ตอนที่แล้วGE439 สังหารลู่เจี่ยเฟิน [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE441 วิชาปรุงโอสถปีศาจ ศิลาฟื้นฟู [ฟรี]

GE440 ยกระดับหนึ่งในสี่ส่วน [ฟรี]


การรุมจู่โจมของขุมกำลังทั้ง 4 และการปรากฏตัวของราชาสุสานบุบผา สามารถทำให้เผ่าหกปีกล่มสลายได้

แต่เมื่อ 3 ขุมกำลังใหญ่จากไป หนิงฝานกลับต้องทำให้เผ่าหกปีกตกตะลึงอีกครั้ง เพราะเขาสังหารลู่เจี่ยเฟินได้ในพริบตา!

นั่นหมายความว่า ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา... การที่ลู่เจี่ยเฟินผสานกับทาสจนทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลง คือฝันร้ายของเผ่าหกปีก

ลู่เจี่ยเฟินทรงพลังมากพอที่จะทำให้คนของเผ่าหกปีกหวาดกลัว แม้เป็นเฉวียนยี่ยังกริ่งเกรงในความแข็งแกร่งของมัน

แต่ถึงมันจะทรงพลังขนาดไหน ก็ยังถูกหนิงฝานสังหารตายในพริบตา

“วิชานั่นมันวิชากายอะไรกันแน่? แค่มังกรตัวเดียวก็ทรงพลังมากพอที่จะทำให้ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นบาดเจ็บสาหัส แต่เมื่อเป็นมังกรคู่ ผู้ที่โดนเข้าไปย่อมไม่มีทางรอด!”

“น่ากลัวจริงๆ… ท่านหมิงยังไม่บรรลุกายทองคำแน่เหรอ? วิชากายระดับไร้ดัดแปลงแบบนั้น มีเพียงผู้ที่บรรลุกายทองคำเท่านั้นที่ใช้ได้ หมัดที่ท่านหมิงใช้เมื่อครู่ ไม่มีแสงสีทองประกาย… แต่ยังไงซะ ข้าว่าท่านหมิงต้องบรรลุขอบเขตกายทองคำอย่างแน่นอน!”

“ไม่… ท่านหมิงยังไม่บรรลุขอบเขตกายทองคำ แต่อานุภาพของหมัดที่แสดง ทรงพลังกว่าขอบเขตกายทองคำทั่วไป!”

“เจ้าหมายความว่า ท่านหมิงแข็งแกร่งเทียบเท่าขอบเขตกายทองคำ! ท่านแข็งแกร่งมาก หลังจากจบสงครามนี้ ท่านจะมีทาสไร้ดัดแปลง 4 ตน มีท่านเยว่หลิงคงข้างกาย… แบบนี้แล้วใครจะกล้ายั่วยุ!”

“อืม… มิน่าผู้อาวุโสใหญ่ถึงได้หวั่นเกรง ท่านหมิงแค่อยากยืมใช้ศิลาฟื้นฟู แต่พวกเรากลับคิดจะทำร้าย… นับว่าเราทำผิดพลาดร้ายแรง”

เสียงพูดคุย อุทานดังไปทั่วทั้งเผ่าหกปีก เพราะพวกมันตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของหนิงฝาน

ผู้อาวุโสของเผ่าหกปีกที่เหลือเพียงดวงจิต เฝ้ามองหนิงฝานพลางยิ้มอย่างขมขื่น

ในอดีตมันเคยยั่วยุหนิงฝานจนร่างกายถูกทำลาย เหลือเพียงดวงจิตที่ผู้อาวุโสใหญ่นำกลับมายังเผ่า

มันเคยคิดว่าแม้หนิงฝานจะทรงพลัง แต่ก็น่าจะแข็งแกร่งกว่ามันไม่มาก แต่กลายเป็นว่า หนิงฝานแข็งแกร่งกว่ามันอย่างเทียบไม่ติด

เฟินซื่อที่นั่งอยู่บนไหล่ของหนิงฝานเองก็ตกตะลึง

นางคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะทรงพลังขนาดนี้ ต่อให้เป็นยามที่ผู้อาวุโสใหญ่แข็งแกร่งเต็มที่ ก็ยังไม่อาจสังหารลู่เจี่ยเฟินได้ในพริบตาเช่นนั้น… พลังของหนิงฝานเมื่อครู่ เกือบจะเทียบเคียงขอบไร้ดัดแปลงขั้นกลาง

