บทที่ 84 แทงข้างหลังความร้ายกาจของฉางจี้!
บทที่ 84 แทงข้างหลังความร้ายกาจของฉางจี้!
ผู้แปล loop
ในวันถัดมา.
“เอ๊ะ พวกเธอเคยได้ยินเรื่องนี้ไหม”
“ได้ยินเรื่องอะไรนะ”
“ซูบินนะ เขาตำหนิหัวหน้าส่วนซู และ เสี่ยวตงลูกของหัวหน้าส่วนซูด้วยนะ!”
"จริงๆหรอ? มันเกิดขึ้นตอนไหนกัน”
"เย็นเมื่อวานไง. อย่าเอาไปบอกใครนะ!……"
ข่าวของพ่อและลูกชายที่หยิ่งผยองที่ถูกดงซูบินดุด่านั้น กระจายไปทั่วอพาทเม้นท์ ทุกคนที่ได้ยินข่าวก็ตกใจและหลายคนเองก็ไม่เชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นกัน แต่เมื่อพวกเขาเห็นหน้าที่เศร้าโศกของหัวหน้าส่วนซูและครอบครัวของเขาที่กำลังเดินลงมาชั้นล่างพวกเขาก็รู้ว่านี้มันเป็นเรื่องจริง ครอบครัวของหัวหน้าส่วนซูกำลังจะย้ายออกจากอพาทเม้นท์แห่งนี้! ผู้อยู่อาศัยหลายคนที่กำลังเดินเล่น และเล่นหมากรุกอยู่แถวตลาด ฯลฯ ล้วนแต่พูดถึงเหตุการณ์เมื่อเย็นที่ผ่านมา บางคนบอกว่าดงซูบิน กลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงและบางคนบอกว่าดงซูบินได้กำราบหัวหน้าส่วนซูและเสี่ยวตงได้แล้ว มันทำให้ครอบครัวของพวกเขาอับอายเป็นอย่างมากที่จะอาศัยอยู่ในอพาทเม้นท์แห่งนี้ต่อไป มันทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องย้ายออก ข่าวลือทุกอย่างกำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดหัวหน้าส่วนซูและครอบครัวของเขาก็ย้ายออกไป
จริงๆแล้วทางศุลกากรได้ให้อพาร์ตเมนท์หัวหน้าซูในการพักอาศัยมามากกว่า 6 เดือนแล้วและที่ผ่านมาและพวกเขาควรจะย้ายออกตั้งนานแล้ว แต่หัวหน้าส่วนซูไม่ต้องการที่จะย้ายออกเพราะในอพาทเม้นท์แห่งใหม่นั้นมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนและเขาไม่สามารถหยิ่งพยองได้ อีกทั้งเขาไม่สามารถอวดสถานะความเป็นหัวหน้าของเขาได้อีกด้วย แต่ถ้าเป็นในอพาทเม้นท์แห่งนี้เขาสามารถเพลิดเพลินไปกับความสูงส่งของเขา แต่ตอนนี้หลังจากที่เขาพ่ายแพ้ต่อดงซูบิน เขาจะไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป เมื่อเย็นที่ผ่านมาหัวหน้าส่วนซูได้ติดต่อกับเซลล์เพื่อเช่าอพาร์ทเมนท์ใหม่และย้ายออกไปในตอนเช้าวันนี้
ณ สำนักงานสาขาเขตตะวันตกสำนักงานกิจการทั่วไป
ดงซูบินกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานของเขา โดยนั่งในท่าทางไขว้ขาอ่านหนังสือพิมพ์ ในตอนนั้นเขาก็ได้รับเอสเอ็มเอสจากฉูหยวน 'ครอบครัวซูย้ายออกไปแล้วนะ'
"ฮะ? ย้ายออกไปเลยหรอ? แค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้นะ“เขาตอบฉูหยวนในทันที”ต่อแต่นี้ไป! อพาทเม้นท์ของเราจะมีแต่ความสงบสุขแล้ว“ถ้าคิดในแง่ดี ดงซูบินเองก็ไม่ต้องการเห็นใบหน้าที่น่ารำคาญของพวกเขาเหล่านั้นอยู่แล้ว เขาวางไอโฟนสี่ลงและคิดถึงเหตุการณ์เมื่อเย็นที่ผ่านมา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต้นเหตุมาจากเกาแพนเหว่ย ดงซูบินยกหูโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นแล้วโทรออกไปข้างนอกต้าหลินเหม่ยเป็นคนรับโทรศัพท์นั้น” หลินเหม่ยช่วยบอกเกาแพนเหว่ยเข้ามาในห้องทำงานฉันหน่อยสิ”
อีกไม่กี่วินาทีต่อมาเกาแพนเหว่ยก็เข้ามาในห้องทำงานของดงซูบิน “หัวหน้าซูบินเรียกผมเข้ามามีอะไรรึเปล่าครับ?”
