Chapter 10: ได้มาโดยบังเอิญ (อ่านฟรี)
Chapter 10: ได้มาโดยบังเอิญ
หากมีพลังมันจะต้องเป็นของแท้แน่นอน กู้หนิงมีความสุข แต่ไม่ได้แสดงออกบนใบหน้า
กู้หนิงเดินเข้าไปที่ชั้นวางของ เจ้าของร้านไม่สนใจเธอเพราะเธอเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นผู้หญิงธรรมดาๆ สวมเสื้อผ้าเก่าๆ ดูยากจน
กู้หนิงไม่สนใจ เธอชี้ไปที่กำไลข้อมือนั้น “กำไลวงนี้เท่าไหร่คะ?”
เจ้าของร้านมองไปยังกำไลข้อมือแล้วขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด
ทำไมน่ะหรือ? ก็เพราะในสายตาเขากำไลข้อมือวงนี้เป็นของปลอมน่ะสิ เขาตั้งใจจะขว้างทิ้งไปนานแล้ว
แต่เมื่อมีคนอยากซื้อเขาจึงเปิดปากพูดว่า “ห้าสิบหยวน”
ห้าสิบหยวนนั้นไม่มากแต่มันก็ยังมากสำหรับกู้หนิงอยู่ดี อย่างไรก็ตามกู้หนิงไม่อยากพลาดโอกาสในการหาเงินครั้งนี้
เธอไม่ต้องการแสดงออกให้เห็นว่าเธออยากได้มันมาก ดังนั้นเธอจึงต่อรองกับเจ้าของร้าน
“คุณพอจะช่วยลดราคาลงมาหน่อยได้ไหมคะ หนูยังเป็นเด็กนักเรียนไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้นค่ะ”
“ถ้างั้นสี่สิบหยวนให้ได้เท่านี้ล่ะ” เจ้าของร้านตกลง เขายังเชื่อว่ากำไลข้อมือนี้เป็นขยะไร้ค่า
กู้หนิงแสร้งทำเป็นลังเลสักสองวินาที แล้วจึงพูดว่า “ตกลงค่ะ หนูจะซื้อมัน”
เธอหยิบเงินออกมาสี่สิบหยวนยื่นให้เจ้าของร้าน เจ้าของร้านมองดูเงินและหยิบกำไลข้อมืออกมายื่นให้กู้หนิง
กู้หนิงออกมาจากร้านแล้วเดินตรงไปยังร้านประเมินของเก่า
เธอไปร้านประเมินของเก่าไม่ใช่เพื่อไปดูว่ากำไลข้อมือนี้เป็นของแท้หรือของปลอม แต่ไปเพื่อเงิน มีเพียงเงินเท่านั้นที่เธอจะสามารถใช้ทำอะไรได้หลายอย่าง
ในตลาดขายของเก่าจะมีงานแสดงสินค้าประจำเดือน มีคนแวะเวียนเข้ามาประมูลจำนวนมาก ในวันปกติผู้คนเข้ามาเพื่อทำการตกลงซื้อขาย แต่ราคาที่ได้ไม่สูงมากนักเนื่องจากนักประมูลมีไม่เยอะ
เมื่อกู้หนิงมาถึงร้าน มีคนอยู่ในร้านอยู่ก่อนแล้วเขากำลังพิสูจน์ว่าของเก่าของเขาเป็นของแท้หรือไม่ มีผู้ชมยืนอยู่รอบๆ บางคนมาเพื่อความสนุกในขณะที่บางคนมาเพื่อมารอดูผลพิสูจน์ หากมันเป็นของแท้ พวกเขาจะได้ประมูลมัน
เหล่านักประเมินของเก่าต่างมีประสบการณ์มากมายและร้านประเมินของเก่านี้ก็มีกฎของพวกเขาเอง ถ้าเป็นของปลอมก็ไม่ต้องจ่ายอะไรแต่ถ้าเป็นของจริงต้องจ่ายค่าบริการ หากต้องการขายไปพร้อมกัน ค่าบริการก็จะสูงตาม
กฏนี้เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป
กู้หนิงเดินไปยังโต๊ะประเมินของเก่า มีนักประเมินของเก่ากำลังประเมินดูโถใบหนึ่งอยู่ มันดูเหมือนของโบราณของแท้
กู้หนิงใช้ตาทิพย์เพ่งดู เธอไม่เห็นหมอกสีขาวออกมากจากโถ มันเป็นของปลอม
“ปลอม” นักประเมินใช้เวลาประมาณสิบนาทีในการดู
“อะไรนะ? ของปลอมงั้นเหรอ?” เสียงผู้ชายดังขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย ใบหน้าของชายผู้นั้นแสดงถึงความตกใจ “เป็นไปไม่ได้! จะเป็นของปลอมได้ยังไง!”
