ตอนที่แล้วตอนที่ 46 เลี่ยงหลบภัยพิบัติด้วยเงิน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 48 การเตรียมตัวของเสวี่ยอิ่ง!

ตอนที่ 47 ท้าดวล!


ความเงียบปกคลุมทั่วห้อง สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เสวี่ยอิ่ง เนื่องเพราะพวกเขาได้รับคำเตือนจากนางมาแล้ว ไม่มีใครกล้าผ่อนคลายเมื่อนางยังกล่าวไม่จบ

“ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอันดับค่าหัว?”

โชคดีที่ป๋ายเสี่ยวเฟยนับได้ว่าฉลาดเฉลียว เขาเข้าใจถึง ‘ภัยพิบัติ’ ที่นางเอ่ย

“ใช่ ท่านเจ้าสถาบันเรียกข้าไปพบเมื่อเช้า เขาจัดการกับปัญหาของเจ้าได้แล้ว แต่วิธีการออกจะเหนือความคาดหมายไปสักหน่อย”

เสวี่ยอิ่งรินน้ำชาใส่แก้วพลางเอ่ยก่อนจะจิบชาไม่แยแสแววตาคาดหวังของป๋ายเสี่ยวเฟย

“เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าวิธีใด?”

เสวี่ยอิ่งแย้มยิ้ม ไม่เพียงนางไม่บอกป๋ายเสี่ยวเฟยตรงๆ นางยังจงใจให้เขาสงสัยกว่าเดิมอีกด้วย

ท่าทีป๋ายเสี่ยวเฟยเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเมื่อรู้ว่านางต้องการอันใด เขาจ้องเขม็งไปที่นัยน์ตาของเสวี่ยอิ่งก่อนจะถาม

“ท่านเชื่อไหมว่าข้าสามารถทายถูก?”

“เชื่อเจ้า? ข้ายอมเชื่อผีสางมากกว่าเชื่อเจ้า”

เสวี่ยอิ่งแค่นเสียงเย็นชา สีหน้าราวกับจะบอกว่า “ข้ารู้ไส้รู้พุงเจ้าหมดแล้ว”

“เช่นนั้นเรามาพนันกัน ถ้าข้าทายถูกท่านจ่ายมื้อนี้ ถ้าข้าทายผิดข้าจะจ่ายมื้อหน้าด้วย”

ทุกคนยกเว้นเสวี่ยอิ่งมีใบหน้าตื่นเต้นทันทีเมื่อได้ยิน

ไม่ว่าใครจะชนะ พวกเขาก็คือคนที่ได้รับผลประโยชน์ และหากเกิดการพนันขึ้นมาจริงๆ มีโอกาสที่พวกเขาจะได้กินอีกมื้อที่บ้านร้อยรสสูงมาก

ทุกสายตาจับจ้องที่เสวี่ยอิ่งเพราะการพนันนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับนางเพียงผู้เดียว

“ถือว่าเจ้ายั่วยุข้าได้หรือไม่?”

หลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน เสวี่ยอิ่งเลือกที่จะไม่เสี่ยง แถมวิธีการของนางยังไร้ยางอายเหลือคณา แต่ไม่ว่าจะไร้ยางอายเช่นไร ป๋ายเสี่ยวเฟยก็ไร้หนทางเมื่อเผชิญหน้ากับวิธีเช่นนี้...

“พี่หญิงเสวี่ย ข้าพูดผิดไป ข้าทายไม่ได้หรอก...”

ป๋ายเสี่ยวเฟยปั้นสีหน้าขมขื่น

ท่วงท่าอิริยาบถจริงจังขึงขังไม่มีให้เห็นอีกต่อไป แน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะทำให้เสวี่ยอิ่งเสียใจกับการกระทำของตนเพราะใครก็ตามที่ติดต่อสื่อสารกับป๋ายเสี่ยวเฟยมีโอกาสถูกหลอกทั้งนั้น...

