บทที่ 7 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (7)
บทที่ 7 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (7)
นี่เป็นการนั่งรถเมล์ครั้งแรกในชีวิตขอฉู่ถาง ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ จำนวนผู้โดยสารก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บนรถจึงเริ่มแออัด จนแทบไม่มีที่ให้ขยับ เพียงเพราะต้องการจะรักษาภาพลักษณ์ แม้จะรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวขนาดไหน แต่ฉู่ถางก็ทำสีหน้าราวกับว่าไม่รู้สึกรู้สากับเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่
ฉีเซิงไม่ได้พูดอะไรเยาะเย้ยเขา แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกสงสารเขาเช่นกัน ‘เป็นยังไงล่ะ! อยากจะให้คนขับรถกลับไปก่อนดีนัก! แล้วจะมีหน้ามาบอกให้เธอจ่ายเงินจ้างคนขับกลับมาอีก! ไอ้ขี้งกเอ้ย! ทำไมนายไม่แต่งงานกับเงินเลยละ นายรักมันมากนักนี่!!’ เธอแกล้งพาฉู่ถางเดินวนรอบสวนสาธารณะเสียหนึ่งรอบก่อนจะพาเขาเดินมุ่งหน้ากลับบ้านของเธอ
ณ จุดๆนี้ ระบบทนดูต่อไปอีกไม่ไหว มันไม่แปลกใจถ้าหากภารกิจในครั้งนี้จะล้มเหลว....
ฉู่ถางไม่มีวี่แววว่าจะแยกตัวกลับไป แม้ว่าพวกเขาจะเดินจนใกล้ถึงบ้านของเธอแล้วก็ตามที เธออดที่จะเอ่ยปากถามเขาไม่ได้ “คุณฉู่ คุณจะไม่กลับบ้านหรือคะ?”
ฉู่ถางยังคงเดินล้วงกระเป๋าตรงไปยังคฤหาสน์ซวีอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร “ตอนนี้ตัวผมถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินของคุณซวี ดังนั้นเมื่อคุณซวีจะกลับบ้าน ผมย่อมต้องตามคุณกลับไปบ้านด้วย”
‘ตาม...กลับไปด้วย?’
ริมฝีปากของฉีเซิงกระตุก ‘สม๋งสมองของเจ้านี่ยังปกติดีไหมเนี่ย?’
ไม่ว่าสมองของฉู่ถางจะปกติหรือผิดปกติก็ตาม เขายังคงตามเธอกลับบ้านจริงๆ คุณพ่อซวีซึ่งกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นของครอบครัว จึงพบกับฉีเซิงและผู้ชายแปลกหน้าที่เดินตามเธอมา หลังจากหายจากอาการตกตะลึง เขาพลันกระโดดขึ้นจากเก้าอี้และตะโกนลั่นบ้าน “ยายหนู!! กล้าดียังไงถึงพาผู้ชายเข้าบ้านดึกๆดื่นๆห๊ะ!!”
เมื่อตะโกนจบแล้ว เขาจึงเพิ่งเห็นใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้นอย่างชัดเจน ‘เอ๋? นี่มันคนคนนั้นไม่ใช่เหรอ? ….ใช่ไหม..นั่นมันฉู่ถางคนนั้นนิ!!’
เมื่อจำได้ นัยน์ตาของคุณพ่อซวีก็เปล่งประกายระยิบระยับ คุณพ่อซวีตื่นเต้นจนไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี “นั่นคุณฉู่ใช่ไหมครับ?”
ฉู่ถางยกยิ้มบางเบาให้เขา “ต้องรบกวนประธานซวีแล้ว”
“ไม่...ไม่เลย ไม่รบกวนสักนิดเลยครับ! ผมรู้สึกยินดีมากที่คุณฉู่ให้เกียรติมาเยือนบ้านเล็กๆของเรา นั่งลงก่อนเถอะครับ ลูกรัก! รออะไรอยู่?! ทำไมยังไม่รีบไปชงชามารับแขกอีก!!”
