บทที่ 171 แผดเผาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวให้เป็นจุล
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ !"
แน่นอนว่าเจียงอี้ยังไม่ตาย เขาไม่ได้ถูกเพลิงโลกาเผา เขายังอยู่ดีเมื่อเขาจมลงไปในลาวา ตอนนี้เขาร่าเริงและหัวเราะเสียงดังอยู่ในใจเพราะเพลิงโลกาด้านในลาวากำลังพุ่งพล่านเข้ามาที่เขาอย่างทันที ทันใดนั้นมันก็ถูกดูดกลืนโดยไข่มุกวิญญาณเพลิง ในช่วงเวลาสั้นๆเพลิงโลกาทั้งหมดในลาวาที่อยู่รอบๆถูกดูดซับไป และเมื่อลาวาเหลวสูญเสียเพลิงโลกาไป มันก็เริ่มแข็งตัว
"ฟึ่บ!"
เจียงอี้เริ่มว่ายไปรอบๆลาวาและดูดซับเพลิงโลกาอย่างต่อเนื่อง เพลิงโลกาที่อยู่ในไข่มุกวิญญาณเพลิงนั้นถูกเก็บเข้ามาเพิ่มประมาณสิบห้าเมตรอย่างรวดเร็ว เมื่อเพลิงโลกาเข้าไปอยู่ในไข่มุกวิญญาณเพลิงแล้วมันก็ดูน่าเอ็นดูมาก ดูเหมือนว่าหลังจากเพลิงโลกาที่รุนแรงเหล่านี้ถูกดูดซับเข้ามาแล้ว มันดูกลายเป็นเปลวไฟเล็กๆที่อ่อนโยนและน่ารักมาก
ทุกที่ที่เขาว่ายวนไปรอบๆ เพลิงโลกาจะถูกดูดซับ ลาวาจะหยุดไหลก่อนที่จะมันแข็งตัว ฉากนั้นดูแปลกประหลาดและน่ากลัวมาก
"หืม?"
เหนือลาวา ผู้อาวุโสหงที่ไม่หยุดหย่อนใช้แก่นแท้พลังบินตรงไปยังเห็ดหลินจืออัคคี ในที่สุดเขาก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขามองเพียงไม่กี่ครั้งก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าหาเห็ดหลินจืออัคคีด้วยความเร็ว ตราบใดที่เขาสามารถเก็บเห็ดหลินจืออัคคีได้ มันก็ไม่สำคัญว่าสถานการณ์จะแปลกเพียงใด เขาไม่ต้องการที่จะยอมแพ้ไปดื้อๆเช่นกัน
"ปุ้ง ปุ้ง!"
หลังจากใช้ฝ่ามือกระแทกไปสองครั้ง ในที่สุดเขาก็มาถึงกำแพงหิน เขาไม่เพียง แต่จะรีบเอื้อมมือออกไปคว้าเห็ดหลินจืออัคคี เขาปล่อยแก่นแท้พลังผ่านดาบเพื่อตัดรากของเห็ดหลินจืออัคคีอย่างรวดเร็ว เห็นหลินจืออัคคีนี้ดูดซับเพลิงโลกาเพื่อเติบโต หากเขาไม่ตัดรากออก มือของผู้อาวุโสหงก็จะถูกเผาไหม้โดยเพลิงโลกาอย่างแน่นอน
เมื่อลาวาที่อยู่ด้านล่างเริ่มแข็งตัว ผู้อาวุโสหงก็ไม่กล้าที่จะชักช้าอีกต่อไป เขาใช้ฝ่ามือของเขาปล่อยพลังไปที่พื้นด้านล่างและร่างของเขาก็บินขึ้นไปทางปากหลุมลาวา
"เจ้าออกไปได้หรือ?"
