บทที่ 5 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (5)
บทที่ 5 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (5)
ร่องรอยของคราบน้ำตายังปรากฏอยู่บนใบหน้า ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ เธอเม้มริมฝีปากแน่นคล้ายกลับว่าพยายามทำตัวเข้มแข็ง ทั้งหมดนี้ฉีเซิงแสดงออกมาทำให้ภาพลักษณ์ของเธอดูช่างน่าสงสาร น่าเห็นใจมากขึ้น “คุณป้าคะ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณป้าทำเพื่อหนูนะคะ เราก็เป็นลูกผู้หญิงเหมือนกันคุณป้าคงจะเข้าใจใช่ไหมคะว่าหนูรู้สึกอย่างไร หนู...”
ประโยคของฉีเซิงกระแทกลงกลางใจคุณนายหนานกงโครมใหญ่ หนานกงเจิ้งไม่ใช่ผู้ชายที่ดีนัก เขาแอบมีบ้านเล็ก บ้านน้อยไว้ข้างนอกมากมาย แต่หนานกงเจิ้งยังไว้หน้าเธอบ้าง ที่ไม่ยกผู้หญิงคนอื่นขึ้นมาตีเสมอเธอ หรือปล่อยให้บรรดาผู้หญิงเหล่านั้นท้องลูกนอกสมรสของเขา เธอจึงยังพอทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้
เพราะเหตุผลที่เธอพูดคุณนายหนานกงเข้าใจดี เธอจึงอดใจอ่อนไม่ได้ หากต้องทำให้อนาคตของเด็กสาวผู้อ่อนเยาว์และน่ารักคนนี้ต้องมาเดินตามรอยเท้าของเธอ เธอขยับปาก แต่สุดท้ายกลับไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้
“ลูกคิดดีแล้วใช่ไหม?” พ่อซวีเอ่ยถามซวีเฉิ่งเยว่อย่างจริงจัง
ฉีเซิงพยักหน้ารับ “ค่ะ หนูตัดสินใจดีแล้ว”
เธอมองไปยังหนานกงจิ่ง สีหน้าฉายแววความหดหู่สิ้นหวัง หากแต่เมื่อหนานกงจิ่งสบตาเข้ากับเธอ เขากลับมองเห็นความเฉยชาภายในดวงตาของเธอ แม้ว่าที่หางตาจะปรากฏร่องรอยของหยดน้ำตา แต่ภายในส่วนลึกของดวงตาคู่นั้นกับดูสงบนิ่งไร้ระลอกคลื่น พลันในใจของหนานกงจิ่งก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น ซวีเฉิงเยว่ไม่ควรจะมีท่าทางเช่นนี้....
แต่ต่อให้เขาคิดเช่นนั้น กระนั้นความต้องการที่จะถอนหมั้นกับซวีเฉิงเยว่กลับมีมากกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น ซึ่งรวมไปถึงความรู้สึกผิดที่เขามีต่อซวีเฉิงเยว่ด้วย หนานกงจิ่งจึงจ้องมองไปที่เธอด้วยสายตาแสนเย็นชา
“เฉิงเยว่ นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่มันมีผลกระทบต่อพวกเราทั้งสองตระกูล ลุงว่าหนูใจเย็นแล้วลองกลับไปคิดดูใหม่ก่อนดีไหม?” สิ่งที่หนานกงเจิ้งคิดในตอนนี้เพียง ‘ ถ้าคุณพ่อรู้ว่าเด็กสองคนนี้ถอนหมั้นกัน เขาได้ฆ่าฉันตายแน่ๆ’
ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ตาม การถอนหมั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นเด็ดขาด และเหนือเหตุผลอื่นใดหนานกงเจิ้งกลัวว่าพ่อของเขาจะรู้เรื่องนี้ที่สุด
‘ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้... มันกล้ามีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นในบ้านของตัวเอง ตอนที่คู่หมั้นยังอยู่ได้ยังไง ประมาทเกินไปแล้ว! เห็นทีฉันคงต้องสั่งสอนมันให้ระวังมากกว่านี้ ’
“คุณหนานกง” ทันใดนั้นฉู่ถางก็เอ่ยขึ้นดับฝันกลางวันของหนานกงเจิ้ง หนานกงเจิ้งรีบหันกับไปมองฉู่ถางด้วยท่าทางนอบน้อม
ริมฝีปากของฉู่ถางยกขึ้นเล็กน้อย “ฉันคิดว่าคุณผู้หญิงท่านนี้ คงจะตัดสินใจดีแล้ว ฉันหวังว่าคุณจะทำตามที่เธอต้องการโดยรวดเร็ว เพื่อให้เธอพบความสุขอย่างที่เธอต้องการ”
หนานกงเจิ้ง แอบเหลือบตาไปมอง ซวีเฉิงเยว่ด้วยหางตา ‘เธอมีความสามารถจริงๆ ที่ทำให้ฉู่ถางออกหน้าให้เธอได้....’