“ท่านหมิง… ทรงพลังมาก...” เฟินซื่อที่เย่อหยิ่ง ไม่เห็นบุรุษใดในสายตา กลับรู้สึกนับถือหนิงฝานจากใจ

หลังจากที่หนิงฝานดูดซับปราณปีศาจจากอนุสรณ์ปีศาจ เฟินซื่อกลับสัมผัสได้ถึงบางสิ่งในตัวหนิงฝาน ราวกับความรู้สึกของหนิงฝานสื่อถึงนางได้ เพียงแต่การสื่อความรู้สึกไม่ได้มาจากใจ แต่มาจากสายเลือด

และความรู้สึกที่นางสื่อได้นั้น เป็นความรู้สึกที่ผู้เป็นบ่าวอย่างนาง ยกย่องนับถือผู้เป็นนายอย่างหนิงฝาน

เฉวียนยี่ยืนนิ่งราวกับขบคิดบางสิ่ง ในอดีตที่ตนได้ประลองกับหนิงฝาน 1 กระบวนท่า ครั้งนั้นหนิงฝานทรงพลังกว่าตนเล็กน้อย แต่ยามนี้เขากลับก้าวหน้าไปมาก

ชายชราไม่คิดว่าหนิงฝานจะแข็งแกร่งมากพอที่จะสังหารขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นได้ แต่สิ่งที่เขาแสดงออกมาบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า เขาสามารถสังหารชายชราได้ในพริบตาเช่นเดียวกัน

“คาดไม่ถึงว่าท่านหมิงจะทรงพลังขนาดนี้ แบบนี้แล้ว… ใครจะกล้าขัดขวางไม่ให้เขายืมใช้ศิลาฟื้นฟู ยามนี้เผ่าของข้าประสบกับภัยพิบัติร้ายแรง ผู้คนบาดเจ็บล้มตายไปมาก ดังนั้น เราไม่ควรยั่วยุท่านหมิง เพราะหากไม่ได้ท่านหมิงช่วย เผ่าของข้าคงถูกทำลายไปแล้ว… ถึงวันนี้สามขุมกำลังนั่นจะจากไป แต่ในอนาคตต้องระวังให้มากกว่านี้ จะยั่วยุท่านหมิงไม่ได้เด็ดขาด บางที… ชื่อเสียงของท่านหมิงอาจจะทำให้เผ่าของข้าปลอดภัย *กระอัก*” เฉวียนยี่ที่กล่าวกับตนเองอยู่นั้น จู่ๆกลับกระอักโลหิตอย่างรุนแรง แม้การเผ่าโลหิตจะสะกดอาการบาดเจ็บไว้ได้ แต่ก็ได้แค่เพียงชั่วคราว เมื่อการเผาโลหิตหมดฤทธิ์ อาการบาดเจ็บจึงหวนคืน ระดับพลังลดลงเหลือเพียงขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลงเท่านั้น

ไม่รู้ว่าในอนาคตชายชราจะกลับมายังขอบเขตไร้ดัดแปลงได้อีกหรือเปล่า

“ผู้อาวุโสใหญ่! ท่านหมิง… ได้โปรดช่วยผู้อาวุโสใหญ่ด้วย!” ดวงจิตน้อยๆของเฟินซื่อนั่งคุกเข่าอ้อนวอนอยู่บนไหล่ของหนิงฝาน

“วางใจเถอะ เฉวียนยี่ยังเป็นประโยชน์กับข้า ข้าไม่ปล่อยให้มันตายหรอก”

หนิงฝานชำเลืองมองเฟินซื่อ แต่เมื่อเห็นนาง เขากลับรู้สึกแปลกๆ

หลังจากเขาดูดซับปราณปีศาจจากอนุสรณ์ปีศาจเข้าไป เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่สื่อถึงกันได้ระหว่างนายและบ่าวจากตัวนาง

