GE442 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง [ฟรี]
ภายในชั้น 1 ของหอคอย แสงสีขาวบริสุทธิ์สาดส่องไปทั่วบริเวณ ศพนางสวรรค์ได้รับการรักษา ผิดกับหนิงฝานที่ถูกหอคอยจู่โจม
หากหนิงฝานป้องกันมัน แสงเหล่านั้นก็ทำอะไรเขาไม่ได้อีก ด้วยระดับพลังของเขาตอนนี้ แค่เขายกมือเบาๆก็ทำลายแสงเหล่านั้นได้ แต่หากเขาทำลาย พวกมันจะรักษานางยังไง
หนิงฝานขยับนิ้วเป็นท่าทาง ม่านพลังสีขาวปกคลุมร่าง เขาใช้พลังของขอบเขตกระดูกหยกป้องกันการจู่โจม
ในระหว่างที่เดินไปยังชั้น 2 เสียงสวดที่สะท้อนก้องอยู่ในหอคอย ทำให้เขารู้สึกเจ็บที่ทะเลสติ ผิดกับศพนางสวรรค์ที่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งนางเข้าสู่นิทราไป
หนิงฝานทนเจ็บ อุ้มนางเดินต่อไปยังชั้น 2
เมื่อขึ้นไปถึงชั้น 2 เสียงสวดมนต์ก็เริ่มดังขึ้น แรงกดดันที่หนิงฝานได้รับก็มากขึ้นเช่นเดียวกัน
เบื้องหน้าหนิงฝานยามนี้มีภูติพรายในชุดเกราะสีทองอยู่ทั้งหมด 110 ตน แต่ละตนอยู่ในขอบเขตประสานวิญญาณ พวกมันยืนขวางไม่ให้หนิงฝานเข้ามายังชั้นที่ 2
“ปีศาจร้ายห้ามเข้าสู่หอคอย”
หนึ่งในภูติพรายกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างราวกับคนตาย
เมื่อสิ้นเสียงคำกล่าว ลูกประคำสีทองหมื่นลูกปรากฏ ตรงเข้าหาหนิงฝานหมายจะเอาจะชีวิต แต่ละลูกสามารถสังหารขอบเขตประสานวิญญาณได้
ในขณะที่ลูกประคำพุ่งเข้าหาหนิงฝาน ภูติพรายทั้งหมดเปล่งเสียงร้องที่ฟังดูประหลาด ก่อนจะทะยานเข้าหาเขาเช่นกัน
แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา สัมผัสกระบี่สีดำทมิฬถูกกระตุ้น ทำลายลูกประคำที่ตรงเข้ามา
ภูติพรายทั้งหมดเองก็ไม่อาจต้านรับสัมผัสกระบี่ของหนิงฝานได้ จึงถูกสังหารตายในทันที
เมื่อลูกประคำและภูติพรายทั้งหมดถูกทำลาย เสียงสวดก็จางหายไป
หากหนิงฝานสัมผัสไม่ผิด หอคอยแห่งนี้สมควรมีดวงจิตคอยพิทักษ์ และมันสมควรเป็นเจ้าของเสียงที่กล่าวผ่านภูติพราย
การที่มีดวงจิตอยู่ที่นี่แสดงว่าผู้ที่ปกป้องหอคอยแห่งนี้ ต้องมีระดับพลังที่ไม่สูงเกินกว่าระดับของหอคอย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดหอยคอยแห่งนี้ถึงได้จู่โจมเขา
“คาดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีดวงจิตเฝ้าอยู่ มิน่าหอคอยถึงได้จู่โจมข้า มันสัมผัสได้ถึงโลหิตปีศาจในกายข้า… ที่มันต้องแบบนี้ก็เพื่อป้องกันการรบกวนจากเผ่าพันธุ์ปีศาจ”
“หากข้าเข้าใจไม่ผิด ชั้น 7 สมควรเหมาะกับผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก ส่วนดวงจิตที่เฝ้าอารักษ์น่าจะอยู่ที่นั่น ระดับพลังของมันสมควรอยู่ในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงสุด ข้ายังสู้มันไม่ได้… แต่ดูเหมือนที่นี่จะจำกัดไม่ให้ดวงจิตของมันปรากฏตัวออกมา จึงขัดขวางข้าได้เพียงเสียงสวดและการจู่โจม มันไม่สามารถปรากฏตัวออกมาสังหารข้าได้ด้วยตัวของมันเอง”