ในช่วงเวลานั้น เสียงที่เย็นชาก็ดังก้องออกมา เสียงที่ฟังเหมือนมันมาจากปรโลกที่ทำให้ร่างกายและวิญญาณของผู้อาวุโสหงสั่นไหว เขามองลงไปที่ลาวาทันทีและเห็นฉากที่น่าสะพรึง
ลาวาที่เกือบจะแข็งตัวปะทุออกมาอย่างกะทันหันและมีร่างร่างหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากด้านล่าง เมื่อผู้อาวุโสหงเห็นดวงตาเย็นยะเยือกภายใต้หน้ากากสีเงินที่ดูน่ากลัว เขาคิดว่าเขาเหมือนเห็นยมทูตจากปรโลก
"ตายซะ!"
เจียงอี้คำรามพร้อมปล่อยเพลิงโลกาออกมาต่อหน้าเขา จากนั้นเขาก็ใช้ฝ่ามือไม่กี่ฝ่ามือทำให้เพลิงโลกาพุ่งไปข้างหน้าราวกับภูเขาไฟระเบิด เพียงแค่พริบตาเดียวเพลิงโลกาก็ลุกโชนไปทั่วผู้อาวุโสหง
"อ๊ากกก!"
ผู้อาวุโสหงสิ้นใจภายในไม่กี่ฝ่ามือ ปริมาณของเพลิงโลกาที่พุ่งมานั้นท่วมท้นเกินไปและเขาไม่มีทางหลบหลีกมันได้ อุณหภูมิที่สูงอย่างน่ากลัวทำให้เขาหายใจไม่ออกและเป็นลมในที่สุดก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน
ทำไมเด็กคนนี้ถึงไม่กลัวเพลิงโลกา? แถมเขายังสามารถใช้เพลิงโลกาได้หรือ?เขาเป็นสัตว์ประหลาดประเภทไหนกันแน่?
จนกระทั่งเขาตาย จิตใจของผู้อาวุโสหงก็ยังไม่เข้าใจ มีผู้เชี่ยวชาญมากมายที่ฝึกฝนศาสตร์อัคคี บางคนมีสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถทนไฟได้ แต่เขายังไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับผู้ที่สามารถกลืนพลังของเพลิงโลกาได้ ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่เขาคิดว่าเจียงอี้เป็นสัตว์ประหลาด
"เห็นหลินจืออัคคี?"
เจียงอี้มองผู้อาวุโสหงถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านโดยทิ้งเส้นผมไว้เพียงเส้นเดียว เขาร่าเริงในทันทีที่เห็นสมุนไพรสีแดงคล้ายเห็ดร่วงหล่นจากท้องฟ้า สมุนไพรวิญญาณชนิดนี้ไม่กลัวเพลิงโลกาซึ่งนั่นก็หมายความว่ามันคือเห็ดหลินจืออัคคี เจียงอี้คว้ามันไว้ก่อนที่จะเก็บลงไปในไข่มุกวิญญาณเพลิงทันที
"ฮิฮิ! ไปเก็บเพลิงโลกาต่อดีกว่า!"
ร่างกายของเจียงอี้ดิ่งลงไปอย่างรวดเร็วในขณะที่เขาลงไปในลาวาเกิดการแข็งตัวอย่างมั่นคง เนื่องจากลาวานี้แข็งตัวแล้วเขาจึงสามารถใช้มันเป็นแท่นในการกระโดดขึ้นไปและจับเชือกที่ผู้อาวุโสหงใช้ปีนลงมา เขาคิดว่าเขาจะกลืนเพลิงโลกามากขึ้นโดยไม่ต้องกังวลสิ่งใดแล้ว
"ฟู่ววว!"
เจียงอี้ปล่อยพลังให้ตัวเองพุ่งขึ้นมาจากลาวาที่แข็งตัวแล้ว ก่อนที่จะกระโดดลงไปในลาวาที่ยังไหลอยู่เหมือนปลาคาร์พ เขาว่ายไปรอบๆหลุมลาวาที่น่ากลัวเหมือนว่าตัวเองเป็นนางเงือก ขณะที่เขาว่ายไปมา เพลิงโลกาภายในลาวาก็หายไปอย่างสมบูรณ์และลาวาเดือดนั้นก็เริ่มแข็งตัวอย่างช้าๆ
"ข้าเก็บมันพอแล้ว! ได้เวลาไปแล้วล่ะ! ไม่เช่นนั้นเจ้าวิหคเพลิงอมตะนั่นอาจจะกลับมาก็ได้!"
