บทที่ 1 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (1)
บทที่ 1 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (1)
ฉีเซิงเป็นนักเขียนประเภทมายั่วให้อยากแล้วจากไป เมื่อคนอ่านกำลังติดงอมแงม เธอก็ดันดองนิยายพวกนั้นกลางอากาศ นิยายประเภทแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งนางเอกเธอเขียนมาแล้วแทบนับไม่ถ้วน แต่ในที่สุดฉีเซิงก็เข้าใจบ้างอย่าง....
นักเขียนที่ปล่อยให้คนอ่านค้างเติ่งอยู่กลางอากาศแบบเธอมันต้องถูกลงโทษ!!
ฉีเซิงกำลังนั่งยองๆ และทรมานจากอาการปวดหัวอย่างรุนแรง เบื้องหน้าของเธอมีหนังสือคริสตัลที่มีความสูงขนาดราวๆครึ่งตัวมนุษย์กำลังลอยอยู่
เธอมั่นใจว่ามะกี้เธอกำลัง ‘อธิบาย’ กับนักอ่านของเธอว่าทำไมพระเอกของเรื่องจึงกลายเป็นเกย์เพราะตัวประกอบคนหนึ่งในเรื่อง แต่ไอ้ตัวประกอบคนนั้นกลับได้คบกับนางเอกแทน แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ส่งผลให้พระเอกของเรื่องต้องชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและทุกข์ทรมาน แล้ว....เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?!
‘ฉันอยากกลับบ้าน’
[ระบบประมวลผลเสร็จสิ้น คุณมีเวลา 5 วินาทีในการตัดสินใจ หากคุณไม่ได้ตัดสินใจภายในระยะเวลาที่กำหนด ระบบจะทำการกำจัดคุณทันที]
ฉีเซิง : “………………….”
‘อย่างที่คิด......ไอ้ระบบบ้า! เอะอะก็จะกำจัด! โหดร้ายที่สุด!!!’
ขณะนั้นเองจอคริสตัลแสดงผลเบื้องหน้าของเธอก็เริ่มนับเวลาถอยหลัง [ 5..…4..…3…..]
“ตกลง ฉันตกลง!” เพื่อความอยู่รอดฉีเซิงทิ้งศักดิ์ศรีลงอย่างรวดเร็ว
‘ฉันอยากลับไป... อยากกลับไปเขียนนิยายอีก....พล็อตหักมุม....ฆ่าเหล่าตัวเอก * สะอื้น * ก็ใครใช้ให้เธอเป็นนักเขียนประเภทแม่เลี้ยงใจร้ายกันเล่า?’
ในฐานะของนักเขียนนิยาย เธอย่อมคุ้นเคยกับนิยายประเภทระบบ แน่นอนว่าครั้งหนึ่งเธอเคยเขียน... *อะแฮ่ม* เหมือนจะเคยดองไว้สักเรื่องสองเรื่อง... แต่เอาน่า เอาเป็นว่าเธอคุ้นเคยกับนิยายประเภทนี้ก็แล้วกัน!
ขณะที่เวลานับถอยหลังบนจอหายไป ข้อมูลสองสามบรรทัดก็ปรากฏขึ้นมาแทน
ชื่อ : ฉีเซิง
คะแนนศีลธรรม : -100,000
คะแนนสะสม : 0
“อะไรกัน? !! มีแค่นี้จริงดิ? ไหนละค่าความฉลาด? ค่าพลังการต่อสู้? แล้วจะยังค่าพลังจิตอีก? ค่าคะแนนพวกนี้มันหายไปไหน? ปกตินิยายประเภทนี้ไม่ควรมีแค่นี้สิ! แล้วไอ้คะแนนศีลธรรมของฉันอีก ทำไมมันติดลบเป็นแสนละเฮ้ย?!
นั่งมองจำนวนเลขศูนย์ที่ต่อท้ายแล้ว ฉีเซิงรู้สึกปวดตับ เพื่อให้ได้กลับบ้านเธอต้องลบเจ้าเลขศูนย์พวกนี้ให้หมด.... แล้วเมื่อไหร่เธอจะได้กลับบ้านสักทีล่ะว้อยย!!
‘ฉันไม่เคยเผาบ้าน ,จี้, ปล้นหรือฆ่าใครตาย! ทำไมคะแนนของฉันถึงติดลบขนาดนี้?!’