“ชั้น 7… บางทีอาจมีชั้น 8 เหมือนหอคอยของวิหารสาบสูญ ที่นั่นมีผลึกแห่งกาลเวลาเป็นพลังหล่อเลี้ยง ที่นี่เองก็อาจจะมีเหมือนกัน”
หนิงฝานตัดสินใจว่าเขาจะพานางไปยังชั้น 7 ไม่รู้ว่าที่นี่จะรักษานางได้มากน้อยขนาดไหน แต่ไม่ว่ายังไง เขาจะรักษานางให้ถึงที่สุด
แม้จะรู้ว่าที่นั่นมีดวงจิตไร้ดัดแปลงขั้นสูงสุดอยู่ แต่เขาจะไม่เปลี่ยนใจ
“เหว่ยเหลียง เจ้าพักเถอะ ข้าจะรักษาเจ้าให้ได้...”
หนิงฝานอุ้มนางไม่ปล่อยให้ห่างกาย แต่อุณหภูมิร่างกายที่เย็นเฉียบของนางทำให้เขาเศร้าใจ
ในอดีตเหว่ยเหลียงตกหลุมรักผีเสื้อตัวหนึ่ง เผ่าพันธุ์ของนางไม่อาจยอมรับ ขับไล่ และสังหารจนนางกลายเป็นศพปีศาจ
ไม่ว่ายังไง หนิงฝานจะนำความรู้สึกของนางคืนมาอีกครั้ง… เขาจะฟื้นฟูทะเลสติของนาง จนได้เห็นรอยยิ้มนั้นอีกครั้ง...
หนิงฝานนำศพนางสวรรค์เข้าไปในแหวน จากนั้นปลดปล่อยปราณสังหารที่ทรงพลัง
“ดวงจิตขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงสุดแล้วยังไง? ยังไงมันตายไปแล้ว เหตุใดข้าต้องกลัว!”
หนิงฝานมุ่งทะยานไปยังชั้น 5 โดยไม่แวะพัก ภูติพรายตนใดขวางทาง เขาสังหารพวกมันทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ขอบเขตแก่นทองคำ… ดวงจิตแรกเริ่ม… ตัดวิญญาณ… สังหารทุกสิ่งจนไม่เหลือ แต่เขากลับยังไม่เร่งมุ่งขึ้นไปยังชั้น 6 เพราะต้องเตรียมรับมือกับภูติพรายขอบเขตไร้ดัดแปลง
ตั้งแต่ออกจากหอคอยอัสนีมา ยามนี้ปราณปีศาจที่อยู่บนดวงจิตของหนิงฝานถูกขับออกจนหมดแล้ว ทำให้เขาสามารถแปลงร่างเป็นปีศาจโบราณได้อีกครั้ง
หอคอยชั้น 6 และ 7 เต็มไปด้วยอันตรายร้ายแรง เขาจึงต้องทุ่มทุกสิ่งที่มี
เขาแปลงร่างเป็นปีศาจโบราณอีกครั้ง อาภรณ์ขาวห่มกาย แปรเปลี่ยนเป็นอาภรณ์สีดำ เขาคู่งอกขึ้นบนศรีษะ แผ่นหลังปรากฏปีก 3 คู่ กลางหน้าผากมีเนตรปีศาจปรากฏ
เกราะอัสนีทองคำสวมทับร่างเพื่อป้องกันแสงรักษาที่จะเข้าจู่โจม ดาราแก่นชีวิตทั้ง 99 ดวงปรากฏ และใช้วิชาสร้างร่างทองคำของตนที่อยู่ในระดับขอบเขตกายทองคำที่ 2 ออกมาอีก 2 ร่าง
“ดึงวิญญาณ!” หนิงฝานดึงเอาพลังงานที่อยู่โดยรอบหอคอยทั้งหมดเข้ามา
รอบข้างหอคอยแผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลังงานที่อัดแน่นอยู่ในพื้นดินถูกดึงออกมาจนหมด ภายในมหาสมุทรเกิดวังวนขึ้นมากมายหลายแห่ง
คนของเผ่าหกปีกตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกมันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในหอคอย
เยว่หลิงคงเป็นกังวลและร้อนใจ “ไม่ได้… ข้าต้องเชื่อใจเขา เขาเก่งเรื่องเอาชีวิตรอด ต่อให้เกิดเหตุการณ์ประหลาด เขาก็ยังปลอดภัย… ข้าต้องทำหน้าที่คุ้มกันให้ดีที่สุด ไม่ให้ใครมารบกวนเขาได้”
เมื่อหนิงฝานเตรียมการทุกสิ่งพร้อมสรรพ เขาก็มุ่งหน้าไปยังชั้น 6 ทันที!