ด้วยไข่มุกวิญญาณเพลิงนั้น เจียงอี้ไม่จำเป็นต้องกลัววิหคเพลิงเลย มันยังคงเป็นสัตว์อสูรระดับสามและเจียงอี้ก็ยังคงไม่ต้องการที่จะเสี่ยงมัน ปริมาณของเพลิงโลกาที่เขารวบรวมได้มีรัศมีประมาณร้อยกว่าเมตร มันใช้พื้นที่ประมาณสองสามส่วนของพื้นที่ภายในไข่มุกวิญญาณเพลิงและคงเพียงพอที่จะใช้ได้ระยะหนึ่ง เจียงอี้ก็พอใจแล้วเช่นกัน
"ไปกันเถอะ!"
เจียงอี้วิ่งและมองไปที่ปากหลุมซึ่งอยู่เหนือกว่าสามร้อยเมตร ทันใดนั้นขาทั้งสองของเขาก็กระทืบลงบนพื้นทำให้เกิดรอยแตกในทันทีที่ลาวาที่กำลังแข็งตัว ขณะที่ร่างของเขาก็บินขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาบินสูงขึ้นมาได้ประมาณสองร้อยกว่าเมตร เจียงอี้รู้สึกเหมือนกำลังขึ้นช้าลง เขาจึงอัดแก่นแท้พลังสีดำร้อยเส้นไปที่ฝ่ามือทันทีและปล่อยฝ่ามือระเบิดแก่นแท้ออกมา
"บูม!"
เมื่อฝ่ามือระเบิดแก่นแท้พลังถูกปล่อยออกมา เสียงสะท้อนอันน่ากลัวก็ดังขึ้นซึ่งทำให้แก้วหูของเจียงอี้สั่นสะท้านจนเขารู้สึกแสบแก้วหู คลื่นกระแทกอันแรงกล้าทำให้เขาทะยานขึ้นไปอีกครั้ง
อวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทก ทำให้กระอักเลือดออกมา แต่ดวงตาของเขายังสดใสเหมือนดวงดารายามค่ำคืน เขาคว้าเชือกของผู้อาวุโสหงได้อย่างง่ายดาย โดยใช้ความแข็งแกร่งของเขาและวิ่งก้าวไปตามผนังหินราวกับวานร
"ฮู่ ฮ่าาา..."
หลังจากขึ้นมาจากปล่องภูเขาไฟได้แล้ว เขาก็หายใจเอาอากาศบริสุทธิ์จากข้างนอกเข้าปอด เขามองไปที่ท้องฟ้าที่มืดสนิทและเห็นว่าวิหคเพลิงอมตะยังคงไล่ตามเหล่าจอมยุทธอย่างดุเดือด เจียงอี้ถอนหายใจยาว เขาอาจจะอยู่ในภูเขาไฟเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขารู้สึกราวกับว่าเขาได้ไปท่องปรโลกมาและรู้สึกเหมือนที่นั่นยาวนานราวกับเขาอยู่ที่นั่นชั่วชีวิต
"เอ๊ะ?"
ท้องฟ้าอาจมืดสนิท แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวมีวิสัยทัศน์ที่หนักแน่น หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่ด้านล่างเห็นว่าเจียงอี้โผล่ออกมาและร้องอุทานทันทีว่า "เด็กที่สวมหน้ากากนั่นออกมาแล้ว ผู้อาวุโสหงอยู่ไหนกัน? ทำไมข้าไม่เห็นผู้อาวุโสหง?"