“นั่นสิครับ ผมเข้าใจแล้ว” ฉู่ถางเป็นคนประหลาด ทุกคนรู้กิตติศัพท์ของเขาดี เขาสามารถทำลายคน คนนึงได้เพียงเพราะคนคนนั้นไม่เห็นด้วยกับเขา หนานกงเจิ้งจึงไม่กล้าทำให้เขาขุ่นเคือง
นอกจากฉีเซิงและหนานกงเจิ้ง ทุกคนในที่นี้ต่างไม่มีใครรู้ว่าฉู่ถางเป็นใคร ทุกคนจึงอดประหลาดใจไม่ได้ว่า ทำไมหนานกงเจิ้งถึงต้องพูดจานอบน้อมกับเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าขนาดนี้
อย่างไรก็ตามย่อมไม่มีใครกล้าเอ่ยปากตาม
หนานกงเจิ้งสามารถประวิงเวลาออกไปได้อีกสามวัน โดยยกเหตุผลว่าต้องใช้เวลาในการจัดเตรียมจัดงานแถลงข่าวถอนหมั้น หนานกงเจิ้งเชื่อว่าเวลาสามวันน่าจะพอเปลี่ยนใจซวีเฉิงเยว่ไม่ให้ถอนหมั้นได้
ก่อนจะแยกย้ายฉู่ถางได้ยื่นนามบัตรของเขาให้กับฉีเซิง นามบัตรพื้นสีดำสนิท สลักด้วยตัวอักษรสีเงินยวง ดูลึกลับ แต่กลับหรูหราในคราวเดียวกัน บนนามบัตรมีเพียงชื่อ และเบอร์โทรศัพท์เท่านั้น แน่นอนว่านี่ย่อมเป็นเบอร์โทรส่วนตัวของเขา
ฉีเซิงนั่งอยู่บนรถที่กำลังมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านของเธอ คุณพ่อซวีผู้ซึ่งยังไม่หายสงสัย อดที่จะถามเธอไม่ได้ว่า “ลูกรัก... ผู้ชายคนเมื่อกี้ เป็นใครหรอ”
เด็กหนุ่มอายุน้อยที่ทำให้หนานกงเจิ้งแสดงท่าทางยำเกรงได้ขนาดนั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่! แต่เขาก็ยังนึกไม่ออกว่าเป็นใคร
“ฉู่ถาง” ฉีเซิงส่งนามบัตรที่ได้มาให้กับคุณพ่อซวี คำสองคำ ฉู่-ถาง ถูกพิมพ์ไว้อย่างชัดเจนบนนามบัตรราวกับต้องการประกาศศักดา
เมื่อคิดทบทวนชื่อ ฉู่ถางจากในบรรดาคนทั้งหมดที่พ่อซวีรู้จัก คนคนนึงก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำของคุณพ่อซวี ชายผู้เป็นดั่งตำนานของวงการธุรกิจ ผู้ซึ่งครั้งนึงเคยมีเสี้ยวหน้าอันเลือนรางปรากฏอยู่บนนิตยสารการเงินชื่อดังของประเทศ
‘ฉู่ถาง...ฉู่ถางคนนั้นน่ะนะ?’
ฉีเซิงพยักหน้ารับเบาๆ เมื่อเดาได้ว่าพ่อซวีกำลังคิดอะไรอยู่ ‘ถูกต้องแล้ว ฉู่ถางคนนั้นนั่นแหละ’
เธอละความสนใจจากคุณพ่อซวี ผู้ซึ่งตกตะลึงกับคำตอบ จากนั้นค่อยๆบันทึกชุดตัวเลขที่อยู่บนนามบัตรลงในโทรศัพท์มือถือของเธออย่างใจเย็น ‘อย่างน้อยในสายตาของเจ้าคนวิตถารเธอคงจะดูไม่แย่สักเท่าไหร่ การจะทำภารกิจให้สำเร็จคงไม่ใช่เรื่องยาก’
จนกระทั่งรถเคลื่อนเข้าเขตคฤหาสน์ของตระกูลซวี คุณพ่อซวีจึงดึงสติของตนกลับมาได้
“ลูกรัก หนูไม่ได้ถอนหมั้นกับเจ้าหนูหนานกง เพราะคุณคนนั้นหรอกใช่ไหม?”
จากคำถามของพ่อของซวีเฉิงเยว่ เห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างจะมีความคิดที่ล้ำเหนือจินตนาการ ริมฝีปากฉีเซิงกระตุกเบาๆ ‘ถามหน่อยเถอะ นี่คุณเป็นพ่อของฉันจริงๆใช่ไหมเนี่ย?’
สังเกตเห็นสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีนักของฉีเซิง พ่อซวีคิดว่าเขาคงพูดอะไรสักอย่างผิดไป “ลูกรัก... ลูกไม่ต้องไปเสียใจให้กับผู้ชายหลายใจพันธุ์นั้นให้เสียเวลา เจ้าเด็กหนานกงนั่นต่างหากที่ไม่คู่ควรกับลูก อีกอย่างตอนนี้ลูกก็มีผู้ชายดีๆ อย่างฉู่ถางอยู่ทั้งคน หนูต้องจับเขาให้อยู่หมัดนะลูก!”
‘แนะนำแจ่มเว่อร์! พูดอย่างกับว่าผู้ชายอย่างฉู่ถางจะอยู่นิ่งๆให้ทุบหัว แล้วลากเข้าถ้ำไปอย่างงั้นแหละ!’
ฉีเซิงส่ายหน้าอย่างละเหี่ยใจ เธอเลือกที่จะเมินคุณพ่อซวีผู้ซึ่งมีจิตนาการการอันเหนือล้ำ ตอนนี้เธอหาโอกาสถอนหมั้นได้สำเร็จแล้ว ก็หมายความว่าเธอทำภารกิจหลักสำเร็จไปแล้วหนึ่งเรื่อง –ภารกิจตีตัวออกห่างเจ้างั่งหนานกงจิ่ง
‘แต่ต่อไปถ้าหากมีโอกาสได้เหยียบยอดหน้าเจ้างั่งนั่นสักครั้งสองครั้ง เธอจะทำมันแน่นอน! ยินดีบริการเป็นพิเศษแถมให้เลย! อย่างไรก็ตามฉันอยากจะรู้นัก เมื่อไม่มีซวีเฉิงเยว่เป็นตัวช่วยกระตุ้นความสัมพันธ์ หนานกงจิ่งกับซูอี้อี้จะยังรักกันหวานชื่นเหมือนในเนื้อเรื่องเดิมไหม?’
‘ยายหนู! รอพ่อด้วยสิลูก บอกพ่อหน่อยหนูไปรู้จักกับฉู่ถางได้ยังไง? ทำไมเขาถึงให้เบอร์โทรส่วนตัวกับลูก? หรือเขาจะชอบหนู? โอ้วว.. ลูกรักถ้าเขาชอบหนู อย่างงั้นลูกต้องเดินหน้าเต็มสูบเลยน่ะ จับฉู่ถางให้อยู่หมัด! เอาให้เจ้าเด็กหนานกงนั่นกระอักเลือดตายไปเลย!’
#คุณพ่อของฉันเป็นคนประหลาดมาก แก้ยังไงดี? ด่วนมาก...กำลังรอคำตอบ#
#จับได้ว่า ว่าที่ลูกเขยนอกใจลูกสาวของฉัน โปรดแนะนำวิธีให้กำลังใจลูกสาวในการหาผู้ชายคนใหม่ ไปเหยียบยอดหน้าไอ้หนุ่มนั่น#
งานแถลงข่าวการถอนหมั้นถูกจัดขึ้นในอีกสามวันต่อมา เนื่องจากตอนที่ซวีเฉิงเยว่และหนานกงจิ่งหมั้นหมายกันนั้น เมื่อประกาศข่าวการหมั้นออกไปคู่ทั้งคู่ก็ถูกจับตามองเป็นพิเศษ เพราะถือได้ว่าเป็นคู่รักตัวอย่าง ที่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ดังนั้นเมื่อข่าวการถอนหมั้นถูกแพร่ออกไปจึงทำให้ได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นจำนวนมาก เหตุผลของการถอนหมั้นในครั้งนี้ถูกอธิบายอย่างคลุมเครือ จึงส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างหนาหู
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดถึงข่าวการถอนหมั้นที่เกิดขึ้น หนึ่งในคนที่เป็นตัวต้นเหตุของข่าวกลับนั่งอยู่ในภัตตาคารหรูหราระดับไฮเอนด์ ตรงข้ามของเธอคือจอมวายร้ายหมายเลขหนึ่งของเรื่อง ทั้งๆที่ตอนส่งข้อความเธอไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะตอบกลับมา แต่...เขาตอบ!! ไม่ใช่แค่ตอบข้อความกลับ ฉู่ถางยังตอบรับคำชวนรับประทานอาหารเย็นของเธออีกด้วย ความผิดปกตินี้ทำให้เธอตกใจกลัวจนแทบฉี่ราด!!
ฉีเซิงพยายามบังคับริมฝีปากให้ยกยิ้ม “ไม่ทราบว่าคุณฉู่มองดิฉันพอรึยังคะ?”
‘ถ้าหมอนี่ไม่ใช่ผู้ชายที่เธอต้องพยายามนอ..*อะแฮ่ม* เดทด้วย ป่านนี้เธออัดเจ้าหมอนี่เละเป็นโจ๊กไปแล้ว!!’
นานมากกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วที่เธอกับเขานั่งอยู่ด้วยกันตรงนี้ และตลอดเวลาฉู่ถางก็เอาแต่จ้องเธอตาเป็นมัน สายตาของเขาทำให้เธอตัวแข็งทื่อและอดขนลุกอย่างช่วยไม่ได้
“คุณนี่เป็นผู้หญิงที่ใจกล้านะคุณซวี วันก่อนเพิ่งประกาศถอนหมั้น แต่วันนี้กลับชวนผมมาออกเดท คุณไม่กลัวว่านักข่าวจะเขียนข่าวถึงคุณหรอ?” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า สายตาเจ้าเล่ห์ของฉู่ถางสำรวจความรู้สึกบนใบหน้าของเธออย่างเปิดเผย
ฉีเซิงใช้มือขวาจับมือซ้ายของเธอไว้ ขณะที่ในใจท่องวนไปวนมา ‘ทุบเจ้าบ้านี่ไม่ได้! หมอนี่คือว่าที่แฟนของเธอ! เธอจะทุบเขาไม่ได้! ฮึบไว้...ฮึบ!’
เธอพยายามรักสาสีหน้าไว้อย่างอดทน “ดิฉันแค่อยากจะเลี้ยงอาหารตอบแทน ที่คุณฉู่ช่วยออกหน้าช่วยเหลือในวันนั้น”
“แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่า...” ฉู่ถางชะงักเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “คุณอยากจะตบผมเต็มทน”
‘พุทโธ่พุทถัง ใครเขาอยากจะตบนายกันเล่า เชื่อฉันเถอะ ฉันแค่อยากจะนอ..เดทกับนาย!’
“คุณฉู่นี่เป็นคนมีอารมณ์ขันดีนะคะ” ฉีเซิงยิ้มกว้างก่อนจะตัดเปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย “คุณหิวหรือยังคะ? ถ้ายังไงเราทานอะไรกันก่อนดีไหมคะ?”
นั่งเฉยๆมาครึ่งชั่วโมง เธอสังเกตว่าบริกรหนุ่มซึ่งอยู่ไม่ไกลส่งสายตาขำขันมายังพวกเธออยู่เนืองๆ ที่สำคัญเธอยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง ซึ่งตอนนี้มันทุ่มนึงแล้ว ตอนนี้เธอหิวจนไส้จะขาดแล้ว!!
‘ช่วยแสดงความเป็นสุภาพบุรุษหน่อยได้ไหม? นายไม่เห็นหรอว่ามีคนหิวจนจะเป็นลมนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้?!’
ฉู่ถางเอ่ยต่อ “ผมเพิ่งทานของว่างก่อนจะออกมาที่นี่”
‘อะไรนะ!! นายกินก่อนที่จะออกมาเดทกับฉัน! ไร้มนุษยธรรมเกินไปแล้ว!!!’
เมื่อเห็นคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกัดฟันกรอด ฉู่ถางก็รู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาของเขาโค้งลงราวกับพระจันทร์เสี้ยว ส่งผลให้ไอความชั่วร้ายที่ลอยวนเวียนอยู่รอบๆตัวสลายหายไปทันที ฉู่ถางที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอดูงดงามราวกับเทวดาตกสวรรค์
ฉีเซิงตัวสั่นเมื่อความคิดนี้ผุดเข้ามาในหัว เธอรีบกดความคิดไร้สาระนี้ไว้ด้วยการ รีบหาอะไรสักอย่างมากิน ก่อนที่เธอจะคิดเลอะเทอะไปมากกว่านี้