เมื่อก้าวเข้าสู่ชั้น 6 ภูติพรายในขอบเขตไร้ดัดแปลง 108 ตนปรากฏตัว เจตนาสังหารของพวกมันเพ่งมาที่หนิงฝาน
ในจำนวน 108 ตนนั้น มีขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้น 72 ตน และขั้นกลาง 36 ตน!
ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นสูงหรือสูงสุด หากเจอผู้เชี่ยวชาญจำนวนนี้เข้าไปย่อมเป็นอันตรายไม่ต่างกัน
ดังนั้นเมื่อขึ้นมาถึงชั้น 6 เขาจึงสวมผ้าคลุมลวงสวรรค์ แล้วมุ่งไปยังชั้น 7 ทันที
ผ้าคลุมลวงสวรรค์ของหนิงฝานป้องกันได้แม้กระทั่งการจับสัมผัสของขอบเขตไร้แบ่งแยก ดังนั้นสีหน้าเหล่าภูติพรายทั้ง 108 ตนจึงแปรเปลี่ยน
ดวงจิตที่อยู่ในชั้น 7 เองก็ตกตะลึงกับการอำพรางกายของหนิงฝาน มันจึงเร่งสวดมนต์บนหนึ่ง ส่งการจู่โจมลงมายังชั้น 6
บทสวดของมันทรงพลัง จนอานุภาพการจู่โจมใกล้เคียงการจู่โจมในขอบเขตไร้แบ่งแยก
สีหน้าหนิงฝานแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง เขาคาดไม่ถึงว่าดวงจิตในชั้น 7 จะยังสัมผัสถึงตัวตนของเขาได้
เมื่อบทสวดแผ่มาถึง พลังของบทสวดก่อตัวเป็นอัญมณีนับหมื่นก้อน พุ่งเข้าไปยังบริเวณที่หนิงฝานหายไปเมื่อครู่
อัญมณีแต่ละก้อนทรงพลังเทียบเท่าการจู่โจมเต็มกำลังของขอบเขตไร้ดัดแปลง เมื่อต้องร่างภูติพรายที่เฝ้าอารักษ์ พวกมันต่างบาดเจ็บสาหัส หนิงฝานเองก็โดนไปหลายก้อนเช่นเดียวกัน
อัญมณีเหล่านั้นราวกับมีพลังในทะลวงเกราะอัสนี เมื่อพวกมันกระทบร่าง จึงสร้างรอยร้าวให้เกราะ ซ้ำยังทิ้งอักษรบางอย่างประทับไว้ จนหนิงฝานไม่อาจอำพรางกายได้อีก
ดวงจิตที่อารักษ์หอคอยแห่งนี้ทรงพลังมาก แม้หนิงฝานจะโดนอัญมณีเข้าไปไม่กี่ก้อน แต่อานุภาพของมันรวมกันก็เทียบเท่ากับการจู่โจมเต็มกำลังของเขา
หากได้สู้กับมันซึ่งหน้า ต่อให้หนิงฝานยืมพลังจากอนุสรณ์ตะวันจันทรา ก็ไม่แน่ว่าจะสังหารมันได้สำเร็จ
ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงสุดช่างทรงพลัง แต่ไม่ว่ายังไง หนิงฝานจะมาตายที่นี่ไม่ได้
ต่อให้เขาถูกอักษรของมันประทับร่าง เขาก็ลบล้างมันได้ด้วยหมอกเมฆาม่วง และจะเข้าสู่การอำพรางได้อีกครั้ง
เมื่อการอำพรางของเขาถูกทำลาย ภูติพรายที่เฝ้าชั้น 6 เร่งทะยานเข้าหาปิดทาง ป้องกันไม่ให้เขาอำพรางกายได้อีกครั้ง
เมื่อดวงจิตที่อารักษ์หอคอยจู่โจมหนิงฝานเสร็จ มันกลับหยุดการจู่โจมราวกับใช้พลังไปไม่น้อยกับการจู่โจมเมื่อครู่
ในเมื่อไม่อาจอำพรางกายได้ ทางเดียวที่จะรอดคือต้องสังหารเพื่อเปิดทาง
แม้ระดับของเขาจะอยู่เพียงขอบเขตตัดวิญญาณ แต่ระดับร่างกายของเขาสามารถต่อกรกับราชามังกรได้ ดังนั้นวิชากายของเขาจึงไม่ใช่สิ่งขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางทั่วไปจะต้านรับได้ นอกจากนี้ ภูติพรายเหล่านี้ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการจู่โจมเมื่อครู่
“วิชามิติ… มังกรคู่!”
“วิชามิติ... กรงเล็บฉีกจันทรา”
หมัดมังกรคู่เปิดทาง กรงเล็บที่คมกริบ 5 สายตามติด แต่ถึงแม้ภูติพรายเหล่านั้นจะบาดเจ็บสาหัส พวกมันกลับดูราวกับไร้ซึ่งความหลัว พุ่งทะยานเข้าหาเพื่อหมายจะเอาชีวิตหนิงฝานให้ได้
พวกมันถูกการจู่โจมของหนิงฝานตกตายไปไม่น้อย แต่ก็ยังมีอีกส่วนที่ยังรอด และเงาร่างทองคำ 2 ร่างของเขาก้เข้าต่อสู้กับพวกมัน
แม้ว่าหนิงฝานจะมีเกราะอัสนีที่ทรงพลัง แต่ก็ไม่อาจต้านทานการจู่โจมของขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นนับ 10 และขั้นกลางอีก 2 ตน ในเวลาเดียวกันได้ สุดท้ายเกราะจึงเกิดรอยแตกร้าว
การจู่โจมที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รอยแตกบนเกราะอัสนีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่โชคดีที่เกราะอัสนีเป็นเพียงวิชา ไม่ใช่เกราะจริงๆ ต่อให้มันพังไปก็สร้างขึ้นใหม่ได้หากฟื้นฟู
ไม่นานนักหนิงฝานก็ต้องเสียเกราะอัสนีไป ทำให้เขาเสียเปรียบพวกมันมากขึ้น ผ่านไปเพียงไม่กี่ลมหายใจ ทั่วร่างของหนิงฝานอาบโชกไปด้วยโลหิต
แม้จะมีดาราแก่นชีวิต แต่ไม่มีเวลารักษาที่มากพอ ยิ่งด้วยจำนวนภูติพรายมากขนาดนี้ ย่อมบาดเจ็บสาหัสเป็นเรื่องธรรมดา
*ย๊าก!*
หนิงฝานเปล่งเสียงคำรามลั่น เขารู้ว่าไม่อาจรับมือกับภูติพรายเหล่านี้ได้ เขาจะต้องไปชั้น 7 ทันที
เขาสัมผัสได้ว่า ในชั้น 7 มีเพียงดวงจิตอารักษ์อยู่เพียงดวงเดียวเท่านั้น
หากเข้าไปที่ชั้น 7 ได้ หยิบยืมพลังจากอนุสรณ์ตะวันจันทรา อาจสังหารดวงจิตอารักษ์นั่นได้
