Chapter 4: คุนหมอผู้มาพร้อมกับปืน (อ่านฟรี)
Chapter 4: คุนหมอผู้มาพร้อมกับปืน
ในชาติที่แล้วเธอบังเอิญหยิบจี้หยกนกฟินิกซ์สีแดงได้ เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นของแท้หรือของปลอม แต่กู้หนิงก็เก็บมันไว้เพราะเห็นว่ามันสวยดี
คิดไม่ถึงว่าหยกชิ้นนี้มีพลังเวทย์มนตร์ซึ่งส่งผลให้เธอเกิดใหม่
ยิ่งกว่านั้นเลือดของนกฟีนิกซ์ได้ซึมซับเข้าไปในจิตวิญญาณของเธอทำให้เธอได้รับพลังจากหยกทำให้เธอมีตาทิพย์
ด้วยพลังนี้กู้หนิงจึงมีตาทิพย์สามารถมองทะลุสิ่งของได้
จิตวิญญาณฉี หรือพลังงานบริสุทธิ์ชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตมากมายผสมผสานระหว่างสวรรค์และโลก
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ของดวงตากระแสจิต มันเป็นห้องเก็บของสามารถบรรจุวัตถุ(ที่ไม่มีชีวิต) ที่อยู่ต่อหน้าเธอเข้าไปในพื้นที่ดวงตากระแสจิตเพียงแค่คิดเท่านั้น.
แน่นอนว่าการทำอย่างนั้นหรือใช้ตาทิพย์จะทำให้สูญเสียพละกำลังเช่นเดียวกัน
บุคคลใดที่มีพลังนี้จะมีอายุยืนยาวและสามารถใช้พลังรักษาอาการบาดเจ็บและเจ็บป่วยได้
พื้นที่ห้องเก็บของในดวงตากระแสจิตจะขยายใหญ่ขึ้นตามพลังที่กล้าแกร่งและรองรับสิ่งของต่างๆได้มากขึ้น
เนื่องจากเลือดของนกฟีนิกซ์กลายเป็นหยกด้วยตัวมันเองมันจึงต้องการพลังของหยกด้วยเช่นกัน
หยกมีสองแบบคือ หยกเนฟไฟรต์ และ หยกเจไดต์
ตราบใดที่มันมีพลังของหยกก็น่าจะใช้ได้
หยกเป็นที่นิยมมาตั้งแต่สมัยโบราณ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับกู้หนิงที่จะหามัน กู้หนิงต้องการหยกจำนวนมากแต่ตัวเธอเองก็ยังไม่สามารถคำนวณจำนวนที่แน่นอนได้ เธอต้องลองเสี่ยงดูมันเป็นทางเดียวที่เธอจะรู้ได้ และเธอจำเป็นต้องเก็บสะสมพลังของหยกเพื่อตาทิพย์ของเธอ
ในเมื่อตอนนี้เธอมีตาทิพย์แล้ว มันง่ายมากที่เธอจะหาเงิน
ถ้าเธอใช้ตาทิพย์หาพลังงานจากหยก เธอก็จะสามารถดูดซับพลังงานจากมันและยังสามารถทำเงินได้ด้วย อย่างเช่นเล่นทายลูกเต๋า เธอจะไม่มีวันแพ้แน่ถ้าใช้ตาทิพย์ส่องดู
แต่มันคงใช้ได้ไม่นานนักเพราะคาสิโนมีกฏของมันเอง มันมีจำนวนจำกัดที่จะชนะรางวัล ถ้าคุณชนะติดต่อกันมากเกินไป เขาหรือเธอจะถูกขึ้นบัญชีดำ
ดังนั้นหากมีวิธีอื่นในการหาเงิน กู้หนิงจะไม่เล่นการพนัน
วัตถุโบราณนั้นมีประโยชน์มากหากใช้มันถูกวิธี เพราะโดยพื้นฐานแล้วมันมีประวัติมาอย่างยาวนาน ยิ่งเก่าแก่มากแค่ไหนยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั่น
เมื่อคิดได้อย่างนั้น กู้หนิงกลับตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม พลังที่มีนั้นช่างมีอำนาจมากเหลือเกิน!
หากมีพลังนี้แล้วเธอยังทำอะไรไม่สำเร็จ เธอขอตายดีกว่า
ความหวาดกลัวถูกแทนที่ด้วยความสุข เธอมีทางหาเงินได้มากขึ้น สำหรับตาทิพย์นี้เธอยอมรับมันด้วยความเต็มใจ
"หนิงหนิง หนิงหนิง ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม?" ได้ยินเสียงกังวลจากกู้ม่าน กู้หนิงก็ดึงสติกลับมา เธอมองไปที่กู้ม่านที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
"แม่ ตื่นแล้วหรอคะ?"
เมื่อเห็นว่ากู้หนิงสบายดี กู้ม่านถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่ก็ยังกังวลอยู่นิดหน่อย
"แม่ตื่นได้สักพักแล้วจ้ะ เห็นลูกนั่งเหม่ออยู่ แม่เรียกลูกหลายครั้งแต่ลูกไม่ตอบสนองเลยเผลอคิดว่าสมองของลูกได้รับความกระทบกระเทือน ลูกทำแม่กลัว!