[นักเขียนคือพระเจ้า นักเขียนเป็นผู้มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับตัวละคร ตั้งแต่ให้ชีวิต กำหนดลักษณะนิสัย หรือแม้กระทั่งเป็นผู้สร้างโลกที่พวกเขาอาศัย เหล่าตัวเอกที่อาศัยในแต่ละโลกล้วนได้รับพรสวรรค์ที่เหนือกว่าผู้อื่น อย่างไรก็ตามเหล่าตัวเอกก็ไม่ได้มีคุณธรรมและใช้พรสวรรค์ที่ได้ไปในทางที่ดีเสมอไป ตัวประกอบบางส่วนต้องตายเพราะตัวเอกที่ไร้คุณธรรม ความคับแค้นใจของเหล่าตัวประกอบสามารถส่งผลให้โลกเหล่านั้นพังทลายลงได้ ดังนั้นงานของโฮสต์ก็คือ การเข้าไปเป็นตัวประกอบในแต่ละโลก และทำตามความปรารถนาของตัวประกอบตัวนั้นให้สำเร็จ เพื่อลบล้างเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจของพวกเขาให้หมดไป]
‘พูดกันตรงๆก็คือตัวเอกพวกนั้นเป็นคนเลวสินะ!’
“นายยังไม่บอกฉันเลยว่าทำไมค่าศีลธรรมของฉันถึงติดลบตั้งแสนนึงห๊ะ?” นี่ถือเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าเพราะมันเป็นเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการที่เธอจะได้กลับบ้าน
[ เมื่อไหร่ก็ตามที่คะแนนศีลธรรมของโฮสต์ลดลงจนถึง -200,000 โฮสต์จะถูกกำจัดจากระบบทันที ]
‘อะไรนะ?! มีคะแนนขั้นต่ำด้วยหรอ?! นี่นายล้อฉันเล่นใช่ไหมห๊ะ!!’
[เริ่มกระบวนการถ่ายโอนข้อมูล.... ]
‘ทำไมเจ้าระบบนี่ดูเพี้ยนๆ? เฮ้!!! เจ้าระบบนาย จะไม่บอกฉันหน่อยหรอว่าฉันจะได้อะไรถ้าทำภารกิจสำเร็จ? แพ็จเกจสำหรับผู้เริ่มต้นของฉันล่ะอยู่ที่ไหน? นายจะไม่ให้คู่มือฉันหน่อยหรอ? ไหนจะยังมีของช่วยโกงอีกมันอยู่ไหนกันล่ะเนี้ย?’
ฉีเซิงก่นด่าระบบเป็นวรรคเป็นเวร ก่อนที่ทัศนะวิสัยของเธอจะปกคลุมไปด้วยความมืดมิด
“คุณหนูคะ ถึงแล้วค่ะ” น้ำเสียงอันไพเราะของผู้หญิงดังที่ข้างหูของฉีเซิง
ฉีเซิงค่อยๆลืมตาขึ้น เธอพบว่าตัวเธอกำลังนั่งอยู่บนรถ และมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังก้มตัวลงมามองที่เธอ ผ่านประตูรถที่กำลังเปิดอยู่
ณ จุดๆนี้ ฉีเซิงพูดไม่ออก
‘ระบบ....เจ้าบ้านั่น!! ไม่แม้แต่จะอธิบายอะไรเลย แต่กลับโยนเธอเข้ามาในฉาก? คอยดูนะฉันจะเขียนรีวิวแย่ๆ ให้นาย!!
“คุณหนูคะ? รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ?” เมื่อเธอเห็นว่าสีหน้าของฉีเซิงไม่ค่อยดีนัก ความกังวลของหญิงสาวก็เริ่มก่อตัวขึ้น “ตอนนี้งานเลี้ยงยังไม่เริ่ม ไม่ทราบว่าคุณหนูอยากจะนั่งพักในรถอีกสักครู่ไหมคะ?”
“อืม...”
‘ใจเย็น ใจเย็นๆ ตอนนี้ฉันน่าจะอยู่ในร่างของใครสักคน….’
หญิงสาวคนนั้นปิดประตูรถและกลับไปประจำตำแหน่งตรงที่นั่งข้างคนขับ นั่นถือว่าเป็นโอกาสดีที่ฉีเซิงจะได้มีเวลารับข้อมูลเค้าโครงเรื่องและความทรงจำของเจ้าของร่างนี้พอดี
[โฮสต์ต้องการรับข้อมูลเค้าโครงเรื่องและความทรงจำของร่างนี้หรือไม่? ต้องการ/ไม่ต้องการ]
เสียงเย็นเยียบของระบบดังขึ้นในหัวของเธอ ฉีเซิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะตอบกลับ “ต้องการ”
[กำลังเริ่มการถ่ายโอนข้อมูล....]
ทันใดนั้นภาพจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นในหัวของฉีเซิง สมองของเธอหนักตื้อและปวดจนเกินจะทน ราวกับว่ามันถูกแทรกด้วยเศษเหล็ก เธอกัดฟันข่มเสียงร้องของความเจ็บปวดเอาไว้เพื่อไม่ให้คนที่นั่งอยู่ข้างหน้าสังเกตเห็น
เจ้าของร่างนี้ชื่อ ซวีเฉิงเยว่ เธอเกิดในตระกูลที่ร่ำรวยและถูกเอาอกเอาใจจากครอบครัวจนมากเกินพอดี เมื่อเธอเข้ามหาวิทยาลัยเธอได้หมั้นหมายกับหนางกงจิ่ง
อันที่จริงแล้วหากเปรียบเทียบเรื่องของความมั่งคั่งร่ำรวย ตระกูลซวีจะนับว่าเป็นอะไรได้เมื่อถูกนำมาเปรียบเทียบกับตระกูลหนานกง แต่เป็นเพราะสัญญาหมั้นหมายที่คนรุ่นก่อนได้ตกลงกันเอาไว้ ซวีเฉิงเยว่จึงกลายมาเป็นคู่หมั้นของหนานกงจิ่ง อย่างไรก็ตามหนานกงจิ่งไม่ได้รู้สึกรักใคร่ชอบพอคู่หมั้นคนนี้นัก ดังนั้นเขาจึงมักทำตัวเย็นชากับเธอเสมอ
แต่ถึงกระนั้นซวีเฉิงเยว่กลับหลงรักหนานกงจิ่งหัวปักหัวปำ ไม่ว่าเธอจะถูกเขาปฏิเสธสักกี่ครั้งเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอจดจำแม้รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ทุกๆคำพูด สิ่งที่เขาชอบและสิ่งที่เขาไม่ชอบ เมื่อเธอพบเจอกับเขาเธอมักจะเก็บงำความหยิ่งทะนงตามแบบฉบับคุณหนูผู้ร่ำรวยเอาไว้เสมอ ซวีเฉิงเยว่เชื่อว่าสักวันความพยายามของเธอต้องสัมฤทธิ์ผล แต่จนกระทั่งซูอี้อี้ปรากฏตัวขึ้นหนานกงจิ่งก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะรักชอบซวีเฉิงเยว่
คนที่เย็นยาและไร้มนุษย์สัมพันธ์อย่างหนานกงจิ่งกลับกลายเป็นคนอบอุ่นเอาใจใส่สำหรับซูอี้อี้ ซวีเฉิงเยว่ไม่ต้องการที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ เธอจึงแสดงตัวในฐานะคู่หมั้นของหนานกงจิ่งและเตือนให้ซูอี้อี้ออกจากชีวิตของหนานกงจิ่งไปเสีย
เมื่อซูอี้อี้รู้ว่าหนานกงจิ่งมีคู่หมั้นแล้ว เธอจึงทำตัวเหินห่างกับเขา หนานกงจิ่งต้องการถอนหมั้นกับซวีเฉิงเยว่ เมื่อพบว่าสาเหตุที่ซูอี้อี้ตีตัวออกห่างจากเขาเป็นเพราะซวีเฉิงเยว่
แน่นอนว่าซวีเฉิงเยว่ ย่อมไม่ต้องการที่จะถอนหมั้น แต่ไม่ว่าเธอจะขอร้อง ร้องไห้ฟูมฟายหรืออาละวาดสักแค่ไหน หนานกงจิ่งก็ยังคงไม่เปลี่ยนใจที่จะไม่ถอนหมั้นกับเธอ
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ซูอี้อี้ถูกหนานกงจิ่งขอร้องอ้อนวอนจนยอมกลับมาอยู่เคียงข้างเขาอีกครั้ง เมื่อเผชิญหน้ากับการต่อว่าเหยียดหยามของซวีเฉิงเยว่ เธอมักจะยอมรับผิดและทำตัวน่าสงสารไร้เดียงสาราวกับดอกไม้ขาวไร้มลทินอยู่เสมอ เธอพูดทุกครั้งว่าจะไปจากชีวิตของหนานกงจิ่ง ถึงซูอี้อี้จะพูดอย่างนั้นแต่ก็ไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลง แถมทั้งเธอและหนานกงจิ่งกลับแสดงความรักต่อกันอย่างเปิดเผยเพิ่มมากขึ้นไปอีก
เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป ซวีเฉิงเยว่จึงเปิดเผยเรื่องราวของซูอี้อี้กับพ่อแม่ของหนานกงจิ่ง เป็นเรื่องที่เดาได้ไม่ยากว่า พ่อแม่ของหนานกงจิ่งย่อมไม่มีทางสนับสนุนความรักของหนานกงจิ่งและซูอี้อี้ ในเมื่อครอบครัวของซูอี้อี้เป็นแค่ครอบครัวที่มีฐานะธรรมดาๆ
หนานกงจิ่งก็หมดความอดทนกับซวีเฉิงเยว่เช่นกัน ซวีเฉิงเยว่ล้ำเส้นของเขา การที่เธอบอกพ่อแม่ของเขาเรื่องซูอี้อี้ นั่นคือฟางเส้นสุดท้าย เขาจึงเริ่มลงมือกับคนของตระกูลซวี เข้าทำให้ตระกูลซวีต้องล้มละลาย ซ้ำยังข่มขู่ตระกูลอื่นๆจนไม่มีตระกูลไหนกล้าสอดมือเข้ามาช่วยเหลือตระกูลซวี
พ่อแม่ของซวีเฉิงเยว่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทิ้งวิกฤตการณ์ที่ตระกูลซวีกำลังเผชิญอยู่ไว้ให้คุณหนูซวีเฉิงเยว่ผู้ซึ่งถูกบุพการีเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมมาตลอดชีวิต ให้เผชิญชะตากรรมในครั้งนี้ตามลำพัง แล้วการที่คุณหนูอย่างเธอต้องเข้ามาพยุงตระกูลซวีที่กำลังตกต่ำเป็นเรื่องง่ายนักหรือ?
แน่นอน....มันย่อมไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเลย เธอจึงไปอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากหนานกงจิ่ง อย่างไรก็ตามเธอไม่คิดว่าการที่เธอไปพบหนานกงจิ่งในครั้งนี้เธอจะได้พบกับซูอี้อี้ ความโศกเศร้าเสียใจที่ได้รับ ทำให้จิตใจของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอเซไปชนซูอี้อี้เข้าจนซูอี้อี้ตกบันได ไม่มีใครคาดคิดว่าขณะนั้นซูอี้อี้กลับกำลังตั้งท้องลูกของหนานกงจิ่ง การตกบันไดครั้งนี้ส่งผลให้ซูอี้อี้แท้งลูก
ความสัมพันธ์ที่พอจะมีหลงเหลืออยู่บ้างระหว่างตระกูลหนานกงและตระกูลซวีหายวับไปกับตาเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตระกูลซวีล่มสลายด้วยความโกรธแค้นของหนานกงจิ่ง ซวีเฉิงเยว่ต้องตายอย่างอนาถด้วยฝีมือของบรรดาเจ้าหนี้
ในช่วงเวลาของความเป็นความตาย ซวีเฉิงเยว่ก็ระลึกได้ว่าเป็นเพราะว่าเธอหลงรักหนานกงจิ่งโชคชะตาของเธอจึงเป็นเช่นนี้ หากว่าเธอยังมีสติยั้งคิดและหยุดไล่ตามหนานกงจิ่งเมื่อรู้ว่าเขาไม่ได้ชอบเธอ ตระกูลก็คงไม่ต้องล้มละลาย พ่อแม่ของเธอก็อาจจะไม่ต้องตาย และเธอก็คงไม่ต้องเผชิญกับชะตาชีวิตที่แสนบัดซบนี่
หมายเหตุของผู้เขียน:
สำหรับฉีเซิงตัวเอกของนิยายเรื่องนี้ เธอไม่ใช่คนดี เธอเป็นพวกขวางโลก ถ้าเธอไม่ได้ดี คนอื่นก็ต้องล่มจมไปพร้อมกับเธอด้วย และพระเอกนางเอกเรื่องนี้ไม่ใช่คนดีเสมอไป เราเตือนคุณแล้วนะ....