Chapter 7: ออกไปข้างนอก (อ่านฟรี)
Chapter 7: ออกไปข้างนอก
กู้ม่านวางของฝากลงบนโต๊ะหัวมุมเตียงผู้ป่วย แล้วยื่นแก้วน้ำเปล่าให้อันเฉียน
“ขอบคุณมากค่ะ” อันเฉียนรับแก้วน้ำมาและกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ
“กู้หนิง ร่างกายเป็นยังไงบ้าง?” อันเฉียนเอ่ยถาม
“ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ คุณหมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว” กู้หนิงตอบกลับ
“งั้นรึ?” อันเฉียนรู้สึกดีใจกับกู้หนิง
“ยินดีด้วยนะ”
“ขอบคุณค่ะ” กู้หนิงตอบ
หลังจากนั้นสักครู่ อันเฉียนก็เดินออกไปส่งกู้หนิงและแม่ของเธอออกจากโรงพยาบาล
กู้ม่านรู้ว่าอันเฉียนทำงานที่โรงพยาบาลนี้ เธอไม่อยากรบกวนอันเฉียน ดังนั้นจึงปฏิเสธไป แต่อันเฉียนยังยืนกรานที่จะออกไปส่ง กู้ม่านจึงยอมรับข้อเสนอ
เมื่อออกมาข้างนอกอันเฉียนโทรเรียกแท็กซี่ไว้เรียบร้อยแล้ว กู้ม่านไม่รู้จะขอบคุณเธออย่างไรให้สมกับสิ่งที่เธอทำ
สำหรับกู้หนิงเธอไม่ได้คิดอะไรมากแต่ก็รู้สึกขอบคุณอันเฉียน
เมื่อกู้หนิงและแม่ของเธอออกจากโรงพยาบาลได้ เธอรู้สึกถึงอิสรภาพและความสบายอกสบายใจ
ครึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งสองก็มาถึงบ้าน
กู้หนิงและแม่ของเธออาศัยอยู่ในตรอกเก่าๆ มันดูเก่ามากและดูเหมือนกำลังจะถูกทำลายในไม่ช้านี้
ดังนั้นกู้หนิงและแม่ของเธอจะไม่อยู่ที่นี่นานนัก
บ้านหลังนี้เป็นสมบัติของคุณตาคุณยายกู้หนิง คุณตาเธอจากไปเมื่อสิบปีที่แล้ว คุณยายจึงย้ายไปอยู่กับลูกชายคนโต กู้ฉินเซียง
และบ้านก็ตกมาเป็นของแม่กู้หนิง แต่พวกเขายังต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน
เนื่องจากพวกเขายังว่าถือเป็นคนในครอบครัว กู้หนิงและแม่ของเธอจึงจ่ายค่าเช่าเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
ตัวบ้านตั้งอยู่ในย่านเก่าแก่ สิ่งอำนวยความสะดวกไม่ค่อยมีดังนั้นค่าเช่าไม่สูงมากนัก
ตัวบ้านมีสองชั้น แต่ละชั้นกว้างเพียงสี่สิบตารางเมตร ชั้นแรกเป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัวและห้องน้ำ ส่วนชั้นที่สองมีสามห้อง
ในอดีตตอนที่ครอบครัวกู้ยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน คุณตากู้หนิงใช้ห้องร่วมกับลูกชายคนโต กู้ฉินเซียงและลุงคนที่สาม กู้ฉินหยาง ส่วนห้องที่สามกู้ชิงและกู้ม่านอยู่ด้วยกัน
ต่อมากู้ฉินเซียงกลายเป็นคนร่ำรวยและได้ซื้อบ้านหลังใหม่ กู้ฉินหยางก็ได้งานทำและมีบ้านพักบริษัทให้อยู่ ครอบครัวกู้จึงมีชีวิตที่ดีขึ้นหลังจากนั้น
บ้านเก่าหลังนี้จึงถูกปล่อยทิ้งไว้พร้อมกับเฟอร์นิเจอร์บางส่วน
กู้หนิงรู้สึกประหลาดใจที่รู้ว่าครอบครัวของเธออาศัยอยู่ในสถานที่เก่าซ่อมซ่อแบบนี้
ชีวิตของถังอันหนิงก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยต้องใช้ชีวิตน่าสมเพชแบบนี้
โชคดีที่กู้หนิงไม่ได้รู้สึกสิ้นหวังแต่ดีใจมากกว่าเพราะเธอได้รับความรักอันเต็มเปี่ยมจากแม่ของเธอ
เธอต้องหาเงินให้ได้โดยไวเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อให้กู้ม่านได้มีชีวิตที่สุขสบาย
สิ่งแรกที่กู้หนิงจะทำหลังจากหาเงินได้คือการซื้อบ้านหลังใหญ่ จากนั้นก็ซื้อเสื้อผ้าแพงๆ และครีมบำรุงผิวดีๆให้กู้ม่าน เธออยากจะให้แม่ของเธอมีความสุขในชีวิต
กู้ม่านยังไม่แก่ เธออายุเพียง 39 เท่านั้น ยังมีอะไรอีกมากมายที่เธอสามารถทำได้
กู้ม่านอยู่เป็นโสดมาเป็นเวลากว่า 18 ปี
กู้ม่านค่อนข้างสวยและมีคนชื่นชมมากมาย แต่เธอไม่ต้องการให้กู้หนิงรู้สึกอึดอัดดังนั้นเธอจึงไม่คิดที่จะแต่งงานใหม่
ตอนนี้กู้หนิงโตแล้ว บางทีอาจจะถึงเวลาสำหรับกู้ม่านที่จะตามหาความสุขของตัวเอง ดังนั้นกู้หนิงจึงตัดสินใจหาผู้ชายดีๆให้แม่ของเธอในอนาคต
สำหรับพ่อตัวจริงของกู้หนิง กู้ม่านไม่เคยเอ่ยถึงเขา ญาติของเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคือใคร
สิ่งที่กู้หนิงรู้คือกู้ม่านตั้งท้องตอนอายุ 19 กู้ม่านเรียนอยู่ปีหนึ่งเทอมสองในมหาวิทยาลัย เธอหยุดเรียนกลางคันและกลับมาอยู่บ้าน
ในเวลานั้นครอบครัวกู้ต่างตกใจกับความจริงว่าลูกสาวที่เชื่อฟังมากที่สุดของบ้านจะกล้าทำเรื่องร้ายแรงได้ขนาดนี้
การที่กู้ม่านตั้งท้องมันทำให้พวกเขารู้สึกอับอาย พวกเขาจึงตกลงกันว่าให้กู้ม่านทำแท้ง
กู้ม่านไม่อยากทำแท้ง เธอตั้งใจจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ ดังนั้นกู้ม่านจึงออกจากบ้านไปอยู่อยู่ลำพัง
มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับกู้ม่าน เธอหางานทำไม่ได้เพราะเธอตั้งท้องอยู่ มีเพียงกู้ชิงคอยแวะเวียนมาดูแลเธอ
คุณตากู้หนิงในตอนนั้นยังมีชีวิต คุณตารักแม่ของเธอมาก ดังนั้นเขาจึงพากู้ม่านกลับมาอยู่ที่บ้านในที่สุด
ในช่วงที่คุณตายังมีชีวิตอยู่ กู้หนิงอยู่ในความดูแลของท่านขณะที่กู้ม่านออกไปหางานทำ
เนื่องจากกู้ม่านอาศัยอยู่ในบ้านพ่อแม่ของเธอ รายได้ของเธอทั้งหมดจึงถูกนำมาใช้จ่ายในครอบครัว
สิบปีต่อมาคุณตาของกู้หนิงก็ได้จากไป คุณยายย้ายไปอยู่กับลุงของเธอ กู้ฉินเซียง
กู้ฉินเซียงและกู้ฉินหยางไม่อยากให้กู้ม่านครอบครองบ้านพ่อแม่ของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงโน้มน้าวแม่ให้คิดค่าเช่ากู้ม่าน
“หนิงหนิง ไปพักบนเตียงก่อนนะ แม่ไปทำกับข้าวก่อน อ้อ แล้วอย่าลืมเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยนะ แม่จะเอาไปซักทีหลัง” กูม่านเอ่ยขึ้น
“แม่ทำกับข้าวส่วนหนูจะซักเสื้อผ้าเอง” กู้หนิงรู้สึกผิดต่อกู้ม่านที่ผ่ายผอม และทำให้เธอนึกถึงแม่ของเธอ เธออยากจะทำอะไรซักอย่างเพื่อตอบแทนบ้าง
“ไม่ได้นะจ้ะ ลูกยังป่วยอยู่” กู้ม่านไม่เห็นด้วย
“ตอนนี้หนูสบายดีแล้วค่ะ”
“แม่บอกว่าไม่” กู้ม่านแกล้งโมโห
“ก็ได้ค่ะ” กู้หนิงยอมแพ้
ครึ่งชั่วโมงต่อมา อาหารก็พร้อมรับประทาน
เพราะพวกเขามีชีวิตที่ยากจน ปกติพวกเขาจึงไม่ค่อยได้กินเนื้อ ยกเว้นวันนี้ที่กู้หนิงเพิ่งออกจากโรงพยาบาล
กู้ม่านตักเนื้อไปยังจานของกู้หนิงในขณะที่ตัวเธอเองไม่มีชิ้นเนื้ออยู่ในจานตัวเองสักชิ้น กู้หนิงอยากร้องไห้ ความจริงแล้วกู้ม่านควรได้รับการบำรุงมากกว่ากู้หนิงซะอีก
“แม่ พอแล้วค่ะ ตักให้ตัวเองบ้างสิคะ วันนี้อากาศร้อนเราไม่ควรจะเหลือทิ้งไว้ข้ามคืน” กู้หนิงพูดขึ้นพลางตักชิ้นเนื้อวางไว้ในจานแม่ของเธอ
กู้ม่านรู้ว่าลูกสาวคิดอะไรอยู่ เธอจึงไม่ได้ปฏิเสธเพราะเธอไม่อยากให้ลูกสาวรู้สึกไม่ดี ถึงอย่างไรเธอก็รู้สึกเศร้าในใจ เธอโทษตัวเองที่ไม่สามารถมอบชีวิตที่ดีให้ลูกสาวได้
หลังทานอาหาร กู้ม่านบอกกู้หนิงไปพักผ่อนในห้องของเธอ แต่กู้หนิงยังไม่อยากนอน เธออยากจะออกไปเดินเล่นข้างนอก
เธออยากจะลองใช้ตาทิพย์ของเธอและลองหาเงินซักหน่อย
กู้หนิงเอาเงินตัวเองออกมาห้าร้อยหยวนและบัตรประชาชน “แม่ หนูออกไปเดินเล่นข้างนอกนะ เดี๋ยวกลับค่ะ”
กู้ม่านอดเป็นห่วงไม่ได้เพราะกู้หนิงเพิ่งออกจากโรงพยาบาล
“แต่ลูกต้องพักผ่อนนะ ลูกเพิ่งออกจากโรงพยาบาล”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูสบายดี ออกไปเดินรับแสงแดดสักหน่อยน่าจะดีต่อสุขภาพค่ะ”
“แต่…” กู้ม่านยังคงกังวล
“แม่ หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ หนูดูแลตัวเองได้ หนูเอาโทรศัพท์ไปด้วยถ้าแม่เป็นห่วงก็โทรหาหนูได้” กู้หนิงพูดปลอบใจแม่เธอ