ฉีเซิงจนด้วยคำพูด ‘เมื่อกี้คุณเพิ่งตะโกนใส่หน้าฉันว่าฉันเอาผู้ชายเข้าบ้าน ทำไมอารมณ์คุณเปลี่ยนไวยิ่งกว่าผู้หญิงวัยทองอีกห๊ะ?! อีกอย่างนี่คุณเป็นพ่อของฉันจริงๆใช่ไหม?!!’
เมื่อเธอชงชาเสร็จ เธอออกมาก็พบว่าพ่อของเธอกับฉู่ถางกำลังคุยกันอย่างถูกคอ
เมื่อเธอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับลงมาอีกครั้ง จากที่พ่อของเธอเคยเรียกฉู่ถางว่า ‘คุณฉู่’ เขากลับเปลี่ยนมาเรียกฉู่ถางว่า ‘อาฉู่’ และสิ่งที่ประหลาดไปยิ่งกว่านั้น ‘อาฉู่’ *อะแฮ่ม* ฉู่ถางเขาตอบรับคำเรียกนั้นแต่โดยดี!!
‘เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นตอนที่เธอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ? พวกเขาดูจะสนิทกันเร็วเกินไปไหม?’
พวกเขาคุยจนเวลาผ่านไปนานโข หากคุณพ่อซวีจะชวนฉู่ถางคุยต่อไปอีกก็จะดูเสียมารยาทมากจนเกินไป คุณพ่อซวีจึงสั่งให้เธอเตรียมห้องพักรับรองสำหรับแขกให้กับฉู่ถาง ราวกับว่าอยากจะผลักเธอขึ้นเตียงฉู่ถางใจแทบขาด เขาถึงกับกำกับให้เธอดูแลฉู่ถางด้วยตัวเองเลยทีเดียว!
‘เฮ้! เพื่อนตรงนั้นน่ะ! ต่อให้ผู้ชายคนนี้มีอำนาจล้นฟ้าหรือเป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยมขนาดไหน นายก็ไม่จำเป็นต้อง ‘เลหลัง’ ลูกสาวของนายเพื่อผลประโยชน์ขนาดนี้ก็ได้มั้ง?’
“ไปเลยลูกรัก! พ่อเอาใจช่วย!” คุณพ่อซวีพูดพลางทำท่า ‘สู้ๆนะ’ ให้กับเธอ
“........................”
#ฉันไม่เข้าใจว่าภายในหัวของคุณพ่อฉันมีอะไรอยู่บ้าง#
ฉีเซิงเดินนำฉู่ถางไปยังห้องพักของแขก เธอเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับเขา “ถ้าคุณพ่อของดิฉันพูดอะไรแปลกๆกับคุณ ดิฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ”
แม้จะไม่รู้ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกันแต่เธอสังหรณ์ใจว่า เรื่องที่พวกเขาคุยกันน่าจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับเธอนัก
“คุณซวีกังวลเกินไปแล้ว” ฉู่ถางพูดพลางปลดกระดุมบนเสื้อของเขาไปด้วย “ว่าแต่.....คุณซวียังไม่ออกจากห้องของผม หรือว่าคืนนี้คุณต้องการใช้บริการบนเตียง?”
“ไปตายซะ!!” ฉีเซิงรีบก้าวยาวๆออกจากห้อง พร้อมปิดประตูและกระแทกอย่างแรง
ฉู่ถางยกยิ้ม นิ้วเรียวยาวยังคงปลดกระดุมเสื้อต่ออย่างต่อเนื่อง เผยให้เห็นแผงอกหนาแน่นตึงด้วยกล้ามเนื้ออันสมบูรณ์
“ยายหนู! ทางนี้! ทางนี้!!” คนพ่อซวีผู้ซึ่งซ่อนตัวอยู่ตรงหัวมุมใกล้ๆกับจุดที่ยืนอยู่ รีบส่งเสียงและออกท่าทางเรียกเธอเป็นพัลวัน
‘ทำไมคุณต้องทำต่อลับๆล่อๆอย่างกับโจรในบ้านของตัวเองด้วย?’ ฉีเซิงเดินเข้าไปหาเขา “ทำไมคุณพ่อถึงยังไม่เข้านอนอีกคะ?”
“โอ้ว.. ก่อนจะไปนอนพ่ออยากจะถามหนูก่อนว่า หนูมีความสัมพันธ์ยังไงกับคุณฉู่ถางกันแน่?” พ่อของเธอถามด้วยท่าทางตื่นเต้น เขาดูคึกคักราวกับเพิ่งไปวิ่งมาราธอนมาสัก 5 กิโลก็ไม่ปาน จะยังไงล่ะ ดูซะก่อนนั่นใคร นั่นมันฉู่ถางเลยน่ะ! ฉู่ถางนะฉู่ถาง!! คนที่เป็นเสมือนเทพของวงการธุรกิจ แค่เขาขยับเท้าเบาๆก็ทำให้ทั้งประเทศสะเทือนได้
น้อยครั้งที่คนอย่างฉู่ถางจะตอบรับคำเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยง หรือให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ดังนั้นยิ่งไม่ต้องพูดไปถึงโอกาสที่ว่าเขาจะไปเยี่ยมเยียนบ้านของคนอื่นเป็นการส่วนตัวเลย แต่ตอนนั้นฉู่ถางคนนั้น กำลังนอนค้างอยู่ที่บ้านของเขา!! แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว!!
ฉีเซิงถึงกับใบ้กินไปชั่วขณะเพราะคำถามของพ่อซวี ก่อนจะตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ความสัมพันธ์ของเราเป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้จ่ายกับผู้รับ”
เพราะเธอจ่ายเงินไปตั้ง 10 ล้านเหรียญ เพื่อเช่าตัวฉู่ถางซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆเลย ไม่ช้าก็เร็วเธอก็ต้องบอกพ่ออยู่ดี สู้บอกตั้งแต่ตอนนี้เสียเลยดีกว่า
คุณพ่อซวีอ้าปากค้าง จนกระทั่งผ่านไปสักพักเขาเพิ่งจะควานหาเสียงของตัวเองเจอ ท่าทางของเขากลับยิ่งดูตื่นเต้นมากกว่าเดิม “อาฉู่เขากำลังอุปถัมภ์หนูอยู่หรอ?”
‘เฮ้! คุณพ่อ! ไม่คิดบ้างหรือว่าการที่คุณมีความคิดแบบนี้ ควรโดนส่งไปปรับทัศนคติน่ะ?’
“เปล่าค่ะ หนูเป็นคนอุปถัมภ์เขา” ฉีเซิงโบกมืออย่าซังกะตาย “คุณพ่อไปนอนก่อนเถอะคะ ไว้ว่างๆมีเวลาเมื่อไหร่หนูจะมาอธิบายให้ฟังนะคะ เรื่องมันค่อนข้างจะซับซ้อนน่ะค่ะ คุณพ่อไม่ต้องห่วงหรอกคะ หนูสัญญา หนูจะสอยเขาลงมาให้ได้!”
เธอไม่ลืมที่จะให้ความมั่นใจกับพ่อซวี เผื่อในกรณีที่เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เธอไปนอนสักที และใช้ประโยชน์ในขณะที่เขากำลังประมวลผล เรื่องที่ฉู่ถางแท้จริงแล้วเป็นอิหนู ส่วนเธอเป็นอาเสี่ยที่กำลังเลี้ยงดูเขา ในการหนีกลับเข้าห้อง
ผลที่ตามมาจากการอธิบายให้คุณพ่อซวีรับรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ก็คือการที่ฉีเซิงเจอเช็คใบหนึ่งสอดอยูใต้ประตูห้องนอนของเธอในเช้าวันถัดมา
มีคุณพ่อผู้ซึ่งสามารถสั่งจ่ายเงินจำนวนมากได้ในทันที โดยไม่แม้แต่จะกระพริบตา ช่างเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ที่เธอชื่นชอบเสียจริงๆ
ฉีเซิงจ้องมองเช็คในมือนิ่ง ในขณะนั้นเองประตูห้องฝั่งตรงข้ามก็เปิดออก เผยให้เห็นฉู่ถางผู้ซึ่งแต่งกายอย่างปราณีตเรียบร้อย เขาเลิกคิ้วขึ้นเมื่อสังเกตเห็นเช็คใบหนึ่งในมือของเธอ “คุณซวีต้องการจะต่อเวลาสัญญาของเราออกไปอีกหรือ?”