“7 หยกมังกรเหลือง!” หนิงฝานจ้องมองไปยังทางขึ้นชั้น 7 จากนั้นนำหยกที่ได้มาจากราชามังกร 7 ก้อนออกมา แล้วกระตุ้นพวกมัน
พวกมันเป็นสมบัติระดับไร้ดัดแปลงขั้นกลาง แม้ดัวยระดับพลังของหนิงฝานตอนนี้ยังไม่อาจสำแดงอานุภาพของมันได้เต็มที่ แต่ยังพอที่จะกระตุ้นอานุภาพของพวกมันได้ครึ่งหนึ่ง
แต่ถึงจะกระตุ้้นได้เพียงครึ่ง อานุภาพของพวกมันก็ทรงพลังเทียบเท่าการจู่โจมเต็มกำลังขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูง เหล่าภูติพรายที่ขวางทาง ตกตายอย่างน่าอนาถ
เมื่อเปิดช่องได้แล้ว หนิงฝานจึงมุ่งไปยังชั้น 7 ทันที
“เป็นไปไม่ได้!”
เมื่อหนิงฝานขึ้นไปถึงชั้น 7 เสียงอุทานสายหนึ่งดังขึ้น
มันคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานในขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลงจะขึ้นมาถึงที่นี่ได้!
ชั้น 7 แห่งนี้เป็นไปตามที่หนิงฝานคิด... สถานที่แห่งนี้เป็นโถงว่างเปล่าขนาดใหญ่ มีรูปปั้นสีทองที่ผุผังตั้งอยู่
หากหนิงฝานคาดไม่ผิด รูปปั้นสีทองคือดวงจิตอารักษ์ของหอคอย เหตุที่มันดูพุพังขนาดนั้น เพราะมันใช้พลังมหาศาลในการจู่โจมหนิงฝาน และจู่โจมศัตรูที่ผ่านมาในอดีต
รูปปั้นเปล่งแสงสีทองที่ดวงตา สาดส่องลงมาที่พื้น ก่อนจะแสงเหล่านั้นจะก่อตัวเป็นอัญมณีนับหมื่นก้อน พุ่งเข้าใส่หนิงฝาน
“ตายซะเจ้าปีศาจโบราณ!”
การจู่โจมของมันรวดเร็วจนยากจะหลบ แต่ในชั่วพริบตานั้น เงาร่างของหนิงฝานกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาหนีเข้าโลกหยิน!
เมื่อการจู่โจมพลาดเป้า การจู่โจมก็กระหน่ำเข้าใส่โถงจนแทบจะถล่ม
“หายไปแล้ว? เจ้าอยู่ไหน? ต่อให้ซ่อนอยู่ในสมบัติที่อยู่อาศัยก็หนีข้าไม่พ้น!” ดวงจิตกล่าว
ในระหว่างที่การจู่โจมสิ้นสุด หนิงฝานค่อยๆออกมาจากโลกหยิน เมื่อสังเกตุเห็นว่ามันไม่จู่โจมต่อ ก็ถึงคราวที่เขาจะลอบจู่โจมมันบ้าง!
เขาจึงนำกระบี่แยกสวรรค์ออกมา จากนั้นลอบเข้าทำลายรูปปั้น
ทันทีที่รูปปั้นถูกทำลาย อำนาจของดวงจิตก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ภูติพรายที่ดวงจิตสร้างขึ้นกลายเป็นแสงสีทองจางหายไป
ไม่นานประตูสีทองบานหนึ่งก็ปรากฏ สมควรเป็นประตูที่จะขึ้นไปยังชั้น 8!