ดงซูบินพยักหน้าและกล่าวว่า“พรุ่งนี้ฉันจะไม่อยู่นะ ตอนที่ฉันไม่อยู่ที่นี้ นายช่วยฉันดูแลคนอื่นๆด้วย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกอย่างในสำนักงานทำงานกันอย่างเป็นระบบระเบียบ หากฉันไม่กลับมาตอนบ่ายให้ส่งเอกสารสำคัญหรือเอกสารใดๆ ที่ต้องมีลายเซ็นให้หัวหน้าเสี่ยวให้เธอจัดการ อย่าลืมจัดการพวกเอกสารเฉพาะล่ะ นายต้องจัดการเอกสารเหล่านั้นด้วยตัวเอง ถ้ามีใครถามก็เพียงแค่บอกว่ามันเป็นคำแนะนำของฉันถ้าใครถามนาย ฉันไม่เชื่อใจคนอื่น”
ในตอนนี้เกาแพนเหว่ยกำลังตกตะลึง เขาตอบอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณสำหรับความไว้วางใจในตัวผมนะครับ มั่นใจได้เลยว่าผมจะทำให้ทุกอย่างในสำนักงานให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ผมจะตั้งหน้าตั้งตาดูแลฉางจี้เป็นพิเศษเลย โอ้ผมควรให้งานเขาเพิ่มไหมครับหัวหน้าซูบิน? ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าฉางจี้จะไม่ค่อยมีงานเลย สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ หากหัวหน้าคนอื่นเข้ามาเยี่ยมเยือนพวกเรา พวกเขาจะคิดว่าสำนักงานกิจการทั่วไปของเราไม่มีอะไรให้ทำได้นะครับ”เนื่องจากเก้าแพนเหว่ยนั้นขัดแย้งกับฉางจี้เป็นทุนเดิมอยู่จากสองสามวันก่อนที่ผ่านมาและเขาไม่ค่อยชอบฉางจี้สักเท่าไร
'นายนี้มันชั่วร้ายจริงเชียว เกาแพนเหว่ย'ดงซูบินคิดอยู่ในใจ “เอาตามที่นายเห็นสมควรเลย”
เกาแพนเหว่ยรับคำสั่งจากดงซูบิน “ถ้าอย่างงั้นผมขอตัวกลับไปทำงานต่อก่อนนะครับหัวหน้า หากหัวหน้ามีอะไรให้รับใช้สามารถเรียกผมได้เลยนะครับ”
ดงซูบินพยักหน้า หลังจากที่เกาแพนเหว่ยออกจากสำนักงานและปิดประตูดงซูบิน เขาเปิดดูเอกสารที่อยู่บนโต๊ะและเดินออกจากห้องทำงาน ในตอนนั้นต้าหลินเหม่ย และเกาแพนเหว่ยนั่งตัวตรงทันทีและ ฉางจ้วงเองก็รีบเก็บดินสอเขียนคิ้วและวางมือลงบนคีย์บอร์ด พี่หยางเองวางหนังสือพิมพ์ของเขาแล้วหยิบรายงานขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ฉางจี้เงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อยแล้วพิมพ์งานของเขาต่อไปด้วยความโกรธ ดงซูบินเองก็รู้สึกดีมากที่ได้เห็นปฏิกิริยาของทุกคนในสำนักกิจการทั่วไป มันทำให้รู้สึกดีที่ได้เป็นหัวหน้าของสำนักงานแห่งนี้!
ดงซูบินเดินไปรอบ ๆ สำนักงานจากนั้นก็ขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปที่ห้องทำงานของเสี่ยวหยานเพื่อหารือเกี่ยวกับงานของเขาในวันพรุ่งนี้
หลังจากนั้นดงซูบินก็กลับมาที่ห้องทำงานของเขาเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้หนังและจิบชาของเขา เขาดูผ่อนคลายมากๆ
ตอนนี้ดงซูบินกำลังคิดเรื่องเกี่ยวกับการทำงานกับรองหัวหน้าเสี่ยวหยานแต่ในตอนนั้นเขาก็ได้ยินคนข้างนอกทักทาย “ผู้อำนวยการหลี่!” ประตูห้องทำงานของดงซูบินเปิดขึ้นอย่างฉับพลันและหลี่ชิงเดินเข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตู
ดงซูบินตกตะลึง เขาลุกขึ้นยืนทันที “ผู้อำนวยการลี่” ‘เกิดอะไรขึ้น ทำไมผู้อำนวยการหลี่ถึงดูโกรธจัดขนาดนี้?’
หลี่ชิงมองไปที่ดงซูบินในสายตาของเขาและถามว่า: "หัวหน้าเสี่ยวให้งานมาที่สำนักงานกิจการในตอนเช้า? ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย!”
ดงซูบินเองก็ตกตะลึง "อา……. หัวหน้าเสี่ยวไม่ได้บอกหัวหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้เหรอครับ?”
หลี่ชิงตะโกนด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด "บอกฉันอย่างงั้นหรอ? หัวหน้าเสี่ยวเป็นหัวหน้าของฉัน! เธอจำเป็นต้องรายงานสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดให้ฉันหรือยังไง หัวหน้าซูบิน! นายเป็นอะไรไปเรื่องการย้ายตำแหน่ง 'เกสต์เฮาส์' เป็นภารกิจสำคัญที่ได้รับคำสั่งจากคณะกรรมการฝ่ายสำนักงานสาขา! นี้มันก็เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วและฉันในฐานะหัวหน้างานสำนักกิจการทั่วไปยังไม่ได้รับรู้ถึงภารกิจนี้เลย? ถ้าไม่ใช่เพราะฉางจี้ฉันก็ยังไม่รู้เกี่ยวกับภารกิจนี้ที่ได้รับจากคณะกรรมการและหัวหน้าเสี่ยวหรอก!”
“ฉางจี้?”
“เวรล่ะ! เขารอบแทงข้างหลังฉัน!”
แต่นี่เป็นความผิดของดงซูบินเอง เขารู้สึกละอายใจหลังจากได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองหัวหน้า หลี่ชิงทิ้งทุกอย่างไว้ให้เขาและไม่ค่อยสนใจงานในสำนักงานกิจการทั่วไป นี่คือสาเหตุที่ดงซูบินลืมแจ้งให้เขาทราบและเขาส่งงานไปที่หัวหน้าเสี่ยวหยานพร้อมแบบฟอร์มเพื่อขออนุมัติเลย ‘แย่ล่ะ! เขาคิดว่าฉันทำงานข้ามหัวเขา นี่เป็นข้อห้ามในการเป็นข้าราชการสินะ’ ตอนนี้ดงซูบินมีเหงื่อเต็มมือ เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารู้แล้วว่าทำไมหลี่ชิงถึงโกรธขนาดนี้ แม้ว่าหลี่ชิงจะช่วยเขาในอดีต ดงซูบินก็ไม่ควรทำเช่นนี้!
ดงซูบินพยายามอธิบายตัวเอง:“ผู้อำนวยการครับ คือว่า ผม……”
“ไม่จำเป็นต้องอธิบายแล้ว!” หลี่ชิงจ้องไปที่ดงซูบินและเดินออกจากห้องทำงานไป เขากำลังพิจารณาที่จะขอคืนอำนาจทั้งหมดที่เขามอบให้กับ ดงซูบินและสำนักงานกิจการทั่วไป
ฉางจี้เองก็หัวเราะอยู่ในใจเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกินในห้องทำงานของดงซูบิน ‘ฮ่า ๆ ๆ ๆ.ถึงเวลาแก้แค้นของฉันแล้ว’ !
ดงซูบินไล่ตามหลี่ชิงออกมา:“ผู้อำนวยการ! ผู้อำนวยการ!” หลี่ชิงไม่ได้มองย้อนกลับมาแต่ดงซูบินมองเห็นฉางจี้แอบหัวเราะมันทำให้เขาโกรธมาก เขาหยุดไล่ตามหลี่ชิงทันที!