‘ต่อเวลาสัญญา’ นายกล้าเรียกเรื่องที่นายทำด้วยคำนี้จริงดิ?!
ฉู่ถางดึงเช็คออกมาจากมือของฉีเซิง ก่อนจะใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางของเขาคีบเช็คขึ้นมามองจำนวนตัวเลขที่อยู่บนเช็ค “ถ้าคุณซวีกระตือรือร้นที่อยากจะเลี้ยงดูผมถึงขนาดนี้ ผมคงไม่สามารถทำให้คุณผิดหวังได้ เมื่อผมรับเช็คใบนี้ไว้ ระยะเวลาของเราถือว่ายืดออกไปเป็นหนึ่งเดือน”
“คุณ......” ‘ใคร๊! ใครมันพูดกันว่าฉันจะต่อเวลาห๊ะ!!’
“ผมหิวแล้ว” ฉู่ถางรีบเก็บเช็คแผ่นนั้นลงกระเป๋ากางเกง
ฉีเซิงพูดไม่ออกเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน ‘ฉันเคยเห็นแค่พวกผู้ชายที่ชอบทำตัวเป็นนักเลง แต่ไม่เคยสักครั้งที่เคยเห็นผู้ชายโปรไฟล์หรูอยากจะทำตัวเป็นอิหนูของเสี่ยขนาดนี้!!’
เธอคิดคำนวณถึงหนทางที่จะแย่งเช็คกลับมาจากเขา แต่สุดท้ายเธอก็ยอมแพ้ ‘เอาน่า...มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น อย่างน้อยฉันก็มีเวลาเพิ่มมากขึ้นในการที่จะทำให้เขามาชอบฉัน ลุย!!’
พวกเขาเดินลงบันไดมาพร้อมกัน ฉู่ถางเดินนำหน้าฉีเซิงเดินตามหลัง คุณพ่อซวีกำลังนั่งรอพวกเขาอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหาร สายตาของเขาจ้องไปมาระหว่างฉู่ถางและฉีเซิงอย่างมีเลศนัย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพ่อ” ฉีเซิงเอ่ยพลางนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัวของเธอ แต่ฉู่ถางกลับยังคงยืนนิ่งอยู่ด้านหลังของเธอ มุมปากของฉีเซิงกระตุก สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงลุกขึ้น และยกที่นั่งของเธอให้กับเขา ‘สวรรค์! นี่ฉันเพิ่งซื้อบรรพบุรุษกลับมาบ้านเรอะ? เฮ้! เจ้าระบบ นายแน่ใจนะว่าคนอย่างหมอนี่มีคนจีบติดจริงๆน่ะ?’
[ระบบยืนยันว่าจีบได้หากโฮสต์มีความจริงใจ เมื่อคุณไม่ให้ความจริงใจกับผู้อื่น คุณก็ไม่มีทางได้รับความจริงใจจากผู้อื่นกลับเช่นกัน]
‘ถ้างั้นลืมมันไปซะเถอะ ฉันจะไปเอาความจริงใจขนาดนั้นมาจากไหนกัน! ถ้าฉันต้องทำภารกิจแบบนี้ทุกครั้งในรื่องที่ฉันต้องไป ทำให้เป้าหมายทุกคนตกหลุมรัก ถ้าอย่างงั้นชาตินี้ฉันคงไม่ต้องกลับบ้านแล้ว! ฉันได้เป็นบ้าตายก่อนแน่ๆ!’
