ตอนที่ 141 แค่เหลือบมอง
“ว่าไงนะ?เขาชนะเร็วขนาดนั้น?เขาใช้เวลาแค่สิบวินาทีเองนะ!”
“ใช้เวลาสั้นเช่นนั้น มันหมายความว่าคู่ต่อสู้เขาตกจากเวทีแทบจะทันทีกับที่ขึ้นไป?”
“น่าทึ่งมาก เฟิงหลินผู้นี้มีพลังแค่ไหนกัน?”
‘หากฉันเดาไม่ผิด เขาต้องใช้การสะกดจิตแน่!”
…
การกดขี่ของเฟิงหลินทำให้หลายคนตกใจ
นอกจากนี้ พวกที่ทะเยอทะยานจะเป็นที่หนึ่งต่างถือว่าเฟิงหลินคือศัตรูที่น่าเกรงขาม
การสะกดจิตนี้...เมื่อพวกเขาตกอยู่ภายใต้มัน พวกเขาจะไม่มีทางต่อต้านเลย มันน่ากลัวเกินไป
“เอ๊ะ?ทำไมฉันถึงลงมาที่นี่?”สารเลวน้อยทำหน้าโง่เขลา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นและน้ำตาไหลพรวด
แค่เหลือบมองเท่านั้น?นี่น่าอายเกินไปแล้ว!
เฟิงหลินได้ดินไปไกลขณะส่ายหัว รอให้คู่ต่อสู้คนต่อไปขึน้มา
ผ่านการแข่งนี้ เขาสามารถเห็นถึงพลังของตระกูลเฟิงได้ แม้กระทั่งสารเลวน้อยก็ยังมีพลังชีวิตสูงกว่า3.0 แล้วจ้าวไค อัจฉริยะของสายเขาจะนับเป็นอะไร?จ้าว ไคก็แค่ขยะ
ก่อนหน้านี้ เขาถูกสะกดข่มโดยขยะอย่างจ้าวไคมาตลอด
ตอนนี้เมื่อเฟิงหลินคิดถึงมัน เขาก็พูดไม่ออกกับความอ่อนแอของตัวเอง
“เฟิงหลิน ทำได้ดีมาก!”เฟิงหลางเดินมา
อย่างน้อยเฟิงหลางก็ถือว่าเป็นเพื่อนเขาในตระกูลนี้ ดังนั้น เฟิงหลินจึงพยักหน้าตอบ
“เฟิงหลิน ยังจำข้อตกลงระดับหว่าเราตอนนั้นได้ไหม?ช่วงนี้ หัวหน้าพ่อบ้านยังคงกดดันครอบครัวนาย อยากลงโทษพวกเขา ฉันคือคนที่ช่วยไล่เขาไป ตอนนี้ความปราถนานายลุล่วงแล้ว ไม่ใช่ว่ามันถึงเวลาเติมเต็มข้อตกลงเรา?ต่อไป ฉันหวังว่านายจะช่วยฉันจัดการกับ..”เมื่อเห็นเฟิงหลินแข็งแกร่งขึ้น เขาก็รีบพูด
“ไม่ต้องพูดอีกแล้ว”เฟิงหลินยื่นมือไปหยุด บอกให้เฟิงหลางหยุดพูด
“นายจะกลับคำ?”สีหน้าเฟิงหลางมืดหม่น เปลี่ยนเป็นไม่น่ามอง
“ฉันไปทำแบบนั้นตอนไหน?”เฟิงหลินเหลือบมอง“ไม่จำเป็นต้องบอกชื่อ ในเมื่อฉันเข้าร่วมการแข่งแล้ว ตราบเท่าที่คนเหล่านั้นเจอฉัน ฉันจะบดขยี้ให้หมด ดังนั้ นนายไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรือบอกชื่อกับฉัน”
ปากของเฟิงหลางเปิดกว้าง เขาไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้
นี่ไม่อวดดีเกินไป?น้ำเสียงเขาฟังราวกับไม่มีใครในตระกูลเฟิงอยู่ในสายตาเขาเลย
เฟิงหลางอยากพูดตต่อ แต่เมื่อเห็นสายตาของเฟิงหลิน เขาก็หยุดพูด
มันดูเหมือนเฟิงหลินจะไม่ได้พูดเล่น
เฟิงหลางอดกรีดร้องในใจไม่ได้
เฟิงหลินคือของจริง
พลังของเฟิงหลินถึงระดับไหนแล้ว?
เฟิงหลินไม่สนใจสีหน้าตกใจของเขา เขาเดินต่อไปหาพ่อแม่เขา
“เฟิงหลิน?”พ่อแม่เขาพูดอย่างลังเล
พวกเขาไม่กล้าเชื่อว่าชายหนุ่มที่แสดงพลังอันยิ่งใหญ่ต่อหน้าทั้งตระกูลจะเป็นลูกชายคนโตของพวกเขาที่ไม่เคยแสดงพรสวรรค์สักเสี้ยวเดียวตั้งแต่เด็ก ตอนนี้พวกเขาทั้งมึนงงและสับสน
“พี่!”มีเพียงเฟิงเฉิงและเฟิงซิน น้องชายและน้องสาวเขาที่ทักทายด้วยท่าทางเริงร่า ใบหน้าทั้งสองเต็มไปด้วยความภูมิใจขณะวิ่งใส่อ้อมกอดของเฟิงหลิน
เฟิงหลินลูบหัวทั้งสอง เมื่อเห็นพ่อแม่ไม่กล้าเข้ามาทักทายเขา เขาก็อดถอนหายใจไม่ได้
ในชีวิตนี้ พ่อแม่เป็นแค่คนธรรมดา พวกเขาไม่มีความทะเยอทะยานเลย ไม่งั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่ทำอะไรตอนถูกผลักไสไปยังชั้นล่างสุดของตระกูล แต่นอกจากการถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่าควรทำยังไง
ความหวังของพวกเขาคือการให้ลูกตัวเองฝึกหนักและปลุกยีนในตำนานขึ้น ได้รับความสนใจของตระกูล
ตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขาไม่เคยคิดกบฏ หรือต่อต้านกฏอันโหดร้ายของตระกูลเลย
โดยธรรมชาติ การไม่ทำคือสิ่งหนึ่ง แต่การคิดเป็นอีกเรื่อง
การเติบโตของเฟิงหลินสูงล้ำเกินไป นี่ทำให้มันยากจะยอมรับได้
“พ่อ แม่!’เฟิงหลินริเริ่มทักทาย ร่างที่ตึงเครียดของพ่อแม่เขาจึงผ่อนคลายลงขณะแย้มยิ้ม ยืนยันว่านี่คือลูกชายพวกเขาจริงๆ
เฟิงหลินถอนหายใจ ตอนนี้เขาสามารถรู้สึกได้ถึงอุปสรรคไร้รูปร่างระหว่างเขาและครอบครัวเขา
นอกจากนี้ เมื่อเขายังคงบ่มเพาะ ความรู้สึกเหินห่างนี้จะยิ่งขยายใหญ่จนถึงจุดที่พวกเขาไม่อาจอยู่ร่วมกันได้อีก
การบ่มเพาะคือเส้นทางที่ทำให้กลายเป็นเทพ
มันง่ายสำหรับคนๆหนึ่งที่จะหลุดพ้น แต่ยากสำหรับสิ่งมีชีวิตมากมาย!
เมื่อพลังชีวิตของเฟิงหลินถึงระดับที่สูงขึ้น อายุขัยเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เขากลายเป็นสิ่งที่แตกต่างจากมนุษย์ธรรมดาและความแตกต่างก็เทียบได้กับมังกรที่บินข้ามสวรรค์ทั้งเก้าชั้นและงูที่เลื้อยบนพื้น
นี่คือเหตุผลที่ทำไมการบ่มเพาะถึงถูกกำหนดให้เป็นเส้นทางแสนโดดเดี่ยวและโหดร้าย เฉพาะผู้ที่อารมณ์มั่นคงและไม่รู้สึกเสียใจถึงเดินบนเส้นทางนี้ได้จนจบ
อนาคตอาจถูกทำลายแล้ว แต่เฟิงหลินไม่รู้สึกเสียใจ
เพราะนี่คือสิ่งที่เขาเลือก ต่อให้เขาต้องตายเก้าครั้ง เขาก็จะไม่รู้สึกเสียใจ
ตอนนี้ สายตาเย็นชาจำนวนมากจ้องมาที่ครอบครัวของเฟิงหลิน ทำให้พวกเขาแสดงสีหน้าแปลกๆ
พวกเขาไม่รู้ว่าคนที่ทรงพลังอย่างเฟิงหลินปรากฏในตระกูลพวกเขาตอนไหน
ตอนนี้ พลังชีวิตของมนุษย์แข็งแกร่งกว่าสมัยโบราณ และความคิดพวกเขาก็ชัดเจนขึ้น ไม่มีใครโง่
พวกเขาสามารถเดาได้ทันทีว่ามีความลับในร่างกายเฟิงหลิน ความลับที่ยิ่งใหญ่!
ความลับนั้นใหญ่แค่ไหน ไม่มีใครรู้!
อวกาศนั้นกว้างใหญ่มาก มีสมบัติล้ำค่าทุกประเภท และคนนับไม่ถ้วนก็สามารถได้รับหากโชคดีพอ
สำหรับผู้ที่จะกลายเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาว ใครบ้างที่ไม่มีความลับ?
เว้นแต่ความลับจะเปิดเผย และมันมีค่าพอจะล่อใจผู้คน โดยปกติ ไม่มีใครอยากลงมืออย่างประมาท
“รอบต่อไป บนเวที18 เฟิงหลินปะทะเฟิงเถา!”เสียงหุ่นยนต์ของปัญญาประดิษฐ์ดังขึ้น
หลังผ่านไปนาน เฟิงหลินก็ถูกจับคู่อีกครั้ง
“ผมไปก่อนนะ”เฟิงหลินพยักหน้าให้พ่อแม่เขาและวิ่งขึ้นเวที
“ระวังตัวด้วยละ!”พ่อแม่เขายืนด้านหลังเขา หัวใจเต็มไปด้วยความกังวล
เฟิงหลินยิ้มและพยักหน้า บอกพวกเขาให้อย่ากังวล เขาไม่รู้สึกว่าต้องระวังอะไรเลย
มันไม่ใช่ว่าเขาอวดดี มันแค่ว่าการเดินทางของเขาเต็มไปด้วยอันตรายมากมมาย สถานการณ์ที่เขาผ่านมานั้นยากลำบากมาก
สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแป็นค่าประสบการณ์อันล้ำค่า ช่วยเขามาถึงจุดที่มนุษย์ธรรมดายากจะวาดฝัน
สำหรับเขา พวกที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะในตระกูลเขาไม่ใช่อะไรนอกจากดอกไม้งามที่โตในสวน
สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือจัดการกับความวุ่นวายด้วการแสดงพลังและรีบจัดการปัญหาในตระกูลเขา รวมถึงสถานการณ์ของครรอบครัวเขา ต่อไป เขาจะทำให้ดีสุดและสอบเข้ามหาวิทยาลัย
เฟิงหลินชัดเจนว่าเส้นทางในอนาคตเขาวางอยู่ในท้องฟ้าไร้ขอบเขต
เขารู้สึกใจร้อนและไม่เต็มใจรออีก
คู่ต่อสู้คนที่สองรู้ว่าเฟิงหลินแข็งแกร่งแค่ไหนและไม่กล้ายั่วยุเขาด้วยคำพูด ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความระวังตัว
“หมัดเงาแสง!”เขาปล่อยหมัดสองข้าว สำแดงวิชายุทธ์ยีนขณะที่ร่างเขาเปล่งแสง อยากทำให้ตาของเฟิงหลินพร่ามัว
เงาของเขาพุ่งมา และจากภายในแสงสีขาว มเงาทั้งหมดสิบร่างที่ดูคล้ายกับร่างจริงกำลังวิ่งมาจากทุกทิศทาง
การประลองเพิ่งเริ่มและเขาก็ตัดสินใจทุ่มสุดตัว อยากล้มเฟิงหลิน
เฟิงหลินยืนนิ่ง มองดูอย่างสงบ
นี่เป็นความคิดที่ดี แต่มันยังไร้ประโยชน์
พลังงานจิตเขากวาดออกมาและสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานลวงตาจากเงาร่างอื่น ไม่ว่าจะมีร่างแยกแค่ไหน มันก็มีร่างจริงแค่หนึ่งเดียว
สายตาเฟิงหลินดำดิ่ง คล้ายกับกระแสน้ำวนมืดมิดที่สามารถกลืนแสงทั้งหมด ระลอกจิตเปลี่ยนเป็นบางสิ่งที่โถมไปข้างหน้า ทำลายร่างลวงทั้งหมด
“ลงไป!”เฟิงหลินคำราม
คูต่อสู้มีสีหน้าโง่งม ถูกสะกดจิตโดยเฟิงหลินและเดินลงไปโดยไม่มีการต่อต้าน
นี่เท่ากับการยอมรับความพ่ายแพ้
“เฟิงหลิน ชนะ เวลาที่ใช้:15วินาที”
แค่เหลือบมองอีกแล้ว!