‘เวรเอ้ย!’
‘ย้อนกลับ!’
‘ย้อนกลับ!!’
‘ย้อนกลับ!!!’
......
ฉากต่างๆเริ่มเปลี่ยนแปลงไป!
ดงซูบินกำลังถือชาร้อนหนึ่งถ้วยและยังคงยิ้มอยู่ เวลาย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งนาทีก่อนรอยยิ้มของเขาก็หายไป เขาวางถ้วยน้ำชาของเขาอย่างรวดเร็วและคว้าแบบฟอร์มงานบนโต๊ะทำงานของเขา เขารีบออกจากสำนักงานพร้อมแบบฟอร์มทันที
ต้าหลินเหม่ย, เกาแพนเหว่ยและที่เหลือก็ตกใจขึ้นมา พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อฉางจี้มองเห็นหลี่ชิงกำลังเดินมาที่ประตูหลักของสำนักงานกิจการจากมุมหนึ่งของดวงตา เขาก็รู้ว่ารายการที่เขากำลังรออยู่นั้นกำลังเริ่มต้นขึ้น เขายิ้มให้กับตัวเองและกำลังรอให้ดงซูบินเสียชื่อเสียง ฉางจี้อดทนต่อไป เขาหวังว่าดงซูบินและสมาชิกคนอื่นๆจะต้องพินาศ เขากำลังรอโอกาสที่จะทำให้ดงซูบินหลุดพ้นจากการเป็นรองหัวหน้าให้ได้ ซึ่งฉางจี้รู้ว่ามีกฎที่ไม่ได้พูดมากมายในภาครัฐและดงซูบินที่ไม่มีประสบการณ์ไม่สามารถต่อกรกับเขาได้อย่างแน่นอนเพราะดงซูบินจะต้องทำเรื่องนี้ผิดพลาดและฉางจี้จะใช้โอกาสนี้เพื่อทำลายเขาให้สิ้นซากไป จนถึงเช้านี้โอกาสที่ฉางจี้รอคอยก็มาถึง เขาบังเอิญได้ยินว่าทางสำนักจะให้งานสำคัญกับการเตรียมข้อเสนอสำหรับการย้ายที่อยู่ของ 'เกสต์เฮาส์' และเขาสังเกตเห็นว่าดงซูบินไปที่สำนักงานของเสี่ยวหยานหลายครั้ง ดังนั้นฉางจี้จึงหาข้ออ้างที่จะไปที่สำนักงานของหลี่ชิง และแสร้งพูดเรื่องภารกิจอย่าง "ไม่ได้ตั้งใจ" เขาแค่อยากจะลองเสี่ยงโชคดู แต่ใครจะรู้ว่าดงซูบินคนนี้จะไร้เดียงสามากเกินไป เขาไม่ได้รายงานภารกิจนี้ต่อหัวหน้าหลี่ชิง! เขาเลือกที่จะข้ามหน้าข้ามตาหลี่ชิงไปและไปที่ผู้บริหารระดับสูงเลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ.
“โอ้ผู้อำนวยการหลี่ ผู้อำนวยการอยู่นี้เองเหรอครับ” ดงซูบินถามด้วยความตกใจ
หลี่ชิงที่กำลังโกรธเมื่อเขาเข้ามาในสำนักงาน เขามีความหวังสูงให้กับดงซูบินแต่คราวนี้ดงซูบินทำผิดอย่างมหันต์ หลี่ชิงรอที่ห้องทำงานของเขานานกว่าหนึ่งชั่วโมง เขาคิดกับตัวเองว่าถ้าดงซูบินไปรายงานตัวกับเขาเขาจะปล่อยดงซูบินไปหลังจากได้ตำหนิไปแล้ว แต่เขารอเป็นเวลาถึง 2 ชั่วโมงแตะดงซูบินไม่ได้ปรากฏตัวออกมา สิ่งนี้ทำให้เขาฟิวขาด!