[…ถ้าเช่นนั้น….อย่างน้อยโฮสต์ก็ได้โปรดเสแสร้ง]
‘เสแสร้งบนหัวนายสิ!!’
ฉีเซิงกัดฟันกรอด ‘ได้ ฉันจะลองทำก็ได้!’ คิดเสียว่าฝึกฝนความสามารถด้านการแสดง ไม่แน่ว่าตอนที่ได้กลับบ้านฉันอาจจะเป็นนักแสดงก็ได้! ใครจะรู้!
ฉู่ถางค่อนข้างจะพอใจกับปฏิกิริยาตอบรับของฉีเซิง เขาจับแก้วนมที่เธอถือเมื้อกี้ขึ้นมาถือ ก่อนจะผงกหัวและกล่าวทักทานคุณพ่อซวี “อรุณสวัสดิ์ครับ ประธารซวี”
“โอ้ อรุณสวัสดิ์.....อรุณสวัสดิ์ ทำตัวตามสบายนะครับ ผมเพิ่งจะนึกได้ว่ามีงานค้างอยู่ที่บริษัท คงต้องขอตัวก่อน ลูกรัก! ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีระหว่างที่พ่อกับแม่ไม่อยู่ด้วยล่ะ” ก่อนจะจากไปแน่นอว่าเขาไม่ลืมทำท่าทาง ‘สู้ๆ นะ’ ให้ฉีเซิงอีกครั้ง
เมื่อคุณพ่อซวีออกไปแล้ว ฉู่ถางและฉีเซิงผู้ซึ่งถูกทิ้งให้อยู่กันตามลำพัง ก็จ้องหน้ากันเกือบหนึ่งนาทีเต็ม แต่ในที่สุดความหิว ก็ทำให้ฉีเซิงเบนความสนใจไปยังอาหารเบื้องหน้าแทน
นิ้วของฉู่ถางเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ และราวกับไม่ใส่ใจ สายตาของเขามองไปยังเด็กสาวผู้ซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับการรับประทานอาหาร แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างและตกกระทบลงบนตัวเธอ ส่งผลให้บรรยกาศรอบๆตัวเธอดูสงบบริสุทธิ์และสมบูรณ์แบบ
แน่นอน....เขาย่อมทราบว่านั่นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา เขารู้ดีว่าเด็กสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ได้ใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนกับภาพลักษณ์ที่เธอแสดงออก เธอมีกลิ่นไอบางอย่างที่เขาคุ้นเคยดี กลิ่นไอความมืดและความบ้าคลั่ง
บางทีนี่อาจจะเป็นการสะท้อนตัวตนของคนสองคนก็ได้ ด้วยสิ่งที่เขาเห็นในตัวของฉีเซิงในครั้งแรกที่เจอกัน มันดูคล้ายกับตัวตนที่เขาเป็นเช่นกัน
หลังจากที่พ่อซวีออกไปได้ไม่นาน ผู้ช่วยของฉู่ถางก็มารับเขาออกไปทันที เมื่อรถเคลื่อนออกจากคฤหาสน์ของตระกูลซวี ผู้ช่วยผู้ขยันขันแข็งก็ถามอย่างเป็นการเป็นงานว่า “นายท่านต้องการให้ผม ไปตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดของตระกูลซวีไหมครับ?”
คำถามนี้ถูกถามขึ้น เนื่องจากโดยปกติเมื่อมีใครก็ตามที่เข้าใกล้ฉู่ถางและอาจจะมีผลกระทบต่อเขา คนผู้นั้นจะต้องถูกตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด...ละเอียดขนาดที่ว่าขุดข้อมูลของเป้าหมายยาวไปยัน 18 ชั่วโครตเลยทีเดียว
“ไม่จำเป็น”
ผู้ช่วยของฉู่ถางอดจะประหลาดใจไม่ได้ เขาเผลอมองกลับไปยังประตูของคฤหาสน์ซวีอีกครั้ง ในขณะที่คิดว่า ‘คุณซวีคนนี้เป็นคนพิเศษสำหรับนายท่านหรืออย่างไร?’