หนิงฝานก้าวเข้าสู่ประตู แม้ยามนี้รูปปั้นโบราณจะถูกทำลาย แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับการรักษา อีกอย่างหอคอยนี้ก็เป็นสิ่งที่บ่อหยกคุนหลุนมอบให้เผ่าหกปีกเป็นของขวัญ หากเกิดอะไรขึ้นกับมัน ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับบ่อหยกคุนหลุน
ชั้น 8 ของที่นี่แตกต่างจากชั้น 8 ของหอคอยวิหารสาลสูญ ภายในนี้มีศิลาวางอยู่บนแท่น 7 ชิ้น แต่ละชิ้นเปล่งพลังการรักษาที่ทรงพลัง ไม่มีข่ายอาคมหรือทาสใดๆคุ้มกัน ดูราวกับรูปปั้นนั่นคือผู้ปกป้องเพียงหนึ่งเดียว
หนิงฝานคืนร่าง ยามนี้ทั่วร่างของเขาอาบโชกไปด้วยโลหิต อาการบาดเจ็บที่ได้รับค่อนข้างรุนแรง แต่ใบหน้ากลับปรากฏรอยยิ้มที่พึงพอใจ
เขาสัมผัสได้ถึงพลังการรักษาที่ไม่ธรรมดาจากพวกมัน ศิลาเหล่านั้นคืออัฐิของนักบวชที่ตายในอดีต แต่ละชิ้นมีลักษณะแตกต่างกันออกไป
หนิงฝานขบคิด หากเขากินอัฐิเหล่านี้เข้าไป อาการบาดเจ็บของเขาน่าจะฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
แต่เขาจะเก็บไว้ให้ศพนางสวรรค์...
ในช่วงเวลาเดียวกันที่ภายนอก หอคอยสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลังแห่งการรักษที่อยู่ภายในหอคอยหายไป
“ปะ...เป็นไปได้ยังไง!”
เฉวียนยี่ที่มองอยู่แทบจะกระอักโลหิต ชายชราให้หนิงฝานหยิบยืมหอคอยรักษา แต่คาดไม่ถึงว่าหนิงฝานที่เข้าไป จะทำให้พลังแห่งการรักษาของหอคอยหายไป
แต่เมื่อนึกได้ถึงบางสิ่ง เฉวียนยี่กลับตระหนก
ภายในหอคอยมีดวงจิตอารักษ์ที่ทรงพลังคอยคุ้มกัน นอกจากผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกแล้ว ไม่มีผู้ใดที่สังหารดวงจิตอารักษ์นั่นได้
การที่หอคอยสูญเสียพลังรักษาไป แสดงว่ามีผู้สังหารดวงจิตอารักษ์แล้วทำลายหอคอย แล้วผู้ที่ใช้หอคอยก็มีเพียงหนิงฝาน… แต่เขาเพียงแค่พาศพนางสวรรค์ไปรักษา เขาจะทำลายหอคอยไปเพื่ออะไร?
“เป็นไปไม่ได้ที่ท่านหมิงจะทำลายหอคอยนี้! ดูไร้เหตุผลสิ้นดี” ชายชราคิดว่าอาจเป็นเพราะเหตุผลบางอย่าง ทำให้หอคอยถูกทำลาย
แม้คนในเผ่าจะสงสัย แต่เมื่อสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของหนิงฝานยังอยู่ภายในหอคอย จึงไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไป แค่เพียงเฝ้ารอให้หนิงฝานออกมาเท่านั้นจึงกล่าวถาม
ภายในหอคอยชั้น 8 หนิงฝานนำศพนางสวรรค์ออกมาจากแหวน นั่งกอดนางเอาไว้นิ่งๆ
ก่อนหน้านี้เขาไม่มั่นใจว่าหอคอยแห่งนี้จะรักษาทะเลสติของนางได้ แต่ตอนนี้เขามั่นใจแล้ว อัฐิทั้ง 7 ที่ได้มาสมควรช่วยรักษานางจนหายได้
เขานำอัฐแต่ละชิ้นป้อนนาง เมื่อนางกินจนครบ เขาสัมผัสได้ถึงพลังแห่งการรักษาที่แผ่ไปทั่วร่าง
พวกมันช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของนางอย่างช้าๆ ผิวพรรณที่ซีดขาวกลับมาดูเปล่งปลั่งราวกับมีชีวิต
มือน้อยๆที่เย็นเฉียบกลับมาอุ่นอีกครั้ง ทะเลสติที่เสียหายเริ่มฟื้นฟู
เส้นลมปราณที่แห้งเหือดค่อยๆมีปราณไหลเวียน
“นางกำลังฟื้นคืนชีพ!” หนิงฝานตกตะลึง นับเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง แต่นับว่าเป็นข่าวดีอย่างยิ่งยวด
เหตุที่เขาชิงอัฐิมาก็เพื่อจะฟื้นฟูทะเลสติให้นาง แต่กลับคาดไม่ถึงว่ามันจะคืนชีพให้ร่างกายที่ตายแล้วของนางได้
“แสง… หนาว...” นางที่ยังไม่ได้สติขมวดคิ้วแน่น เป็นครั้งแรกที่นางแสดงความรู้สึก!