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวคนอื่นก็ตื่นตระหนกอย่างเงียบๆ นายน้อยผู้สวมเสื้อคลุมหรูหราซ่อนตัวอยู่ด้านหลังก้อนหินตะโกนอย่างดุเดือด "ผู้อาวุโสจ้าวไปฆ่าเด็กนั่นเดี๋ยวนี้! หากเขาครอบครองเห็ดหลินจืออัคคี ทุกอย่างที่เราทำไปจะไร้ประโยชน์"
"ขอรับ!"
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวปล่อยแก่นแท้พลังจู่โจมวิหคเพลิงก่อนที่จะปีนขึ้นไปที่ภูเขาไฟอย่างเงียบๆ เมื่อเขาขึ้นไปถึงครึ่งทางของภูเขาไฟเขาเห็นเจียงอี้ลงมาจากภูเขาไฟอีกด้านอย่างรวดเร็ว เขาวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่ทันที
"ข้าจะไปไหนต่อดี? ข้าสะสมเพลิงโลกาไว้มากแล้ว มันน่าจะเพียงพอสำหรับสงครามราชอาณาจักรใช่ไหมนะ?"
เจียงอี้ไม่ได้สนใจผู้เชี่ยวชาญด้านล่าง ด้วยหมาป่าจันทราสีเงิน ความเร็วของพวกเขาไม่คุ้มค่าที่จะแลมอง ดังนั้นเขาจึงพักอยู่ที่ปากปล่องภูเขาไฟสักครู่แล้วลงมาจากอีกฝั่งทันทีเพื่อเตรียมพร้อมที่จะไปจากที่นี่
ในขณะที่เขากำลังเดินทางด้วยความเร็วสูงเขาพึมพำกับตัวเองอย่างเงียบๆ ในไม่ช้าเขาก็คิดขึ้นมาได้ เนื่องจากเขากำลังจะเข้าสู่อาณาจักรเสินหวู่ผ่านอาณาจักรเซิ่งหลิง เขาน่าจะไปทางหุบเขาชิงวิญญาณดีกว่า มันปลอดภัยกว่ามากเมื่อเทียบกับการเดินทางผ่านอาณาจักรเซิ่งหลิง
"ฟึ่บ!"
ในขณะที่เขาพึมพำกับตัวเอง เสียงบางอย่างทะลุผ่านอากาศมาจากอีกด้านหนึ่งของภูเขาไฟ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวกำลังบินมาหาเขาและคำรามมาจากระยะไกล "เจ้าหนู ยอมรับความตายของเจ้าซะ!"
"ฮะ…"
เจียงอี้มองไปที่บุคคลผู้นั้นและกลอกตาไปมา เขาค่อยๆหยิบเครื่องรางสัตว์วิญญาณขึ้นมาอย่างช้าๆและตะโกนออกมาว่า "หมาป่าจันทราสีเงิน จงปรากฏออกมา!"
"บุฟ!"
หมาป่ายักษ์สีน้ำเงินปรากฏออกมา เจียงอี้กระโดดขึ้นไปบนหลังของมันและหมาป่าปีศาจจันทราสีเงินก็พุ่งออกมาจากภูเขาไฟอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
"อะ..อะไรน่ะ มันคืออะไรกันน่ะ?"
ผู้อาวุโสจ้าวหยุดนิ่งราวกับคนโง่และงงงวย สัตว์วิญญาณของเจียงอี้กำลังเดินทางด้วยความเร็วที่เขาไม่สามารถตามได้ทัน
เขามองดูหมาป่ายักษ์ของเจียงอี้ด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ สัตว์อสูรประเภทหมาป่าที่มีความเร็วเช่นนี้ควรเป็นหมาป่าจันทราสีเงินระดับสามสิ มันไม่ใช่หมาป่าสีม่วงหรอกหรือ? ทำไมหมาป่าตัวนี้ถึงเป็นสีน้ำเงิน หรือมันจะเป็นหมาป่ากลายพันธุ์?