แน่นอนว่าหลังจากป๋ายเสี่ยวเฟยพูดจบเสวี่ยอิ่งรู้สึกสูญเสียครั้งใหญ่ไปทันที นางมองป๋ายเสี่ยวเฟยอย่างเย็นชาไม่มีอารมณ์จะกลั่นแกล้งเขาอีกต่อไป

“ฉินหลิงหยานที่ใส่ชื่อเจ้าไปในอันดับค่าหัวถูกเรียกไปพบท่านเจ้าสถาบันก่อนข้า ด้วยคำขอของท่านเจ้าสถาบัน นางตกลงจะเอาชื่อเจ้าออกจากอันดับค่าหัวแต่แค้นของนางต้องได้รับการชำระ”

ท่าทีไม่ยินยอมของฉินหลิงหยานผุดขึ้นในหัวป๋ายเสี่ยวเฟย เขาหัวเราะขมขื่นอย่างอดไม่ได้

‘แน่นอน บาปที่ข้าก่อข้าก็ต้องรับกรรม...’

“ให้ข้าขอโทษนางไม่พอหรือ...?”

“เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

คำถามง่ายๆ ของนางปัดเป่าความคิดที่จะลดทอนปัญหาใหญ่ให้เป็นปัญาหาเล็กโดยพลัน ถ้าฉินหลิงหยานยังเป็นคนปกติอยู่นางไม่มีทางยอมรับวิธีง่ายๆ อย่างคำขอโทษ

จากสิ่งที่เขาทำในวันนั้น การถูกอัดไม่กี่คราอาจไม่พอสำหรับความแค้นของนาง...

ป๋ายเสี่ยวเฟยล้มเลิกความคิดที่จะดิ้นรน

“เช่นนั้นนางตั้งใจทำอย่างไร?” เขาถามพลางตระเตรียมเผชิญพายุในวันข้างหน้า

“ข้าไม่รู้ นางตั้งใจจะบอกเจ้าต่อหน้า นี่เป็นอีกเหตุผลว่าทำไมเราอยู่ที่นี่”

เสวี่ยอิ่งยักไหล่บ่งบอกว่านางเป็นเพียงคนส่งข่าว

“ต่อหน้า? ที่นี่!?”

ป๋ายเสี่ยวเฟยเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที ช่างน่าตกใจที่ลางสังหรณ์ของเขามาไหวเหลือเกิน...

ประตูห้องถูกเปิดออก ฉินหลิงหยานที่ใบหน้าเย็นเยียบราวน้ำแข็งเดินเข้ามา ข้างหลังนางมี ‘ภูเขาหิน’ ที่ดูอย่างไรก็หนักอย่างน้อย 150 กิโลกรัมสองตัว

“ข้าพาสหายมาด้วยสองคน คงไม่ถือสาใช่หรือไม่?”

ฉินหลิงหยานยิ้มเยาะพลางมองไปยังป๋ายเสี่ยวเฟยทำให้เขาเย็นเยียบถึงลำคอ

นี่เป็นการพบกันครั้งแรกตั้งแต่เหตุการณ์ที่หอพัก สีหน้าของฉินหลิงหยานเพียงพอที่จะบ่งบอกความคิดนางได้

‘เหตุใดเจ้ายังไม่ตาย!’

หากแต่ความสนใจของป๋ายเสี่ยวเฟยจับจ้องไปที่ ‘สหาย’ ที่นางพามา

‘สองคนนี้เป็นสหายนาง? ไม่ใช่เครื่องจักรล้างแค้นหรอกหรือ!?’

ท้ายที่สุดป๋ายเสี่ยวเฟยไม่อาจบอกตนเองได้ว่าทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อนนางเพราะฉินหลิงหยานต้องไปเสาะหาพวกเขามาเพื่อการนี้แน่นอน!

ยิ่งพวกเขาทั้งสามนั่งลงยิ่งยืนยันความคิดของเขา!

“สหายทั้งสองของข้ายังไม่ได้ทานอะไร คงไม่ถือสาหากข้าสั่งอาหารเพิ่มใช่หรือไม่?”

“แน่นอน สั่งตามที่เจ้าอยากเพราะป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นคนจ่าย”

เสวี่ยอิ่งตอบกลับทันควันไม่ปล่อยโอกาสให้ป๋ายเสี่ยวเฟยแม้แต่น้อย ท่าทีของนางราวกับนัดแนะกันมานานแล้ว...

ฉินหลิงหยานวางรายการอาหารลงอย่าง ‘พึงพอใจ’ หลังจากนางสั่งอาหารมากกว่าที่เสวี่ยอิ่งสั่งอย่างน้อยสองเท่า

เป็นครั้งแรกในชีวิตนางรู้สึกว่าการสั่งอาหารช่างรื่นรมย์เหลือกัน!