หลี่ชิงแสดงให้เห็นว่าใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมและมองไปที่ดงซูบิน เขากำลังจะถามคำถามกับดงซูบิน
แต่ก่อนที่หลี่ชิงจะพูดอะไรก็ตามดงซูบินก็พูดอะไรบางอย่างที่ทำให้หลี่ชิงและฉางจี้ประหลาดใจดงซูบินกล่าวว่า:“ผู้อำนวยการหลี่ผมกำลังจะตามหาผู้อำนวยการเพื่อรายงานภารกิจ!”
หลี่ชิงหยุดสิ่งที่เขาต้องการจะพูด “ภารกิจอะไร?”
“โอ้มันเกี่ยวกับเกสต์เฮาส์ เอ่อ ... ผมอยากจะบอกผู้อำนวยการเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนเช้า แต่ผมเดินไปเคาะสำนักงานของผู้อำนวยการและผู้อำนวยการก็ไม่ได้อยู่ใกล้ ๆนั้น” ดงซูบินกำลังหาข้อแก้ตัว
“ตอนเช้า? นายไปหาฉันตอนเช้าเหรอ?
"ใช่ครับ. ผมรออยู่ที่นั้นสักครู่”
“โอ้……บางทีฉันอาจไปห้องน้ำ”
ดงซูบินจึงส่งเอกสารแบบฟอร์มขนาดเท่ากับกระดาษเอสี่ให้กับหลี่ชิง “ผมจะเขียนแบบฟอร์มนี้ด้วยวิธีนี้ได้ไหมครับ”
ความโกรธของหลี่ชิงในตอนนั้นก็สงบลงเล็กน้อยและเขามองดูฟอร์มต่างๆ เขาพยักหน้าเล็กน้อย
ดงซูบินจึงพูดต่อไปว่า:“ผู้อำนวยการผมควรจะแจ้งให้ผู้อำนวยการทราบเมื่อผมได้รับภารกิจมา แต่ผู้อำนวยการไม่ได้อยู่ที่ห้องทำงานและหัวหน้าเสี่ยวต้องการงานนี้อย่างเร่งด่วน ผมกลัวว่าผมจะทำสิ่งต่างๆยุ่ง ดังนั้นผมจึงทำร่างข้อเสนอมาก่อน จริงๆแล้วผมต้องการรายงานให้ผู้อำนวยการทราบหลังจากที่ผมทำเสร็จและผู้อำนวยการกลับมาที่ห้องทำงาน”
นี้คือเหตุผลทั้งหมดของดงซูบิน หลี่ชิงตบไหล่พร้อมกับรอยยิ้มให้กับดงซูบิน "ไม่เป็นไร. ครั้งหน้าก็แค่โทรหาฉันก็พอ”
“ผมจะกล้าทำอย่างงั้นได้ยังไงครับผู้อำนวยการ? มันจะเป็นการดีกว่าที่จะรายงานให้ผู้อำนวยการทราบเป็นการส่วนตัว ท้ายที่สุดผู้อำนวยการก็เป็นบุคคลที่รับผิดชอบสำนักงานกิจการทั่วไปและผมก็แค่มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้อำนวยการเพียงเท่านั้น”
หลี่ชิงพยักหน้า เขารู้ว่าเขาเข้าใจดงซูบินผิดไป
“โอ้! ผู้อำนวยการหลี่ทำไมผู้อำหนวยการถึงดูหน้าหมองเช่นนั้นนะครับ มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าครับ?”
“ฮ่าฮ่า! ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ปวดฟันนะ”
ตอนนี้สีหน้าของฉางจี้เขาดูโกรธมากเมื่อเขาเห็นดงซูบิน และ หลี่ชิงพูดคุยอย่างมีความสุข เขามั่นใจว่าดงซูบินนั้นลืมที่จะรายงานต่อหลี่ชิง ถ้าไม่ยังงั้นดงซูบินคงจะไม่ตื่นตัวขนาดนั้นในช่วง 10 วินาทีก่อนที่หลี่ชิงจะมาถึง แต่ฉางจี้เองไม่แน่ใจว่าทำไม ดงซูบินสามารถวิ่งออกไปในนาทีสุดท้ายเพื่อรักษาตำแหน่งของเขาไว้ได้ เขารู้ได้อย่างไรว่าหลี่ชิงจะมาที่สำนักงานกิจการทั่วไป? หรือนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญกันแน่?
ดงซูบินเช็ดเหงื่อของเขาอย่างลับ ๆ ใจของเขาเต้นแรงมากๆในเวลานี้!