เดิมทีนางเป็นศพปีศาจ ไร้สติหยั่งรู้ ไม่รู้จักความจ็บปวด ไม่รู้จักความรู้สึกใดๆ... แต่ตอนนี้นางบอกว่าหนาว
ร่างกายของนางเริ่มเย็นเฉียบอีกครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ
เมื่อหนิงฝานแผ่สัมผัสเทพเข้าสำรวจร่างกายนาง เขาก็รู้สาเหตุทันที
นางตายมาเป็นเวลานาน ยิ่งด้วยนางเป็นสตรี ปราณหยินในร่างจึงเพิ่มพูนมหาศาลในระหว่างที่เป็นศพ ขาดปราณหยินมาทำให้สมดุล ดังนั้นจึงต้องให้ปราณหยินกับนาง
เมื่อทราบดังนั้น หนิงฝานเร่งนำกระบี่แยกสวรรค์ออกมา กรีดลงไปที่แขนของตนเพื่อให้โลหิตไหลเข้าไปในปากนาง
เมื่อนางสัมผัสได้ถึงโลหิต นางที่ยังไม่ได้สติกลับอ้าปาก กัดเข้าที่แขนของหนิงฝานอย่างแรง แล้วเริ่มดูดกินโลหิตของเขา
โลหิตของหนิงฝานนับเป็นสิ่งล้ำค่า แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงยังต้องการ ศพนางสวรรค์เองก็ชื่นชอบ ราวกับได้ลิ้มรสอาหารอันโอชะ
แต่ในชั่วพริบตานั้นเอง นางราวกับไม่อาจทนต่อความยั่วยวนของโลหิตไหว นางจึงเผลอกัดแขนหนิงฝานแรงเกินไปจนเนื้อของเขาหลุดออกไปด้วย
หนิงฝานเพียงขมวดคิ้วเพื่อทนกับความเจ็บ ยามนี้นางยังไม่ได้สติ แม้นางจะทำผิดไปแต่เขาไม่ตำหนินาง
เมื่อได้โลหิตของหนิงฝานมากพอแล้ว นางก็หยุดกินและยิ้มอย่างพอใจ
อัฐิยังคงฟื้นฟูร่างกายของนางอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานขนาดไหนกว่าจะรักษาได้สมบูรณ์ อาจจะ 100 ปี 10,000 ปี หรือมากกว่านั้น หนิงฝานทำได้เพียงรอให้นางตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อยามนั้นมาถึง นางจะกลายเป็นมู่เหว่ยเหลียงเหมือนในอดีตอีกครั้ง
หนิงฝานห้ามโลหิต เร่งการรักษาตนเอง
เขากุมมือน้อยๆของนางเอาไว้พลางกล่าว
“จากนี้ไปเจ้าคือมู่เหว่ยเหลียง ไม่ใช่ศพนางสวรรค์” หนิงฝานอยากให้นางตื่นขึ้นมาหาเขา
ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้าย เหว่ยเหลียง จื่อเฮ่อ และเซียวหวน
“ข้าจะปกป้องพวกเจ้าเอง...”