หนิงฝานนำโอสถผันแปรที่ 5 ออกมาหนึ่งเม็ด แล้วส่งให้เฉวียนยี่

โอสถที่หนิงฝานมอบให้ สามารถสะกดอาการบาดเจ็บของชายชราได้ แม้จะไม่ฟื้นฟูพลัง แต่อย่างน้อยก็รักษาชีวิตได้

ชายชรานิ่งเงียบราวกับลังเล แต่จู่ๆกลับเงยหน้า ป้องมือพลางกล่าวกับหนิงฝาน

“วันนี้เผ่าหกปีกของข้าต้องเผชิญกับภัยพิบัติร้ายแรง หากไม่ได้ท่านหมิงช่วย เผ่าของข้าคงถูกทำลาย บุณคุญของท่านยิ่งใหญ่ราวกับขุนเขา… หากท่านมีสิ่งใดที่ต้องการ ได้โปรดบอกกล่าวมาได้ หากไม่เกินกำลังของพวกข้า พวกข้าจะทำให้สำเร็จลุล่วง!”

เมื่อสิ้นเสียชายชรา คนในเผ่านิ่งเงียบไม่กล่าวคำ หากผู้ใดยังมีสมองอยู่ ย่อมรู้ว่าเฉวียนยี่กำลังขอร้องให้หนิงฝานเป็นนายของเผ่า

แต่นั่นก็ไม่ได้เกินความหมายของหนิงฝาน เพราะเผ่าหกปีกในยามนี้เสียหายร้ายแรง ระดับพลังของผู้อาวุโสใหญ่ลดลงเหลือเพียงขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง หากไม่มีผู้ที่ทรงพลังกว่าปกป้อง ย่อมไม่อาจต้านทานการจู่โจมของเผ่าปีศาจอีก 3 เผ่าที่เหลือได้

ดังนั้นเฉวียนยี่จึงมีตัวเลือกเพียง 2 ทาง นั่นคือ 1 ขอให้หนิงฝานมาเป็นนายของเผ่า และ 2 คือขอหยิบยืมชื่อเสียงของหนิงฝานมาใช้เป็นเกราะกำบังกาย

แต่สิ่งที่จะได้ผลดียิ่งกว่าคือการขอให้เป็นนาย เพราะยังไงซะ ตัวตนในฐานะผู้เป็นนายย่อมดีกว่าชื่อเสียงที่เป็นเพียงคำกล่าว

แต่สุดท้ายหนิงฝานก็ปฏิเสธพวกมัน

“ฮ่าฮ่า… สหายเต๋ากล่าวเกินไปแล้ว ที่ข้ามาก็แค่เพราะอยากหยิบยืมศิลาฟื้นฟู จึงได้ช่วยเผ่าของท่านไปเท่านั้น… บุณคุญที่ท่านกล่าวจึงไม่นับเป็นอันใด และข้าเองก็ไม่ได้อยากออกคำสั่งกับเผ่าของท่านด้วย” หนิงฝานป้องมือพลางกล่าว

สำหรับหนิงฝานแล้ว เผ่าหกปีกในยามนี้ไม่อาจใช้ประโยชน์อันใดได้ หากรับไว้ก็จะมีแต่นำปัญหามาสู่ตน อย่างน้อยก็เผ่าเนตรปีศาจ และเผ่าเขาคู่ที่หมายตาทำลายพวกมัน

เขาไม่ได้อยากจะหาเรื่องใส่ตัว จึงไม่ยอมรับในคำขอของเฉวียนยี่

เฉวียนยี่ทำได้เพียงยิ้มอย่างไร้หนทาง ไม่แปลกที่หนิงฝานจะปฏิเสธ เพราะยามที่พวกมันทรงพลัง พวกมันก็คิดเป็นศัตรูกับเขา แต่เมื่อยามที่อ่อนแอ กลับพยายามโน้มน้าวให้เขามาเป็นมิตร… แบบนั้นแล้วใครกันจะยอมรับ?