“พวกเจ้าพูดถึงไหน? เชิญต่อได้เลย ข้านั่งฟังเฉยๆ”

สีหน้าของนางยังพอกล่าวได้ว่ามีความเป็นมิตร แน่นอนว่าเมื่อนางหันมามองป๋ายเสี่ยวเฟยใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา

“พวกเราพูดถึงเรื่องที่ศิษย์พี่หญิงหลิงหยานต้องการจบเรื่องนี้อย่างไร ไม่มีใครให้คำตอบเรื่องนี้ได้ ในเมื่อท่านมาแล้วก็เชิญกล่าวเถิด”

ป๋ายเสี่ยวเฟยเผยให้เห็นความไร้ยางอายอีกครา เขาไม่สนใจแยแสสีหน้าของฉินหลิงหยานแม้แต่น้อยขณะผลักดันบทสนทนาสู่เรื่องหลัก

“หนึ่งเดือน! ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือน หลังจากนั้นเราจะประลองกัน ข้าจะพาสหายมาสี่คนส่วนเจ้าพามากี่คนก็ได้ ไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไร เรื่องระหว่างเราถือว่าจบกัน! แน่นอนว่าอาจารย์ไม่อาจเข้าร่วมการประลองนี้”

ทุกคนในที่นี้ตกตะลึงพรึงเพริดทันทีเมื่อได้ยิน

‘ประลองกับศิษย์พี่!? แถมยังห้าคน!?’

‘นางตั้งใจสังหารพวกเราหรือ!?’

ขณะที่พวกเขายังไม่หายตื่นตระหนก เป็นป๋ายเสี่ยวเฟยที่รับข้อเสนอราวกับไม่ได้หยุดคิดแม้แต่น้อย ‘ตกลง!’

“ข้าจะเอาชื่อเจ้าออกจากอันดับค่าหัว แต่เจ้าห้ามแอบอ้างชื่อข้าอีกในอนาคตและเจ้ายังห้ามกุเรื่องเกี่ยวกับข้าด้วย หากข้าจับได้ว่าเจ้าทำ ข้าจะใส่ชื่อเจ้าลงไปในอันดับค่าหัว!”

ร่องรอยแดงระเรื่อปรากฎขึ้นบนใบหน้าเย็นเยียบของนาง นางไม่ได้กล่าวว่าป๋ายเสี่ยวเฟยกุเรื่องอันใดไว้ แต่สีหน้าของนางอธิบายทุกอย่าง

“ไม่มีปัญหา”

ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มเยาะอย่างไม่แยแส เพราะเขาไม่ได้ต้องการสถานะของนางอีกต่อไป

“นั่นคือทั้งหมดที่ข้าอยากพูด ข้าหวังว่าเจ้าจะทำได้”

ฉินหลิงหยานถอนหายใจอย่างโล่งอกเล็กน้อยรู้สึกราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก ขอเพียงป๋ายเสี่ยวเฟยไม่พูดจาเหลวไหลอีก นางก็สามารถลบข่าวปลอมพวกนั้นได้ในเวลาสั้นๆ

เมื่อพวกเขาพูดคุยกัน คนที่เหลือจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยท่าทีเหม่อลอย พวกเขารู้ว่าป๋ายเสี่ยวเฟยกล้าหาญ แต่พวกเขาไม่คิดว่าป๋ายเสี่ยวเฟยจะหาญกล้าถึงขนาดไม่หวั่นเกรงศิษย์พี่หญิงที่เขายั่วโทสะแม้แต่น้อย!

ในระหว่างนี้ บนโต๊ะเต็มไปด้วยจานอาหาร

“ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเราก็นั่งโต๊ะเดียวกันแล้ว มาดื่มอวยพรกันเถิด?”

ป๋ายเสี่ยวเฟยยืนขึ้นใบหน้าเปื้อนยิ้มในมือถือแก้วไวน์

ทุกคนจากห้องเรียนคนเถื่อนยกแก้วไวน์ขึ้นตาม สายตาทุกคู่จ้องมองไปยังฉินหลิงหยาน

“ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังในหนึ่งเดือนหลังจากนี้”

ฉินหลิงหยานยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มจนหมดขณะเอ่ยอย่างเย็นชา...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด