของเขาสมบูรณ์ ยามนั้นคงจะรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง แบบนี้แล้ว...อนาคตเค้าต้องก้าวหน้าเกินจะหยั่งคาดแน่นอน!”