“สหายเต๋าอย่าเพิ่งใจร้อนปฏิเสธไป… ยามนี้ข้าขอเวลาให้เผ่าของข้าได้ฟื้นฟูสักเล็กน้อย แล้วข้าจะเปิดใช้ศิลารักษาให้ อีกอย่าง ข้าก็มีความลับบางอย่างที่จะทำให้สหายเต๋าสนใจ ความลับที่ข้ามีจะทำให้ร่างกายของสหายเต๋ายกระดับได้มาก เมื่อถึงยามนั้น สหายเต๋าอาจจะเปลี่ยนใจที่จะรับเผ่าของข้าไว้”

“ความลับของท่านจะทำให้ร่างกายของข้าทรงพลังขึ้น? หากเป็นจริงอย่างท่านว่า ข้าก็ชักเริ่มจะสนใจขึ้นมาแล้ว แต่ถึงความลับของท่านจะเป็นประโยชน์กับข้ามาก ข้าก็ไม่อาจรับเผ่าของท่านไว้ในปกครองได้อยู่ดี… ตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่าคือศิลาฟื้นฟู นานเท่าไหร่กว่ามันจะใช้งานได้?”

“การจะใช้งานศิลาฟื้นฟูนั้นต้องเตรียมการหลายสิ่ง ยิ่งยามนี้เผ่าของข้าเพิ่งเผชิญภัยพิบัติ ข่ายอาคมบางส่วนถูกทำลาย อย่างน้อยๆต้องใช้เวลาครึ่งเดือนในการเตรียมการ”

“เช่นนั้นข้าจะรอ” หนิงฝานพยักหน้า ในช่วงนี้ เขาจะอยู่ในเผ่าหกปีกก่อน

ผู้ที่ตายต้องได้รับการทำพิธี ข่ายอาคมต้องสร้างใหม่ หลายๆสิ่งในเผ่าต้องจัดการ เฉวียนยี่เองก็ต้องพักรักษาตัว แต่ในระหว่างนั้น ชายชราได้สั่งให้เฟินซื่อที่เหลือเพียงดวงจิต คอยดูแลหนิงฝาน

นางนำหนิงฝานไปยังสถานที่พักแห่งหนึ่ง เฝ้ารอคอยจัดหาสิ่งที่เขาต้องการ แต่เขาเองก็ไม่ได้ร้องขออะไร เขาให้ทุกคนแยกย้ายไปรักษาตัว ส่วนเขาก็วางข่ายอาคมภายในที่อยู่เอาไว้ แล้วเริ่มดูสิ่งที่ได้มาจากการต่อสู้

หนิงฝานให้หลิงคงและศพนางสวรรค์รออยู่ในห้อง ส่วนเขาก็เข้าสู่โลกหยิน

หนิงฝานไม่ได้สังหารผู้ใดมากนัก สิ่งที่ได้จากการต่อสู้จึงมีไม่มาก

สิ่งที่ทำให้หนิงฝานสนใจมีเพียงอักษรที่สลักอยู่บนอนุสรณ์ปีศาจ และปราณปีศาจที่เขาดูดซับเข้าสู่รอยสักปีศาจ

เดิมทีอักษรเหล่านั้นถูกอำพรางด้วยภาพลวงตา มีเพียงหนิงฝานที่ครอบครองโลหิตของโม๋หลัวเท่านั้นที่มองออก

อักษรที่สลักอยู่บนอนุสรณ์ปีศาจนั้น เรียกว่า ‘อักษรกู่ถัว’ ตำนานกล่าวขานว่า กู่ถัวคือจักรพรรดิปีศาจโบราณผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาปีศาจทุกตน

อักษรเหล่านี้แพร่ไปยังเผ่าปีศาจมากมาย แต่ถึงแม้หนิงฝานไม่ใช่ปีศาจ เขาก็พอจะรู้จักอักษรเหล่านั้นอยู่บ้าง ซึ่งเนื้อหาที่สลักอยู่นั้น มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับโลหิตของโม๋หลัวอยู่ด้วย ดังนั้นหากเขาเข้าใจอักษรเหล่านี้ทั้งหมด อาจจะพบวิธีดูดซับโลหิตของโม๋หลัวก็ได้

นอกจากนี้ ในอักษรที่สลักไว้ยังมีการกล่าวถึง 4 เผ่าปีศาจที่เป็นทาสของโม๋หลัว

ครั้งหนึ่งโม๋หลัวเคยสลักตราประทับปีศาจเพื่อทำให้ตระกูลทั้ง 4 เป็นทาส ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใด ยุคสมัยใด เผ่าปีศาจทั้ง 4 ก็จะยังเป็นทาสของโม๋หลัวอยู่เสมอ

สำหรับเผ่าหกปีกแล้ว พวกมันไม่เป็นประโยชน์กับหนิงฝาน หากเขาหาวิธีทำลายตราประทับทาสของโม๋หลัวได้ เขาน่าจะช่วยคลายตราประทับให้กับเผ่าปีศาจยักษ์ได้ เพราะเผ่าปีศาจยักษ์มีความเกี่ยวพันบางอย่างกับเขา

หากจะทำความเข้าใจกับอักษรที่สลักเหล่านั้น หนิงฝานต้องไปยังแหล่งรวบรวมตำราของเผ่าหกปีกเพื่อศึกษาเพิ่มเติม

ปราณปีศาจที่หนิงฝานได้มา หากสามารถดูดซับเป็นปราณของตนได้ เขาจะได้ปราณจำนวนมหาศาล ซึ่งมากพอให้ทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลง แต่น่าเสียดายที่ปราณปีศาจเหล่านั้นไม่อาจเปลี่ยนให้เป็นปราณของตนได้ เพราะถูกรอยสักดูดซับไปหมด

ปราณปีศาจที่ถูกดูดซับเข้าไปนั้น ค่อยๆยกระดับรอยสักปีศาจอย่างช้าๆ หากหนิงฝานสัมผัสไม่ผิด อีกไม่นานรอยสักปีศาจของเขาจะยกระดับ เมื่อถึงยามนั้น เขาสมควรบรรลุขอบกายทองคำได้ไม่ยาก!

ขอบเขตกายทองคำทรงพลังเทียบเท่าขอบเขตไร้ดัดแปลง ซึ่งความแข็งแกร่งระดับนี้ จัดว่าอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของโลกพิรุณ

“ดูดซับ!”

หนิงฝานกระตุ้นรอยสักปีศาจให้ดูดซับปราณปีศาจเร็วขึ้น

การดูดซับดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง รอยสักปีศาจลุกโหมด้วยเปลวเพลิงสีดำจากการดูดซับ

ปราณปีศาจจำนวนมหาศาลทำให้หนิงฝานสัมผัสได้ว่าร่างกายของเขาทรงพลังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และใกล้ขอบเขตกายทองคำเข้าไปทุกที

เมื่อเวลาผ่านไป รอยสักปีศาจของปีศาจก็ค่อยๆเปลี่ยนไปตามปราณปีศาจที่ดูดซับเข้ามา จากเดิมเป็นรูปภูเขา ยามนี้เปลี่ยนเป็นรูปหกปีกที่แผ่นหลัง

เพียงแต่มีสิ่งหนึ่งที่หนิงฝานประหลาดใจ นั่นคือปราณปีศาจที่มากพอจะเปลี่ยนเป็นปราณ 1 ล้านเกราะ กลับทำให้รอยสักปีศาจของเขายกระดับเพียง 1 ใน 4 ของขั้นเท่านั้น!

หากจะยกระดับจากขั้นที่เป็นอยู่ไปอีกขั้นต่อไป หนิงฝานต้องดูดซับปราณปีศาจในระดับนี้อีก 3 ครั้ง!

เขาคาดไม่ถึงว่าการยกระดับรอยสักปีศาจจะยากขนาดนี้ แต่เมื่อหนิงฝานลองกำลังของตน เขากลับต้องตกตะลึง!

แม้ว่ารอยสักปีศาจของเขายกระดับเพียง 1 ใน 4 ส่วน แต่พลังหมัดของเขาเมื่อครู่กลับทรงพลังยิ่งกว่าขอบเขตกายทองคำทั่วไป

*ฟู่ว~*

หนิงฝานพ่นลมหายใจ แม้ว่ารอยสักปีศาจจะไม่ยกระดับ แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มพูนไม่น้อย

หากจะเทียบแล้ว แค่เขาชกหมัดธรรมดาโดยไม่ใช้วิชาใด ก็ทำให้เฉวียนยี่บาดเจ็บสาหัสได้แล้ว

