Chapter 8: ดราม่าที่ร้านขายเครื่องประดับ (อ่านฟรี)
Chapter 8: ดราม่าที่ร้านขายเครื่องประดับ
สุดท้ายกู้ม่านจึงตอบตกลง “ลูกต้องระวังตัวเองให้มาก ถ้ารู้สึกไม่สบายโทรหาแม่ทันที”
“หนูจะโทรนะคะ” กู้หนิงตอบและเดินออกไป
เมื่อกู้หนิงออกมาที่ถนน เธอมองไปที่มือถือตัวเองอย่างไม่ชอบใจ มันเป็นมือถือถูกๆและดูเก่ามากเหมือนถูกใช้งานมานาน
พูดตามตรงแล้วกู้หนิงคุ้นเคยกับสมาร์ทโฟนมากกว่าและเธอไม่ชอบปุ่มกดของมันเอาซะเลย
ฉันจะต้องหาเงินและซื้อสมาร์ทโฟนให้แม่และตัวเอง กู้หนิงคิดในใจ
ไม่มีรถบัสวิ่งไปยังตลาดของเก่าจากจุดที่กู้หนิงอยู่ ดังนั้นเธอตัดสินใจเข้าเมืองก่อน
โชคดีที่ตอนนี้ไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วน กู้หนิงจึงใช้เวลาเพียงสิบนาทีมาถึงตัวเมือง
กู้หนิงเดินลงจากรถบัสและเดินไปข้างหน้าอีกสามสิบเมตรเพื่อขึ้นรถบัสไปยังตลาดขายของเก่า
มีร้านเครื่องประดับหลายร้ายที่เป็นที่รู้จักกันดีในย่านการค้า
กู้หนิงถูกดึงดูดโดยหยกที่ถูกวางโชว์อยู่ในตู้กระจกในร้านขายเครื่องประดับใกล้ๆ เธอเดินเข้าไปดูข้างใน
แม้ว่าเธอจะรู้วิธีดูดซับพลัง แต่เธอยังไม่ได้ฝึกฝนและเธอสงสัยว่ามันจะรู้สึกอย่างไร
เมื่อเธอเปิดประตูเข้าไปในร้าน เธอได้ยินเสียงผู้หญิงดังขึ้นมาว่า
“ว๊าย นี่ใช่กู้หนิงรึเปล่าเนี่ย? เธอกล้าเข้ามาในร้านขายเครื่องประดับได้ยังไง ในเมื่อเงินจะกินข้าวยังไม่มี?”
ใช่ เมื่อกู้หนิงอยู่ที่โรงเรียนเธอเป็นที่รู้จักในเรื่องความยากจน
แม้ว่ากู้ม่านจะให้เงินเธอไปโรงเรียนทุกวันแต่ก็พอสำหรับค่าอาหารกลางวันเท่านั้น เธอประหยัดเงินเท่าที่เธอจะประหยัดได้ และกินขนมปังนึ่งเป็นอาหารแทน
นั่นคือที่มาของเงิน 500 หยวน
เด็กสาวที่พูดจาดูถูกเหยียดหยามกู้หนิงมีชื่อว่า จ้าวเฟยเฟย เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของกู้หนิง ในชั้นเรียนจ้าวเฟยเฟยมักหัวเราะเยาะกู้หนิง เธอมักทิ้งขยะบนโต๊ะและทำลายสมุดเรียนของกู้หนิง
เหตุผลที่จ้าวเฟยเฟยเกลียดกู้หนิงไม่ใช่เพราะเธอจน แต่เพราะกู้หนิงหน้าตาดีกว่าเธอ จ้าวเฟยเฟยที่ใครต่อใครต่างเรียกว่า “เด็กสาวที่สวยที่สุด” ท่ามกลางหมู่นักเรียนด้วยกัน เธอรู้สึกอิจฉากู้หนิง
กู้หนิงเป็นเพียงเด็กผู้หญิงจนๆที่มาจากครอบครัวจนๆ เธอจะสวยกว่าจ้าวเฟยเฟยได้อย่างไร!
และมีผู้หญิงอีกคนที่อายุเท่ากันยืนอยู่ข้างจ้าวเฟยเฟยแต่กู้หนิงไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร
ทุกคนในร้านหันไปมองที่กู้หนิงเป็นจุดเดียว คนที่ได้รับการศึกษามาดียืนสงบนิ่งขณะที่คนที่หยิ่งยโสต่างมองด้วยความไม่ชอบใจ
โดยเฉพาะเมื่อกู้หนิงสวมเสื้อผ้าเก่า มันน่าละอายสำหรับพวกคนรวยที่ต้องมาอยู่ในสถานที่เดียวกับคนจน
แต่กู้หนิงไม่สนใจคนรอบข้างยกเว้นจ้าวเฟยเฟย
“นี่ไม่ใช่บ้านเธอ ทำไมฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ได้?”
“งั้นแกสามารถซื้อของในนี้ได้งั้นสิ?” จ้าวเฟยเฟยหัวเราะเยาะ ทันใดนั้นก็แสร้งทำสีหน้าตกใจ “หรือแกวางแผนจะเข้ามาขโมย?”
ในเวลานั้นทุกคนที่มองกู้หนิงอยู่โดยเฉพาะพนักงานต่างตื่นตัวขึ้น ดูเหมือนว่าพวกเขาเชื่อที่จ้าวเฟยเฟยพูด
กู้หนิงรู้สึกรำคาญ “จ้าวเฟยเฟย เธอไม่มีหลักฐานอะไรเลยและฉันสามารถฟ้องเธอในข้อหาหมิ่นประมาทได้” ดวงตาของกู้หนิงเต็มไปด้วยความเย็นชา
“แก !”
จ้าวเฟยเฟยรู้สึกกลัวสายตากู้หนิงเป็นครั้งแรก และตกใจมากกว่าเดิมที่หล่อนโต้ตอบเธอ
ในอดีตไม่ว่าจ้าวเฟยเฟยจะหัวเราะเยาะกู้หนิงอย่างไร กู้นิ่งมักจะนิ่งเงียบมาโดยตลอด
“พี่คะ ไปเถอะค่ะ” เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างจ้าวเฟยเฟยรู้สึกเหมือนถูกข่มขู่ เธออยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“ทำไมฉันต้องออกไปด้วยล่ะ? ฉันจะอยู่ที่นี่รอดูว่านังนี่จะมีปัญญาซื้ออะไรได้” จ้าวเฟยเฟยพูดเสียงดังขึ้น เธอไม่อยากวิ่งหนีต่อหน้ากู้หนิง
ในสายตาของเธอกู้หนิงเป็นนักเรียนจนๆไม่มีอำนาจ ความมั่งคั่งหรือการสนับสนุนใดๆ
จากนั้นเธอมองไปที่กู้หนิงด้วยความก้าวร้าว
“ฉันไม่คิดว่าฉันจำเป็นจะต้องซื้ออะไรเพียงเพราะฉันเดินเข้ามาในร้าน” กู้หนิงตอบโต้อีกครั้ง
“ถ้าแกไม่คิดจะซื้ออะไรก็ไม่ควรเข้ามาในนี้!” จ้าวเฟยเฟยยังคงยืนกราน
“ฉันแค่อยากจะเดินเข้ามาดูและนั่นไม่ใช่กงการอะไรของเธอ” กู้หนิงตอบกลับ
“แก..!” จ้าวเฟยเฟยไม่รู้ว่าจะสู้กลับยังไง
กู้หนิงไม่สนใจหล่อน พลางสาวท้าวเดินเข้าไป
แม้เหล่าคนรวยที่อยู่ในร้านนี้จะไม่ชอบคนจนแต่ก็ไม่มีใครหยุดกู้หนิง
อย่างที่กู้หนิงพูด คุณไม่จำเป็นต้องซื้ออะไรเพียงเพราะคุณเดินเข้ามาในร้าน
แต่พนักงานร้านเครื่องประดับจับตาดูกู้หนิงอย่างใกล้ชิดทำอย่างกับว่าเธอเป็นหัวขโมยจริงๆ
จริงๆแล้วในร้านมีกล้องวงจรปิดติดอยู่ทั่วร้านและเครื่องประดับก็อยู่ในตู้กระจกที่ถูกล็อคไว้ มันไม่ง่ายเลยที่จะขโมยออกมา
กู้หนิงรู้สึกไม่สบายใจที่ตกเป็นผู้ต้องหา แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอเดินไปยังตู้กระจกที่หยกถูกวางไว้และเพ่งมองดู ไม่กี่วินาทีต่อมามีหมอกสีขาวนวลปรากฏขึ้นเหนือหยกเหล่านั้นและหมอกนี้ก็เป็นพลังที่กู้หนิงต้องการ
อย่างไรก็ตามหมอกเหล่านี้ยังดูเบาบางซึ่งหมายความว่าหยกชิ้นนี้ยังดีไม่พอ
กู้หนิงไม่สนใจเธอยังคงมองไปที่หยก แต่ตู้กระจกขวางกั้นเธอกับหยกไว้ เธอไม่สามารถดูดซับพลังงานได้หากมีอะไรบางอย่างขวางกั้นระหว่างกลาง
กู้หนิงไม่ยอมแพ้ เธอถอนหายใจเบาๆแล้วรวบรวมสมาธิจ้องไปที่หยกชิ้นนั้นอีกครั้ง
“หยกแค่ชิ้นเดียวคนจนยังไม่มีปัญญาซื้อ พวกเขาทำได้แค่มองดูเท่านั้น น่าสงสารจริงๆ” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น
“จริงด้วย แค่หยกชิ้นเดียวทั้งชีวิตของเขาคงไม่มีปัญญาซื้อ!” ผู้หญิงอีกคนเห็นด้วย
กู้หนิงหมดคำพูด อะไรก็ตามที่คนจนทำดูเหมือนจะผิดไปหมด
แต่พวกเขาแน่ใจได้อย่างไรว่าทั้งชีวิตเธอไม่สามารถซื้อของเหล่านี้ได้? ตอนนี้เธอจนก็จริงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะจนตลอดไป
กู้หนิงหันไปมองผู้หญิงที่เพิ่งพูดขึ้นเมื่อสักครู่ พวกเขาอายุราวๆสี่สิบปี รูปร่างหน้าตาดี ทั้งคู่อยู่ในชุดหรูหรา
โดยเฉพาะคนทางขวา มีแหวนสามวงสวมอยู่บนนิ้วมือทั้งสอง ทั้งเพชร ทองและหยก ส่วนกำไลทองและกำไลหยกถูกสวมอยู่ที่ข้อมือทั้งสองข้าง