อืม
หลังจากฟังคำธิบายของกู้ม่าน กู้หนิงรู้สึกละอายใจนิดหน่อย" คือ.. หนูแค่ใช้ความคิดอยู่ค่ะ"
กู้ม่านไม่ได้ถามอะไรอีก เธอเห็นว่ากู้หนิงยังสบายดีก็พอแล้ว
"แค่ลูกตื่นขึ้นมาแม่ก็ดีใจแล้ว ตอนนี้ก็เกือบหกโมงเย็นแล้ว ลูกอยากจะกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยจ้ะ? แม่จะออกไปซื้อให้" กู้ม่านถาม
"หนูไม่ใช่หมูนะแม่ กินอะไรก็ได้ค่ะ" กู้หนิงตอบ
"...." กู้ม่านกำลังจะเปิดปากพูดขึ้นอีก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
หล่อนรู้ว่ากู้หนิงเป็นเด็กดี เธอไม่เคยร้องขออาหารแพงๆ ดังนั้นกู้ม่านจึงตัดสินใจแทนลูกสาวว่าจะซื้ออาหารที่อร่อยที่สุดมาให้เธอ
เมื่อกู้ม่านจากไป กู้หนิงจึงลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปรอบๆเพื่อยืดเส้นยืดสาย
เธอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว มีหมอผู้ชายสวมเสื้อคลุมสีขาวและหน้ากากอนามัยคนหนึ่งเดินพรวดพราดเข้ามาชนเธอ กู้หนิงเกือบล้มลงแต่โชคดีที่เธอจับผนังไว้ได้ทันจึงยังทรงตัวอยู่ได้
กู้หนิงไม่พอใจในตอนแรกแต่เมื่อคิดได้ว่าคุณหมออาจจะมีเรื่องเร่งด่วนและคงไม่ได้ตั้งใจที่จะชนเธอล้ม เธอจึงอภัยให้เขาในใจ
แต่คุณหมอที่ชนเธอเกือบล้มไม่ได้พูดขอโทษเธอแต่อย่างใด เขาเพียงแต่มองเธอแล้วรีบเดินหนีไป
กู้หนิงยืนนิ่งอยู่สองวินาทีไม่ใช่เพราะหมอคนนั้นไม่ขอโทษเธอแต่เป็นเพราะเธอสังเกตเห็นโกรธแค้นในดวงตาของเขา และความโกรธแค้นนั้นไม่ใช่สำหรับเธอ
กู้หนิงหันกลับไปมอง เธอเหล่ตามองเขา ชายผู้นี้ดูแปลกๆ
ฉับพลันนั้นกู้หนิงมองเห็นปืนที่ซ่อนไว้ที่เอวภายใต้เสื้อคลุมสีขาว
กู้หนิงเริ่มรู้สึกกังวล ทำไมหมอต้องพกปืนไว้กับตัว?
และดูเหมือนว่าชายผูุ้นี้ไม่น่าใช่เล่นบทตำรวจแต่เป็นผู้ร้ายมากกว่า
ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับกู้หนิงแต่เธอก็ไม่ได้ขยับตัวหนีไปไหน เธออยากจะรู้ความจริง
ถ้าชายคนนี้บ้าคลั่งขึ้นมา คนบริสุทธิ์อาจจะต้องเจ็บตัวเพราะเขา
เมื่อคิดได้อย่างนี้ กู้หนิงไม่อาจอยู่เฉยได้
เธอไม่ใช่พระเจ้าหรือพระแม่มารีย์ แต่เธอก็ไม่ใช่คนเลือดเย็นเช่นกันหากเธอช่วยได้เธอก็จะช่วย
ดังนั้นกู้หนิงจึงเดินตามไปอย่างเงียบๆ
กู้หนิงเดินตามคนร้ายไปยังห้องทำงาน เมื่อเขาเดินเข้าไปมีหมอผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวเหมือนกันเดินสวนออกมา
กู้หนิงจับจ้องไปยังการเคลื่อนไหวของคนร้าย เขาดึงปืนออกมาทันทีที่เห็นหญิงสาวและเล็งปืนไปที่เธอ
สีหน้าของหมอผู้หญิงซีดขาวอย่างกับกระดาษ เธอตกใจกลัว
คนร้ายพูดอะไรบางอย่างกับเธอ จากนั้นเธอเดินตามเขาไปอีกทางหนึ่ง
กู้หนิงตามไปติดๆ
พวกเขาขึ้นบันไดไปชั้นบน มีคนไม่กี่คนที่อยู่ในทางเดินเพราะคนส่วนใหญ่ใช้ลิฟต์กัน ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ
พวกเขาขึ้นไปยังชั้นบนสุดของอาคารที่มีระเบียงเปิดกว้าง
ไม่มีใครอยู่ที่ระเบียงนอกจากคนร้าย หมอผู้หญิงและกู้หนิงที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด
---------------------------------------------------------------------