“คุณกำลังสงสัยความสามารถผมงั้นรึ?” นักประเมินไม่พอใจ
“ไม่ ไม่ คือมันเป็นมรดกตกทอดจากคุณปู่ผมมายังพ่อผมและก็ผม ผมรับไม่ได้ที่รู้ว่ามันเป็นของปลอม”
ผู้คนที่อยู่ในห้องนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า
“น้องชาย ถึงแม้มันจะเป็นมรดกต้องทอด มันก็เป็นของปลอมได้”
“บางทีคุณปู่ของนายอาจจะดูพลาดไป มันเป็นเรื่องธรรมดา”
เสียงกระหึ่มเซ็งแซ่ดังขึ้น
ใบหน้าของชายหนุ่มแสดงความผิดหวังอีกครั้ง เขาจำใจเอาของมรดกตกทอดมาขาย ถ้าเป็นของแท้ เขาก็สามารถทำกำไรจากมันได้ แต่ปรากฏว่าเป็นของปลอม
จากนั้นก็มีเสียงบอกว่าปลอมดังขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่มีใครสนใจเท่าไหร่เพราะเจ้าของเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจของเก่าของตัวเองมากนัก
“สวัสดีค่ะ คุณช่วยดูกำไลข้อมือของหนูให้หน่อยได้ไหมคะ?” ถึงตากู้หนิงแล้ว เธอยื่นกำไลข้อมือที่เพิ่งซื้อให้นักพิสูจน์ของโบราณดู
การปรากฏตัวของกู้หนิงทำให้เกิดการถกเถียงในฝูงชน
“อี๋ เธอไปได้ของสกปรกแบบนี้มาจากไหน? มันดูน่าเกลียดมาก”
“เด็กสาวคนนี้สงสัยกำลังร้อนเงิน ดูก็รู้ว่าของปลอม!”
เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นอีกครั้ง
กู้หนิงทำเป็นหูทวนลม รอดูเถอะ เธอคิดกับตัวเอง
แม้แต่นักประเมินของเก่าก็คิดว่ามันเป็นของปลอม แต่เขาก็ยังต้องทำหน้าที่ของเขา
เมื่อเขาหยิบกำไลข้อมือที่เต็มไปด้วยฝุ่นขึ้นมาดู เขาเกือบจะเกลียดมันในตอนแรก อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาทำความสะอาดคราบเปื้อนด้วยผ้า สีที่แท้จริงของกำไลข้อมือก็ปรากฏขึ้น
มันเป็นสีขาวและสีน้ำเงินตามลำดับและมันเป็นของที่ทำจากจีน
นักประเมินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคิดว่ามันเป็นเพียงงานศิลปะสมัยใหม่ ในสมัยโบราณไม่มีใครจ้างชาวจีนทำกำไลข้อมือ
ในเมื่อเริ่มแล้วเขาก็ตัดสินใจจะทำงานให้จบ
จากนั้นเขาก็ทำความสะอาดกำไลข้อมือ ผ่านไปสักครู่เขารู้สึกถึงความผิดปกติ
คนที่ยืนดูอยู่พลันถามขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ของแท้รึเปล่า?”
นักประเมินยังคงเงียบ โฟกัสกับงานตรงหน้า ไม่นานกำไลข้อมือก็สะอาดและเงางาม
ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่ากำไลนี้ทำจากจีน พวกเขาทุกคนคาดว่ามันจะต้องเป็นของปลอมเพราะไม่มีใครเคยได้ยินว่าในสมัยโบราณจีนสามารถทำกำไลข้อมือได้ มันต้องเป็นงานศิลปะสมัยใหม่
ในขณะที่นักพิสูจน์ของเก่าคิดเป็นอย่างอื่น ตอนนี้เขาประหลาดใจและตื่นเต้นสุด ๆ
“มันคือชิ้นส่วนกระเบื้องลายครามจากราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง” เขาพูดขึ้น
“อะไรนะ?”
“จริงรึ?”
ทุกคนดูตกใจ
กระเบื้องลายครามจากราชวงศ์หมิงและชิง ถ้าอย่างนั้นมันก็เป็นของแท้น่ะสิ?
ถึงแม้ว่าของที่ถูกทำขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงจะไม่ได้มีราคาสูงเท่าของที่มาจากราชวงศ์หยวนและถัง แต่มูลค่าก็ถือว่าสูงอยู่
ทันใดนั้นทุกคนมองมาที่กู้หนิงด้วยความอิจฉา แต่กู้หนิงก็ยังทำท่าทางสบายๆซึ่งทำให้ทุกคนอดคิดไม่ได้ว่าเด็กสาวผู้นี้รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นของแท้
กู้หนิงรู้ว่ามันเป็นของแท้แต่เธอไม่รู้ที่มาของมัน
“มันเป็นกระเบื้องลายครามจากราชวงค์หมิงและชิง สันนิษฐานว่ามันคงตกแตกและมีใครบางคนนำบางส่วนมาทำเป็นกำไล”
“เฮ้ สาวน้อย เธอได้กำไลนี้มาจากที่ไหน? มีคนเอ่ยถามขึ้น
“หนูซื้อมาจากร้านค้าธรรมดาค่ะ” กู้หนิงตอบด้วยความสัตย์จริง
“อะไรนะ? หนูได้มันมาด้วยความบังเอิญเหรอเนี่ย ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้!”
ทุกคนต่างเห็นด้วย
“สาวน้อย ถ้าอย่างนั้นขายให้ลุงได้ไหม? ลุงให้หนูสามหมื่นหยวน” ชายวัยกลางคนในชุดสูทเอ่ยถามขึ้นโดยไม่ลังเล