ผ่านไป 3 วัน หนิงฝานกลับออกมาจากโลกหยิน เขาพูดคุยกับเยว่หลิงคงและศพนางสวรรค์เล็กน้อย ก่อนจะไปหาเฟินซื่อ เพื่อให้นางหาตำราที่เกี่ยวข้องกับเผ่าปีศาจยักษ์มาให้

เมื่อได้รับคำสั่งนางก็เร่งรายงานเฉวียนยี่ ชายชรากล่าวกับนางว่า หากหนิงฝานต้องการสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นวิชาหรือตำรา ก็ให้เขาคัดลอกไปได้ตามใจ

เมื่อตกดึก หนิงฝานจึงไปยังหอตำราของเผ่าหกปีก คืนแผ่นหยกของวิชาธนูดับดาราให้ แล้วคัดลอกตำราทั้งหมดในหอนำกลับไปศึกษายังที่พัก

เผ่าหกปีกคือเผ่าปีศาจที่มีวิชากายสืบทอดทางสายเลือด นอกจากนี้ยังมีจารึกโบราณเกี่ยวกับรอยสักปีศาจ วิชาเทพ และวิชาปีศาจล้ำค่าอีกมากมาย

แม้วิชาเหล่านั้นหนิงฝานไม่อาจฝึกฝนได้ แต่เขาก็อยากจะเก็บมันไว้

สิ่งที่หนิงฝานสนใจที่สุดในยามนี้ตัวอักษรของกู่ถัว

เขาทำความเข้าใจอักษรกู่ถัวจากตำราที่ได้มา และเขาก็เข้าใจส่วนที่เป็นพื้นฐานทั้งหมดได้ภายในหนึ่งคืน

ดังนั้นหนิงฝานจึงนำแผ่นหยกที่คัดลอกข้อความของจากอนุสรณ์ปีศาจออกมา แล้วพยายามแปลอักษรเหล่านั้น

“‘วิชากลั่นโลหิตโบราณ’ เป็นวิชาลับที่ใช้กับโลหิตของเผ่าปีศาจโบราณ... ปีศาจโบราณนับหมื่นที่เกิดมาจะมีอักษรประจำตัว วิชากลั่นโลหิตจะทำให้อักษรของปีศาจเหล่านั้นทรงพลังขึ้น ยิ่งอักษรทรงพลังก็ยิ่งกลั่นโลหิตได้ดีและทำให้ร่างกายทรงพลังยิ่งขึ้นเช่นกัน แต่ในหมู่ปีศาจนับหมื่น มีปีศาจอยู่ 9 ตนที่ถือครองอักษรที่ทรงพลังที่สุด 9 ตัว ทำให้พวกมันกลายเป็นปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด”

“วิชาที่บันทึกอยู่ในอนุสรณ์ เกี่ยวข้องกับโลหิตของโม๋หลัว เพียงแต่ในอนุสรณ์ปีศาจนี้มีบันทึกไว้เพียง 1 ใน 4 ส่วน หากจะรวบรวมให้ครบ ต้องหาอนุสรณ์ปีศาจอีก 3 ชิ้นให้พบ”

“หากได้วิชาที่สมบูรณ์ ข้าก็จะสามารถสร้างอักษรปีศาจของโม๋หลัว และใช้อักษรปีศาจนั่นกลั่นโลหิตของมันได้ แต่การยกระดับร่างกายต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากวันใดที่กลั่นโลหิตและสร้างโลหิตปีศาจเป็นของตัวเองได้มากพอ ข้าจะแข็งแกร่งทัดเทียมปีศาจโบราณที่ยิ่งใหญ่!”

“อักษรปีศาจโม๋หลัว!”

โลหิต และ อักษรปีศาจ คือความสามารถที่ทรงพลังของเผ่าปีศาจโบราณ

โลหิตคือสิ่งที่เหนือล้ำยิ่งกว่าวิชากายที่สืบทอดทางสายเลือด ส่วนอักษรปีศาจก็เป็นสิ่งที่ยกระดับให้โลหิตทรงพลังยิ่งขึ้น

หากหนิงฝานสร้างอักษรปีศาจโม๋หลัวขึ้นมาได้ วันหนึ่งเขาอาจต่อกรกับโม๋หลัวได้ด้วยร่างกายที่ทรงพลัง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด